สมาชิก

มนต์รักลูกทุ่ง

ตอนที่ 17

ถือโอกาสตอนคล้าวไม่อยู่บ้าน จอมกับสมุนบุกมายัดเยียดความเป็นหนี้ให้คอนอย่างหน้าด้านๆ จอมอ้างว่าก่อนไปกรุงเทพฯคล้าวได้ขอยืมเงินตนไปสามหมื่น โดยเอาบ้านกับนาจำนองค้ำไว้ มีหลักฐานสัญญาอย่างชัดเจน

"นี่ไงหลักฐาน" จอมรับกระดาษสองแผ่นจากสมุนมาส่งให้คอน "เอ็งไม่เชื่อก็อ่านดู...อ้อ ลืมไปว่ะว่าเอ็งมันอ่านหนังสือไม่ออก"

"คล้าวมันไม่เห็นบอกฉันเลยพ่อจอม"

"มันจะบอกเอ็งให้โง่ทำไมวะ ในเมื่อมันไม่คิดจะกลับมาที่นี่แล้ว ได้เงินไปตั้งสามสี่หมื่นเข้ากรุงเทพฯ มันก็เศรษฐีย่อยๆนั่นแหละวะนังคอน"

"ไม่จริงหรอก ฉันไม่เชื่อพ่อจอม ฉันไม่เชื่อ"

"พูดกับคนไม่มีการศึกษาอย่างเอ็งนี่ ข้าละเหนื่อยใจ จริงๆ เอ้าเซ็นชื่อลงไปซะ"

"มันเขียนหนังสือเป็นที่ไหนกันล่ะพ่อจอม"

"เออ ข้าก็ลืมไป นี่พวกเอ็งดูไว้เป็นเยี่ยงเป็นอย่างเลยนะ การศึกษามันมีประโยชน์ยังงี้ อย่างน้อยก็เขียนชื่อตัวเองเป็น เขียนไม่ได้ก็พิมพ์มือเอาละกันนังคอน"

สมุนหยิบหมึกขึ้นมาจะให้คอนพิมพ์ลายนิ้วมือ คอนปฏิเสธปากคอสั่น บอกว่าจะรอคล้าวกลับมาก่อน

"เอ็งจะพิมพ์ดีๆ หรือต้องให้บังคับกัน" จอมขึ้นเสียง และไม่สนใจด้วยว่าคอนจะกราบกรานยังไง พยักหน้าให้สมุนเข้าไปจัดการ คอนพยายามขัดขืนแต่ก็ไร้ผล

ส่วนที่บ้านมิ่ง ดวงใจมีอาการโอ๊กอ๊ากอาเจียนผิดปกติ พอสายใจซักไปซักมาจนแน่ใจว่าดวงใจท้อง มิ่งเลยด่าดวงใจไม่เลี้ยง

"อีลูกไม่รักดี แล้วทีนี้จะทำยังไง ไอ้เจิดมันก็หนี ไปแล้ว แทนที่มึงจะยอมๆเป็นเมียพ่อจอมเขา มึงปิดปากเงียบๆไว้ก็ไม่มีใครเขารู้หรอกว่ามึงไปเสียท่าไอ้เจิดมัน เด็กในท้องมันอาจจะโชคดีได้เป็นลูกพ่อจอมเขา ความโง่ของมึงคนเดียว มันทำให้กูต้องอับอายขายขี้หน้าชาวบ้านเขาไปด้วย"

"พ่อ...หยุดพล่ามซะทีได้ไหม แค่นี้ดวงใจมันก็เหมือนตายทั้งเป็นแล้ว พ่อจะมาซ้ำเติมมันอีกทำไม" สายใจปราม แต่มิ่งหาได้ยั้งปาก ยังกระแทกเสียงด่าดวงใจอย่างฉุนเฉียว

"อีตัวซวย มึงไม่น่าเกิดมาเป็นลูกกูเลย"

มิ่งโกรธจนขาดสติโถมเข้ามาจะตบตีดวงใจ สายใจรีบกางกั้น ขณะที่ดวงใจลุกขึ้นวิ่งร้องไห้ออกไปด้วยความเสียใจ เชนเฝ้าดูเหตุการณ์โดยตลอดรีบวิ่งตามไปห้ามดวงใจที่กำมือทุบท้องตัวเอง

"ปล่อยฉัน อย่ามายุ่งกับฉัน"

ดวงใจดิ้นรนและทุบตีเชนพัลวัน เชนยืนนิ่งปล่อยให้เธอทุบโดยไม่ปัดป้อง

"คุณดวงใจจะทุบตีผมให้ตายก็ได้ครับ แต่ผมขออย่างเดียว อย่าทำร้ายตัวเอง อย่าทำร้ายลูกในท้องอีกเลยนะครับ เขาไม่ได้มีความผิดอะไร"

"มันเกิดมาทำให้ฉันต้องอับอาย ฉันจะเอามันไว้ทำไม"

"แต่มันเป็นบาปนะครับคุณดวงใจ ยังไงเขาก็เกิดมาแล้ว"

"ฉันอยากตาย..."

"คุณดวงใจครับ ถ้าคุณดวงใจเป็นอะไรไปแล้วคนที่เขารักคุณดวงใจละครับ เขาจะอยู่กันยังไง คุณดวงใจคิดบ้างรึเปล่าครับ"

"ฉันจะมองหน้าใครได้ มันเกิดมาเป็นลูกไม่มีพ่อ มันน่าอับอาย"

"แต่ผมไม่อายนี่ครับ ผมยินดีจะรับเขาเป็นลูกของผมเองก็ได้ครับคุณดวงใจ"

ดวงใจตะลึง แล้วโผเข้ากอดเชน ร้องไห้สะอึกสะอื้นกับอกเขาอย่างหนัก...ตกเย็นคอนรู้ข่าวนี้จากสายใจก็พลอยเวทนาสงสารดวงใจไปด้วย

"น่าสงสารดวงใจมันจริงๆ เวรกรรมอะไรของมันก็ไม่รู้ แล้วนี่พ่อจอมพ่อเจิดเขาจะรับผิดชอบไหมล่ะสายใจ"

"โธ่ป้า จะไปหวังอะไรกับไอ้พวกสันดานหยาบอย่างมัน"

"ทำไมช่างไม่กลัวบาปกรรมกันเลยหนอคนเรา"

"ก็มันมาจากนรกกัน ยังไงมันก็ไม่กลัวหรอกจ้ะป้า คิดถึงพี่คล้าวจังเลย เมื่อไหร่จะกลับมาซะทีก็ไม่รู้ มัวแต่ระเริงอยู่ในกรุงเทพฯ ไม่คิดห่วงคนทางนี้บ้างเลยรึไง"

สายใจบ่นไม่ขาดคำ เสียงแตรวงของพวกคล้าวก็ดังแว่วมาแต่ไกล สายใจทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างในมือ หลับหูหลับตาวิ่งไปหาคล้าว ตั้งใจจะกอดให้หายคิดถึง แต่กลายเป็นว่าคล้าวหลบวูบไปหาแม่ สายใจเลยพุ่งเข้าสู่อ้อมกอดของหมู่น้อยเต็มรัก...

ด้านเชนที่พยายามปลุกปลอบดวงใจจนเธอสงบลงแล้ว แต่ดวงใจก็ยังไม่ยอมกินข้าวกินปลา เชนเป็นห่วงคะยั้นคะยอเธอมากๆ จึงโดนเธอแว้ดเข้าให้อีก

"ฉันบอกไม่กินก็ไม่กินสิ ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง จะไปไหนก็ไปอย่ามาเซ้าซี้...รำคาญ"

"ผมขอโทษครับ ถ้าผมทำให้คุณดวงใจโกรธ ต่อไปนี้ ผมจะไม่กวนใจคุณดวงใจอีกแล้วครับ"

เชนค่อยๆถอยออกไป ดวงใจน้ำตาไหลพราก สภาพจิตใจที่บอบช้ำอยู่แล้วมาเจอเชนบอกรักยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าพอสำหรับความรักที่เชนมอบให้

รู้ข่าวว่าพวกคล้าวกลับมาจากกรุงเทพฯกันแล้ว เพชรกับหมึกแอบมาหาคล้าวถึงบ้าน ชื่นชมคล้าวว่าเท่มากตอนที่ร้องเพลงกับพี่ทองกวาว คล้าวสงสัยว่ารู้กันได้ยังไง ทั้งคู่บอกว่าดูจากโทรภาพ ดูกันทั้งตลาด คล้าว จึงอยากรู้ว่าอาก้อนกับอาทับทิมว่ายังไงบ้าง

เพชรเล่าว่าแม่เป็นใบ้ไปตั้งหลายชั่วโมง ส่วนพ่อก็เป็นลมสามรอบ  พอรุ่งขึ้นแกก็รีบเข้ากรุงเทพฯไปทั้งสองคนเลย... คล้าวนิ่วหน้าแปลกใจ เดาไม่ถูกจริงๆว่าสองผัวเมียรีบร้อนไปเพื่ออะไร

ส่วนพวกแว่นที่กลับไปยังร้านตัดผมในตลาด ปรากฏว่าบัดนี้ร้านได้ถูกตกแต่งทาสีใหม่จนจำแทบไม่ได้ นั่นก็เพราะเป็นคำสั่งของจอมที่เห็นว่าแว่นทิ้งร้านเงียบหายไปนาน ค่าเช่าก็ติดค้าง จึงยึดคืนและให้ลูกน้องปรับปรุงเสียใหม่ โดยโยนอุปกรณ์ตัดผมของแว่นทิ้งกองขยะแถวนั้น

แว่น ตี๋ ไข่ ไม่พอใจอย่างมาก ทุ่มเถียงกับลูกน้องของจอมอยู่พักหนึ่ง ก่อนทั้งหมดจะล่าถอยออกมาเพราะพวกนั้นไม่ยอมคืนร้านและเริ่มจะใช้ความรุนแรง ฝ่ายคอนที่ถูกจอมยัดเยียดความเป็นหนี้ให้ก็พยายามจะเล่าให้คล้าวฟัง แต่คล้าวซึ่งมั่นใจว่าตนไม่มีหนี้สินอะไรกับจอมชิงตัดบทจนคอนพูดไม่ออก แล้วคล้าวก็รีบร้อนออกจากบ้านไปตลาด เพื่อเอาเส้นผมของทองกวาวที่ได้มาไปใส่กรอบพลาสติกเล็กๆ สำหรับห้อยคอติดตัวไว้

แว่นผ่านมาเห็นคล้าวตรงหน้าร้าน นึกว่าคล้าวได้พระดีเอามาเลี่ยมใส่กรอบห้อยคอ แต่ดึงมาดูยังไงก็ไม่ใช่พระเครื่อง คล้าวจึงเฉลยว่าเป็นเส้นผมทองกวาวที่ให้ตนไว้ก่อนที่เราจะกลับจากกรุงเทพฯ

"โอ้โฮ นี่เอ็งลงทุนขนาดเอามาเลี่ยมกรอบห้อยคอเลยเหรอวะ"

"ก็เออน่ะสิ ข้าจะได้เอาไว้เตือนใจว่าทองกวาวอยู่ใกล้ข้าตลอดเวลา อีกอย่างข้าจะได้มีกำลังใจทำงานเก็บตังค์เอาไว้รอทองกวาวกลับมาไง"

"ข้าละทึ่งเอ็งจริงๆเลยว่ะคล้าว ข้าว่าความรักที่ข้ามีต่อบุปผาน่ะมันยิ่งใหญ่แล้วนะโว้ย แต่ของเอ็งมันยิ่งใหญ่กว่าของข้าอีกว่ะ ขอไหว้ทีเถอะ นับถือจริงๆ"

แว่นทำจริงๆจนคล้าวตกใจรับไหว้แทบไม่ทัน...ส่วนนายเชนลูกจ้างคนซื่อที่รักและจริงใจกับนายจ้างสาวที่ตอนนี้เธอกำลังเผชิญชะตากรรมอันโหดร้ายกลายเป็นแม่คนอย่างไม่เต็มใจ แต่เชนก็ไม่รังเกียจที่จะรับเป็นพ่อของเด็ก แถมยังดูแลเอาใจใส่เธอสารพัด ไม่ยอมให้เธอหยิบจับทำงานอะไรเลย

ooooooo

ด้านก้อนกับทับทิม พอไปถึงบ้านทองคำก็เปิดฉากต่อว่าต่อขานทองกวาวทำงามหน้าไปกอดกับคล้าวกลางจอโทรภาพ ทำให้พ่อแม่อับอายขายหน้าไปทั้งหนองทรายขาว ทองกวาวแปลกใจกับท่าทีของพ่อแม่ ที่มีต่อคล้าว แต่ไม่ทันจะพูดอะไร ทองคำเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน แถมพ่อกับแม่ก็ยังไม่หยุดโวยวายตำหนิเธอว่าไม่รักดี ทองกวาวเลยวิ่งร้องไห้เสียใจออกไปจากตรงนั้น

เป็นเรื่องทันที ทองคำสงสัยว่าก้อนกับทับทิมเป็นอะไร ทำไมถึงดุลูกรุนแรงอย่างนั้น สองผัวเมียได้โอกาสปั้นเรื่องใส่ร้ายคล้าวสารพัดสารเพ ล้วนแต่เป็นเรื่องเลวทรามต่ำช้า แล้วสรุปว่ามันหวังจะมาหลอกลวงทองกวาวที่ซื่อใสไร้เดียงสา พวกตนจึงต้องพาทองกวาวกับบุปผามาเรียนตัดเสื้อ แต่ไม่นึกเลยว่ามันจะตามราวีมาถึงกรุงเทพฯ

"นี่ถ้ามีผู้ชายดีๆ ไม่ต้องรวยมากก็ได้มารักมาชอบมัน ฉันก็จะยกๆให้เขาไปให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย ฉันจะได้นอนตายตาหลับ ทุกวันนี้มันกลุ้มเหมือนมีไฟสุมอยู่ในหัวอก"

ก้อนทิ้งท้ายได้เนียนมากๆ จนทองคำเชื่อสนิท รู้สึกเห็นใจหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่เหลือเกิน...ส่วนทองกวาวที่บนห้องยังสะอึกสะอื้นเสียใจไม่เลิก บุปผาปลุกปลอบด้วยความสงสาร

"อย่าร้องไห้ไปเลยนะทองกวาว ถ้าเราคิดว่าเราทำถูกแล้วก็ไม่เห็นต้องเสียใจเลยนี่"

"มาถึงก็ด่าเอาๆอย่างนี้จะไม่ให้ทองกวาวเสียใจได้ยังไง พ่อน่าจะฟังเราสองคนบ้าง"

"ลุงกับป้าแกก็เป็นยังงี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่นา ทองกวาว ช่างเถอะ อย่าไปคิดมาก"

"แล้วที่เคยสัญญากันเอาไว้ว่าเรียนจบจะให้แต่งงาน พ่อลืมไปแล้วรึไง ทำไมต้องโกรธขนาดนี้ด้วย"

"ลุงกับป้าเขาคงอยู่ในช่วงทำใจมั้ง ถ้าเราจิตใจหนักแน่นซะอย่างเดี๋ยวอะไรก็ดีขึ้นเองแหละ"

บุปผาคาดหวังในทางที่ดี แต่หารู้ไม่ว่าตัวเองกำลังคิดผิด เพราะก้อนกับทับทิมได้ปั้นเรื่องใส่ร้ายคล้าวจนทองคำเชื่อสนิทไปแล้ว และเวลานี้สองผัวเมียก็กำลังประจ๋อประแจ๋อยู่กับธรรมรักษ์และธีระที่เพิ่งมาถึง หลังรู้ข้อมูลของสองหนุ่มจากการแนะนำของทองคำ

ก้อนกับทับทิมเป็นปลื้มธรรมรักษ์กับธีระเอามากๆ ขณะที่สองหนุ่มก็รู้งานวางตัวอ่อนน้อมน่ารักจนได้รับคำชมจากสองผัวเมียไม่ขาดปาก สักครู่ทับทิมก็ขอตัวขึ้นไปตามทองกวาวกับบุปผาให้ลงมาต้อนรับสองหนุ่ม แต่สองสาวทำหน้าเหม็นเบื่อ โดยเฉพาะทองกวาวนั้นเบื่อมากถึงขนาดบอกกับแม่ว่า เธอไม่อยากฝืนใจลงมาปั้นหน้าหลอกใครต่อใครแม้แต่ตัวเอง

ooooooo

คล้าวแทบล้มทั้งยืนเมื่อจอมเอาสัญญาเงินกู้สามหมื่นที่มีลายนิ้วมือของคอนมายืนยัน ส่วนคอนก็เอาแต่ร่ำไห้รำพึงรำพันว่าแม่ผิดเอง แม้คล้าวจะรู้ว่าถูกโกง แต่ก็ไม่มีปัญญาทำอะไรจอมได้ จำต้องก้มหน้ายอมรับด้วยความเจ็บแค้น

"ต้นสามหมื่น ดอกอีกห้าพัน อีกสองอาทิตย์ครบกำหนดชำระ ถ้าเอ็งไม่มีปัญญาจะจ่ายทั้งต้นทั้งดอก เอ็งสองคนแม่ลูกก็เตรียมย้ายออกไปจากที่นี่ได้ เอ็งจะว่ามันไม่ยุติธรรมไม่ได้หรอกไอ้คล้าว บ้านเมืองมีขื่อมีแป มีกฎหมายให้ทุกคนทำตาม แล้วข้าก็ทำทุกอย่างตามกฎหมายนี่หว่า จริงไหมวะ"

จอมหัวหมอแล้วก็หัวเราะร่าไปกับสมุน ก่อนจะชักแถวกันออกไปอย่างผู้มีชัย ทิ้งให้คนจนขี้แพ้อย่างสองแม่ลูกต้องกล้ำกลืนความคับแค้นเจ็บปวดเอาไว้ในอก

"คล้าวเอ๊ย แม่ผิดเอง"

"แม่จ๋า...แม่อย่าพูดอย่างนั้น แม่ไม่ผิดหรอก แต่ไอ้พวกใจทรามหากินบนหลังคนอื่นนั่นต่างหากที่ผิด"

"เขาอยากยึดบ้านยึดนาของเราก็ให้เขาไปเถอะนะลูก เขามีอำนาจมีพวกมาก เราจะลำบากเปล่าๆ แถบวัดน้อยนั่นน่ะ เขายึดเอาไปเป็นของเขาจนหมดแล้ว"

"มันคงคิดจะเป็นเจ้าของหนองทรายขาวคนเดียวให้ได้ หนูจะไม่ยอมให้มันมายึดบ้านยึดนาที่ปู่ย่าตายายอุตส่าห์สร้างสมเอาไว้ให้ง่ายๆหรอกจ้ะแม่"

คล้าวเดินไปเปิดคอกควาย จูงควายสองตัวออกมา พลางบอกแม่ว่า

"แม่ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ หนูเห็นนาทางเหนือเขาเริ่มเกี่ยวข้าวกันแล้ว หนูจะไปรับจ้างเขา ส่วนไอ้ฉ่ำ อีแฉะ หนูจะเอาไปด้วย เผื่อจะมีใครอยากจ้างให้มันนวดข้าวจ้ะ"

ว่าแล้วคล้าวก็กระโจนขึ้นหลังไอ้ฉ่ำ และจูงอีแฉะออกไป

ooooooo

ตกกลางคืน เสือผาดนำแก้วแหวนเงินทองที่ปล้นมาได้มาขายต่อให้จอมที่รับซื้อไม่อั้น ซึ่งครั้งนี้มีของถูกใจเป็นพระพุทธรูปทองคำมาด้วย จอมเลยชมเสือผาดไม่ขาดปาก แต่เสือผาดกลับบอกว่าพระองค์นี้ไม่ใช่ฝีมือของตน เป็นฝีมือลูกน้องคนใหม่ที่เพิ่งได้มา และกำลังจะเอามันมาฝากให้อยู่กับพี่จอม ให้พี่จอมเลี้ยงดูมันตลอดไป

"ดีๆๆ ขอบใจไอ้ผาด ได้ลูกน้องดีๆ ข้าไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว เรียกมันออกมาดูตัวกันหน่อยซิ"

เสือผาดตบมือเป็นสัญญาณ...ทันใดเจิดในมาดใหม่หน้าเหี้ยมก็ตรงเข้ามากราบจอม จอมตะลึงตาค้างแทบจำลูกตัวเองไม่ได้

"สวัสดีพ่อ เห็นผลงานของฉันแล้ว พ่อจะรับฉันกลับมาอยู่ที่นี่ได้รึยัง"

"ไอ้เจิด...ไอ้ลูกรักของพ่อ" จอมหัวเราะลั่น สวมกอดลูกชายด้วยความภาคภูมิใจ...

คืนเดียวกันที่กรุงเทพฯ ธรรมรักษ์พาพวกก้อนไปเที่ยวไนต์คลับของตน เลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีเป็นที่ประทับใจของสองผัวเมีย แต่สำหรับทองกวาวกับบุปผาที่ถูกลากมาด้วย พวกเธอทั้งเบื่อทั้งเซ็งอยากจะหนีกลับเสียให้ได้ ถ้าไม่ติดว่าเป็นห่วงก้อนกับทับทิม

ooooooo

หลังจากไปติดต่อเจรจากับเจ้าของนาไว้แล้วเมื่อวาน เช้าวันนี้คล้าวจึงกระวีกระวาดออกไปรับจ้างเกี่ยวข้าวเพื่อรวบรวมเงินไว้ใช้หนี้จอม ขณะที่คล้าวกำลัง อาบเหงื่อต่างน้ำเกี่ยวข้าวอยู่กลางแดดเปรี้ยง จู่ๆเจิด กับสมุนก็เข้ามาหาเรื่อง แล้วราดน้ำมันก๊าดลงนาข้าวก่อนจุดไฟเผาอย่างรวดเร็วโดยที่คล้าวสุดปัญญาที่จะทัดทานได้

เมื่อนาข้าวถูกเผาวายวอดหมด คล้าวถูกเจ้าของนาก่นด่าไม่มีชิ้นดีต่อหน้าหลวงพ่อที่วัด แว่นเถียงแทนเพื่อน ให้เขาไปเอาผิดกับไอ้เจิดที่เป็นฝ่ายมาหาเรื่อง แต่สองผัวเมียเจ้าของนาก็ไม่ฟัง จะเอาเรื่องคล้าวลูกเดียว ทำให้แว่นโมโหทำท่าจะวางมวย ตี๋ ไข่ และหมู่น้อยต้องเข้าห้ามกันพัลวัน

ที่สุดคล้าวก็ตัดสินใจรับผิดเอง รับปากว่าจะชดใช้ให้ เป็นเงิน เจ้าของนาพอใจรีบให้หลวงพ่อเป็นพยาน แล้วกราบลาท่านกลับไปในทันที

"หน้าเลือดกันจริงๆ นี่ไอ้คล้าว ทำไมเอ็งต้องเอาภาระมาแบกเอาไว้ด้วยวะ ถ้าเขาจะเอาเรื่องก็ให้ไปเอาเรื่องพวกไอ้เจิดโน่นสิ"

"ไม่มีทางหรอกไอ้แว่น ขืนไป พวกมันก็รังแกเอาเปล่าๆ ชาวบ้านตาดำๆ สู้อะไรพวกมันไม่ได้หรอก"

"เอ็งก็เลยคิดจะแบกภาระเอาไว้คนเดียวซะเองยังงี้ มันจะไหวเหรอวะคล้าวเอ๊ย"

"คงไม่ถึงตายหรอกครับหลวงพ่อ"

"ร้านตัดผมของข้าไอ้จอมมันก็ยึดเอาไปแล้ว พวกข้าเลยต้องมาอาศัยนอนศาลาวัดเนี่ย เดี๋ยวนี้พวกมันอยากได้อะไร มันก็ใช้กำลังข่มเหงเอาทั้งนั้นเลย"

ตี๋เสริมขึ้นอย่างคับแค้นใจไม่แพ้กันว่า ชาวบ้านคนอื่นก็โดนมันบีบเอาเหมือนกัน ไข่เองก็สุดทนตะโกนลั่นว่า

"นี่มันคิดจะครองหนองทรายขาวให้ได้เลยรึไงวะ"

"ไม่มีทางหรอกว่ะไอ้ไข่ ความชั่วมันจะชนะความดีไปได้ยังไง" คล้าวเชื่อมั่นอย่างนั้น แต่แล้วก็อดเป็นกังวลไม่ได้ เมื่อหลวงพ่อเปรยขึ้นมาว่า

"นี่ถ้ามันหนักข้อหนักมือขึ้นไปกว่านี้ เห็นทีบ้านหนองทรายขาวของเราจะต้องลุกเป็นไฟแน่ๆทีเดียว"

ooooooo

หลังจากพาก้อนกับทับทิมไปดื่มไปดิ้นสนุกสุดเหวี่ยงที่ไนต์คลับมาแล้วเมื่อคืน พอวันรุ่งขึ้นธรรมรักษ์กับธีระก็ยังมารับทั้งคู่ออกไปท่องเที่ยวสถานที่สำคัญของกรุงเทพฯอีก และแน่นอนว่าเมื่อก้อนกับทับทิมไป ทองกวาวกับบุปผาก็จำใจต้องไปด้วยเหมือนกัน

สองหนุ่มตีสนิทก้อนกับทับทิมได้อย่างรวดเร็วง่ายดาย เพราะสองผัวเมียนั่นอยากได้ทั้งคู่เป็นเขยอยู่แล้ว แต่ยังไงก็ต้องกำจัดคล้าวกับแว่นให้อยู่หมัดเสียก่อน ดังนั้นในการไปเที่ยวครั้งนี้ก้อนกับทับทิมจึงวางแผนให้หนุ่มสาวสองคู่ถ่ายรูปคู่กันในลักษณะแนบชิด บางรูปถึงโอบกอดราวกับเป็นแฟนกันจริงๆ ทั้งที่ทองกวาวกับบุปผาไม่ได้มีใจให้สองหนุ่มนั้นเลยสักนิด

พาทุกคนเที่ยวเกือบทั้งวันจนธรรมรักษ์รู้สึกเหนื่อยล้า พอกลับไปบ้านเจอฤทัยหน้างอคาดคั้นเขาหายไปไหนมา ธรรมรักษ์ไม่พอใจถึงกับแสดงท่าทีดุดันรำคาญใส่ฤทัยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

"โว้ย...น่าเบื่อจริงๆว่ะ คำถามแบบนี้"

"คุณธรรมรักษ์ คุณกล้าพูดกับฤทัยอย่างนี้เหรอคะ"

"นี่ฤทัย...ผมจะไปไหนมาไหนมันก็เรื่องของผม ทำไมจะต้องมาคอยซักไซ้ด้วย ไม่รู้รึไงว่ามันน่ารำคาญ ผมจะมีเวลาเป็นส่วนตัวของผมไม่ได้รึไง น่าเบื่อ"

"คุณไปมีใครที่ไหน บอกมาเดี๋ยวนี้นะ" ฤทัยเข้าฉุดกระชากธรรมรักษ์ด้วยความหึงหวงโมโห

"ปัดโธ่โว้ย พูดจาไม่รู้เรื่องรึไง จะไปไหนก็ไปไป๊"

"คุณไล่ฤทัย..."

"เออ รู้ว่าไล่แล้วก็ไปสิ...ไป๊"

"แสดงว่าฤทัยไม่มีความหมาย หมดความสำคัญต่อคุณแล้วใช่ไหมคะ"

"ถ้าเข้าใจยังงั้นได้มันก็ดี"

ฤทัยอึ้งหนัก พอธรรมรักษ์จะเดินออก เธอคว้าของใกล้มือเขวี้ยงใส่หลังเขาอย่างแรง

"อ้อ...เดี๋ยวนี้มึงกล้าหือกูเหรอ" เขาหยาบคายขึ้นมึงขึ้นกูแล้วปราดเข้ามาตบหน้าฤทัยหลายทีจนเธอล้มลงกับพื้น แล้วตวาดไล่อย่างไม่มีเยื่อใย "ไสหัวไปเลยนะ จะไปไหนก็ไป"

ฤทัยตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากร้องไห้ตัวโยนขณะมองตามเขาที่ผลุนผลันออกไป

ooooooo

เมื่อได้รูปถ่ายที่ต้องการมาเก็บไว้กับตัวเรียบ ร้อยสมใจแล้ว ก้อนกับทับทิมก็ตั้งใจจะกลับหนองทรายขาวพรุ่งนี้เช้าเลย

"อ้าว...ทองกวาวนึกว่าพ่อจะรอกลับพร้อมทองกวาวซะอีก"

"ไม่ได้ๆๆ หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็รอไม่ได้ พ่อมีธุระต้องรีบไปจัดการ ธุระสำคัญซะด้วยนะ"

"อ๋อ ฉันนึกออกแล้วละ ลุงกับป้าคงอยากรีบกลับไปเตรียมงานของเราไง ใช่ไหมจ๊ะลุง ใช่ไหมจ๊ะป้า" บุปผาถามยิ้มๆ

"เออ ก็งานของพวกเอ็งทั้งนั้นแหละ ข้าจะรีบไปจัดการธุระให้มันเรียบวุธลงไป เอ๊ย ให้มันเรียบร้อยไปเลย ใช่ไหมแม่ทับทิม"

"จ้ะๆ ให้เรียบร้อยราบคาบ"

"พ่อจ๊ะ งั้นทองกวาวฝากบอกพี่คล้าวด้วยนะจ๊ะ ว่าทองกวาวเรียนจบจะกลับไปหนองทรายขาวอาทิตย์หน้าแล้ว"

"ลุงจ๋าลุง ฝากบอกพี่แว่นด้วยว่าบุปผาคิดถึงพี่แว่นคนเดียว คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว"

สองผัวเมียฝืนยิ้มทั้งที่ใจเดือดปุดๆ จำต้องรับปากสองสาวว่าไม่มีปัญหา ข้าจะไปบอกพวกมันให้

ooooooo

คล้าวเองก็ตั้งตารอการกลับมาของทองกวาวถึงกับคอยนับวันในปฏิทิน แว่นซึ่งย้ายจากวัดมาอยู่ บ้านคล้าวเห็นแล้วยิ่งทึ่งในความรักของคล้าวที่มีต่อทองกวาว

เมื่อคืนนับวันดูแล้วเหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เดียว

ทองกวาวกับบุปผาก็จะเรียนจบกลับหนองทรายขาว ทั้งคล้าว

และแว่นพากันตื่นเต้น แล้วเช้านี้ยิ่งตื่นเต้นกันใหญ่เมื่อเพชรกับหมึกมาตามทั้งคู่ให้ไปรับก้อนกับทับทิมที่ท่าเรือ

"เร็วๆสิพี่ พ่อกับแม่กลับมาจากกรุงเทพฯ แล้ว" เพชรเร่งยิกๆ คล้าวเลยอดถามไม่ได้ว่าทองกวาวกลับมาด้วยหรือเปล่า "ไม่ได้มา แต่ฉันถ่วงเวลาพ่อกับแม่ไว้ที่ท่าเรือ ให้พี่เป็นคนไปรับ เร็วๆสิ พี่จะได้ได้หน้า"

"ไปเหอะคล้าว ไปช่วยหิ้วกระเป๋าให้แกกัน เราสองคนจะได้ได้หน้า"

แว่นกระดี๊กระด๊าขึ้นมา คล้าวก็เห็นดีด้วย สองคนจึงตาลีตาลานตามเพชรกับหมึกไป พอไปถึงท่าเรือซึ่งก้อนกับทับทิมกำลังกระวนกระวายรอคอย เพชรกับหมึกทำทีเป็นหิ้วสัมภาระไม่ไหว เพื่อเปิดทางให้คล้าวกับแว่นอาสาเข้ามาช่วย

เพียงแค่เห็นสองหนุ่มเยี่ยมหน้าเข้ามา ทับทิมก็เตรียมตั้งท่าจะขับไล่ แต่ก้อนกลับยินยอมด้วยดี แถมพอไปถึงบ้านก้อนก็ยังเอ่ยปากขอบใจ คล้าวกับแว่นจึงถือโอกาสถามก้อนว่า ทองกวาวกับบุปผาจะกลับมาอาทิตย์หน้าแล้วใช่ไหม

"ยังไงก็ไม่รู้สิ เห็นเปรยๆว่ากำลังเรียนสนุก อยากจะเรียนต่ออีกซักปีนึง"

"ไม่ใช่มั้งจ๊ะ ทองกวาวรับปากฉันไว้ว่าเรียนจบแล้วจะรีบกลับมาเลย อาก้อนอาทับทิมฟังมาผิดรึเปล่าจ๊ะ"

"ก็ไม่รู้ ข้าได้ยินมายังไง ข้าก็ว่าไปยังงั้น ไปแม่ทับทิม... ขึ้นบ้าน" พูดแล้วก้อนทำเป็นชะงักเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ "เออ...ข้าเกือบลืม ทองกวาวกับบุปผามันฝากจดหมายมาถึงเอ็งสองคนด้วย"

สองหนุ่มดีใจจนเนื้อเต้น เพชรกับหมึกพลอยไชโยโห่ร้องไปด้วย

"แต่เอ...มันอยู่ในกระเป๋าใบไหนวะเนี่ย แม่ทับทิม"

"เดี๋ยวต้องลองค้นๆดูก่อน"

แล้วกระเป๋าทุกใบก็ถูกยกขึ้นมาวางกลางบ้าน สองผัวเมียทำเป็นเปิดค้นพลางก็แอบขยิบตากันอย่างมีแผน

"เอ...อยู่ในถุงใบนี้รึเปล่านะ"   ทับทิมแกล้งเทถุงกระดาษทำให้รูปถ่ายมากมายร่วงลงมา "ว้ายตายแล้ว ร่วงหมดเลย"

"อ้าว อะไรล่ะแม่ทับทิม ช่วยกันเก็บหน่อยซิ" ก้อนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าอะไรร่วงลงมา คล้าวกับแว่นกุลีกุจอเข้ามา ช่วยกันเก็บ คล้าวบอกว่ารูปทั้งนั้นเลย แต่พอเห็นรูปพวกนั้นเต็มตา คล้าวถึงกับหน้าถอดสี ขณะที่แว่นก็นิ่งอึ้งไปเลย ส่วนเพชรกับหมึกมองคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างแปลกใจ

"อุ๊ย รูปอะไร ทำไมมันถึงได้มากมายนักล่ะพี่"

"ก็รูปพ่อธรรมรักษ์ พ่อธีระ แฟนทองกวาว แฟนบุปผามันไง"

เพชรกับหมึกตกใจ ถามย้ำว่าใช่แน่หรือ ก้อนตอบรับเสียงดังฟังชัด ทำเอาแว่นเลิ่กลั่กแต่ยังไม่เชื่อ

"ไม่ใช่มั้งจ๊ะลุงก้อน ลุงก้อนเข้าใจผิดแล้วละ ฉันนี่ไงจ๊ะแฟนบุปผา แล้วไอ้คล้าวนี่ไงแฟนทองกวาว"

"เอ็งดูซิไอ้เพชร ไอ้หมึก ว่าที่พี่เขยเอ็งสองคนหล่อไหมวะ"

"ไม่หล่อ ดูยังไงก็ไม่หล่อ"

"หล่อสู้พี่คล้าว พี่แว่น ไม่ได้หรอกจ้ะลุง"

"เอ็งสองคนมันตาต่ำ แบบนี้เขาเรียกหล่อแบบคนกรุงเทพฯ โว้ย พ่อธรรมรักษ์กับพ่อธีระน่ะเขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงที่สุดเอ็งรู้รึเปล่า"

"แล้วเขาก็มีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่งด้วยนะ ไม่ได้อยู่อย่างซังกะตายไปวันๆอย่างคนบางคนหรอก"

"แล้วไอ้ที่สำคัญน่ะนะ เขารวยมากนะโว้ย พี่สาวเอ็งสองคนมันตาแหลม ไม่ทำให้พ่อผิดหวังจริงๆ แล้วเขาก็ร่ำๆจะเอาเถ้าแก่มาสู่ขอ พ่อจะเรียกไปคนละยี่สิบสามสิบหมื่นก็ได้ ไม่มีปัญหา"

ว่าแล้วสองผัวเมียก็หัวเราะร่าอารมณ์ดี แต่คล้าวกับแว่นหน้าชา เหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางใจ อื้ออึงไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นและได้ยิน

"อ้าว ไอ้แว่น ไอ้คล้าว...ตายละพี่ มันเลยรู้เลยเห็นหมดเลย" ทับทิมแสร้งตกใจ

"ไม่เป็นไรหรอกน่าแม่ทับทิม คนอื่นคนไกลกันที่ไหน ก็เพื่อนบ้านกันทั้งนั้น เขาจะได้ร่วมแสดงความยินดี เอ้า เอ็งจะเอาไปดูให้หมดเลยก็ได้ ข้าไม่หวงหรอก เอาไปเหอะ"

ก้อนยัดเยียดรูปถ่ายใส่มือคล้าว แล้วเรียกเพชรกับหมึกให้มาช่วยกันขนข้าวของเข้าไปเก็บในห้อง...

ooooooo

สองหนุ่มแทบหมดเรี่ยวแรงกลับไปพร้อมรูปถ่าย

ที่ก้อนยัดเยียดมาให้ ตี๋ ไข่ หมู่น้อย พอเห็นรูปก็พากันสงสารเพื่อนรัก แว่นอาการหนักถึงกับฟูมฟาย ทุรนทุรายต่อหน้าหลวงพ่อ

"หลวงพ่อครับ ไอ้แว่นขอบวชไม่ยอมสึก จะขอตายในผ้าเหลือง จะขอยึดเอาพระศาสนาเป็นที่พึ่ง"

"ใจเย็นๆไอ้แว่น ใจเย็นๆ เอ็งอย่าเพิ่งตีโพยตีพาย ตีตนไปก่อนไข้ ไอ้เรื่องแบบนี้เอ็งต้องรู้จักฟังหูไว้หู เอ็งจะฟังความข้างเดียวมันไม่ได้"

"ใช่ เป็นตายยังไงข้าก็ไม่เชื่อหรอกว่าทองกวาว บุปผา จะหักหลังเรา ถ้ามันจะเป็นจริงขึ้นมาละก็ ข้าขอเห็นกับตา ข้าขอได้ยินจากปากทองกวาวเท่านั้น" คล้าวปลอบใจตัวเอง แว่นเหมือนได้คิดเข้ามากอดคอคล้าว พูดทั้งน้ำตา

"ใช่...มันต้องไม่จริงนะคล้าว บุปผาต้องยังรักข้าอยู่เหมือนเดิมนะคล้าวนะ"

"ใช่...มันต้องไม่จริง ความรักน่ะมันไม่ได้สร้างขึ้นมาวันเดียวคืนเดียวเมื่อไหร่ กว่าต้นรักมันจะเจริญเติบโตงอกงามออกดอกให้ได้ชื่นใจขนาดนี้   มันจะหักครืนลงในพริบตาได้ ยังไง เป็นไปไม่ได้หรอกแว่น"

แว่นรวบรวมกำลังใจสะอื้นไปฝืนยิ้มไป คล้าวค่อยๆดึงสร้อยที่คล้องกรอบใส่เส้นผมทองกวาวขึ้นมาจูบเบาๆ เรียกความมั่นใจกลับคืนมา...

ด้านสองผัวเมียจอมแผนการ หลังทำให้คล้าวกับแว่นผิดหวังเสียใจกลับไปแล้ว ทั้งคู่ก็นั่งๆนอนๆยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข

"แหมพี่...ฉันละอยากจะไปตลาดจริงๆนะเนี่ย อยากไปดูหน้าไอ้คล้าวไอ้แว่นว่าป่านนี้มันจะขาดใจตายไปรึยัง"

"ปัดโธ่...ทำใจร้อนเป็นสาวๆไปได้แม่ทับทิม ขืนกระโตกกระตากไปตอนนี้เดี๋ยวไก่ตื่นหมด"

"แล้วหลังจากนั้นล่ะจ๊ะพี่"

"เอ๊า ถ้าพูดมากไป เดี๋ยวใครเขาจะหาว่ามันเป็นเรื่องไม่จริง ฮ่ะๆๆ เรื่องนี้ต้องลือกันจนดังไปทั่วหนองทรายขาว แล้วเราค่อยตีตลบหลังอีกทีนึง"

"แล้วหลังจากนั้นล่ะจ๊ะพี่"

"อ้าว...ถามได้ หลังจากนั้นเราก็รุกฆาตมันไปเลยน่ะสิ"

สองผัวเมียกระหยิ่มยิ้มย่องที่แผนลุล่วงไปแล้วขั้นหนึ่ง ส่วนเพชรกับหมึกซึ่งไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง แต่ทั้งคู่ก็รู้สึกสงสารคล้าวถึงขนาดแอบไปปลอบใจกันถึงบ้าน แล้วก็ยืนยันด้วยว่ายังไงตนก็อยากได้พี่คล้าวเป็นพี่เขยเหมือนเดิม

ooooooo

มนต์รักลูกทุ่ง

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด