ดู เหมือนสถานการณ์ COVID-19 จะทำให้เรื่องราวของความสูญเสียและความตายเข้ามาใกล้ตัวเรามากขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งชีวิตที่จากไปคือความเจ็บปวด บอบช้ำของหลายชีวิตที่ยังคงอยู่...จะทำใจอย่างไรถ้าต้องสูญเสียคนที่ตนเองรักพญ.พรรณพิมล วิปุลากร ทั้งในฐานะอธิบดีกรมสุขภาพจิตและจิตแพทย์บอกว่า ถ้าจะพูดกันจริงๆแล้ว การรับมือกับการสูญเสียหรือวิธีการดูแลใจเมื่อต้องสูญเสียคนรักนั้นไม่มีวิธีการที่ตายตัว เพราะคนเราต่างก็มีรูปแบบการแสดงออก ระดับความรุนแรง และระยะเวลาที่แสดงถึงความโศกเศร้าที่แตกต่างกัน และในบางครั้งอาจมีความคิด ความรู้สึกอื่นๆที่ซ่อนหรือปนอยู่ในความโศกเศร้านั้นด้วย เช่น ความคิดว่าตนเองเป็นคนผิด ความรู้สึกสับสน เสียใจ กลัว รู้สึกผิด หรือหมดหวัง ฯลฯ “แต่ละปัจจัยนั้นส่งผลต่อวิธีการรับมือกับการสูญเสียหรือวิธีการดูแลใจทั้งสิ้น แต่ทั้งนี้สิ่งที่คนเราต้องทำเหมือนกันคือการทำให้ตนเองสามารถผ่านพ้นจากช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้” อธิบดีกรมสุขภาพจิตบอกพร้อมอธิบายวิธีการเดินออกจากความเจ็บปวดในชีวิต ว่าอาจเริ่มจากการเผชิญหน้าและยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น จากนั้นสำรวจผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตัวเราทั้งด้านบวกและด้านลบ และสุดท้ายหาทางแก้ไข เรียนรู้หรืออยู่ร่วมกับผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบนั้นพญ.พรรณพิมลบอกว่า สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ความสูญเสียเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวมากขึ้นเรื่อยๆ เคยมีผลการศึกษาเรื่อง “ความโศกเศร้าจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก” ระบุว่า ความโศกเศร้าสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือความโศกเศร้าแบบปกติ เป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น ผู้สูญเสียจะแสดงความโศกเศร้าออกมาทั้งทางอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด พฤติกรรม และอาการทางกาย แต่เมื่อผ่านไปสักระยะจะสามารถปรับตัวให้สามารถเผชิญกับการสูญเสีย สามารถยอมรับและปรับตัวให้ดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ความโศกเศร้าแบบผิดปกติ ผู้สูญเสียจะไม่สามารถยอมรับหรือปรับตัวต่อการสูญเสียได้ อารมณ์ความโศกเศร้าจะไม่บรรเทาลง ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ อาจพบพฤติกรรมซึมเศร้า แยกตัว รู้สึกไม่มีคุณค่าในตนเอง รู้สึกผิด ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร มีความคิดทำร้ายตนเอง ซึ่งความโศกเศร้าแบบนี้อาจมีผลมาจากผู้สูญเสียมีประวัติการสูญเสียที่รุนแรงในชีวิต หรือประสบกับการสูญเสียแบบกะทันหัน เป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์กับผู้เสียชีวิตแบบพึ่งพา คิดว่าตนเองเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต ภาวะโศกเศร้าที่เกิดขึ้นหากเกิดนานกว่า 6-12 เดือน ร่วมกับการมีอารมณ์โศกเศร้าที่รุนแรงถือว่าเป็นความโศกเศร้าแบบผิดปกติอธิบดีกรมสุขภาพจิต แนะนำวิธีดูแลใจเมื่อต้องสูญเสียคนรักว่า ต้องเริ่มจากตั้งสติและทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งการทำใจยอมรับแบบ 100% นั้น อาจจะยังไม่สามารถทำได้ในทันที ไม่ต้องกังวล ค่อยๆให้เวลาตนเองยอมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากการสูญเสีย ยอมให้ตนเองแสดงอารมณ์ออกมาได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์เศร้า โกรธ เสียใจ ร้องไห้ ฯลฯ ให้เวลากับการแสดงออกนี้อย่างเต็มที่ ไม่จำกัดหรือกดดันตนเองระบายความคิด ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับคนที่ไว้ใจ การพูดคุย ระบายออกจะช่วยทำให้สิ่งที่ติดค้างในใจเบาลง นอกจากได้ระบายแล้วเรายังจะได้กำลังใจหรือมุมมองแนวคิดดีๆมาช่วยเสริมให้เราคลายโศกเศร้า สังเกตผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตนเอง หากมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจนรบกวนการใช้ชีวิต รบกวนการทำงาน เช่น นอนไม่หลับ ฝันร้าย กระวนกระวาย ร้องไห้ไม่หยุด อาจลางานสักพักหรือหยุดสิ่งที่ทำอยู่เพื่อให้ตนเองได้มีเวลารักษาความรู้สึกนี้ และปรับตัวกับอะไรใหม่ๆหลังการสูญเสีย เพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติได้หยุดโทษตนเองหรือคิดว่าตนเองต้องรับผิดชอบต่อการสูญเสียนั้น ให้ลองค่อยๆคิดถึงสาเหตุที่แท้จริง คิดในหลายๆมุม เพื่อให้เห็นความจริงในหลากหลายมิติดูแลตนเองทั้งร่างกายและจิตใจ หลายครั้งพบว่าเมื่อคนเราพบกับความโศกเศร้ามักจะลืมสนใจ ใส่ใจดูแลตนเอง ทำให้ร่างกายเกิดความตึงเครียด ไม่สบาย ส่งผลกระทบต่อจิตใจที่กำลังตึงเครียดอยู่แล้ว ให้เพิ่มความตึงเครียดเข้าไปอีก การดูแลทางร่างกายนั้น เช่น การนอนให้เต็มอิ่ม การทานอาหารที่มีประโยชน์ พยายามหากิจกรรมอะไรต่างๆทำ เพื่อให้ตนเองไม่อยู่นิ่งและจมกับความโศกเศร้า การทำกิจกรรมนั้นมีส่วนช่วยทำให้อารมณ์เราดีขึ้น จดจำและระลึกถึงคนที่จากไปผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น พิธีกรรมทางศาสนา การทำบุญ การสวดมนต์ สวดภาวนา การทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ดีๆที่ได้ทำร่วมกันมา การทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น การบริจาคสิ่งของ การปลูกต้นไม้หรืออื่นๆเพื่อเป็นการแสดงการระลึกถึงผู้เสียชีวิต ฯลฯให้กำลังใจผู้อื่นที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันจะช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้น การแบ่งปันเรื่องราวของกันและกันก็ช่วยทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นได้ แต่ถ้าได้พยายามทุกวิธีการแล้ว อาการโศกเศร้าไม่หายไป มีความยากลำบากในการใช้ชีวิตประจำวัน อาจต้องพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการรักษา หรือโทร.ปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิตที่เบอร์ 1323 หรือ Line @1323FORTHAI ตลอด 24 ชั่วโมง“ขอให้คิดว่าความทุกข์ ความเจ็บปวดในชีวิตเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจออย่างน้อยก็มากกว่า 1-2 ครั้ง แต่เชื่อเถอะว่า หากเรามีกำลังใจที่ดี อึด ฮึด สู้เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงเวลาดังกล่าว เราจะผ่านทุกเรื่องเลวร้ายนั้นไปได้ และเราจะเข้มแข็งขึ้น” พญ.พรรณพิมลทิ้งท้าย.