ผมยังไม่รู้จักนกหัสดีลิงค์ ที่เทินบุษบกขาวในงานพระราชทานเพลิงสรีระ หลวงพ่อคูณ ซักเท่าไร แต่ก็ประทับใจ เมื่อได้ฟังผู้รู้บอกทางทีวีว่า ในทางธรรมะ เปรียบนกหัสดีลิงค์ เหมือนกิเลสเมื่อตามองเห็น เมื่อหูได้ยินเสียง เมื่อจมูกได้ดมกลิ่น เมื่อลิ้นกระทบรส เมื่อกายได้สัมผัสใจ...ก็ตอบรับ ด้วยรัก-ชัง จึงเป็นที่มาของราคะ โลภะ โทสะ โมหะผู้รู้เล่นคำผวนให้จำง่ายๆ เมื่อ “ตาหัน ก็เกิด ตัณหา”ผู้ที่ยิงธนูฆ่านกหัสดีลิงค์ ชื่อนางสีดา...ผมฟังแล้วก็สงสัย จะเป็นนางสีดาในรามเกียรติ์หรือไม่แต่ความจริงเป็นนางสีดา ธิดาเจ้านครตักกะสิลาเชียงรุ้งแสนหวีฟ้า เรื่องในตำนาน หลายพันปีที่แล้วเมื่อเจ้านครตักกะสิลาสวรรคต ตามประเพณีต้องแห่พระศพไปถวายพระเพลิงที่ทุ่งหลวง ไกลพระนคร ระหว่างทาง เจ้านกยักษ์จากหิมพานต์ สักกะไดลิงค์ หรือหัสดีลิงค์ ก็บินมาโฉบเอาพระศพไปนกหัสดีลิงค์ หัวเป็นช้าง หางเป็นหงส์ มีพละกำลังดั่งช้างสารห้าเชือกรวมกัน เมื่อมหาเทวีตักกะสิลานครเกณฑ์คนไปสู้ ก็ถูกนกฆ่าตายไม่เหลือแต่เมื่อนาง “สีดา” พระราชธิดา อาสายิงด้วยศรอาบยาพิษปักกลางอก นกหัสดีลิงค์ก็ตายพระมหาเทวีสั่งให้ทำหอแก้ว หรือพระเมรุบนหลังนกหัสดีลิงค์ ประกอบพิธีถวายพระเพลิงเจ้านคร ประเพณีนี้สืบทอดต่อๆกันมา จนเป็นหนึ่งในอารยะประเพณีวิถีอีสานเมื่อผู้ใหญ่หรือพระสงฆ์ที่นับถือตาย การทำเมรุเป็นนกหัสดีลิงค์ ด้วยความเชื่อว่านกหิมพานต์นี้ สามารถนำดวงวิญญาณผู้ตายไปสู่สวรรค์ที่เคยรู้จักเจ้านกวายุภักษ์ จากรามเกียรติ์ มาบ้าง ก็ได้รู้จักเจ้านกยักษ์ คือเจ้านกหัสดีลิงค์เพิ่มและความรู้ใหม่ นางสีดานั้น ไม่ใช่แฟนพระราม ในรามเกียรติ์ ยังมีนางสีดา ราชธิดาเจ้านครตักกะสิลาอีกคนนางสีดาคนนี้ ไม่ใช่สาวเจ้าแง่แสนงอน ถูกทศกัณฐ์ไปอุ้มเอาตัวมา เมื่อหนุมานอาสาอุ้มกลับ ก็ไม่ยอมกลับ ด้วยเหตุผล “ยักษ์ลักมา ลิงพาไป” เสียศักดิ์ศรีผู้หญิงสงครามรามเกียรติ์ที่ควรจะยุติได้ทันทีก็มีต่อไป กลายเป็นสงครามล้างเผ่าพันธุ์ยักษ์ผมจงใจเล่าเรื่องสีดา 1 สีดา 2 เพื่อหาช่องทางขอโทษท่านผู้อ่าน ที่พลาดไปเขียนเรื่องนางมณโฑโสภา โมเมจากความจำเลื่อนเปื้อนไปว่า สุครีพ เป็นลูกพาลี ที่เกิดจากนางมณโฑพ.จ.อ.สนั่น จันทร์สงวน คนห้วยขวาง อุตส่าห์เขียนจดหมายทัก และเล่าว่า เมื่อพาลีแย่งนางมณโฑไปเป็นเมียทศกัณฐ์ความรู้สึกช้า กว่าจะไปฟ้องพระฤาษีให้ตัดสิน นางมณโฑก็ท้องโตแล้ว ฤาษีตัดสินว่าพาลีผิด ต้องคืนนางมณโฑ พาลีขอลูกในท้อง ผ่าท้องเอาไปฝากท้องแพะเมื่อลูกคลอดออกมา หน้าตาคล้ายแพะ จึงได้ชื่อว่าองคตครูบาอาจารย์ หรือท่านผู้ใด ที่เคยตัดคอลัมน์ผมไปอ้างอิง ขอโปรดได้แก้ไข ว่าลูกพาลีที่เกิดกับนางมณโฑนั้น ไม่ใช่ชื่อสุครีพ แต่ชื่อองคตขอสารภาพนะครับ เรื่องที่เขียนๆไป ถ้าได้อ่านได้คัดได้ลอกกับมือ ผิดถูกยังไง ก็ยกให้เจ้าของหนังสือเขา แต่เรื่องไหนเผลอว่าจำได้...ไม่เปิดหนังสือทบทวน ก็มักพลาด และพลาดเรื่อยๆโชคดีที่มีผู้อ่านท่านเมตตา ออกแรงเขียนเป็นหนังสือมาทักท้วง แม้จะอายใจ เสียใจ แต่อีกใจก็ยังอุ่น เพราะรู้ว่า อย่างน้อยก็ยังมีคนอ่านอารมณ์คนที่ฝากชีวิตไว้กับสื่อกระดาษ รู้ตัวว่านับวันคนอ่านยิ่งน้อยลง ก็ขึ้นๆลงๆอย่างนี้แหละครับ.กิเลน ประลองเชิง