สมาชิก

ใยกัลยา

ตอนที่ 12

ระหว่างนี้ ทั้งเพลินพิศและบุรีต่างได้พบกับเหตุ- การณ์ประหลาด เพลินพิศได้รับกล่องของขวัญที่ข้างในใส่ซากสัตว์เน่ามีหนอนยั้วเยี้ย ส่วนบุรีหลังจากส่งขวัญอนงค์ที่คอนโดแล้ว ก็ได้กลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงในรถ

บุรีโทร.ถามขวัญอนงค์ว่านั่งรถมาได้กลิ่นเหม็นเน่าอะไรไหม ขวัญอนงค์อึกอักสุดท้ายบอกว่าคงไม่มีอะไรกระมัง แต่หารู้ไม่ว่า พุธกันยานั่งจ้องบุรีอยู่ที่เบาะหลัง

ขวัญอนงค์กลับถึงคอนโด แม่บ้านบ่นว่าได้กลิ่นเหม็นอะไรก็ไม่รู้ ซ้ำเมื่อเธอนอนก็ฝันว่าได้ยินเสียงน้ำไหลซู่ๆในห้องน้ำ ทำใจกล้าไปดูก็ไม่มีอะไร รุ่งขึ้นเธอโทร.ถึงบุรีแต่เช้าบอกว่าอยากพบ บุรีจึงขับรถไปรับเธอที่คอนโด

“ขวัญแน่ใจว่าเป็นกัลยา” ขวัญอนงค์บอกบุรีขณะนั่งรถไปด้วยกัน “ขวัญต้องขอโทษด้วยที่พูดอย่างนั้น กัลคงไม่พอใจที่เรา เอ้อ...สนิทกัน ขอสารภาพว่าขวัญกลัวเขาจริงๆ ไม่นึกเลยว่าวิญญาณเขายังอยู่ ยังไม่ยอมไปผุดไปเกิด” เห็นบุรีนั่งเงียบอย่างยุ่งยากใจ ขวัญอนงค์เลียบเคียงว่า “นี่หอมน้ำกับเพื่อนก็หายไป คงจะหลบหน้าเรื่องอื้อฉาว เมื่อวานพวกนักข่าวสืบกันใหญ่ว่าไปอยู่ที่ไหน หมอศวัสสนิทกับเด็กสองคนนั้นอาจจะรู้ว่าอยู่ไหน”

“คุณต้องไปถามเขาเอง...พอดีเช้านี้ผมมีธุระ คุณจะกลับเลยไหม”

เมื่อขวัญองค์จะกลับ บุรีขับรถบ่ายหน้าไปคอนโดของเธอ ต่างนั่งเงียบกันมาตลอดทาง

พอบุรีกลับถึงบ้านเจอนักข่าวมาดักรอสัมภาษณ์อยู่ห้าหกคน กว่าเขาจะฝ่าเข้าไปได้ก็เล่นเอาหงุดหงิด พอหอมรู้ เธอจะออกไปเผชิญหน้านักข่าวเองบอกว่าไม่อยากให้ใครเดือดร้อนเพราะตนอีกแล้ว ศวัสห้าม บุรีก็ปราม แต่เมื่อหอมรั้นที่จะออกไปให้ได้ ศวัสเลยอุ้มเธอขึ้นข้างบนท่ามกลางความงุนงงของบุรีกับเขนพาขึ้นห้องพักแขกแล้ว ศวัสสั่งห้ามหอมออกจากห้องเด็ดขาด อาหารการกินก็ให้แจ่มยกมาให้ หอมโต้แย้งและตัดพ้อว่า ไม่ยอมฟังตนเลย แล้วรั้นจะออกไปให้ได้ ถูกศวัสยืนขวาง สุดท้ายหอมบอกว่า “ไม่ไปก็ได้”

“ดี เธอควรคิดได้ตั้งนานแล้ว แล้วอย่าคิดจะทำอะไรนอกคำสั่งเด็ดขาด เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!” ศวัสปรามแล้วออกไป หอมนิ่ง แม้จะคิดว่าต้องหาทางออกไปให้ได้ แต่ก็อดหวาดๆกับท่าทีขึงขังของศวัสไม่ได้

ooooooo

อุ้มหอมขึ้นไปไว้ในห้องแล้ว ศวัสออกไปทำงาน ขณะขับรถผ่านนักข่าวที่ดักอยู่ เขาเปิดกระจกลงพูดเรียบๆว่า

“ขอโทษนะครับ ผมต้องรีบไปโรงพยาบาล มีคนไข้รออยู่หลายคน ขอบคุณมากครับ ขอบคุณแทนคนไข้ด้วย”

บรรดานักข่าวพากันหลีกทางให้ แต่ต่างชะเง้อมองเข้าไปหมายจะได้เห็นหอมเป้าหมายที่มาดักพบที่ห้องทำงานของเจค อุมาถามโค้กว่าหอมอยู่ไหน โค้กตอบอารมณ์เสียว่า ไม่รู้ๆๆ ทำไมไม่ไปถามเจ้านายดู เพลินพิศบอกว่าตนเป็นห่วงหอมมาก ถูกโค้กดักคอว่า

“อ้าว...เห็นออกทีวีทิ้งระเบิดใส่เขาฉอดๆ พอมาตอนนี้บอกเป็นห่วง ไม่มีใครเขาเชื่อหรอก”

“เพลินยอมรับว่าเพลินผิด แต่เพลินไม่ได้ตั้งใจ คุณวดีเขาขอให้เพลินพูด แล้วเพลินก็พูดความจริง เพลินเคยโกหกที่ไหน” โค้กกับพิไลส่ายหน้าระอาแล้วเดินออกไป

เมื่อเจคเข้ามา เพลินพิศอ้อนว่าเจคเองก็คงไม่เชื่อแต่ตนเสียใจจริงๆ ที่มีส่วนทำให้หอมน้ำต้องเดือดร้อน เจคบอกว่าไว้เจอหอมเมื่อไรค่อยขอโทษก็แล้วกัน แต่ตนไม่รู้อะไรทั้งนั้นจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ

“มันสำคัญยังไงถึงได้ช่วยกันปิด” เพลินพิศกระแทกตัวนั่งในรถอย่างหงุดหงิด ก่อนขับรถออกไป

เจคยู่ในห้องทำงานคนเดียว เขาบ่นอย่างฉุนเฉียว “มันอะไรกันนักหนา” แล้วกระแทกตัวลงนั่ง เหลียวไปรอบๆ เอ่ยเบาๆ “กัลยา คุณอยู่ที่นี่หรือเปล่า ถ้าอยู่ก็ช่วยส่งสัญญาณอะไรก็ได้ให้ผมรู้ด้วย ผมจะได้มีคุณอยู่ใกล้ๆตลอดเวลา”

แต่ทุกอย่างภายในห้องเงียบกริบ นิ่งสนิท เจคถอนใจอย่างผิดหวัง

ooooooo

ที่หน้าบ้านศวัส นักข่าวกลุ่มนั้นยังนั่งเฝ้าอยู่ พอเที่ยงก็กินข้าวกล่องกันแต่ตาก็คอยชำเลืองดูการเคลื่อนไหวภายในบ้าน เขนยังหลับอุตุ หอมไปแอบมองอยู่ที่หน้าต่าง เสียงพุธกันยาเอ่ยจากข้างหลังว่า

“พวกนี้เขาไม่ละความพยายามง่ายๆหรอก นอกจากจะมีประเด็นอะไรที่น่าสนใจไม่แพ้กันขึ้นมาใหม่” แล้วถามหอมว่า “เธอจะทำอย่างไรต่อไป”

หอมบอกว่าตนไม่ทราบ พุธกันยาอาสาจะจัดการให้เอาไหม หอมปฏิเสธทันทีว่า “ไม่ค่ะ” พุธกันยาเตือนว่า อย่าดื้อ เธอไม่มีวันทันพวกนั้นหรอก เขาจะต้องกดดันเธออย่างหนัก ตนมีประสบการณ์มาก่อนแล้ว หอมบอกว่า...

“ถ้าคุณพุธห่วงว่าหอมจะฆ่าตัวตายล่ะก็ หอมไม่มี วันทำอย่างนั้นแน่ค่ะ”

พุธกันยาเสียงเครียดว่าบอกแล้วว่าตนไม่ได้ฆ่าตัวตาย มันเป็นเหตุบังเอิญ หอมรีบขอโทษบอกว่าตนไม่ได้ว่าอย่างนั้น หอมเสียงดังมากจนเขนตื่น ถามหอมว่าคุณพุธหรือ? หอมพยักหน้า

“ไม่ต้องกลัว ตราบใดที่เรายังสวมสร้อยพระอยู่ เขาทำอะไรไม่ได้หรอก”

สิ้นเสียงเขนประตูก็เปิดออกแล้วปิดปัง! จนทั้งสองสะดุ้ง หอมบ่นว่าไหนว่าทำอะไรเราไม่ได้ไง เขนเฉไฉว่าเขาไม่ได้ทำเราแต่เขาทำประตู

ooooooo

วดีโดนหนักกว่าเพื่อน คืนนี้ขณะเข้านอนก็ได้ยินเสียงหมาหอนโหยหวน ทีแรกก็หอนกันเป็นฝูง แต่สุดท้ายเหลือหอนอยู่ตัวเดียว เป็นหมาดำตัวใหญ่มาก มันแหงนหน้ามาทางห้องของวดีแล้วหอนเอ๊า...หอนเอา

วดียังได้ยินเสียงคนเดินวนไปมาอยู่หน้าห้อง เปิดประตูไปดูก็ไม่เห็นใคร มีโทรศัพท์เข้าพอรับสายก็ได้ยินแต่เสียงครืดๆ...น่ากลัว เลยถอดปลั๊กออก แต่พอเข้านอนโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกทั้งที่ถอดปลั๊กแล้ว วดีถูกหลอกหลอนจนสุดท้ายต้องดึงผ้าห่มคลุมโปงด้วยความหวาดกลัว

รุ่งเช้ามาเล่าให้ฟังกัน ปรากฏว่าเพลินพิศก็โดนจังๆจนหัวโน เธอเล่าว่าตอนตีสามตนขับรถกลับบ้านอยู่ดีๆ ก็มีเหมือนคนปรากฏขึ้นตรงหน้า ตนเลยเบรกกะทันหันหัวโขกกระจกหน้ารถจนโน แต่พอจอดรถมองไปก็ไม่เห็นอะไรเลย เสียงเพลงในรถที่เปิดฟังอยู่ก็กลายเป็นเสียงหมาหอนโหยหวน อึดใจเดียวก็กลายเป็นหมาจริงเสียงจริงมาหอนอยู่ข้างรถ

“พอหลอกฉันเสร็จ มันคงไปหลอกเธอต่อ มันเฮี้ยนขึ้นทุกวัน เออ...ลิซซี่ได้ข่าวหอมบ้างหรือยัง?” วดีถาม

“ยังเลยค่ะ ที่บ้านคุณหมอของน้องเอิงก็ไม่มีวี่แวว” ลิซซี่พูดเอาใจเอิง วดีบอกว่าตนมั่นใจว่าหอมต้องอยู่ที่นั่น

“งั้นน้องเอิงจะเข้าไปดูเอง” เอิงระริกระรี้อยากไปบ้านศวัส

ooooooo

ศวัสกลับมาวันนี้พร้อมขวดน้ำมนต์ พอมาถึงก็ถามเขนว่ามีอะไรหรือเปล่า เขนบอกว่าไม่มี หอมปิดม่านหน้าต่างหมดและนอนนิ่งๆบนเตียง ศวัสถามว่าเอาสร้อยพระออกหรือเปล่า

“ไม่ค่ะ”

ฟังเขนแล้วศวัสขึ้นไปข้างบนทันที พอเข้าไปในห้องเขาเดินไปเปิดม่านหน้าต่าง โดยไม่รู้ว่าพุธกันยายืนกอดอกมองอยู่ หอมบอกว่าอย่าเปิด ก็ถูกดุว่าอยู่เข้าไปได้ยังไงมืดๆ แล้วยกเก้าอี้มานั่งตรงหน้าหอม บอกว่า

“ฉันแวะไปเอาน้ำมนต์หลวงพ่อมาให้” หอมบอกว่าไม่มีประโยชน์หรอก ส่วนพุธกันยาที่ฟังอยู่ด้วย รู้สึกผิดหวังอย่างมากที่ลูกเอาน้ำมนต์มาให้คนรักไล่แม่ ศวัสถามหอมว่า หมายความว่าเดี๋ยวนี้ท่านไม่กลัวน้ำมนต์แล้วหรือ หอมบอกว่าท่านเข้มแข็งขึ้นทุกวัน แต่ก็ยังกลัวพระอยู่

“ถ้าอย่างนั้นห้ามถอดสร้อยออกเด็ดขาด” ศวัสย้ำจริงจัง ถามว่า “ท่านอยู่ในนี้ด้วยหรือเปล่า”

“บอกเขาว่าฉันจะไปแล้ว” พุธกันยาบอก หอมถ่ายทอดว่า ท่านกำลังจะไป ศวัสลุกขึ้นพูดขณะมองตามสายตาหอม

“อย่าเพิ่งไปครับคุณแม่ หอมน้ำกำลังไม่สบาย ผมอยากขอความกรุณา”

พุธกันยาแทบจะกรี๊ดออกมา ถามว่า “แล้วแม่ล่ะ แม่สบายนักเรอะ แม่สู้ยอมเป็นวิญญาณที่ยังติดอยู่ในโลกนี้เพื่อลูกกับพ่อ แล้วนี่หรือสิ่งที่แม่ได้รับเป็นการตอบแทน” พุธกันยาเลือนหายไปอย่างเจ็บปวดรวดร้าวใจ ประตูหน้าต่างปิดปึงปัง!

“ท่านโกรธมากค่ะ” หอมบอก ศวัสได้แต่ถอนใจ ในขณะที่ประตูหน้าต่างยังเปิดปิดปึงปัง...ปึงปัง...

เมื่อประตูหน้าต่างหยุดเปิดปิดเองแล้ว ศวัสเล่าว่า เยาวภาเคยเล่าให้ฟังว่าคุณแม่ค่อนข้างเจ้าอารมณ์สงสัยจะจริง หอมติงว่าแต่ท่านรักเขามาก

“ฉันรู้ ตอนที่ท่านสิงเธอแล้วเห็นฉันครั้งแรก ท่านเข้ามาจูบมากอดจนฉันตกใจ” หอมฟังแล้วทั้งตกใจทั้งอาย จนศวัสต้องขอโทษ เขาลุกขึ้นชวนลงไปข้างล่างกันไหม พอหอมติงว่าเขาเป็นคนสั่งเองว่าไม่ให้ลง ศวัสก็ฉุนขึ้นมาดุว่าเรื่องมากจนหอมจะร้องไห้ยกมือไหว้ขอร้องอย่าดุตนเลยตนกลัว บางทีตนกลัวเขามากกว่ากลัวพุธกันยาเสียอีก

ooooooo

เหตุเพราะประตูหน้าต่างเปิดปิดเองทั้งที่ไม่มีลม วันทนาจึงพาพวกนักข่าวที่ตื่นตกใจกลัวหลบเข้าไปในบริเวณบ้าน ตน พวกนักข่าวคาดเดาไปต่างๆนานา บ้างว่าผี วันทนาบอกว่าอาจเป็นเพราะลมก็ได้ แต่นักข่าวหลายคนยืนยันว่าผีแน่นอน

วันทนาบอกพวกนักข่าวว่าถ้ากนกกลับมาอย่าเล่าให้ฟังตนไม่อยากให้กนก “อิน” แล้วก็ “ฟิน” มากกว่านี้ นักข่าวบางคนเสนอให้ไปกดออดบ้านศวัสกันใหม่ไหม?

พวกนักข่าวพากันไปกดออด ยืนออกันอยู่หน้าบ้าน ครู่หนึ่งศวัสเดินออกมาถามหน้านิ่งๆว่า “มีอะไรหรือครับ”

นักข่าวช่วยกันพูดว่าเมื่อกี๊เห็นประตูหน้าต่างเปิดปิดเองหลายครั้งไม่ทราบว่าคนในบ้านรู้สึกหรือเปล่า ศวัสถามว่าทำไมหรือ? คนหนึ่งใจกล้าบอกว่าอยากเข้าไปดู

“เข้าไปดูประตูหน้าต่างน่ะหรือครับ พวกคุณก็เห็นแล้วว่าไม่มีอะไร” นักข่าวบอกว่าเมื่อกี๊มันมี “ตอนนี้ไม่มีแล้วนี่ครับ บ้านผมไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่พวกคุณกำลังจะทำให้กลายเป็นบ้านผีสิง ขนาดข่าวเพิ่งออกไปไม่เท่าไหร่ยังมีคนแวะเวียนมาดูกันแล้ว”

“คุณก็ให้พวกเราเข้าไปพิสูจน์ให้หมดเรื่องหมดราวสิครับ” คนหนึ่งเสนอ ระหว่างนั้นก็ระดมถ่ายรูปศวัสไม่ได้หยุด

“ขอโทษ...บ้านผมเป็นสถานที่ส่วนบุคคลนะครับ และทุกคนในบ้านก็ต้องการความสงบ พวกคุณลองคิดดูบ้าง ว่าถ้ามีคนมาคอยสืบดูเรื่องผีอยู่หน้าบ้าน มีคนขอเข้ามาดู มาขอหวยตลอดเวลา บ้านถูกถ่ายรูปเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ ในคลิป พวกคุณจะรู้สึกอย่างไร? เท่านี้แหละครับ”

พูดจบศวัสหันหลังกลับเข้าบ้านไปทันที

ooooooo

เพียงอึดใจต่อมา ลิซซี่ก็เอารูปศวัสที่นักข่าวถ่ายไว้มาให้วดีดู ลิซซี่บอกว่าไม่นานคลิปนี้กระจายทั่วไปหมดแน่ๆ

“น้องเอิงต้องปรี๊ดแตกแน่...เอาอย่างนี้ หนังสือเราจะงดลงเรื่องบ้านหมอศวัส ประมาณว่าไม่แตะต้อง” วดีสั่ง ลิซซี่ถามว่าจะดีหรือเพราะเล่มอื่นลงกันหมด “ฉันจะอดเปรี้ยวไว้กินหวาน แกไปจัดการเรียกนักข่าวของเรากลับ แล้วพรุ่งนี้เช้าโทร.สั่งดอกไม้สวยที่สุด 1 กระเช้า” สั่งแล้ววดียิ้มเจ้าเล่ห์

ที่กอพุดซ้อน หอมกับเขนคุยกันอยู่ที่นั่นเบาๆ เขนพูดอย่างแปลกใจว่าไม่รู้ว่าศวัสไปพูดยังไงพวกนักข่าวถึงได้กลับไปกันหมด

หอมบ่นกับเขนว่าคนอื่นต้องเดือดร้อนกันไปหมด เขนพูดล้อๆว่า “คุณหมอเขาเต็มใจเดือดร้อนนะ”

“ไม่หรอก เขาย้ำให้หอมฟังตลอดว่า เป็นเพราะพ่อกับแม่ฝากเขาให้ช่วยดูแลหอมด้วย...เขาคงเบื่อเต็มทีแล้ว เขน...หอมขอยืมโทรศัพท์หน่อย หอมจะโทร.บอกพ่อกับแม่ว่าหอมอยากกลับบ้าน” พูดแล้วรับโทรศัพท์จากเขนไปน้ำตาคลอ

พอศวัสรู้ เขาดุหอมว่าทำตัวเป็นลูกแหง่ไม่รู้จักโต เขนจะช่วยอธิบาย ศวัสบอกเขนให้ออกไปก่อน ไม่อย่างนั้นเพื่อนเธอก็ไม่ยอมโตเสียที เพราะมีแต่คนคอยปกป้อง

พอเขนออกไป ศวัสดุหอมว่า ทำไมต้องโทร.ไปฟ้องพ่อกับแม่ รู้ไหมว่าท่านตกใจรีบโทร.มาหาตนกันวุ่นวาย หอมก็ยังยืนยันว่าตนไม่อยากให้คนอื่นต้องมาวุ่นวายเพราะตน ศวัสถามว่าคนอื่นน่ะใคร! หอมบอกว่าทุกคนที่นี่

“ดูเหมือนฉันเคยบอกเธอแล้วว่า นอกจากคุณพ่อคุณแม่จะฝากฝังเธอให้ฉันช่วยดูแลแล้ว ฉันเองก็ต้องรับผิดชอบที่วิญญาณคุณแม่ของฉันทำให้เธอเดือดร้อน”

พอหอมชี้แจงก็ถูกหาว่าเถียง หอมบอกว่าตนไม่ได้เถียงแค่อธิบาย ย้ำว่า

“หอมอยากกลับบ้านไปใช้ชีวิตธรรมดาๆที่ไม่มีอะไรมาวุ่นวาย”

“มันสายไปแล้ว ทุกอย่างมันวุ่นวายไปแล้ว ถ้ากลับบ้านตอนนี้ เธอจะพาความวุ่นวายไปให้ทุกคนที่บ้านเธอด้วย แต่ก็...ตามใจนะ ฉันก็อธิบายทุกอย่างให้ฟังหมดแล้ว เธอจะทำยังไงมันก็เป็นเรื่องของเธอ ไม่อย่างนั้นจะมาโทษฉันว่าเป็นเผด็จการอีก”

พูดแล้วศวัสเดินออกไป หอมทรุดนั่งอย่างหมดแรง ในขณะที่พุธกันยาที่อยู่อีกมุมหนึ่งมองมาอย่างครุ่นคิด...

คืนนี้เอง วันทนาได้รับโทรศัพท์จากกนกที่ไปเที่ยวต่างประเทศกับหลาน โทร.มาถามสภาพที่บ้าน วันทนาบอกว่าไม่ต้องห่วง ทั้งเรื่องโจรขโมย ทั้งผีสาง แล้วขอตัวเข้านอน แต่ที่แท้แอบขึ้นไปที่ห้องนอนของกนก เอากล้องส่องไปที่บ้านศวัส

วันทนาเห็นใครคนหนึ่งแต่งตัวและทรงผมแบบเดียวกับพุธกันยายืนอยู่ที่ระเบียง วันทนาสะดุ้งเฮือกลดกล้องลงพึมพำว่า “เป็นไปไม่ได้” แล้วยกกล้องขึ้นส่องนึกถึงกนกว่า “คุณหนกไม่ได้มโน คุณหนกพูดความจริง” แต่พอมองไปอีกทีร่างนั้นก็หายไปแล้ว ซ้ำที่นอกรั้วบ้านยังมีรถกระบะ 3-4 คันซุ่มอยู่ คนบนรถก็พยายามส่องกล้องมองหาผีในบ้าน!

ooooooo

เช้าวันนี้ วดีดูหนังสือที่ออกวางแผงแล้ว เห็นหนังสือบันเทิงฉบับหนึ่งพาดหัวข่าว “ติ่งผี ว่อนเน็ต”

ลิซซี่เข้ามารายงานว่า หนังสือพิมพ์ทุกฉบับลงกันหมด ยกเว้นชิดขอบบันเทิงของเรา วดีบอกว่าเราต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ถามว่าดอกไม้ได้หรือยัง พอลิซซี่บอกว่าเอิงกำลังรอรับอยู่ ก็ถูกวดีดุว่าบอกแล้วว่าไม่ให้
เอิงรู้ไง!

ลิซซี่แย้งว่าวดีไม่ได้บอก ฝ่ายนั้นยืนยันว่าบอก ก็พอดีเอิงหอบกระเช้าดอกไม้สวยงามเข้ามาอย่างร่าเริง ถามวดีว่าเราจะไปกันหรือยัง วดีจ้องหน้าบอกว่า “ถ้าจะไปด้วยก็ต้องสัญญากับฉันก่อน ฉันจะเป็นคนพูด แกไม่ต้องออกความเห็นอะไรทั้งนั้น จนกว่าฉันจะถาม” เอิงบอกว่าเป็นอะไรที่เข้าใจได้ “ถ้าไม่รักษาสัญญาละก็ เดือนหน้าจะไม่จ่ายเครดิตการ์ดให้”

“ก็...เป็นอะไรที่เข้าใจได้อีกเหมือนกัน” เอิงลอยหน้าลอยตา

แล้ววดีกับเอิงก็ไปที่บ้านศวัสโดยมีลิซซี่อุ้มกระเช้าดอกไม้ตามหลัง พอเสียงกริ่งดัง บุรีพึมพำว่าใครมาแต่เช้า ศวัสบอกแจ่มให้ไปบอกว่าที่นี่ยังไม่พร้อมจะรับแขก หอมกับเขนแอบสบตากันอย่างอึดอัด

คนสวนบอกวดีว่าตนต้องเข้าไปขออนุญาตเจ้านายก่อน วดีอ้างว่าตนเป็นเพื่อนบุรีมาตั้งแต่เมียเขายังไม่ตาย พอดีแจ่มออกมา เอิงบอกให้แจ่มเปิดประตูให้หน่อย วดีเห็นแจ่มยิ้มเจื่อนๆ ถามดักคอว่า “อย่าบอกนะว่าเปิดไม่ได้”

“แจ่มกำลังจะพูดอย่างนั้นพอดีค่ะ” แจ่มยิ้มแห้งๆ พูดเบาๆ แต่ทั้งสามที่ยืนอยู่ตรงประตูหน้าบึ้งทันที

ooooooo

บุรี ศวัส หอมและเขน นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร บุรีปรารภว่าจะเอาอย่างไรดีตนไม่อยากมีปัญหากับใคร ศวัสติงว่าไม่ใช่เรื่องมีหรือไม่มีปัญหาแต่เป็นเรื่องของการเคารพสิทธิ์ซึ่งกันและกัน

“เอาอย่างนี้ หอมกับเขนขึ้นไปอยู่ข้างบน แจ่มไปเชิญคุณวดีเข้ามา” ศวัสติงว่าไม่จำเป็นจะต้อง... ถูกบุรีตัดบทว่า “ยังไงเขาก็เคยเป็นผู้จัดการของแม่ เคยสนิทสนมกับบ้านเราดี” ศวัสติงว่าดีสำหรับเขาแต่แย่ที่สุดสำหรับคุณแม่และเรา “เอาเถอะน่า ตามพ่อมา”

บุรีตัดบทแล้วเดินนำศวัสไปที่ห้องรับแขกที่แจ่มเชิญแขกทั้งสามเข้ามาพอดี บุรีเชิญนั่ง วดีหันไปรับกระเช้าดอกไม้จากลิซซี่ เอ่ยอย่างอ่อนหวาน “วดีเอาดอกไม้มาขอโทษคุณ ที่เด็กของวดีมีส่วนทำให้เดือดร้อน”

บุรีขอบคุณ แต่ความจริงไม่ต้องก็ได้ ระหว่างผู้ใหญ่สองคนพูดกัน เอิงก็ส่งสายตาให้ศวัสแต่ศวัสไม่สนใจ

เอิงเลยถามขึ้นว่าพี่หมอสบายดีหรือ ศวัสตอบตามมารยาทและขอบคุณ เอิงมองไปรอบๆแล้วถามอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า

“หอมน้ำอยู่ที่นี่หรือเปล่าคะ” วดีเรียกปราม แต่บุรีบอกให้เอิงดูเอาเองว่ามีหรือเปล่า “ข้างล่างไม่มี แล้วข้างบนล่ะคะ”

“คุณเอิงคงไม่ขอขึ้นไปดูหรอกนะครับ” ศวัสดักคอ เอิงตอบทันทีว่า ตรงกันข้ามค่ะ วดีสุดจะทนสั่งลิซซี่ให้พาเอิงออกไปข้างนอก ย้ำให้พาไปนอกรั้วบ้านเลย ลิซซี่ลุกขึ้นบอกเอิงออกไปกัน เอิงอิดออด ถูกวดีเสียงเข้มว่า “ออกไป” จึงยอมไป แต่ชวนศวัสออกไปคุยกันข้างนอก ถูกศวัสปฏิเสธว่าเดี๋ยวต้องไปทำงานแล้ว

พอเอิงเดินหน้าง้ำออกไป วดีก็เอ่ยเป็นการเป็นงานว่า “คือพวกเราทุกคนกังวลกันที่หอมน้ำหายไปก็เลยแยกย้ายกันตามหาให้วุ่นไปหมด”

“สำหรับผมคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา เขาหายไปก็คงเป็นเพราะอยากอยู่เงียบๆไม่อยากเจอใคร และเราก็ควรเคารพการตัดสินใจของเขา” บุรีชี้แจงเชิงอบรม

“นั่นซิคะ” วดีเออออไปตามน้ำทั้งที่หน้าเจื่อนไปนิดหนึ่ง “วดีก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันถึงได้ไม่มีข่าวของหอมน้ำในหนังสือของวดีเลย” บุรีบอกว่าหอมน้ำรู้คงจะขอบคุณ วดีลักไก่ทันทีว่า “งั้นคุณช่วยส่งข่าวไปบอกเขาด้วยได้ไหมคะ”

บุรีติงว่าพูดเหมือนตนรู้ว่าหอมน้ำอยู่ไหน ถูกถามทันทีว่าแล้วรู้หรือเปล่า ศวัสนั่งอึดอัดอยู่เขาขอตัวไปทำงาน ถามบุรีว่าจะออกไปพร้อมกันไหม บุรีบอกให้เขาไปก่อน พอศวัสไปแล้ว วดีถามบุรีว่าเขามีธุระไปไหนหรือเปล่า บุรีตอบหน้านิ่งว่า “มี”

วดีหน้าเจื่อนไปอีกครั้ง พอออกมาขึ้นรถกลับ เอิงถามว่าสำเร็จไหม วดีส่ายหน้า เอิงเสนอว่าในเมื่อเราทำดีทุกอย่างแล้วไม่เวิร์ก ก็กลับไปทำชั่วอย่างเดิมดีกว่า วดีปรามว่าเราไม่ได้ทำชั่ว เราแค่ทำสิ่งที่ต้องทำเท่านั้น เอิงถามว่าแล้วดีหรือชั่วล่ะ?

“ก็แล้วแต่ใครจะมอง เราถือว่าเราทำดีก็แล้วกัน” วดีตะแบงแล้วเบือนหน้าไปนอกรถ

ooooooo

พุธกันยาฉวยโอกาสที่ไม่มีใครอยู่บ้าน เข้าไปในห้องหอมกับเขนซึ่งปิดประตูหน้าต่างมิดชิด ปล่อยไอเย็นไปที่เขนจนง่วงแล้วหลับไปอย่างรวดเร็ว จากนั้น พุธกันยาตรงไปหาหอมที่นั่งอยู่ที่เตียงตรงหน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง

กระจกสะท้อนเงาพุธกันยาเผชิญหน้ากับหอม สั่งให้หอมถอดสร้อยออก หอมไม่ยอมถอด ขอร้องพุธกันยาให้ไปสู่สุคติได้แล้ว ทุกคนที่เกี่ยวข้องจะได้มีชีวิตที่ปกติเสียที พุธกันยาสวนทันควันว่า

“เธอไม่ ฉันก็ไม่เหมือนกัน” หอมติงว่าคุณเอาเปรียบหอมทุกอย่าง ก็ถูกโต้ว่า “แล้วเธอล่ะ อยากจะได้ลูกชายฉันโดยที่ไม่สนใจแม่เขาเลย เธอเห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอรึไง” แล้วสั่งเสียงเข้ม “เอาสร้อยพระออกไป!”

เมื่อหอมไม่ยอมเอาออก พุธกันยาก็แผลงฤทธิ์ เหลือบมองเพดานดวงตาเป็นสีดำน่ากลัว พริบตานั้นเพดานสั่นไหว โคมไฟแกว่งเหมือนจะตกลงมา หอมตกใจรีบปลุกเขนแต่เขนถูกสะกดนอนหลับลึกไม่ตื่น

ทั้งห้องสะเทือนสั่นไหวเหมือนจะถล่มลงมา ที่น่ากลัวคือข้าวของบนโต๊ะเครื่องแป้งปลิวว่อน กระจกแตก กระจกแหลมคมชิ้นหนึ่งปลิวมาที่เขน หอมตกใจกลัว

เขนจะได้รับอันตราย ตะโกนทั้งน้ำตา

“อย่า! ยอมแล้ว หอมยอมแล้ว!!”

ศวัสที่ไปทานข้าวสังสรรค์กับเพื่อนๆ พอเหลือบดูนาฬิกาข้อมือศวัสก็ขอตัวกลับ เพื่อนหลายคนจะรั้งไว้แต่อีกคนบอกว่า “ให้มันไปเถอะ ท่าทางคนไข้คนนี้คงจะเป็นคนสำคัญ ไปเลยไอ้หมอ” เพื่อนๆพากันแซว ศวัสลาเพื่อนแล้วออกไป

แต่พอมาถึงที่จอดรถก็แว้บๆ เหมือนหอมมายืนอยู่แต่พอเรียก เงาร่างนั้นก็หันหลังเดินไป เขาเอะใจโทร.ถามเขนว่าหอมน้ำอยู่หรือเปล่า เขนบอกว่าอยู่ ถามว่าคุณหมอจะคุยด้วยไหม ฟังปลายสายแล้ววางหู หันบอกหอมว่า

“แปลกจัง อยู่ดีๆคุณหมอก็โทร.มาถามว่าหอมอยู่หรือเปล่า” หอมฟังแล้วยิ้มรับเย็นๆ เบือนหน้าไปนอกหน้าต่าง

แต่ศวัสก็ยังเหมือนจะเห็นร่างเงาของหอมอยู่แว้บๆ แต่พอเรียกก็ว่างเปล่าเลยสงสัยว่าคงคิดไปเองกระมัง

ตลอดเวลาที่ศวัสขับรถกลับเขารู้สึกเหมือนมีใครมองตนจากเบาะข้างๆตลอดเวลา แต่พอหันมองก็พบแต่ความว่างเปล่า ศวัสก็ยังเพ่งมอง จนมีรถคันใหญ่แล่นตรงมาด้วยความเร็วสูง หอมร้องสุดเสียง

“ระวังค่ะ!”

ศวัสหักรถหลบได้หวุดหวิด พอตั้งสติได้คิดทบทวนก็สงสัยว่า หูตัวเองจะแว่วไปมากกว่า ถอนใจแล้วขับรถต่อไป

ส่วนบุรี กลับถึงบ้าน เจอพุธกันยาในร่างหอมรออยู่ที่ห้องรับแขกถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่าเพิ่งกลับหรือถามว่าหิวไหม หอมจะทำอะไรให้ทาน บุรีบอกว่า “ลุงกินมาเรียบร้อยแล้ว ขอบใจนะ หนูดูดีขึ้นแล้วนี่”

“ค่ะ...แข็งแรงมากกว่าเดิมด้วย” หอมตอบ บุรีพยักหน้าบอกว่าดีแล้วแต่ควรจะพักผ่อนมากๆ บุรีจะเดินไป หอมเรียกไว้ แต่พอเขาหันกลับ หอมกลับอึกอักบอกว่า “เอ้อ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” แล้วมองตามบุรีขึ้นไปด้วย

แววตาของพุธกันยา

ooooooo

เขนตื่นขึ้นมา ไปเปิดลิ้นชักเจอสร้อยพระของหอมซ่อนอยู่ในนั้น เขนสงสัยว่าทำไมหอมเอาสร้อยพระมาซ่อนไว้ในนี้

“หาอะไร?” เสียงหอมถามขึ้น เขนชะงัก ปรับสีหน้าให้เป็นปกติตอบโดยไม่หันมองว่าหาหนังสือการ์ตูน ไม่รู้เอาไปวางที่ไหน หอมพูดเป็นนัยว่านึกว่าหาอย่างอื่น พอเขนถามว่าอะไร หอมย้อนถามว่า “ก็เขนกำลังหาอะไรล่ะ”

เขนรู้สึกไม่ปกติ เดินไปที่ประตู หอมถามว่าจะไปไหน เขนบอกว่าหิว จะไปกินข้าว แล้วรีบเปิดประตูออกไป หอมมองตามนิ่งๆ สีหน้าน่ากลัว

เขนลงไปดักรอศวัสที่หน้าตึก พอศวัสมาเขนกำลังจะพูดเรื่องหอม ก็ถูกพุธกันยาในร่างหอมเข้ามาขัดจังหวะบอกเขนว่าหาหนังสือการ์ตูนเจอแล้ว เขนเลยเดินกลับเข้าไป ศวัสถามหอมว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ท่าทางเขนแปลกๆ

“ค่ะ เขาคงอึดอัดที่ออกไปไหนไม่ได้” แล้วเดินเข้าบ้านไปด้วยกัน พอเข้าห้องรับแขกหอมถามศวัสว่าหิวไหมตนจะทำไข่น้ำให้ ศวัสชะงักมองหน้าถามว่า

รู้ได้ยังไงว่าตนชอบกินไข่น้ำ “แหม...ก็หอมเห็นนัง...เอ๊ย...ป้าเยาว์ทำให้คุณหมอทาน”

“ช่างสังเกตนี่ เธอควรขึ้นไปนอนได้แล้ว” หอมเดินขึ้นไป ศวัสมองตามพึมพำ “ทำไมวันนี้ว่าง่ายจัง?”

เขนไปหาแจ่มที่ห้องครัวคืนนี้ขอนอนด้วย แจ่มถามว่าทำไมไม่นอนกับหอม หอมกรนดัง หรือว่า...เขนรีบบอกว่าอย่าเดาตนกลัวเดาถูก แจ่มเข้าใจทันทีอุทานเบาๆ “น้องหอมถูกผีสิง!” เขนพยักหน้าแล้วต่างก็หวาดกลัว เขนถามแจ่มว่า โอเคนะ แจ่มพยักหน้าหงึกหงัก

ooooooo

ดึกแล้ว ขณะศวัสกำลังเคลิ้มๆจะหลับ หูแว่วเสียงหอมร้องขอความช่วยเหลืออยู่ไกลๆ เขาลุกไปดู แต่ทุกอย่างก็กลับเงียบสนิท ศวัสตัดสินใจเดินไป

ที่หน้าห้องพักของหอมเคาะประตูเบาๆ

พุธกันยาในร่างหอมมาเปิดประตู ศวัสขอโทษที่มาปลุกบอกให้ไปนอนต่อเสียแล้วเดินกลับไป หอมปิดประตูเอนหลังพิงพึมพำน่ากลัว

“หอมน้ำ ยังไม่ยอมแพ้อีกหรือ” แล้วเดินไปที่หน้าต่างมองลงไป เห็นเงาร่างหอมในชุดขาวเดินวนเวียนอยู่ในหมอกควัน มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือแว่วออกมาฟังวังเวง ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...พุธกันยาในร่างหอมมองภาพนั้นนิ่งๆ

ท่ามกลางหมอกควันนั้น ร่างเงาของหอมเห็นพุธกันยาเดินผ่านหมอกควันเข้ามา หอมดีใจถามว่า

“คุณพุธ คุณมาช่วยพาหอมออกไปหรือคะ...หอมไม่อยากอยู่ที่นี่เลย มันน่ากลัว” พุธกันยาบอกว่าอีกไม่นานก็ชินให้ทนเอาหน่อย หอมตกใจถามว่า “หมายความว่ายังไงคะ”

“อีกไม่นานนัก จะมีแสงสว่างปรากฏให้เธอเห็น เธอก็รีบเดินไปหาแสงนั้นเลย เพราะมันเป็นทางออก” หอมถามว่าทางออกจากหมอกควันนี้หรือ “ใช่...คอยดูให้ดีก็แล้วกัน ฉันไปล่ะ” แล้วพุธกันยาก็ค่อยๆเลือนหายไป หอมพยายามร้องบอกอย่าเพิ่งไป...อย่าเพิ่งไป แต่ร่างเงาพุธกันยาก็หายไปแล้ว

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น หอมเดินมาเห็นบุรีกับศวัสยืนคุยกันอยู่ที่สนามหน้าบ้าน หอมเบี่ยงตัวหลบแอบฟัง ได้ยินศวัสเสนอว่าเราไม่ได้ทำบุญบ้านมาหลายปีแล้ว ปีนี้อยากชวนคุณพ่อทำจะได้อุทิศส่วนกุศลให้คุณแม่ด้วย

บุรีเห็นด้วย แต่พุธกันยาในร่างหอมเสียใจว่าทั้งพ่อทั้งลูกจะไล่ตนให้ไปเกิดเร็วๆ ศวัสบอกบุรีว่ายังมีอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องอาขวัญ บุรีรู้ว่าศวัสจะพูดอะไร เขาอึกอักมองหน้าศวัสลังเล ศวัสบอกว่าตนเห็นอาขวัญมาทีไรคุณพ่อมีชีวิตชีวาทุกที

ไม่ทันที่บุรีจะตอบ หอมก็เดินเข้าไปขัดจังหวะ ทำเป็นตกใจขอโทษ แล้วบอกว่า จะมาขอกลับไปอยู่หอเพราะใกล้สอบแล้วตนต้องติวกับเพื่อนๆ ศวัสถามว่าแล้วพวกนักข่าวล่ะ?

“หอมจะไม่หนีอีกต่อไปแล้ว หอมอยากให้เรื่องนี้จบเสียที ไม่อย่างนั้นหอมก็จะต้องซ่อนตัวไปจนตลอดชีวิต”

บุรีบอกว่าหอมคิดถูกแล้ว ถ้าหากเป็นกัลยาก็คงทำแบบนี้ เขาเข้มแข็งมาตลอด แต่ไม่รู้ว่าทำไม...หอมติงทันทีว่าพุธกันยาไม่ได้ตั้งใจ พอรู้ตัวก็ปรับท่าทีเนียนๆ บอกว่า

“ขอโทษค่ะ ท่านสั่งหอมตั้งหลายครั้งให้บอกคุณลุงกับคุณหมอว่าท่านไม่เคยคิดจะฆ่าตัวตาย ท่านโชคร้ายที่ทั้งโกรธทั้งตกใจจนขาดสติ ทำให้กินยา...”

“เลิกพูดเรื่องนี้เสียที!” ศวัสขัดขึ้น “เพราะมันไม่มีประโยชน์ ฉันไม่อยากให้ทุกคนมัวจมอยู่แต่อดีต” ถูกบุรีติงว่าถ้าแม่เขาอยู่แถวนี้ได้ยินเข้าจะเสียใจ หอมพูดทันทีว่า ต้องเสียใจแน่ๆ แล้วขอตัวไปเก็บของ ศวัสมองพึมพำ “วันนี้มาแปลก”

“แกคงถูกสิงมานานจนซึมซับความรู้สึกของแม่เขาเอาไว้มาก” บุรีรำพึง ศวัสยังมองตามหอมไปอย่างครุ่นคิด

เขนกับแจ่มขึ้นไปรีบช่วยกันเก็บข้าวของ แต่พอเปิดประตูออกมาก็เจอหอมยืนมองด้วยสีหน้าเย็นชาถามว่าจะไปไหน เขนกับแจ่มตกใจพูดไม่ออก หอมบอกว่าพอดีเลยตนก็จะกลับหอเหมือนกันให้มาช่วยเก็บของด้วย ทำเอาทั้งสองเข่าอ่อน

เก็บของขนลงมาเจอบุรีรออยู่บอกว่า “มากันแล้ว พี่เขาจะขับรถไปส่ง” หอมบอกว่าไม่เป็นไร แต่เขนรีบขอบคุณ ศวัสบอกว่านักข่าวไปกันหมดแล้ว ออกไปได้เลย

ooooooo

ที่ห้องทำงานของเจค เขานั่งคุยกับโค้กอยู่ โค้กบอกว่าเมื่อวานเอิงโทร.มาขอเล่นละคร ตนบอกว่าต้องคุยกับเจคก่อน เจคบอกว่าไม่ไหว เดี๋ยววางตัวไปแล้วเกิดเบี้ยวเหมือนเรื่องที่แล้วอีก

ขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เจคหยิบดูแล้วบอกโค้กให้ออกไปข้างนอกก่อน พอรับสายเจคถามว่า

“จะให้เรียกหอมน้ำหรือกัลยาดี”

“จำร้านที่นังสุรีย์ ช้อยนิ่มพากัลไปฝากเล่นละครกับคุณครั้งแรกได้ไหมคะ” พุธกันยาในร่างหอมถามขณะอยู่ที่หอ

ไม่นานทั้งสองก็ไปพบกันที่ร้านอาหารค่อนข้างหรูที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ เจคสั่งของโปรดของพุธกันยามาให้คือหมี่กรอบโบราณ เธอชมว่ายังอร่อยเหมือนเดิม ขณะทานอาหารกันพุธกันยาในร่างหอมบอกเจคว่า

“กัลคิดว่าอีกไม่นาน กัลก็จะอยู่ในร่างของหอมน้ำตลอดไปแล้ว เวลานี้จิตของเด็กนั่นอ่อนแอลงมาก จนแทบจะหาทางกลับเข้าร่างเดิมไม่ได้ แต่พี่บุรีกับศวัสต้องยังไม่รู้เรื่องนี้จนกว่ากัลจะได้ครอบครองร่างของหอมน้ำโดยสมบูรณ์ และที่สำคัญที่สุด กัลจะต้องกำจัดศัตรูให้หมดก่อน เพื่อพวกมันจะได้ไม่มาทำร้ายกัลภายหลัง”

“ถ้ามีอะไรจะให้ผมช่วยก็บอกได้เลย”

“ค่ะ คุณต้องได้ช่วยกัลแน่” หอมยิ้มพอใจกับความสุขที่รออยู่เลยไม่ทันเห็นแววตามาดหมายของเจค

เวลาเดียวกัน วดีก็วางแผนจะทำละคร บอกเพลินพิศว่าเรื่องแรกนี้จะให้เธอเป็นนางเอก อีกสองสามเดือนคงเปิดกล้องได้ ขณะเพลินพิศกำลังดีอกดีใจจนเนื้อเต้นที่จะได้เป็นนางเอก ลิซซี่ก็เข้ามาบอกวดีว่าหอมน้ำ โทร.มาว่าจะแถลงข่าวเย็นนี้ รู้สึกว่าจะโทร.บอกนักข่าวทุกสำนักแล้วด้วย

วดีแทบไม่เชื่อหูตัวเอง พึมพำว่าหรืออาจจะไม่ใช่ตัวหอมน้ำแต่เป็นพุธกันยา สั่งลิซซี่ให้ไปเอง เพลินพิศยุว่าต้อนหอมน้ำให้จนมุมเลย ลิซซี่ท้าให้เพลินพิศไปลองดูไหมถ้าไม่มีอะไรตนจะได้ทำตาม เพลินพิศฉุนลอยหน้าสวนไปว่า

“เพลินไม่ใช่นักข่าวนี่คะ เพลินเป็นดารา และกำลังจะเป็นนางเอกเต็มตัวด้วย”

ooooooo

เขนว้าวุ่นใจที่หอมหายไปติดต่อไม่ได้ ขณะกำลังโทร.คุยกับศวัสนั้นเห็นหอมเดินถือถุงใส่กล่องอาหารกลับมาพอดี เขนดีใจบอกศวัสว่า มาแล้ว ขอวางสายก่อนแล้วจะโทร.มาใหม่

เขนถามหอมว่าไปไหนมา หอมบอกว่าไปหาคุณเจคมา เขนถามว่าไปหาทำไม หอมไม่ตอบแต่พอขึ้นห้องก็เอาข้าวผัดปูให้เขนบอกว่าซื้อมาฝาก แล้วเล่าว่าตนอยากจบเรื่องบ้าๆพวกนั้นเลยโทร.ไปหาเจคให้ช่วย เจคบอกว่าวิธีแถลงข่าวขอโทษเป็นวิธีที่ดีที่สุด ไม่อยากให้ใครคิดว่าตนเป็นบ้า เรื่องจะได้จบสวยๆ ตนจะได้ออกจากวงการอย่างสบายใจ แต่เขนต้องไปด้วย

เขนถามว่านี่ใช่หอมตัวจริงหรือเปล่า หอมทำหน้าเสียใจ บอกว่าคนอื่นมองอย่างไรตนไม่สนใจ แต่เขนอย่ามองตนแบบนั้น เขนพยักหน้าขอโทษที่เข้าใจผิด

วันนี้ วดีกับเพลินพิศและลิซซี่จะไปช็อปปิ้งกัน เอิงขับรถเข้ามาพอดีเลยขอไปด้วย ระหว่างทางลิซซี่บอกวดีว่า ลืมเล่าให้ฟังว่าไอ้เขียวที่ไปตัดต้นพุดซ้อนตายแล้ว ทุกคนตกใจ เพลินพิศถามว่าตายยังไง

ลิซซี่เล่าว่าตนไปหาเขียว ชาวบ้านแถวนั้นบอกว่าเห็นเก็บตัวเงียบมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ต่างสงสัยกันว่าเขียวเป็นอะไร เรียกก็ไม่มีเสียงตอบรับ เพื่อนบ้านจึงปีนเข้าไปดู พบว่าเขียวนั่งพิงฝาตาเบิกโพลงลิ้นจุกปากหน้าเขียวคล้ำเหมือนพบเห็นสิ่งน่ากลัวและถูกบีบคอจนตาย ต่างคาดเดาไปต่างๆนานา เอิงทะลุกลางปล้องว่า

“ผีนั่นแหละค่ะ มันฆ่านายเขียวเพราะไปตัดต้นพุดซ้อน ต่อไปพี่ลิซซี่ ป้าวดีกับพี่เพลินต้องระวังตัวแล้ว” วดีบอกว่าเอิงก็ต้องโดนด้วย โดนหมดทุกคนนี่แหละ เพลินพิศเสนอว่าเราเปลี่ยนจากไปช็อปปิ้งเป็นไปเข้าวัดทำบุญปัดรังควานดีกว่า ลิซซี่เห็นด้วยว่าเราควรทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เขา

“ถ้าเขาของแกหมายถึงพุธกันยาล่ะก็ อย่าหวัง ฉันไม่มีวันส่งเสริมให้มันขึ้นสวรรค์หรอก อย่างมันต้องนรกเท่านั้น!”

เพลินพิศมาเล่าให้ขวัญอนงค์ฟัง ขวัญอนงค์บอกว่าแปลก ลิซซี่รู้ได้ยังไงว่านายเขียวไปตัดต้นพุดซ้อนทิ้ง เพลินพิศรู้ตัวว่าพลั้งปากเลยนิ่งอึ้ง ขวัญอนงค์บอกว่าไม่อยากคิดเลยว่าลิซซี่รู้เห็นเป็นใจ เพลินพิศกราบขอร้องอย่าเล่าให้ใครฟังโดยเฉพาะบุรี ขวัญอนงค์ถามว่าตัวเธอเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า เพลินพิศปฏิเสธปากคอสั่นว่าตนไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วยเลย

ขวัญอนงค์พึมพำว่าเรื่องนี้ชักไม่ชอบมาพากล บอกเพลินพิศว่ารู้อะไรอีกหรือเปล่า ถ้ารู้ต้องบอกตน เพลินพิศปฏิเสธพัลวันว่าตนไม่รู้อะไรจริงๆ แล้วขอตัวกลับทันที ขวัญอนงค์พูดทิ้งท้ายว่า “กลับไปคิดให้ดีล่ะ”

ระหว่างทาง เพลินพิศก็ได้รับโทรศัพท์จากวดีกำชับว่าเรื่องนายเขียวต้องเป็นความลับ ถึงเราจะไม่ได้ฆ่าแต่ก็ไม่อยากให้มีอะไรโยงใยมาถึง เพลินพิศรับรองว่าจะปิดปากให้สนิทเลย

“ขอบใจนะ แล้วฟิตติ้งวันไหน จะให้ลิซซี่โทร.ไปบอก” วดีเอาผลประโยชน์เข้าล่อตามเคย

ooooooo

คืนนี้ ศวัสนอนไม่หลับ ลุกขึ้นมาเปิดโคมไฟ หยิบรูปดอกหอมน้ำที่ใส่กรอบสวยงามขึ้นดู อดคิดถึงคนให้ไม่ได้

ขณะดูรูปและคิดถึงคนให้ ศวัสได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือแว่วๆ เขาลุกไปดูที่หน้าต่างเห็นหมอกควันจางๆ และในหมอกควันนั้น เห็นร่างเงาใครคนหนึ่งเหมือนกำลังพยายามหาทางออก ไม่แน่ใจสายตาตัวเอง ศวัสหลับตาแล้วมองอีกที ก็ยังเห็นภาพนั้น เขาตัดสินใจลงไปดู แต่พอไปถึงบริเวณที่เห็นหมอกควัน ทุกอย่างก็หายไปแล้ว เลยคิดว่าตัวเองตาฝาด

นอกจากนั้น ศวัสยังเห็นเหมือนพุธกันยาอยู่แถวกอพุดซ้อน เหมือนอยู่ในบ้าน แต่พอไปดูก็ไม่พบอะไรผิดปกติ

รุ่งขึ้น เขาเล่าและพาบุรีไปดู บุรีติงว่าตาฝาดหรือเปล่า ศวัสยืนยันว่าไม่ฝาดทั้งหูทั้งตา ตนเห็นผู้หญิงคนนั้นเหมือนคุณแม่เหลือเกิน

พลันเอิงก็มาทำลายบรรยากาศ ส่งเสียงเจื้อยแจ้วเข้ามา บุรีพูดขำๆกับศวัสว่าเจ้ากรรมนายเวรของเขามาแล้ว

เอิงมาจ้อแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของศวัส คุยจ้อว่าอีกหน่อยตนมาอยู่ด้วยจะทำอาหารสุขภาพให้ทานกัน จนทั้งศวัสและบุรีรำคาญ เลยบอกว่าบ้านนี้มีผี คนที่มาอยู่ที่นี่ต้องเจออะไรแปลกๆกันทั้งนั้น บางคืนอยู่ดีๆ หมาก็หอนกันทั้งซอย เอิงฟังแล้วขนลุก

ส่วนในครัว แจ่มบอกเยาวภาว่าเมื่อคืนศวัสถูกผีหลอก เยาวภาคาดว่าพุธกันยาคงไม่พอใจที่ศวัสจะหาเมียใหม่ให้พ่อ แจ่มถามว่าคุณแม่บ้านทราบได้อย่างไร เยาวภาตัดบทว่า “ฉันรู้ก็แล้วกัน”

“แต่ที่แจ่มได้ยินคุณหมอเล่าให้คุณผู้ชายฟัง เห็นบอกว่ามีกลุ่มหมอกควันที่สนาม แล้วก็มีเงาผู้หญิงรางๆ ในนั้น”

เยาวภาหันมองแจ่มอย่างแปลกใจ เพราะเมื่อคืนตนแต่งเป็นพุธกันยาไปป้วนเปี้ยนอยู่แถวกอพุดซ้อนและในบ้านไม่ใช่ที่สนาม

ooooooo

วันนี้หอมเตรียมชุดไปแถลงข่าว บ่นว่าเรียบร้อยไปหน่อยทั้งๆที่แต่ก่อนเป็นชุดโปรด เจคโทร.มาบอกว่าจะให้โค้กกับอุมาเอาชุดสำหรับใส่แถลงข่าวบ่ายนี้มาให้

หอมบอกเขนว่าตนจะเล่นละครเรื่องต่อไปให้เจค แม้เคยประกาศว่าจะเลิกเล่นละครแต่เจคดีกับตนมากให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือทุกอย่าง เขนบอกตามใจ มันเป็นเรื่องของหอม หอมตัดสินใจเองแล้วกัน ถามว่าไม่กลัวศวัสโกรธหรือ หอมบอกว่าถึงจะโกรธ แต่พอเวลาผ่านไป เขาเข้าใจอะไรมากขึ้นก็จะหายโกรธเอง พุธกันยาในร่างหอมพูดอย่างมั่นใจ

เจคเป็นคนแถลงก่อนให้พุธกันยาในร่างหอมเปิดใจ หอมไหว้ผู้สื่อข่าวอย่างใสซื่อน่ารัก เอ่ยอย่างอ่อนน้อมว่า

“ก่อนอื่นหอมต้องกราบขอโทษทุกท่านที่ทำให้วุ่นวายกันไปหมด รวมทั้งคุณวดีที่หอมอยากจะกราบเรียนว่า หอมเสียใจจริงๆ ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้ท่านต้องไม่สบายใจ”

วดีดูการแถลงข่าวของหอมจากทีวี ฟันธงว่าวิธีพูดและวิธีตอบคำถามของหอมเหมือนกัลยาไม่มีผิด เพลินพิศถามว่าแล้วหอมน้ำหายไปไหน

“ก็คงกลายเป็นผีแทนกัลยาน่ะสิ หึๆ ให้มันมีตัวตนจับต้องได้อย่างนี้แหละดี จะได้ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ!”

ศวัสดูทีวีช่องเดียวกัน บ่นกับบุรีว่าไม่เข้าใจว่าทำไมหอมถึงได้กลับคำไปเล่นละครอีก บุรีบอกว่าเจคอาจหว่านล้อมหรือไม่ก็...ศวัสถามว่าคุณแม่อยู่ในร่างหอมหรือ?! บุรีบอกว่าตนก็ไม่แน่ใจ

“แต่ถ้าเป็นคุณแม่ ทำไมท่านถึงไม่ยอมอยู่ที่นี่ เพราะเหตุผลเดียวที่คุณแม่อยากกลับมามีชีวิตก็คือได้อยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูกอีกครั้ง” บุรีเองก็ไม่แน่ใจ ศวัสลุกขึ้นบอกว่า “ผมจะไปถามเขาดู”

ศวัสขับรถไปที่หอพักหอม จอดรถในมุมที่ไม่มีคนพลุกพล่าน โทร.เข้ามือถือหอมก็มีแต่ให้ฝากข้อความ เขาจึงโทร.เข้ามือถือเขน เขนรับสายท่ามกลางเสียงจอแจ ศวัสถามว่า “หอมน้ำอยู่ด้วยหรือเปล่า”

“อยู่กับนักข่าวค่ะ คุณหมอคะ เขนต้องไปก่อนนะคะ หอมเรียกแล้ว” เขนรีบกลับเข้าไป ศวัสยิ่งหงุดหงิด

ooooooo



ใยกัลยา

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด