วันเสาร์สบายๆวันนี้ไปคุยเรื่อง “รถยนต์ไฟฟ้า” กันอีกสักวันดีไหมครับ ไปดูว่าไปกันถึงไหนแล้ว หลังจากที่ นายอีลอน มัสก์ เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อ Tesla ลุกขึ้นมาปลุกรถยนต์ไฟฟ้าจนกลายเป็น “ฝันหวาน” ของชาวโลกว่าจะเป็น “รถยนต์แห่งอนาคต” แต่วันนี้กลายเป็น “ฝันค้าง” ไปเสียแล้ว เพราะยอดขายฝืดมาก ประชาชนทั่วโลกไม่นิยม แม้รัฐบาลทุกประเทศจะช่วยกันอุ้ม ลดแลกแจกแถมภาษีสารพัด แต่ก็ขายไม่ออก เช่น ญี่ปุ่น ปี 2016 ขายได้เพียง 20,000 คัน จากยอดขายรถทั้งประเทศกว่า 5 ล้านคันหลายประเทศใน ยุโรป ที่ประกาศล่วงหน้าว่า จะเลิกผลิตรถยนต์เชื้อเพลิงฟอสซิลในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแทน ยังไม่รู้จะทำได้จริงหรือไม่ปี 2017 รถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกขายได้เพียง 1.2 ล้านคัน เป็นยอดขายในจีนเสียครึ่งหนึ่ง 605,500 คัน เพราะรัฐบาล ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง สั่งให้บริษัทรถยนต์ทุกแห่งที่รัฐบาลถือหุ้น ต้องเร่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกขาย รัฐบาลจีนตั้งเป้าจะขายรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 2,680,000 คัน ในปี 2030 อีก 12 ปีข้างหน้า และตั้งเป้าจะผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าให้ได้ 50 กิกะวัตต์ ภายในปี 2020 เพื่อผลักดันรถยนต์ไฟฟ้าแทนที่รถยนต์น้ำมัน ลดมลภาวะอากาศเป็นพิษที่เลวร้ายในประเทศจีนแม้แต่รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอเมริกันยี่ห้อ เทสลา ที่มีคนชอบมากที่สุด ดังที่สุด ปี 2017 ที่ผ่านมา ก็ขายได้เพียง 101,312 คัน เท่านั้น ไม่ได้มากมายอย่างที่คิดทีนี้มาดูรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทยบ้าง รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ฝันหวานจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทย ประกาศให้การส่งเสริมการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าชุดใหญ่ ทั้ง ชิ้นส่วน อุปกรณ์ และ โรงงานผลิตแบตเตอรี่ โดย ยกเว้นภาษีแบบสุดลิ่มทิ่มประตู ตั้งแต่ต้นปี 2560 บัดนี้เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งปีแล้ว ข่าวจากบีโอไอ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนบอกว่า ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดมาขอรับการส่งเสริมการลงทุนเลย แสดงว่าไม่มีบริษัทรถยนต์ยี่ห้อไหนในโลกสนใจจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทยคุณศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เหลือเวลาอีก 7 เดือนก็จะหมดอายุโครงการแล้ว แต่มีผู้ประกอบการไปขอรับการส่งเสริมการลงทุนใน แพ็กเกจยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV) จำนวน 8 ราย ทั้ง 8 ราย ล้วนเป็น โครงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม หรือ Hybrid Electric Vehicle (HEV) และ โครงการผลิตรถยนต์แบบผสมเสียบปลั๊ก หรือ Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) มากกว่า ไม่มีโครงการรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เลย3 บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ที่ขายดีที่สุดในเมืองไทย โตโยต้า ฮอนด้า อีซูซุ ก็ไม่มีใครสนใจหรือมีแผนจะลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าในเร็วๆนี้ แต่เน้นการทำตลาด รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดคุณศิริรุจ ได้คาดการณ์ว่า บริษัทรถยนต์ทั้ง 8 ราย ถ้าจะไปยื่นขอลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่เพียวๆ (EV) ในอนาคต คงต้องใช้เวลาอีก 7 ปี เพราะการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด HEV ต้องใช้เวลา 5 ปีจึงจะคุ้มทุน ถ้าจะลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มในอนาคตต้องใช้เวลาในการเตรียมโครงการอีก 2 ปี สรุปก็คือ ถ้าบริษัทผลิตรถยนต์ในเมืองไทยจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างที่รัฐบาลต้องการส่งเสริมต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 9 ปี นับจากปีนี้ 2561 เป็นต้นไป คือปี 2570 โน่นแปลไทยเป็นไทยก็คือ รถยนต์ไฟฟ้าจะไม่มีโอกาสเกิดในเมืองไทยอย่างน้อยอีก 10 ปี ถ้าจะมีก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ในต่างประเทศก็ขายไม่ออก ไม่ว่า ญี่ปุ่น จีน สหรัฐฯ ยุโรป ใครที่คิดลงทุนติดตั้ง สถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า มีหวังขาดทุนแน่นอนเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ผมคิดว่า รัฐบาลควรเปลี่ยนนโยบายที่ผิดพลาดให้เป็นโอกาสใหม่ของประเทศ โดยหันมา ส่งเสริมการลงทุนผลิตแบตเตอรี่เก็บไฟฟ้าในอาคารบ้านเรือนแทน เพราะกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากกว่า เรื่องรถยนต์ไฟฟ้าอีก 7 ปีค่อยมาคิดกันใหม่.“ลม เปลี่ยนทิศ”