เวลานี้เรียกว่า อุณหภูมิทางการเมืองกำลังเข้มข้นร้อนแรง หลัง เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 4 ครั้งที่ 13 ใน ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยเริ่มต้นวันนี้ 19 ก.ค. เป็นวันแรก จนถึงวันศุกร์ที่ 22 ก.ค. 65 และจะมีการลงมติในวันเสาร์ที่ 23 ก.ค. 65 โดยมีนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรี ถูกซักฟอกรวม 11 คนประกอบด้วย
1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
2. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์
3. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข
4. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
5. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย
6. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม
7. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
8. นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
9. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
10. นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
11. นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน

...
รศ.สุขุม นวลสกุล นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และนักวิเคราะห์การเมืองไทย ได้มาวิเคราะห์ ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ว่า สิ่งที่ต้องจับตาในครั้งนี้คือ “ฝ่ายค้านอิสระ” จะลงคะแนนเสียงอย่างไร แต่ก็เชื่อว่าที่สุดแล้ว ฝ่ายรัฐบาลก็น่าจะได้รับคะแนนเสียงชนะโหวตไป แต่... สิ่งที่ต้องดูคือ พรรคเศรษฐกิจไทย จะอยู่หรือไป แต่เท่าที่ดูแล้ว สมาชิกยัง “ป้อแป้” หมายความว่าหันไปทิศทางไหน ก็ยังไม่ได้พวก เพราะฝ่ายค้านตรงนี้ ถือว่า เพิ่งมา
ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ก็น่าจะผ่านการโหวต แต่ก็เชื่อว่ามีสะเทือน เพราะการบริหารประเทศที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่ของประเทศยังรู้สึกไม่ประทับใจ ยิ่งถ้ามีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ การทุจริตคอร์รัปชัน มีการอภิปรายแล้ว คนรู้สึกเห็นด้วยกับฝ่ายค้าน โดยเฉพาะรัฐมนตรีทุกคน
“เชื่อว่าสิ่งที่ฝ่ายค้านจะมุ่งโจมตีมากที่สุด และเป็นจุดอ่อนของ พล.อ.ประยุทธ์ คือ การเป็นนายกฯ มา 8 ปี แล้วไม่มีอะไรเป็นไปตามเป้าหมาย หรือ อย่างที่หวัง ตรงนี้คือ “ความเบื่อ” สำคัญ แต่สุดท้ายก็น่าจะเอาตัวรอด (ในสภา) ได้”

สำหรับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย อาจารย์สุขุม มองว่า ยังต้องลุ้นในการเลือกตั้งสมัยหน้า ซึ่งไม่แน่ว่าจะได้รับการเลือกตั้งจนเป็น “พรรคขนาดกลาง” ไหวหรือไม่ เพราะจำนวน 10 กว่าเสียง ที่มีไม่รู้จะเอาอยู่ไหม
ซึ่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ สิ่งที่ฝ่ายค้านหวังมากที่สุด คือ “ผลเลือกตั้ง” ที่จะเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ฝ่ายค้านต้องพยายามพูดเพื่อสร้างผลงานเพื่อไม่ให้ประชาชนเลือกคนจากฝั่งรัฐบาล โดยพยายามจี้ที่ผลงานที่ผ่านมา
ส่วนตัวมอง การที่ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ได้ หรือ ไปต่อได้ เพราะ เป็นช่วงที่การเมืองไม่ปกติ ไม่ใช่ฝีมือทางการเมือง ส่วนจะมีโอกาสครั้งหน้าหรือไม่ ก็เชื่อว่ามีความพยายาม แต่โดยกติกา ยังเป็นต่อฝ่ายที่ลงเลือกตั้งอยู่ ส่วนสูตร หาร 500 ก็คงต้องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนจะลงเอยอย่างไร ก็ต้องรอดู

...
เมื่อถามว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ ได้มีกลุ่มนักวิชาการ ได้จัดโครงการ เสียงประชาชน ลงมติไว้วางใจ-ไม่ไว้วางใจรัฐบาล คู่ขนานสภาผู้แทนราษฎร ด้วย อาจารย์สุขุม เชื่อว่าเสียงโหวต อาจจะไม่ไว้วางใจ เพราะการจัดโครงการนี้ขึ้นมา เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงศรัทธาของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่าประชาชนแทบไม่มีศรัทธากับรัฐบาลแล้วก็เป็นได้...
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ