กว่าสิบปีมาแล้ว เมื่อโลกออนไลน์ ซึ่งรวดเร็วกว่า เริ่มแผ่กระจายขยายตัว...ระบบออนไลน์ ได้รับการเปรียบเปรย “เป็นรถยนต์” จึงเกิดคำทำนาย เมื่อรถยนต์มา รถม้าก็จะหมดไปจากถนนรถม้า...คือกระดาษ ที่เคยทำหน้าที่สื่อ...มานานนับพันปี...จะไม่มีบนถนน...จริงๆหรือ?อาจินต์ ปัญจพรรค์ อายุเกินหลัก 90 ปี วันนี้นอนพักเหนื่อย...อยู่ที่วัดตรีทศเทพฯผมกำลังคิด นักเขียนผู้เป็นตำนาน บรรณาธิการนิตยสารทรงปัญญาหลายเล่ม...หากสัมปชัญญะ และสมองยังว่องไว...เจอสถานการณ์นี้ จะเขียนอะไรลองอ่าน “กระดาษปรัชยา” ในหนังสือปรัชยาไส้ ฉบับสมบูรณ์ ข้อเขียน อาจินต์ ปัญจพรรค์ (สำนักพิมพ์มติชน พ.ศ.2557) กันดูข้าพเจ้าเขียนหนังสือลงบนแผ่นกระดาษ เขียนปรัชญาที่นักปราชญ์เขี่ยทิ้ง ไม่อ่านแม้แต่อักษรตัวแรก เพราะข้าพเจ้าผู้เขียนนี้ประหนึ่งเด็กเตี้ย ที่เพียรเขย่งจะเอื้อมมือ หยิบคัมภีร์บนหิ้งสูงเกือบติดเพดาน มาอ่าน...และไม่เคยหยิบถึงเมื่อเขย่งหยิบ แต่หยิบไม่ได้ ไม่ได้อ่านอย่างเดียวยังไม่พอ ยังมีโรคหิวแทรกเข้ามาเสียอีกจึงต้องเปลี่ยน ญ.หญิง มาเป็น ย.ยักษ์ แล้วเอาปรัชยามาสนธิอย่างป่าเถื่อนกับความหมายและคำว่า ยาไส้มันก็กลายเป็นปรัชยาไส้ฉะนั้น ปวงปราชญ์จงอย่าอ่าน แต่ขอวิงวอนปวงนักยาไส้ช่วยกันอ่านต่อไป ตามภาษาคนระดับเดียวกันข้าพเจ้าจึงได้เขียนความคิดอันขาดวิ่นของข้าพเจ้าลงบนกระดาษผู้ใช้กระดาษอย่างตระหนี่ที่สุดคือ นักเรียนประชาบาลผู้ยากจน ผู้ใช้กระดาษอย่างมีค่าที่สุดคือจิตรกรผู้ฉีกกระดาษอย่างสุรุ่ยสุร่ายคือ ข้าพเจ้าผู้ลังเล เขียนแล้ว ต้องแก้ใหม่ แล้วต้องฉีกทิ้งมีผู้ตระเวนซื้อกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าๆ หาบไปขายส่งคนทำถุงมีนักประดิษฐ์ผู้ใช้กระดาษกับแป้งเปียก แลกค่าแรง และวัณโรค หรือความเป็นคนหลังโก่ง คือช่างพับถุงน่าสงสารที่ถุงพลาสติกเข้ามาเป็นมารของช่างพับถุงเสียแล้วผู้ตระเวนหาบกระดาษมาขายส่งช่างพับถุงเล่า น่าสงสารเขาหรือไม่?เพราะเขาจะหากินกับกระดาษไม่ได้อีกแล้วเปล่า เขาไม่ต้องการความสงสารเลย เพราะเขาได้ใช้แผ่นกระดาษเหล่าโน้น ปูลาดไปสู่การเป็นเจ้าสัวโรงทำถุงพลาสติก ไปเสียก่อนแล้วแต่กระดาษก็ยังมีคุณอีกหลายแขนง ต่อคนอีกหลายแขนง เช่นสำหรับเป็นสมุดเรียน เป็นตำราเรียน สำหรับศิษย์และครู เป็นกระดาษเขียนหนังสืออ่าน-สำหรับนักเขียนและนักอ่านแม้มีดเหล็กจะตัดกระดาษแผ่นหนาได้สวยๆ แต่มีดเหล็กที่ถูกนำมาขาย ก็ต้องนอนนิ่งมาในกล่องกระดาษข้อเขียนเรื่อง กระดาษปรัชยา พิมพ์ครั้งแรก ในนิตยสารฟ้าเมืองไทย ปีที่ 1 ฉบับที่ 30/16 ตุลาคม 2512 ครับ เกือบ 50 แล้วอาจินต์ ปัญจพรรค์ กล้ายืนยันคุณค่าหลายมิติของกระดาษ ผมจับใจประโยคสุดท้าย อำนาจยิ่งใหญ่ของกระดาษเหนือมีดเหล็กผมจงใจ ใช้ข้อเขียนนี้ แสดงคารวาลัยและระลึกถึงพี่อาจินต์ และตั้งใจเลือกประโยคท้าย มีดเหล็กต้องมานอนนิ่งในกล่องกระดาษ มาใช้ประโยชน์ประโยชน์แรก ที่ใดที่ต้องการอำนาจ กระดาษยังเป็นอาวุธแหลมคม ประโยชน์ข้อต่อมา ช่วยปลอบประโลมใจ ผู้คนไม่น้อยที่กำลังจะตกงาน ในวันที่กระดาษจะไม่มีวัน...เวลานั้น หากจะมี ไม่ใช่วันนี้พรุ่งนี้ ก็คงจะอีกยาวนาน.กิเลน ประลองเชิง