ตอนที่ 1
อัลบั้ม: เรื่องราวของ 3 สาวพี่น้อง ต่างพ่อแม่ แต่อยู่ในครอบครัวเดียวกันใน "สามใบไม่เถา"
ณ ห้องจัดงานในโรงแรมหรู คืนนี้มีงานเปิดโครงการคฤหาสน์พันล้านของ อัษฎา อัศวเรืองชัย ชายวัยกลางคนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจอย่างสูง
อัษฎานั่งชมการแสดงบนเวทีอยู่กับบราลี ภรรยาสาวสวยและเก่ง เธอทำงานอยู่กับสามีคุมฝ่ายบัญชี
บนเวที มีจอโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่ เมื่อไฟในห้องหรี่ลง มีเสียงบรรยายประกอบทุ้ม นุ่มนวล...
“ช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจมาถึงแล้ว ดนยา Construction โดยคุณอัษฎา อัศวเรืองชัย ขอเชิญพบกับ The Empire โครงการคฤหาสน์หรู ที่ควรค่าแก่บุคคลผู้มีระดับ...”
ซาวนด์ตื่นเต้นเร้าใจดังขึ้น พร้อมกับเปิดตัว อันตรา ในชุดเสื้อและกางเกงหนังสีดำ สวมถุงมือดำ โหนสลิงลงมาจากเพดาน เรียกเสียงฮือฮาไปทั้งงาน
หลังจากอันตราวาดลวดลายการต่อสู้บู๊เร้าใจแล้ว ที่จอโปรเจกเตอร์ปรากฏภาพกราฟฟิกคฤหาสน์หรู มีเสียงบรรยายประกอบ...
“คฤหาสน์แบบ “อันตรา” สวยงาม...เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความแข็งแกร่งดั่งหินผา โครงสร้างอันโดดเด่น... เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการเหมือนใคร”
อันตราหมุนตัวเตะสตันต์ตัวลอยร่วงลงกลางเวที แล้วเธอก็หันมาไหว้ผู้ชมอย่างอ่อนน้อม งดงาม เสียงปรบมือกึกก้อง จอโปรเจกเตอร์ด้านหลังเธอ ฉายรูปสามมิติ คฤหาสน์หลังใหญ่ ผนังบ้านตบแต่งด้วยหิน...แล้วไฟบนเวทีก็ดับลง...
ooooooo
ครู่เดียวไฟฟอลโล่ก็ยิงใส่อินทุอร หญิงสาวในชุด ราตรีสีขาวลายลูกไม้อ่อนหวาน เธอไหว้ผู้ชมอย่างอ่อนช้อย แล้วเดินไปหลังแกรนด์เปียโนที่วางอยู่อีกด้านของเวที
อินทุอรเล่นเพลง “หยาดเพชร” มีคู่ลีลาศเต้นรำพลิ้วไปกับเสียงเปียโนราวกับล่องลอยอยู่บนวิมานเมฆ...
“คฤหาสน์แบบ ‘อินทุอร’ ที่ที่ซึ่งความหรูหรากับ ความอ่อนหวานรวมกันอย่างลงตัว เพื่อบุคคลผู้มีระดับที่เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น”
อัษฎา บราลี มองลูกสาวคนเล็กอย่างเอ็นดู ยิ่งเมื่ออินทุอรลุกขึ้นไปเต้นกับนักเต้นในลีลานักบัลเล่ต์ประยุกต์อย่างสวยงามก็ตรึงผู้ชมทั้งห้องจนเงียบกริบ
จบการแสดงด้วยภาพดอกไม้หลากสีสลับกับคฤหาสน์ที่เป็นระเบียงกว้างประดับด้วยกระถางดอกไม้สีหวาน
เพลงหยาดเพชรจบลง อินทุอรโพสท่าสวยงามกลางเวทีท่ามกลางเสียงปรบมือ ไฟเวทีค่อยๆมืดลง...
ooooooo
แสงไฟสว่างขึ้นอีกครั้ง เร่งเร้าด้วยดนตรีในจังหวะเร็ว โปรเจกเตอร์เล่นวีดิโอภาพย่านธุรกิจใจกลางเมือง
อุรวสาในชุดสาวออฟฟิศแต่งหน้าทำผมทันสมัย เดินอย่างนางแบบออกมาพร้อมนายแบบในชุดสูท
“คฤหาสน์แบบ ‘อุรวสา’ ความโอ่อ่าอัครฐานที่ผุดขึ้นกลางใจเมืองสำหรับผู้บริหารมีระดับ ที่ที่ความสำเร็จมาพร้อมกับความสวยงามและมุ่งมั่น”
อัษฎามองอุรวสาลูกสาวคนโตด้วยความชื่นชม เมื่อเดินไปทั่วทุกมุมแล้ว อุรวสายืนโพสท่าเก๋ไก๋กลางเวที จอโปรเจกเตอร์ฉายรูปสามมิติคฤหาสน์หลังใหญ่ มี
สระว่ายน้ำส่วนตัว...แล้วไฟบนเวทีก็มืดลง...
ooooooo
เสียงประกาศในห้องจัดงานที่ยังมืดอยู่ดังขึ้น...
“ณ บัดนี้...ขอเชิญทุกท่านพบกับประธานบริษัท ดนยา Construction คุณอัษฎา อัศวเรืองชัย พร้อมกับนักแสดงกิตติมศักดิ์ทั้งสามครับ”
ไฟสว่างขึ้น อัษฎากับลูกสาวทั้งสามนั่งอยู่บนโซฟา พิธีกรนั่งอยู่ด้านข้างเริ่มการสัมภาษณ์...
พิธีกรถามถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบคฤหาสน์ทั้งสามหลัง อัษฎาบอกว่าได้แรงบันดาลใจจากลูกสาวทั้งสามคน ยกตัวอย่างว่า
“แบบบ้านอุรวสา ผมได้แรงบันดาลใจจากคุณวสา ลูกสาวคนโต คุณวสา เป็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังสาว คฤหาสน์แบบอุรวสาจึงเป็นตัวแทนของความมุ่งมั่น โฉบเฉี่ยวและทันสมัย”
แล้วอัษฎาก็พูดถึงอันตราที่นั่งยิ้มอยู่ข้างอุรวสาว่า
“เจ้าอันลูกสาวคนกลางของผม เป็นผู้หญิงเข้มแข็ง สปอร์ตเกิร์ล คฤหาสน์แบบอันตราจึงเน้นความแข็งแกร่งโดยใช้หินตบแต่งในงานดีไซน์” จากนั้นเขาหันมองอินทุอร “แล้วนี่หนูอิน ลูกสาวคนเล็ก หนูอินเป็นผู้หญิงอ่อนหวานเรียบร้อย คฤหาสน์อินทุอรจึงถูกออกแบบให้อบอุ่นอ่อนหวานครับ”
“ทราบมาว่าคุณอัษฎาหวงลูกสาวมาก ทำไมงานนี้ถึงยอมเปิดตัวลูกสาวครับ”
“ก็พ่อเอาชื่อลูกมาเป็นแบบบ้าน เลยต้องให้ลูกสาวมาโชว์ตัวครับ” อัษฎายิ้มอารมณ์ดีย้ำว่า “แต่ขออนุญาตแจ้งให้ทราบครับ ผมขายแต่บ้านนะครับ ไม่ขายลูกสาว...
กี่พันล้านก็ไม่ขาย” พูดแล้วยิ้ม เรียกเสียงหัวเราะจากแขกในงานได้ครึกครื้น ส่วนลูกสาวทั้งสามต่างก็ขำมุกสดของพ่อ
ooooooo
อัษฎากับบราลีนั่งคุยกับเศรษฐินีอย่างกันเอง เศรษฐินีถามถึงสามสาวว่าใครเป็นลูกใคร
บราลีบอกว่าอันตราเป็นลูกตน อุรวสาเป็นลูกของอัษฎา พอพูดถึงอินทุอรลูกคนเล็ก อัษฎาก็บอกแทนว่า
“เป็นลูกของเราครับ สามใบไม่เถาของผมน่ะสามคนสามแบบเลี้ยงมาด้วยกันแท้ๆ ไม่รู้ทำไมนิสัยถึงต่างกัน”
สามใบไม่เถาจึงอยู่ในครอบครัวที่เป็น “ลูกฉัน ลูกเธอ และลูกเรา” แต่ก็อยู่กันอย่างรักใคร่สนิทสนมเป็นครอบครัวที่ไม่มีปัญหาเรื่องลูกฉันลูกเธอและลูกเรา
ระหว่างนั้น คุณอลงกรณ์มาจองบ้านแบบอุรวสา อัษฎาชมว่าเหมาะกับเขามาก บอกอุรวสาว่าอลงกรณ์เป็นซีอีโอคนล่าสุดของเดอะเนตเวิร์ค และบอกอลงกรณ์ว่าอีกไม่กี่เดือนเธอก็จะกลับจากอเมริกามาช่วยงานที่บริษัท
“เราคุยกันแล้วนะคะคุณพ่อ วสาจะมาคุมสาขาบริษัทอินทีเรียของอเมริกา ไม่ไปทำงานกับคุณพ่อ”อุรวสาติง
อัษฎาหงุดหงิดพูดเสียงแข็งว่า “คุณวสาต้องทำงานให้พ่อ! ไปทำให้คนอื่นไม่ได้!” อุรวสาเสียงเข้มบ้างว่าตนเซ็นสัญญากับเขาไปแล้ว “ไปยกเลิกสัญญาซะ!” อัษฎาสั่ง
“ไม่ค่ะ วสาอยากทำงานของตัวเอง ไม่ต้องการอาศัยบารมีคุณพ่อ” เธอลุกเดินออกไปอย่างหงุดหงิด อัษฎาตามไป
บราลี อันตราและอินทุอร ได้ยินและดูอยู่ บราลีบอกอินทุอรที่อ่อนหวานนุ่มนวลเป็นกาวใจในบ้านให้ตามไปเคลียร์
ooooooo
อุรวสาเข้าไปในห้องแต่งตัว อัษฎายืนอยู่หน้าห้อง ทั้งสองโต้เถียงกันไปมา อัษฎาสั่งอุรวสาให้ไปกับตน อุรวสายืนกรานจะกลับซานฟรานคืนนี้ สั่งรถโรงแรมมารับแล้วด้วย
อินทุอรมาเรียกพ่ออย่างอ่อนหวานให้กลับเข้าไปในห้อง อุรวสาได้ยินเสียงน้องจึงร้องบอกให้ส่งชุดให้ที อินทุอรไปหยิบชุดถูกอัษฎาแย่งไป สั่งอุรวสาว่า “ต้อง
ออกไปรับแขกกับพ่อห้ามไปไหนทั้งนั้น”
ในห้องจัดงาน อันตราได้รับโทรศัพท์คุยกันไม่กี่คำก็บอกบราลีว่ามีงานด่วนต้องไปแล้ว บราลีทักท้วงว่าพ่อให้อยู่จนเลิกงานนะ เธอบอกว่าลูกน้องโทร.ตามให้ไปด่วน หันลาสมศักดิ์คนสนิทของพ่อที่ร่วมก่อร่างสร้างตัวมาด้วยกัน
“ไปนะคะอาศักดิ์”
ศักดิ์ถามว่าไม่เปลี่ยนชุดก่อนหรือ อันตราส่ายหน้าบอกว่า “ขืนเข้าห้องแต่งตัวได้โดนพ่อด่าสิคะ” แล้วเดินแทรกแขกออกไป บราลีจะตาม ถูกป้าอัปสรที่สนิทสนมกับที่บ้านมาก รั้งแขนไว้ถามว่าหนูอินหายไปไหน
พอบราลีหันมองอีกที อันตราหายไปแล้ว บราลีสีหน้ากลุ้มๆ ที่เกิดเรื่องวุ่นๆขึ้นในงานเปิดโครงการ
ขณะอัษฎากับอุรวสาคุมเชิงกันอยู่นั้น บราลีมาบอกว่าอันตราไปแล้วบอกว่ามีงานด่วน อัษฎาบ่นอย่างหงุดหงิดว่า “เจ้านั่นก็ดื้อพอกับพี่สาว” ส่งชุดให้บราลีกำชับว่าห้ามให้อุรวสา แล้วรีบออกไป แต่ไม่ทัน อันตราขึ้นรถมอเตอร์ไซค์คันเท่บ๋ายบายส่งจูจุ๊บๆให้พ่อแล้วบึ่งรถไปเลย
ขณะอัษฎากำลังหงุดหงิดอันตราอยู่นั้น อุรวสาในชุดเดินทางเดินมาบอกลาบราลี อัษฎาหันขวับถามว่าจะไปไหน อุรวสาไม่สนใจขึ้นรถโรงแรมไปเลย บราลีบอกว่าลูกต้องรีบไปเดี๋ยวตกเครื่อง อัษฎาพาลประชดบราลีว่า
“ไม่ไปส่งลูกสาวคนโปรดที่ซานฟรานซะเลยล่ะ” แล้วเดินหัวเสียเข้าไปในห้องงาน
อินทุอรกอดปะเหลาะพ่อว่าท่าทางพ่อเหนื่อยมากเดี๋ยวกลับถึงบ้านจะนวดให้ ฉอเลาะว่า “คุณพ่อรู้ไหมในงานมีค็อกเทลอร่อยมาก คุณพ่อต้องลองชิม รับรองจะติดใจ”
เจอลูกอ้อนหวานๆของอินทุอร อัษฎาก็ยิ้มออกโอบไหล่ลูกพากันกลับเข้าไปในงาน
พออัปสรเห็นอินทุอรก็ปรี่เข้าไปชมว่าทั้งเต้นบัลเล่ต์และเล่นเปียโนเพราะที่สุดในโลก แล้วคล้องพวงมาลัยดอกมะลิให้ที่ข้อมือเป็นรางวัล เท่านั้นไม่พอ ยังพาอินทุอรไปแนะนำให้รู้จักใครต่อใครในงาน จนสมศักดิ์แซวอัษฎาว่า ไปขอหนูอินมาเลี้ยงใช่ไหม แล้วชี้ไปที่อัปสรบอกว่า “นั่น แม่แท้ๆของหนูอิน”
“งงเหมือนกันว่ะ ตั้งแต่หนูอินไปอยู่กับแฟนคลับชรินทร์เนี่ย มีแต่เพื่อนต่างวัย” อัษฎาตอบหน้ามุ่ย
ooooooo
งานด่วนที่อันตราบอกบราลีนั้น คือนัดแนะกับสกุณาเมียของเสี่ยที่พาเมียน้อยไปเที่ยวผับ สายของอันตราโทร.บอก อันตราจึงนัดสกุณาพาไปจับให้ได้คาหลังคาเขา
ระหว่างเข้าแถวรอเข้าผับนั้น อันตรากวาดตามองหาสกุณา
ที่ใกล้ๆกันนั้น เวศม์มาเที่ยวผับกับอำพลเพื่อนสนิทที่พาแฟนคือออมมาด้วย พอดีมีสายเข้ามือถืออำพล
บอกว่าโรงพยาบาลโทร.มา ให้เวศม์พาออมไปหาที่นั่งก่อนแล้วเลี่ยงไปรับโทรศัพท์
อันตรากดโทรศัพท์หาสกุณา ฝ่ายนั้นบอกว่ามาถึงแล้ว แต่นั่งร้องไห้อยู่ในรถ ทันใดนั้น อันตราเห็นเสี่ยโอบเอว
เมียน้อยเข้าผับ อันตราบอกสกุณาว่าเห็นสามีเธอแล้ว สกุณาร้องไห้ถามว่าผู้ชายดีๆไม่มีเลยรึไงคุณอันตรา
อันตราตอบเสียงดังว่า “มีค่ะ แต่ล้านคนจะมีสักคน ผู้ชายส่วนใหญ่มันก็เลวทั้งนั้นแหละค่ะ”
เวศม์ได้ยินมองขวับ ไม่พอใจที่อันตราด่าผู้ชายสาดเสียเทเสีย ได้ยินอันตราด่าติดลมต่ออีกว่า
“ซื่อสัตย์ ดูแลเรา รักเราจริง นั่นคุณสมบัติสุนัขเพศผู้ไม่ใช่มนุษย์เพศผู้ค่ะ เช็ดน้ำตาแล้วรีบมา ดิฉันจะรออยู่แถวหน้าประตูนะคะ” พูดแล้ววางสายหน้าเครียด
“แฟนคลับ ‘ผู้ชายเลวกว่าหมาและไม่ได้มาจากดาวอังคาร’ ใช่ไหมคุณ” เวศม์ถาม พออันตราหันมอง ไม่พอใจ เวศม์แกล้งยั่ว “แล้วอย่าเผลอเล่นกับหมานะ” พูดแล้วพาออมไปต่อแถวเข้าผับ อันตราจิกตามองตามเห็นมากับออมก็นึกว่าแฟนกัน
พอเวศม์พาออมเข้าไปนั่ง ออมขอไปเข้าห้องน้ำ สาวที่นั่งโต๊ะข้างๆส่งสายตาให้ เวศม์ยิ้มตอบอย่างมีไมตรี
พอสกุณามาถึง อันตราบอกว่าสามีเธอเข้าข้างในแล้ว สกุณาแค้นจัดด่า “ไอ้ผัวเฮงซวย” อันตราจับมือบอกให้เข้มแข็งไว้ ผู้ชายไม่ดีก็เขี่ยทิ้งเสีย สกุณาหึงเดือดเดินแซงคิวเข้าไปเลย อันตราขอโทษนักเที่ยวที่ต่อแถวกันขอให้เห็นใจเมียหลวงหน่อย แล้วตัวเองก็รุดตามสกุณาไปด้วย
อันตราเข้าไปเห็นเวศม์นั่งคุยกับสาวสวยที่ไม่ใช่ ออมก็เบ้ปากด่า “แฟนเผลอละสีหญิงอื่น ผู้ชายมันก็เลวจริงๆนี่หว่า” พอดีสกุณาเห็นเสี่ยบอกอันตราว่ามันอยู่นั่น แล้วล้วงปืนจากกระเป๋า อันตราตกใจไม่ทันร้องห้ามสกุณาก็พรวดไปถึงโต๊ะเสี่ยกับเมียน้อยแล้ว บรรดานักเที่ยว เห็นปืนก็ตกใจแตกตื่น เสี่ยตกใจจิตกระเจิงร้องห้ามเสียงหลง “ณาอย่า!!”
เวศม์เห็นสถานการณ์อันตรายเขาย่องไปข้างหลัง สกุณาจะแย่งปืน อันตราร้อง “อย่าคุณ!” ทำให้สกุณาหันมา ปากกระบอกปืนหันมาทางเวศม์แทน ทั้งสองยื้อปืนกันไปมา ในที่สุดปืนลั่นเปรี้ยง เวศม์ล้มลงทันที!
สกุณาช็อกกลัวติดคุกทิ้งปืนยืนหน้าซีด อันตราตกใจผวาไปคลำหาแผลตามตัวเวศม์ปากก็บอก
“อย่าตายนะคุณ...อย่าตาย...”
เวศม์ปัดมืออันตราอย่างแรงแล้วลุกหนีด่า “ผู้หญิงอะไร ลวนลามผู้ชาย”
“ไอ้บ้า! ฉันคิดว่านายโดนยิง”
“ผมตกใจเสียงปืนเลยล้ม” เวศม์กระชากเสียง
สกุณากลัวความผิดจะหนี เวศม์จับตัวไว้ถามว่าจะไปไหน สกุณาอ้อนวอนให้อันตราช่วยด้วยตนไม่อยากติดคุก เวศม์มองหน้าอันตราอย่างท้าทายว่ากล้าช่วยไหมล่ะ?!
เสี่ยจ้องหน้าอันตราจำได้ว่าเป็นลูกอัษฎาเคยเจอกันที่บริษัท
“ก็เจอพร้อมกัน” สกุณาบอก “พอรู้ว่าคุณอันตราเป็นนักสืบ ฉันเลยจ้างให้ตามแก ไอ้ผัวเฮงซวย!”
เสี่ยอ้างว่า ปากอย่างนี้ไงตนถึงมีเมียน้อย เลยถูกสกุณาทั้งทุบตีและด่าอีกชุดใหญ่ จนตำรวจต้องเข้าแยกบอกให้ไปตกลงกันที่โรงพัก บอกอันตราให้ไปเป็นพยานด้วย อันตราทำท่าไม่อยากไป เวศม์มองแล้วยิ้มสมน้ำหน้า
ooooooo
ป้าอัปสรเป็นคนชอบฟังเพลงลูกกรุงเก่าๆ คืนนี้พอกลับถึงบ้าน อินทุอรจึงจัดแผ่นเสียงลูกกรุงเก่าๆ ยกมาใส่กล่อง บราลีถามว่าไม่เสียดายหรือ สะสมมาตั้งหลายปี
“อินสัญญากับป้าอัปสรไว้แล้วค่ะว่าจะยกให้”
“คุณอัปสรนี่ก็แปลก อยากมีลูกก็น่าจะมีเอง ไม่น่ามาแย่งลูกของคนอื่น” อัษฎาหวงลูก บราลีติงว่ามีคนรักลูกเราก็ดีแล้ว “ผมดีใจที่คนอื่นรักลูกเหมือนที่เรารัก แต่กลัวลูกเราน่ะซี จะรักคนอื่นมากกว่ารักเรา”
“คุณพ่อขา...ยังไงอินก็รักคุณพ่อคุณแม่มากที่สุดค่ะ” อินทุอรหวานเข้าไปกอด เลยทำให้อัษฎายิ้มออก
ooooooo
วันต่อมา เสี่ยไปฟ้องอัษฎาที่ห้องทำงาน อัษฎาบังคับให้อันตราขอโทษเสี่ยโทษฐานรับจ้างเมียหลวงสะกดรอยเสี่ย อันตราทำใจขอโทษผู้ชายเจ้าชู้ไม่ได้
“เด็กนิสัยเสีย ก้าวร้าวผู้ใหญ่ ชีวิตไม่มีวันเจริญหรอก” เสี่ยพูดเหมือนแช่ง อัษฎาไม่พอใจ เสี่ยยังย้ำว่า “ก็ลูกคุณมันไม่ดี ผมเห็นมาเยอะแล้วคนแบบนี้มีแต่เจริญลง...เจริญลง”
อัษฎาโกรธมากที่มาแช่งลูกตน ถามเสี่ยว่าคนคุณธรรมถดถอยอย่างเสี่ยมีสิทธิ์ตำหนิใครด้วยหรือ เลยต่างโมโหใส่กันจนสมศักดิ์ต้องขอให้อัษฎาใจเย็นๆ กระซิบบอกว่า “นี่ลูกค้าเรานะ”
“ไม่มีใครสำคัญกว่าลูก ผมเปลี่ยนใจแล้ว เสี่ยต้องขอโทษลูกสาวผมก่อนแล้วเดี๋ยวผมถึงจะให้เจ้าอันขอโทษเสี่ย”
เสี่ยโมโหขึ้นมาเลยพาลด่ามาถึงอัษฎาว่า “รู้แล้วทำไมลูกเป็นอย่างนี้ ก็พ่อมันไม่ดี ผมจะยกเลิกสัญญาว่าจ้างกับบริษัทคุณทั้งหมด” อัษฎาไม่แยแสหยิบสัญญาจากตู้มาฉีกทิ้งกระจุย เสี่ยลุกชี้หน้าอัษฎาแล้วหุนหันออกไปปิดประตูใส่หน้าปัง!
อันตราขอโทษที่ทำให้พ่อเสียลูกค้า อัษฎาไม่ยี่หระ บอกว่า
“บริษัทพ่อมีธรรมาภิบาล ไม่ร่วมสังฆกรรมกับคนไม่ดีลูก”
อันตรายิ้มออกที่พ่อไม่โกรธ แต่สมศักดิ์ก้มเก็บสัญญาที่ถูกฉีกเอามาต่อๆกันพึมพำอย่างแสนเสียดาย...เงินทั้งน้านนน
อันตรากลับไปที่สำนักงานนักสืบที่เป็นห้องเล็กๆ หน้าฟิตเนส ทั้งสำนักงานมีอันตรานั่งอยู่คนเดียว เธอหยิบรูปถ่ายของพ่อแท้ๆที่เป็นตำรวจขึ้นมาดู ทำมือตะเบ๊ะพ่อ ก็พอดีโทรศัพท์บนโต๊ะดัง
“สำนักงานนักสืบอันตราค่ะ...สามีคุณทำอะไรให้สงสัยว่ามีเมียน้อยคะ...” ถามพลางหยิบสมุดบันทึกข้อมูล
ooooooo
อุรวสาไปถึงซานฟรานแล้ว เธออยู่กับแสงฉานสามีที่แต่งกันเองโดยไม่บอกให้ทางบ้านรู้
ทั้งสองเตรียมย้ายออก เก็บข้าวของใส่กล่องไว้เกือบหมดแล้ว อุรวสานั่งทำงานอยู่ ส่วนแสงฉานซึ่งเรียนเป็นเชฟอาหารฝรั่งกำลังทำอาหาร เขาทักอุรวสาอย่างอารมณ์ดีว่า
“ที่รักจ๋า เพิ่งกลับมาถึงเมื่อเช้าก็ทำงานเลยเหนื่อยแย่”
อุรวสาบอกว่าต้องส่งแบบวันนี้ โชว์รูมที่พาโลอัลโต้กำลังจะเปิดเร่งแบบใหม่น่าดูเลย แสงฉานเลยมาป้อนอาหารให้คำหนึ่ง เธอชมว่าอร่อย เขาเลยป้อนให้อีกคำ แล้วชวนไปกินข้าวกัน กำลังร้อนๆ เดี๋ยวเย็นแล้วไม่อร่อย
ระหว่างกินข้าวกันนั้น แสงฉานบอกว่าทันทีที่กลับไปอยู่เมืองไทย ตนจะไปกราบขอขมาพ่อแม่เธอ อุรวสาพูดขำๆว่าขอขมาเสร็จก็ไปหย่ากันเลย เพราะคุณพ่อ
ไม่ยอมรับเขาแน่ๆ เราคงต้องอยู่ลับๆกันไปก่อนจนกว่าโครงการร้านอาหารระดับชาติของเขาจะเป็นรูปเป็นร่าง ประสบความสำเร็จ
แสงฉานทำหน้าไม่สบายใจ อุรวสาเข้าใจความรู้สึกของเขา จับมือเขาจูบพูดให้กำลังใจว่า เราจะผ่านปัญหาพวกนี้ไปด้วยกัน แสงฉานบอกว่าตนจะพิสูจน์ตัวเองให้เร็วที่สุด ต่างมองกันอย่างเข้าใจ บอกรักกันและกัน กอดๆ หอมๆกันไม่ระวังเลยตกเก้าอี้ลงไปนอนกับพื้น เลยกลายเป็นหัวเราะขำกันทั้งสองคน
ooooooo
อินทุอรเอาแผ่นเสียงเพลงลูกกรุงเก่าๆ ไปให้ป้าอัปสรที่บ้าน ป้าอัปสรจัดเป็นพิพิธภัณฑ์เพลงลูกกรุงในบ้าน รำพึงอย่างเสียดายว่า ทำไมป้าไม่มีหลานสาวน่ารักอย่างหนูอินบ้างนะ
อินทุอรติงว่าแต่ป้าก็มีหลานชาย ป้าอัปสรรำพึงอย่างน้อยใจนิดๆว่า ตั้งแต่แต่งงาน ตาสิตก็ไม่ค่อยติดต่อมาเลย ชวนอินทุอรว่า พอพิพิธภัณฑ์เสร็จให้มาช่วยเฝ้าให้ป้าด้วย อินทุอรบอกว่าจะมานอนเฝ้าให้เลย แล้วป้าอัปสรก็เลือกเพลงโปรดของเธอไปเปิดที่เครื่องเล่นแผ่นเสียง คือเพลง “หยาดเพชร” ที่ชรินทร์ งามเมือง ร้อง นั่นเอง...
ฟังเพลงแล้วอินทุอรคิดถึงใครคนหนึ่ง เธอยิ้มกับความทรงจำดีๆนั้น...
เวลานั้น อินทุอรในวัย 12 ขวบ คุณพ่อคุณแม่พาไปงานแต่งงาน เธอมองผู้ใหญ่เต้นรำกันในเพลง “หยาดเพชร” จู่ๆภิสิตหลานชายของป้าอัปสรก็มาชวน
“หนูอินเต้นรำกับอาไหมคะ” อินทุอรเงยหน้ามองภิสิต บอกว่าอาสิตตัวสูงจัง ภิสิตพาอินทุอรออกไปเต้นรำอย่างสวยงาม อินทุอรยิ้มแก้มเปล่งอย่างมีความสุข ภิสิตมองเด็กหญิงตัวน้อย เขายิ้มให้อย่างเอ็นดู...
ooooooo
วันนี้ ที่สนามหน้าบ้านอัษฎา ได้รับการตบแต่งอย่างสวยงาม เป็นสถานที่จัดงานวันเกิดอัษฎา มีป้ายแขวนไว้อย่างสวยงามว่า “สุขสันต์วันเกิด...คุณพ่อที่รัก”
อินทุอรที่สันทัดการทำอาหารและจัดตบแต่งเป็นแม่งานอย่างแข็งขัน
ที่ถนนมอเตอร์เวย์สุวรรณภูมิ อุรวสากับแสงฉานนั่งรถลีมูซีนมา อุรวสาย้ำเตือนแสงฉานว่าสัญญานะว่าจะไม่หลุดปากเรื่องของเรา
“จ้ะ ถ้าพ่อของที่รักถาม ผมต้องโกหกว่าเป็นเพื่อนของวสา เราเผอิญนั่งเครื่องไฟลท์เดียวกัน วสาเลยชวนผมหุ้นค่ารถลีมูซีน” แสงฉานพูดสบายๆ ประสาคนอารมณ์ดี แต่อุรวสาสีหน้ายังกังวล
วันนี้ อัษฎานัดเพื่อนๆกลุ่มนักดูดาวมาส่องกล้องดูดาวกัน อินทุอรเดินสำรวจความเรียบร้อยของงาน พลันเธอก็ตะลึงอึ้งเมื่อเห็นภิสิตเดินเข้ามากับหญิงสาวทันสมัยคนหนึ่ง แต่อินทุอรไม่ได้มองใครเลย เธอจ้องแต่ภิสิตรำพึง...
“อาสิต...” แล้วรีบเดินเข้าไปทัก “สวัสดีค่ะ...อาสิต กลับจากสวิตเมื่อไหร่คะ”
“หนูอินเหรอเนี่ย...โตเป็นสาวแล้วอาจำแทบไม่ได้” ภิสิตทักมองอย่างชื่นชม ทันใดนั้นอัษฎาเดินลิ่วมากอดเพื่อนรุ่นน้องอย่างดีใจ บอกว่าไม่เจอกันตั้งสิบกว่าปีแล้ว หันไปทักบุษบาบัณที่มาด้วย
“สบายดีเหรอครับคุณบุษบาบัณ”
“สบายดีค่ะ” ตอบแล้วเห็นชาวต่างประเทศหนุ่มหล่อก็ทักตื่นเต้น “แฟรงกี้...แฟรงกี้ใช่ไหม” แล้วขอตัวกับอัษฎาเดินอ้าวไปหา “แฟรงกี้ ไม่นึกเลยว่าจะมาเจออยู่ที่นี่”
ภิสิตเสียหน้ามากที่บุษบาบัณแสดงกิริยาไม่เหมาะสม เขาขอโทษอัษฎาแทนเธอ อัษฎาบอกว่าไม่เป็นไร คุยต่ออย่างไม่หายตื่นเต้นว่า “ตอนสิตโทร.บอกพี่ว่าจะมางานวันเกิด พี่ดีใจน่าดู โทร.ตามพี่ๆน้องๆ กลุ่มนักดูดาวให้มาเจอสิต”
ภิสิตมองไปยังกลุ่มนักดูดาวยกมือทักทายบอกอัษฎาว่ามากันยกเซตเลย แล้วมอบของขวัญให้ อัษฎาบอกให้อินทุอรรับไปเก็บให้แล้วชวนภิสิตไปหาเพื่อนกลุ่มนักดูดาวกัน ส่วนอินทุอรยังใจเต้นแรงตื่นเต้นที่ได้เจอ “อาสิต” ในความทรงจำ
เอาของขวัญไปวางที่โต๊ะแล้ว อินทุอรอดที่จะมองภิสิตที่อยู่ในกลุ่มนักดูดาวไม่ได้ อันตราเดินมาเห็นทักน้องสาวว่า
“อาสิตคนนี้ใช่ไหม ที่หนูอินจองเป็นเจ้าบ่าวตอนเด็กๆ”
“แค่เต้นรำด้วยกัน อย่าพูดเสียงดังไปสิคะเดี๋ยวภรรยาเขาได้ยิน” อินทุอรติงพี่สาว อันตรามองบุษบาบัณที่ดื่มแชมเปญกับฝรั่งหนุ่มหล่อคนหนึ่งหัวเราะระริกร่วน ก็เปรยๆว่า
“ดูจากสภาพการณ์แล้ว อีกเดี๋ยวคงเมาไม่รู้เรื่อง”
บุษบาบัณ ภรรยาที่พ่อแม่เห็นว่าเหมาะสมและจับคู่ให้แต่งกับภิสิต เธอทำตัวเฟลิร์ตกับหนุ่มหล่อจนอินทุอร อันตรา และบราลีมองอย่างละอายใจ บราลีเปรยกับลูกๆว่า
“คุณบุษบาบัณชอบหว่านเสน่ห์มาแต่ไหนแต่ไรแล้วจ้ะ ไม่คิดว่าแต่งงานแล้วจะยังไม่เลิก”
บุษบาบัณหว่านเสน่ห์กับหนุ่มหัวเราะระรื่นระริกไปทั่ว ภิสิตอายแทน เดินไปบอก “ตามผมมา”
ภิสิตตำหนิเธอว่าอยู่สวิตเธอจะเฟลิร์ตใส่ใครก็ได้แต่อย่าทำที่เมืองไทย เธอเถียงว่าเพื่อนๆของเขาไม่ตื่นเต้นกับเรื่องแบบนี้กันแล้ว
“ผมขอร้องล่ะ ถ้าไม่เห็นแก่หน้าผม ก็ขอให้เห็นแก่ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลคุณบ้าง”
“พ่อแม่บุษตายไปแล้วท่านไม่รับรู้หรอก คุณต้องแฟร์กับบุษ เราแต่งงานกันเพราะพ่อแม่เห็นว่าเหมาะสมไม่ได้รักกันสักนิด” ภิสิตบอกว่าตนพยายามรักเธอแล้ว ถูกสวนทันควันว่า “แต่คุณก็ไม่รัก และบุษก็ไม่รักคุณ ไม่มีวันรัก!!”
อัษฎาเดินมาหาภิสิต บุษบาบัณบอกว่าเจ้าของงานวันเกิดมาตามเขาแล้ว เธอยิ้มระรื่นเดินสวนไป ภิสิตฝืนยิ้มให้อัษฎา...
อัษฎายิ้มฝืดๆ ดูออกว่าภิสิตกับบุษบาบัณมีปัญหาชีวิตคู่กัน
ooooooo
รถลีมูซีนพาอุรวสากับแสงฉานมาถึงบ้านอัษฎา อุรวสาถอดแหวนแต่งงานออก บอกแสงฉานว่าตนจำเป็นต้องทำแบบนี้ แต่แสงฉานไม่ถอดเขาบอกว่าแหวนวงนี้เป็นตัวแทนของที่รักอยากให้อยู่กับตัวตลอดเวลา
อุรวสามาเซอร์ไพรส์อัษฎา พ่อลูกโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ แต่ทั้งบราลี อินทุอรและอันตรารู้ว่า
อุรวสาจะกลับมาวันนี้แต่ทุกคนอุบเงียบเพราะต้องการเซอร์ไพรส์อัษฎา เขาบอกว่าเป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุด มองแสงฉานถามว่านั่นใคร
แสงฉานไหว้อัษฎากับบราลีอย่างนอบน้อม เขาแนะนำตัวเองอย่างรวดเร็วครบถ้วนทันที
“สวัสดีครับ...แสงฉาน ฉัตรประพงษ์ พ่อแม่ผมเสียแล้ว เหลือญาติไม่กี่คน พอจบปริญญาตรีที่เมืองไทยผมก็ไปเรียนต่อที่อเมริกา ค้นพบว่าตนเองสนใจทำอาหาร ก็เลยเรียนเป็นเชฟครับ”
“แนะนำตัวอย่างกับสัมภาษณ์งาน” อัษฎาพูดขำๆ อุรวสาแนะนำอย่างที่เตี๊ยมกันมาว่า แสงฉานเป็นเพื่อน เจอกันบนเครื่อง ตนเลยชวนนั่งรถมาด้วยกัน อัษฎาชวนกินเลี้ยงกันก่อนก็ได้
อุรวสาพูดให้แสงฉานกลับไปก่อน เร่งเขาว่าป้าโทร.มาหลายรอบแล้วรีบกลับไปเสียเดี๋ยวป้าจะโทร.มาตามอีก แสงฉานจึงไหว้ลา “ผมลานะครับ คุณพ่อคุณแม่” พอแสงฉานไปแล้วบราลีชมว่าเพื่อนลูกคนนี้มารยาทดีจัง แต่อัษฎาติงว่า
“มาเรียกฉันว่าพ่อทำไม” หันไปถามอุรวสา “เพื่อนแน่นะคุณวสา” อุรวสาบอกว่าถ้ามีแฟนคุณพ่อต้องรู้เป็นคนแรกแล้วกลบเกลื่อนบ่นหิว อัษฎากับอุรวสาจึงไปตักอาหารกัน ลืมเรื่องแสงฉานไปเลย
อัษฎาพาอุรวสาไปแนะนำในกลุ่มเพื่อนๆ พอมาถึงสมศักดิ์เพื่อนสนิทก็บอกว่าฝากลูกสาวด้วย จะไปทำงานที่บริษัทเร็วๆนี้ อุรวสาของขึ้นทันทีสวนไปว่าบอกแล้วว่าตนไม่ทำงานกับคุณพ่อ
“พ่อสั่งให้ทำ!” อัษฎาเสียงดัง จนสมศักดิ์ติงว่าลูกทำงานบริษัทข้ามชาติใหญ่โตก็ดีแล้ว “บริษัทพ่อก็ใหญ่ ทำไมจะทำกับพ่อไม่ได้” อัษฎายังฉุน อินทุอรเข้ามาอ้อนพ่อชวนไปดูเค้กวันเกิดดีกว่าเปลี่ยนบรรยากาศที่เริ่มเครียด
“พี่อัษกับลูกสาวคนโตก็ยังเป็นไม้เบื่อไม้เมากันเหมือนเดิมนะครับ” ภิสิตยิ้มๆ
“ใครมาเห็นคงเป็นเง็งนะครับ” สมศักดิ์พูดขำๆ “ลูกเลี้ยงสนิทกับแม่เลี้ยง ลูกติดเมียดั๊น...สนิทกับพ่อเลี้ยง ส่วนลูกสาวคนเล็กเป็นสหประชาชาติ เจรจาให้สองฝ่ายสงบศึกกัน”
ภิสิตมองอินทุอรที่พาอัษฎาไปดูเค้กวันเกิดอย่างอดชื่นชมไม่ได้
เมื่อได้เวลาเป่าเค้กวันเกิด อุรวสายังเคืองๆเลยไม่ไปรวมกลุ่มกับครอบครัว จนบราลีเรียกจึงเดินไป อัษฎาดึงอุรวสาไปกอดยิ้มให้ บอกว่า
“สำหรับพ่อ...ความสุขที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่การมีเกียรติยศชื่อเสียงหรือเงินทอง แต่มันคือการมีครอบครัวที่อบอุ่นผูกพันกันด้วยความรักและความเข้าใจ พ่อรักทุกคนนะ” อัษฎาโอบทั้งบราลีและลูกสาวทั้งสาม แล้วอันตราก็เป็นต้นเสียงร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์กันอย่างกลมเกลียว อัษฎาหลับตาอธิษฐานแล้วเป่าเทียน ทั้ง
ภรรยาและลูกๆหอมแก้มเขากันคนละฟอด...
ooooooo
แสงฉานไปคอนโดที่อยู่ปากซอยบ้านอัษฎานั่นเอง เขากับอุรวสาแอบซื้อไว้ ระหว่างเก็บเสื้อผ้าก็โทร.หาอุรวสาว่ากลับมาต่างบ้านต่างเมืองกลัวไม่กล้านอนคนเดียวอ้อนให้แอบออกมานอนเป็นเพื่อน
อุรวสาบอกว่าไม่ได้ คืนนี้ต้องนอนบ้าน ขณะกำลังคุยกันนั้น อัษฎาเข้ามาถามว่าคุยกับใคร อุรวสาปดว่าคุยกับเพื่อนแล้วแกล้งบอกว่า “แค่นี้ก่อนนะแอน” แล้วชวนพ่อกลับไปที่งานกัน
คืนนี้อัษฎานอนไม่หลับเมื่อนึกถึงเรื่องอุรวสาไม่ยอมไปทำงานที่บริษัท บราลีบอกให้ปล่อยวางบ้างเถิดเราเลี้ยงลูกได้แต่ตัว โตขึ้นเขาจะทำอะไรเราคงต้องปล่อย ขอแต่ให้เขาเป็นคนดีก็พอ บราลีหว่านล้อมจนคิดว่าอัษฎาผ่อนคลายลงแล้ว เขาบอกให้เธอนอนก่อน บอกว่า “ผมจะไปคุยกับคุณวสา ยังไงลูกต้องทำงานกับผม”
บราลีมองตามพึมพำกับตัวเอง “ว่าลูกดื้อ ก็ดื้อเหมือนใครล่ะ”
อัษฎาไปที่ห้องอุรวสาไม่เจอตัวสงสัยว่าหายไปไหน ไปที่ห้องอันตราก็ไม่เจอ จึงไปที่ห้องอินทุอร ไม่เจอตัวอีก
อัษฎาสงสัยว่าลูกทั้งสามหายไปไหน เดินไปจนถึงโรงรถเก่าได้ยินเสียงสามสาวคุยกันหัวเราะคิกคัก จึงไปแง้มประตูดู...
ในโรงรถมีเต็นท์หลังเดิมที่ตนเคยกางกับลูกๆเพื่อมานั่งเล่นนั่งคุยกัน แม้จะผ่านไปเป็นสิบปีแต่สามสาวก็ยังมานั่งเล่นนั่งคุยกันเหมือนสมัยเด็ก เพียงแต่เมื่อโตและทำงานแล้วก็เล่าประสบการณ์การทำงานขำๆให้ฟังกัน
สามใบไม่เถานั่งคุยและหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานเหมือนสมัยเด็ก อัษฎาปลื้มจนน้ำตาคลอ ค่อยๆ ถอยไปปล่อยให้ลูกๆคุยกันสนุกสนานตามประสา
ooooooo
อินทุอรฝันอยากเป็นนักบัลเล่ต์อาชีพ วันนี้เธอได้รับจดหมายตอบรับจากสถาบันบัลเล่ต์ที่อเมริกา เธอเอาไปให้บราลีดู แต่ไม่กล้าเอาไปให้อัษฎาดูกลัวพ่อโกรธที่แม่แอบพาตนไปทดสอบที่สถาบันบัลเล่ต์ที่อเมริกา
“แม่จะพูดกับพ่อให้” บราลีบอก อินทุอรกอดแม่ด้วยความรักที่แม่เข้าใจ รับฟังและแก้ปัญหาทุกเรื่องในชีวิตให้ตนเสมอมา
วันนี้อันตรามีลูกค้ารายใหม่เข้ามา เธอคือศศิพิมล อันตราเดาได้ทันทีว่ามาเรื่องสามีนอกใจ เห็นความสวยเปรี้ยวของศศิพิมลแล้วพูดปลงๆว่า
“ความสวยไม่ได้การันตีเลยว่าสามีจะไม่นอกใจ”
“ดิฉันอยากรู้ว่าสามีไปติดพันผู้หญิงที่ไหน นี่รูปสามีดิฉันค่ะ” ศศิพิมลเอารูปให้ดู อันตราเห็นแล้วจำได้ว่าคือเวศม์ที่เคยเจอกันในผับนั่นเอง
อันตราลงมือทำงานทันที ไปจอดรถซุ่มดูที่หน้าบ้านเวศม์บันทึกการเคลื่อนไหวว่าออกจากบ้านกี่โมง ไปที่ไหน พบว่าเวศม์ไปที่ร้านอาหารหรู ก็ซุ่มดูว่าเขาอาจคุยไลน์กับผู้หญิง แต่ที่แท้เวศม์เข้าเว็บตลาดหุ้นทั่วโลกทางไอแพดมินิแล้วโทร.คุยกับอำพลปรึกษาเรื่องขายทอง ครู่หนึ่งบริกรเอาอาหารชั้นดีมาเสิร์ฟ
“ใช้ชีวิตหรูหรา ไม่ทำงานทำการ เอาเงินที่ไหนใช้เนี่ย” อันตราซูมกล้องถ่ายรูปเวศม์ไว้
พอเวศม์ออกมาที่ลานจอดรถ อันตราตามมาแต่พอเธอขึ้นรถตัวเองที่จอดไม่ไกลจากรถเวศม์นัก ก็ถูกโจรวัยรุ่นที่ดักรอเหยื่อที่เป็นผู้หญิงมาคนเดียว ตามประกบขึ้นเบาะหน้าคู่คนขับสั่งให้ขับไป อันตราโมโหจับแขนมันหักต่อสู้กันจนตัวเธอล้มไปกดแตรดังลั่น
เวศม์ได้ยินเสียงแตรผิดปกติเดินมาดู เห็นโจรกำลังยื้อยุดกับอันตราจึงเข้าไปช่วย อันตรากลัวเวศม์จะเห็นหน้าควานหากุญแจรถไม่เจอเลยลงรถหนีไป โจรไล่ตาม เวศม์ไล่ตามพลางตะโกน “อย่าทำผู้หญิง!”
เวศม์จับโจรได้แต่หาตัวอันตราไม่เจอแล้วเพราะเธอหลบไม่ยอมให้เห็นหน้า ส่งโจรให้ รปภ.แล้วเขาเดินบ่นไปที่รถ
“เหยื่อสาวหายไปไหน?”
ooooooo
ที่บ้านป้าอัปสร ป้าโทร.หาภิสิตตัดพ้อที่กลับมาหลายวันแล้วไม่เห็นมาหาป้าสักที เขาบอกว่าที่บ้านยุ่งมากยังจัดของไม่เสร็จเลย พลันเขาก็สะอึกเมื่อได้ยินเสียงบุษบาบัณหัวเราะระริกระรี้แว่วมาจากห้องข้างบน
ป้าอัปสรบอกว่าเรื่องบ้านช่องก็ให้เมียเขาทำ ถามว่าบุษบาบัณดูแลเขาดีหรือเปล่า ภิสิตกล้ำกลืนบอกว่าดูแลดีมาก เธอทำหน้าที่ภรรยาได้ไม่ขาดตกบกพร่อง แล้วขอป้าวางสาย
บุษบาบัณได้ยินพูดประชดว่า “แหม...พ่อคนดีมีศีลธรรมพูดผิดศีลเสียเอง” ชายที่มาด้วยหน้าเหวอรีบขอโทษบอกว่าไม่รู้ว่าเธอมีสามีแล้วพลางเก็บเสื้อผ้าจะกลับ
ภิสิตเตือนบุษบาบัณว่าถึงเราไม่ได้อยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยาเธอก็ควรจะให้เกียรติตนบ้าง เราอยู่ในฐานะเพื่อนก็อย่าหยามน้ำใจกันนัก บุษบาบัณโต้ว่า
“ชีวิตมนุษย์มีเพื่อนอยู่สองประเภทเท่านั้นคือ “เพื่อนกิน” กับ “เพื่อนนอน” แต่สิตเป็นไม่ได้ทั้งสองอย่าง เพราะฉะนั้นเราเป็นเพื่อนกันไม่ได้”
บุษบาบัณจะออกไปข้างนอก บอกว่าจะไปหาความสุขซึ่งไม่ใช่ที่นี่ ภิสิตเตือนให้เพลาๆการเที่ยวเตร่ลงบ้าง
“น่าเบื่อ! ทำอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง จะบอกให้นะคะ บุษน่ะมีความสุขดี คนที่ติดอยู่ในกรงความทุกข์คือคุณต่างหาก”
บุษบาบัณแต่งตัวเฉิดฉายออกไปแล้ว ภิสิตเก็บตัวอยู่ในห้อง ดูรูปแต่งงานที่ติดอยู่ในห้องด้วยสายตาเจ็บช้ำ ค่อยๆทรุดนั่งจมปลักกับชีวิตคู่ที่บัดซบ!
ooooooo
ที่บ้านป้าอัปสร วันนี้ป้าแต๋วกับป้าต้อยเพื่อนวัยเดียวกันในแก๊งสูงวัยมาเที่ยวที่บ้าน สองป้าวัยตะบันหมากกินกำลังจ้องหนุ่มหล่อล่ำที่กำลังตัดหญ้าที่สนาม ป้าอัปสรคุกกับภิสิตแล้วกลับมาเห็นอาการกระชุ่มกระชวยของเพื่อนก็แซว
“น้ำหมากกระจายแล้วหล่อน สำรวมหน่อย”
ป้าต้อยบอกว่าตนก็แค่เมียงๆมองๆ ให้ชุ่มชื่นหัวใจ อายุคราวหลานไม่คิดอะไรหรอก ป้าต้อยตอบแต่ยังมองหนุ่มไม่วางตา ป้าแต๋วไวกว่าถามว่ามาใหม่ใช่ไหม เพิ่งเคยเห็น แล้วป้าแต๋วก็ทำทีเอาน้ำไปให้ดื่ม แต่เดินย่องแย่งสะดุดจะล้ม
“ว้ายยยย...เป็นไรไหมฮ้า...” หนุ่มล่ำยกมือทาบอกตกใจตาโต
ทั้งสามป้ามองขวับ ป้าต้อยถามว่าเก้งเหรอ หนุ่มทำเขินกระมิดกระเมี้ยน ป้าอัปสรขำกลิ้งหัวเราะฮ่าๆๆ จนหอบ อาการหอบหืดกำเริบ หายใจไม่ออก
“ป้าคะ” อินทุอรตกใจ รีบพาไปโรงพยาบาล ครู่หนึ่งบราลีโทร.มาหาอินทุอร ป้าอัปสรบอกอินทุอรว่ากลับไปเถิดตนโทร.บอกหลานแล้วเดี๋ยวคงมา อินทุอรจะรอให้หลานป้ามาก่อนค่อยไป
“เออ...ก็ดีเหมือนกันนะ หนูจะได้รู้จักหลานชายป้าเสียที หนูกับป้าคบกันมาตั้งนาน ไม่เคยเจอกันสักครั้ง”
ป้าแต๋วบ่นหิว อินทุอรจึงออกไปซื้อขนมปังมาให้กินรองท้อง
อินทุอรประตูหนึ่ง ภิสิตมาอีกประตูหนึ่ง พอมาถึงก็เดินขึ้นไปที่ห้อง ป้าอัปสรหอมแก้มหลานซ้ายขวา...
ซ้ายขวา ให้สมกับความคิดถึง ภิสิตถามป้าแต๋วกับป้าต้อยว่าสบายดีหรือ สองป้าบอกว่ามีเจ็บป่วยบ้างตามประสาคนแก่
“คุณหมอให้คุณอัปสรกลับบ้านได้แล้วค่ะ ไปชำระเงินได้เลย” พยาบาลเข้ามาบอก ภิสิตรีบออกไปอินทุอรกลับมาพอดี แต่เธอเข้าประตูหนึ่ง ภิสิตออกประตูหนึ่ง เลยคลาดกัน ป้าอัปสรบอกให้อินทุอรกลับได้แล้วเพราะหลานชายมาแล้ว อินทุอรถามว่าหลานป้าไปไหน ป้าบอกว่าไปจ่ายเงิน
“งั้นอินกลับนะคะ เมื่อกี๊คุณพ่อก็โทร.มา แล้วอินจะไปหาที่บ้านนะคะ”
“น่าเสียดาย...อยากให้เจอกัน...” ป้าอัปสรบ่นอุบอิบ อินทุอรไหว้ลาป้าๆ แล้วกลับไป
ooooooo










