“เมื่อไม่ใจก็ทางใครทางมัน”

นี่คือโพสต์ของ “ไผ่ ลิกค์” หรือคนในวงการบันเทิงรู้จักในนาม “ไผ่ วันพอยท์” ส.ส.กำแพงเพชร แกนนำพรรคเศรษฐกิจ โดยเขียนผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมแนบรายชื่อผู้ที่โหวตสวน ขัดมติพรรค พร้อมเผยว่าจะตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง

ผลพวงจากลงมติอภิปรายไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ อีก 10 รัฐมนตรี ยังคงมีปัญหาตามมา เมื่อมีการเปิดเผยรายชื่อผู้ที่โหวตสวนมติพรรค โดยเฉพาะ ไม้เบื่อไม้เมาอย่าง พรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า คนเคยค้าม้าเคยขี่ เคยอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน แต่เมื่อมาเป็น “บิ๊กบอส” เศรษฐกิจไทยแล้ว ก็หวังว่าลูกพรรคจะโหวตคว่ำนายกฯ แต่กลับมี 4 ส.ส. ใจออกห่าง โหวตหนุนซะอย่างนั้น

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้พูดคุยกับ “ไผ่” พร้อมเผยความคืบหน้าล่าสุดว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นสอบหาข้อเท็จจริงอยู่ ซึ่งใน 1-2 วันนี้ก็น่าจะได้คุยกัน และเชื่อว่าอีกไม่กี่วันก็รู้ผล เต็มที่ก็ประมาณวันจันทร์หน้า

ที่ผ่านมา เราได้หารือกันในพรรค รวมถึง ร.อ.ธรรมนัส ด้วย โดยให้ความเห็นว่าเรา ก็ควรตั้งกรรมการสอบ เพราะเราเป็นพรรคการเมือง จะเชิญออก หรือไล่ออกเหมือนพนักงานบริษัทก็ไม่ได้ จะคาดโทษอย่างไรต้องดูที่ข้อบังคับทางการเมืองด้วย เพราะหากทำอะไรลงไปแล้วไม่เข้าข้อบังคับก็จะมีปัญหาตามมา โดยสิ่งที่ต้องพิจารณาคือ พฤติกรรมของแต่ละคนเป็นอย่างไร จะได้มีการลงโทษได้ถูกต้อง

...

“แต่เมื่อใจไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว เราก็ไม่อยากที่จะเล่นเกมการเมือง เช่น การดองเอาไว้ ไม่ให้ลาออก เราต้องแสดงให้ชาวบ้านได้เห็นว่าเรา “เอาจริง” เพราะที่ผ่านมา มีคำครหาว่าเราไม่เอาจริง แต่อยากจะบอกว่า “เราจริงยิ่งกว่าจริง” เสียอีก”

เมื่อถามว่า ก่อนลงมติไม่ไว้วางใจ มีการพูดคุย หรือกำชับหรือไม่ว่า อย่าแหกมติ.... ส.ส.กำแพงเพชร เผยว่า เราทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะบริบทของ ส.ส. มีเอกสิทธิ์ ซึ่งพรรคไม่สามารถกำหนดได้

แต่เราได้แจ้งกับ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทยทุกคนแล้วว่า ถ้าใครมีอย่างอื่น หรือมีความจำเป็น หรือความคิดเห็นที่แตกต่างขอให้แจ้งกับทางพรรคก่อน เหตุผลเพราะอะไร ทำไมต้องโหวตแบบนั้น แบบนี้

แต่เขาก็บอกว่า เขาจะโหวตแบบนี้ แต่พอถึงเวลากลับโหวตอีกแบบ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ จริงๆ แล้ว เราก็ถามนะว่า มีภาพไปร่วมทำกิจกรรมกับพรรคอื่น นี่หมายความว่าอย่างไร ซึ่งเมื่อคุยกัน เขาก็บอกว่า “ไม่มีอะไรหรอก ไปเฉยๆ ผ่านไปพอดี”

พอผลอภิปรายออกมา ก็กลายเป็นว่าเรื่องทั้งหมดมัน “สอดรับ” กัน

แบบนี้ทำให้มีการพูดคุยไม่สนิทใจมากขึ้นไหม ไผ่ ตอบทันทีว่า ไม่ใช่แบบนั้นหรอก การเมืองก็เป็นแบบนี้ แต่ให้พูดภาษาบ้านๆ ก็หมายความว่า แรกๆ ก็มีแต่ข่าว ตอนนี้มีบริบทค่อนข้างชัดเจน แต่เราก็ยังสนิทสนมกับพี่ๆ อยู่ เพราะไม่ได้มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่เขาอาจจะไม่ได้อยากอยู่ตรงนี้ เราก็ไม่อยากดองเอาไว้ เพราะไม่มีประโยชน์อะไร ในเมื่อเราสนิทกัน ถ้าเขาอยากจะย้ายพรรค ก็ปล่อยเขาย้ายดีกว่า เพราะงานกับเรื่องส่วนตัว คนละบริบทกัน ต้องแยกออกจากกัน เรื่องแค่นี้เป็นเรื่องเล็กมาก จะบอกว่า ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ...มันก็ไม่ใช่

ทุกอย่างมันคืออุดมการณ์ทางการเมือง และในมุมของความเป็นพี่น้อง เขาก็แย้มออกมาบ้างแล้วถึง “ความจำเป็น” ว่าโดนอะไร ได้รับอะไร ทำไมถึง...ซึ่งก็มีความจำเป็นของแต่ละบุคคล ซึ่งเราเองก็พอรู้อยู่แล้ว

ไผ่ ลิกค์
ไผ่ ลิกค์

บทลงโทษสูงสุด ขับออกจากพรรค

ไผ่ ลิกค์ กล่าวถึงบทลงโทษว่า โทษหนักที่สุดก็คือการขับออก ซึ่งปกติแล้ว เวลามีงูเห่า เกิดขึ้นในพรรคฝ่ายค้าน จะไม่มีมติ “ขับออก” เพราะเสียงจากฝ่ายค้านจะไปบวกให้กับรัฐบาล แต่เราไม่ได้คิดแบบนั้น คือ อยู่ไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่

...

ตอนนี้เป็นปลายรัฐบาลด้วยหรือเปล่า นายไผ่ กล่าวว่า ไม่ใช่หรอก ใจจริงเราอยากอยู่ในภาพที่ชัดเจน เราจะได้เตรียมคน รวมถึงหาผู้สมัครลงในเขตนั้นๆ ซึ่งเราต้องส่งตัวลงสมัคร ส.ส.อยู่แล้ว โดยมีหลายเรื่องที่ต้องคิด เราจึงต้องทำงานให้เต็มที่

“เราเชื่อว่า ความชัดเจนของเรา จะให้พี่น้องประชาชนรับรู้ไปเลย เพราะพอถึงเวลาเลือกตั้ง ประชาชนเขาจะสั่งสอนกันเอง”

เลือกตั้งสมัยหน้า “เศรษฐกิจไทย” หวังได้ 30-50 ส.ส.

เมื่อถามว่า มีความพร้อมในการเลือกตั้งสมัยหน้าหรือยัง เตรียมความพร้อมอะไรไว้บ้าง แกนนำพรรคเศรษฐกิจไทย กล่าวอย่างมั่นใจว่า พร้อมตลอด หลังเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ก็พร้อมเลือกตั้งสมัยหน้าแล้ว เราเป็นผู้แทน ต้องมีความพร้อมตลอด “เลือกพรุ่งนี้เลยก็ได้” ไผ่ กล่าวพลางหัวเราะ

ส่วนที่ถามว่า มีการมองคน ที่อาจจะมาแทน เหล่า ส.ส.ที่อาจจะย้ายพรรคไปนั้น ตอนนี้ก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น “ความพร้อม” ของเรา คือ เราพร้อมที่จะเลือกตั้ง ส่วนคนใหม่ ที่จะมาแทนคนเก่า ก็ต้องมีความชัดเจนก่อนว่าอยู่หรือไป ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่หัวหน้า (ร.อ.ธรรมนัส) เคยพูดไว้แล้ว และเราจะต้องทำตาม

...

จะส่งชิง ส.ส. ทั่วประเทศเลยไหม แกนนำเศรษฐกิจไทย กล่าวว่า คงจะส่งเกือบทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ โดยไม่ได้เน้นภาคไหนเป็นพิเศษ ซึ่งการส่งผู้สมัครมากหรือน้อย ขึ้นอยู่ที่รัฐธรรมนูญ ด้วยสูตรคำนวณ หาร 100 หรือ 500 หากรัฐธรรมนูญ ไม่เอื้อต่อการส่งครบทุกเขต

เพราะหากได้ติดตามข่าว มันสามารถออกได้ 3 ทาง คือ กลับมาใช้ 100 หรือ 500 หรือกลับมาใช้บัตรใบเดียว หากออกมาเป็นแบบไหน เราก็ต้องปรับตัว ส่ง ส.ส.ลงสมัครแบบนั้น

“พรรคเองสนับสนุนให้หาร 100 มาตลอด แต่ถามว่าอยากได้แบบไหน คงต้องบอกว่า หาร 500 แต่ที่เราโหวตแบบนั้น คือ เราทำตามหลักการที่เราพูด และคิดว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ความเป็นจริง การหาร 500 เราได้ประโยชน์มากกว่า เพราะเวลาคำนวณ ส.ส.พึงมี การหาร 500 พรรคเล็กจะได้ประโยชน์ แต่...เราไม่สามารถเอาผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลักได้ เราต้องดูภาพรวมว่าต้องไม่ขัดต่อกฎหมายและรัฐธรรมนูญ" 

มีการประเมินไว้หรือไม่ว่า เศรษฐกิจไทย หวัง ส.ส. กี่เสียง นายไผ่ บอกความในใจว่า หวังไว้ 30-50 เสียง เราอาจจะไม่ใช่พรรคใหญ่

เมื่อถามว่า ได้เสียงขนาดนี้สามารถร่วมรัฐบาลได้ แบบนี้สามารถร่วมงานกับพลังประชารัฐได้อยู่หรือไม่ แกนนำพรรคเศรษฐกิจไทย ตอบว่า เราไม่ได้มีอะไรกับพลังประชารัฐ และเรายังเคารพ พล.อ.ประวิตร อยู่เหมือนเดิม แต่ถ้าถามว่าใครเหมาะกับการเป็นนายกฯ คงยังไกลไปนิด

“เพราะการสนับสนุนใครเป็นนายกฯ ต้องดูผลการเลือกตั้งก่อน จากนั้นค่อยมาดูว่า ใครเหมาะสม แต่ที่แน่ๆ คือ เราอยู่พรรคนี้ เราก็ต้องสนับสนุนคนของพรรคเศรษฐกิจไทย ส่วนสเปกนายกฯ ก็ต้องเป็นคนดี สามารถพลิกวิกฤติให้ประเทศได้ และที่สำคัญคือ ต้องเป็นคนที่สังคมยอมรับ สามารถลดความความขัดแย้งได้” แกนนำพรรคเศรษฐกิจไทย กล่าว

...

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน 

อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ 

วิเคราะห์ผลคะแนน อภิปรายไม่ไว้วางใจ “ลุงตู่” เชิด จับตากลุ่มงดออกเสียง

จับตาซักฟอกรัฐบาล ขยี้จุดเปราะ 8 ปี “ลุงตู่” ฝ่ายค้านอิสระยังป้อแป้

เช็กแถวการเชื่อมต่อพรรคเล็ก สู้ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ตึก อาคารเรียน บน "รอยเลื่อน" ภาคเหนือมากมาย ไม่พร้อมรับแผ่นดินไหว