ตอนที่ 12
“เป็นหมอหรือคะ น่ารักมาก เป็นคนรุ่นใหม่ที่น่ารัก น้อยคนนักจะมีความคิดทุ่มเทให้กับคนอื่นอย่างคุณตริน น่าภูมิใจแทนคุณพ่อคุณแม่มากค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ คุณพ่อคุณแม่อยู่ข้างล่างครับ และภาพน้ำตานางมาจากครอบครัวของผมเองครับ”
“เธอคนนั้นสวยมากนะคะ”
เดือนดารากัดฟันบอกแต่ตรินไม่ทันสังเกต มัวยิ้มแย้มให้แขกเหรื่อที่เอ่ยปากชมเขาไม่ขาดปาก วิลาสินีหรือคุณหญิงตรึงตราในอดีตชาติหมั่นไส้เดือนดารามาก อดไม่ได้จะบ่นกับชลิตผู้เป็นสามี
“หวังว่าลูกเราคงไม่ไปคว้านางโสเภณีโคมเขียวมาเป็นเมียเหมือนบรรพบุรุษของมันนะคะคุณ”
“คิดมาก สมัยนี้มีที่ไหนโสเภณีโคมเขียว มีแต่... เฮ้อ...ผู้หญิงไล่คว้าผู้ชาย”
“บ้า ฉันไม่ยอมให้ใครมาจิ้มมาจับลูกชายเราเด็ดขาด!”
ooooooo
สำลีพาสามสาวลูกบุญธรรมของเดือนดาราไปเดินเล่นในสวนของโรงแรมฆ่าเวลา กระทั่งเดือนดาราเสร็จพิธีการบนเวทีจึงเดินมาสมทบหมอผีชราหรือปัจจุบันรับหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอด้วย
“คุณเสริมมาจนได้นะขอรับ”
“มาตามหานังพลอยน่ะสิ ที่แท้คุณเสริมคือต้นตระกูลของคุณตริน”
“ฟ้าลิขิตให้มาพบเจอกันอีก และที่สำคัญคุณตรินคนนี้คือผู้ที่เรารอคอยขอรับ”
“จริงหรือ...แน่ใจได้ยังไง”
“แน่นอนขอรับ กระผมแอบถ่ายรูปและเช็กข้อมูลทุกอย่าง เขาคือคนที่ใช่แน่นอน”
“ฉันดีใจที่เป็นคุณตริน คุณพี่จะไปอยู่ในร่างของคุณตริน แต่ฉันสิต้องไปอยู่ในร่างนังพลอยมันแย่มากๆ กลายเป็นตัวเชื่อมนังพลอยให้กับทั้งคุณพี่และให้กับคุณเสริมสมหวังกันจนได้”
“มันหลีกเลี่ยงลิขิตฟ้าดินไม่ได้ทั้งหมดขอรับคุณหญิง”
“ฉันจะบ้าตายแล้วลุงสำลี ทุกคนพร้อมใจกันกลับชาติมาเกิด มาเกี่ยวข้องกับฉัน ให้ฉันไม่มีความสุข ต้องทนเห็นหน้านังพลอย นังดาวเรือง เห็นจะมีนังชื่นที่ค่อยยังชั่วสุด ดีนะที่นังเอิบกับนังพริ้งไม่มาด้วย”
“นั่นสิขอรับ ยังดีที่มันไม่มาด้วย เชิญขอรับ... กระผมจะไปรอทางด้านโน้น”
“พวกพ่อแม่ของหมอตรินต้องเป็นญาติของคุณพี่กับคุณเสริมแน่นอน”
“ใช่ขอรับ สืบเชื้อสายกันมาเลยขอรับ”
เดือนดาราพยักหน้ารับรู้ก่อนถามเรื่องอีกฝ่ายประมูลภาพวาดพลอย
“ทำไมลุงถึงตัดสินใจประมูลภาพนังพลอยด้วยราคาแพงขนาดนั้น”
“เพื่อสร้างบารมีให้คุณหญิงขอรับ และนั่นคือการเปิดประมูล คุณหญิงต้องเด่นและดูดีที่สุด จ่ายเงินห้าแสนเพื่อซื้อบารมีขอรับ จะให้กระผมเอาไปเก็บที่ไหนขอรับ”
“เอาไปเผาทิ้ง อย่าให้สามคนนั่นเห็นเด็ดขาด!”
ตรินหรือเสริมในอดีตชาติลงจากเวทีก็ปรี่มาหาเพื่อนรักคือกษมาและปกรณ์ หรืออ่ำกับสนในอดีตชาติ เดือนดาราผ่านมาเห็นก็เบิกตาโพลง อดไม่ได้จะโวยวายกับสำลีเหมือนเคย
“นายอ่ำ นายสนมันก็ดันมาเกิดใหม่ เจ้ากรรมนายเวรของฉันทั้งนั้น”
“ฟ้าช่างลิขิตนะขอรับ ส่งพวกมันมาราวกับนัดกันมาเกิด”
“มาเกิดเป็นเพื่อนคุณเสริม โอ๊ย...ฉันไม่อยากเจอพวกมัน ฉันกลัวนะลุง”
“ทำใจให้นิ่งไว้ขอรับ พวกเขาไม่รู้ภพภูมิชาติที่แล้วของพวกเขาหรอกครับ”
“แล้วทำไมถึงแห่แหนกันมาหาเราสองคนราวกับนัดกันมา”
“การมาของพวกเขาอาจเป็นผลดีกับแผนการของเรานะขอรับ”
“แต่ฉันพอใจจะได้พบคุณเสริมคนเดียวเท่านั้น”
“นิ่งไว้ เย็นไว้ สงบที่สุด สร้างภาพคุณหญิงนางฟ้าผู้เมตตาเอาไว้ขอรับ ไปพบคุณหนูสามคนเถิดขอรับ กระผมสัญญาว่าจะไม่ให้ผู้ใดมาระคายเคืองคุณหญิงได้ขอรับ”
“ขอบใจ แต่มันสะกิดใจฉันตลอดเวลาและเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ”
“กังวลมากไปคุณหญิงจะอ่อนแอมากขึ้นนะขอรับ อะไรที่มันกำลังลอบติดตามคุณหญิงมันจะเข้มแข็งขึ้นและสามารถทำร้ายคุณหญิงได้มากขึ้นขอรับ”
“สวรรค์ในอก นรกในใจกำลังคุกคามฉัน!”
ooooooo
วริศรา มารตีและพัชรียังไม่รู้แผนร้ายของเดือนดาราแม่บุญธรรม คุยกันอย่างสนุกสนานในสวนของโรงแรม พลันสามสาวก็ตกใจหวีดร้องเมื่อพัชรีซุ่มซ่ามสะดุดล้ม!
ตริน กษมาและปกรณ์มาช่วยไว้ทัน และตะลึงกับความสวยของหญิงสาวแปลกหน้าทั้งสามมาก โดยเฉพาะตรินที่ตกหลุมรักวริศราตั้งแต่แรกเห็น
พัชรีเห็นหน้าผู้ชายแปลกหน้าก็เป็นลม โชคดีปกรณ์รับทันเลยไม่หัวกระแทกพื้น ทั้งหมดเคลื่อนขบวนไปพักที่เก้าอี้ไม่ใกล้ไม่ไกลกันนั้น สามหนุ่มรีบแนะนำตัวเองว่าเป็นหมอ วริศราในฐานะพี่ใหญ่เลยยอมให้ปกรณ์ช่วยดูอาการของพัชรีที่จนป่านนี้ก็ยังไม่ฟื้น
เดือนดาราโทร.หาลูกสาวทั้งสามคนแต่ไม่มีใครรับ กระทั่งตามมาเห็นทั้งสามนั่งอยู่กับสามหมอ ตรินยิ้มกว้างเมื่อเห็นเดือนดาราและถือโอกาสเล่าเรื่องทั้งหมด
วริศราหมั่นไส้ตรินพยายามตีตัวออกห่างแต่เดือนดารากลับเห็นดีเห็นงาม ชวนเขาเข้างานและออกปากเชิญให้ไปกินข้าวด้วยกันหลังงานจบ ตรินตอบตกลงด้วยความยินดีเพราะอยากพูดคุยกับวริศราให้มากกว่านี้ กระนั้นก็ฟอร์มจัดแสร้งทำกวนประสาทจนวริศราเหม็นขี้หน้ากว่าเดิม
หลังพัชรีอาการดีขึ้น เดือนดาราก็พาลูกสาวบุญธรรมทั้งสามเข้างาน ตรินจะตามพร้อมกษมากับปกรณ์แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าวริศราลืมกระเป๋าไว้
ตรินคิดแผนจะใกล้ชิดวริศรา แกล้งนำกระเป๋าไปฝากโฆษกบนเวทีประกาศหาเจ้าของ เมื่อวริศราปรากฏตัวเพื่อรับกระเป๋าก็ถือโอกาสโค้งขอเธอเต้นรำ










