ตอนที่ 8
ตี๋ใหญ่ดึงตัวเองจากอดีต พร้อมกับที่ปื๊ดพาปรีชามาถึงพอดี จอมโจรใหญ่มองหน้าหมอหนุ่มเพื่อนรักด้วยแววตาซาบซึ้งใจ ไม่ว่าเมื่อไหร่และเวลาไหน อีกฝ่ายไม่เคยดูดายหรือละเลยเรื่องของเขาเลย
“หมอ...นึกว่าแกจะไม่มาซะแล้ว”
“ก็ไม่อยากจะมาหรอก แต่กลัวว่าเพื่อนจะตายก็เลยจำใจต้องมา”
“ยังไงก็ขอบใจนะเว้ย...เบาๆหน่อยนะหมอ”
ระหว่างที่ปรีชารักษาแผลโดนยิงของตี๋ใหญ่ พวกตำรวจจากกองปราบฯ นำโดยสมศักดิ์ก็เรียกประชุมหลังความล้มเหลวของปฏิบัติการล่าตี๋ใหญ่
อุดมรายงานว่าไม่มีร่องรอยจอมโจรใหญ่เลย ทั้งบ้านพ่อแม่ บ้านเพื่อน หรือบ้านเมียรักอดีตนางงามอย่างปรารถนา สมศักดิ์เจ็บใจมาก เพราะผลของงานนี้ทำให้กรมตำรวจถูกพวกนักข่าวโจมตีอย่างหนัก บรรดลเข้าใจสถานการณ์ดี และอาสาไปสืบข้อมูลเพิ่มเติมจากหนู
ปรารถนาไม่ได้อยู่บ้านให้พวกตำรวจสงสัย
แต่แอบแวะมาเยี่ยมตี๋ใหญ่ถึงอู่นายฟื้น แหล่งซ่อนตัวของชาวแก๊ง
“เฮีย...ฉันเอง เฮียเป็นยังไงบ้าง”
“หนาเหรอ...เฮียไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงนะ เฮียซะอย่าง เดี๋ยวก็หาย”
“กลับไปพักที่บ้านเราไหมเฮีย”
“ไม่ได้หรอก ตำรวจรู้จักบ้านเราแล้ว ป่านนี้คงผลัดกันมาดู ถ้าเฮียไปอยู่ที่บ้าน หนาจะเดือดร้อนไปด้วย”
“งั้นหนามาอยู่ที่นี่ก็ได้นะ จะได้ช่วยดูแลเฮียไง”
“หนามาอยู่นี่ แล้วใครจะดูลูกล่ะ”
คำถามของตี๋ใหญ่ทำให้ปรารถนาเถียงไม่ออก ทิพย์สงสารอาสาดูแลตี๋ใหญ่แทน จอมโจรใหญ่มองมาด้วยแววตาซึ้งใจ ก่อนให้คนหยิบซองเงินมามอบให้ปรารถนาไว้เป็นค่าใช้จ่ายในบ้านและเลี้ยงดูลูก
“เฮียเก็บไว้เถอะ”
“เอาไปเหอะน่า หนาจำเป็นต้องใช้ สำหรับลูกและตัวหนาเอง รับไว้แล้วก็ไปได้แล้ว”
“ขออยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอ”
“ไม่! ไปซะ แล้วห้ามมาที่นี่อีก”
ปรารถนาน้ำตาซึม แต่ไม่อาจขัดคำสั่งผัว ตี๋ใหญ่ได้แต่มองตามด้วยความรู้สึกผิดปนเสียใจ ก่อนเรียกไว้และขอให้เธอแวะไปส่งข่าวพ่อแม่ของเขาที่โรงพยาบาล
สมาชิกแก๊งเข้าใจความรู้สึกตี๋ใหญ่ดี เส้นทางโจรที่เลือกแล้วทำให้ต้องมีชีวิตหลบๆซ่อนๆ คงมีเพียงหนูที่ยังไม่รู้เรื่องตี๋ใหญ่ถูกยิงบาดเจ็บสาหัส มัววุ่นวายกับการผลิตและขายยาเสพติด
บรรดลแวะมาสืบข่าวตามที่รับปากกับพวกสมศักดิ์ หนูเรียกให้มาสังสรรค์ที่บาร์เสี่ยปิ่น โดยมีฟ้าดาวเด่นประจำบาร์เป็นคนดูแล ตามประสาพวกทะเยอทะยานและเห็นเงินเป็นพระเจ้า
จ่ายะตามมาหาข่าวเหมือนเคย เมื่อเห็นเสี่ยโจแวะมาบาร์ของเสี่ยปิ่น ก็รีบโทร.บอกเนตรดาวทันที
“อดใจรอหน่อยนะครับ บางทีคืนนี้อาจมีข่าวดี”
ooooooo
ฟ้าถูกเรียกตัวไปปรนนิบัติเสี่ยโจ หนูมองตาม ฮึดฮัดที่เห็นหน้าเจ้าพ่อคู่ปรับ บรรดลต้องคอยปรามและรั้งไว้ ไม่อยากให้มีเรื่อง จะเสียแผนล้วงข้อมูล
เสี่ยปิ่นหนักใจไม่น้อยต้องต้อนรับเสี่ยโจ เพราะสองสามครั้งล่าสุดที่เจอก็หวิดมีเรื่องแทบทุกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องหนู ได้แต่หวังว่าครั้งนี้จะไม่มีเรื่องให้ปวดหัวกวนใจอีก
เสี่ยโจหรี่ตามองเสี่ยปิ่นเจ้าของบาร์ด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ ก่อนเปิดฉากถามเรื่องทั่วๆไป
“เสี่ยปิ่น...ช่วงนี้ตำรวจมากวนบ้างหรือเปล่า”
“ก็มีบ้างแหละเฮีย ตำรวจกับคนธุรกิจอย่างพวกเรา มันของคู่กันอยู่แล้ว”
“ตำรวจคอยกวนแบบนี้ คิดว่ายังไหวอยู่ไหม”
“ไม่ไหวก็ต้องไหว ทำไงได้ล่ะ นี่มันงานของเรา”
“ถ้าไม่ไหวเมื่อไหร่ก็บอกนะ มีคนเขาอยากช่วยดูแลธุรกิจให้แทน”
เสี่ยปิ่นสีหน้าเปลี่ยนทันที “เฮียหมายความว่ายังไง”
“ไม่อ้อมค้อมล่ะนะ นายเขาอยากให้อั๊วมาช่วยดูแลกิจการนี้แทน ลื้อจะได้ไม่ต้องปวดหัวกับพวกตำรวจ”
พูดจบก็แสยะยิ้มร้ายน่ารังเกียจ เสี่ยปิ่นต้องข่มใจอย่างมากไม่ให้ลุกไปต่อยหน้า
“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง บอกนายของเฮียได้เลยครับว่าผมไม่สนใจ”
“ได้...อั๊วแค่มาตามที่นายสั่ง ถ้าลื้อไม่สน อั๊วก็ไม่มีปัญหา”
เสี่ยโจทำเหมือนไม่จริงจัง แต่โทร.หานายใหญ่หรือนักการเมืองท้องถิ่นที่หนุนหลังธุรกิจสีเทาหลายแห่ง เพื่อรายงานถึงผลเจรจาที่เขาคิดเองว่าอยากให้โอกาสเสี่ยปิ่นได้เลือกทางที่ต้องการ
เสี่ยปิ่นรอจนเสี่ยโจวางหู จึงโพล่งถามเสียงเข้ม
“เมื่อกี้เฮียพูดว่าให้โอกาส...โอกาสอะไรเหรอ”
“โอกาสที่จะไม่ต้องเหนื่อยไง ที่จริงนายเขาไม่ต้องซื้อที่นี่ก็ได้ เพราะเขาตั้งใจจะเปิดของเขาเองอยู่แล้ว กะจะลงทุนเต็มที่ ให้ครบวงจรที่สุด ให้ใหญ่กว่าใครในย่านนี้”
“แปลว่าเราจะมาเป็นคู่แข่งกันใช่ไหม”
“คู่แข่งอาไร้ ธุรกิจน่ะ...ใครเห็นช่องทางทำเงินก็มีสิทธิ์ทั้งนั้น ส่วนใครจะอยู่หรือใครจะไป มันก็ขึ้นกับฝีมือ”
“ครับเฮีย...แต่จำไว้แล้วกันว่าอย่าไล่บี้ให้หมามันจนตรอก”
“กลัวอะไรกับอีแค่หมาจนตรอก ถ้ามันจะกัดก็ซัดมันด้วยลูกปืน แค่นี้ก็หมดฤทธิ์แล้ว”
สองเสี่ยใหญ่มองหน้ากันแบบไม่มีใครยอมใคร ก่อนที่เสี่ยปิ่นจะขอตัว เสี่ยโจส่งยิ้มเย้ยหยันไปให้ ก่อนแกล้งรั้งไว้ด้วยน้ำเสียงกวนประสาท
“อ้าว...ไม่ดื่มด้วยกันหน่อยเหรอเสี่ยปิ่น”
“ไม่ดีกว่า...วันนี้ผมไม่ค่อยสบาย...ขอตัวนะเฮีย”
เสี่ยปิ่นผละไปทันทีที่พูดจบ ทิ้งฟ้านั่งดูแลเสี่ยโจที่ทำท่ากะลิ้มกะเหลี่ยใส่และชวนเธอไปทำงานด้วย
ฟ้าทำเป็นเล่นตัว แต่เมื่อได้ยินว่าเรียกค่าตัวเท่าไหร่ก็ได้...แววตาก็เป็นประกายขึ้นทันที
ooooooo
บรรดลไม่ได้ข้อมูลใดๆจากหนูเรื่องตี๋ใหญ่ แถมต้องหอบร่างเมาแอ๋ของอีกฝ่ายไปนอนพักที่อู่อาเจ็กอีกต่างหาก เนตรดาวชวดข่าวเด็ดเช่นกัน เมื่อจ่ายะโทร.บอกว่าสองเสี่ยแยกย้ายแล้ว ไม่มีเรื่องอย่างที่คิดตั้งแต่แรก
หลังพลาดหวังจากหนู บรรดลจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปหาข้อมูลจากปรีชา บุกไปหาถึงโรงพยาบาลวันต่อมา
“ผมอยากจะถามเรื่องตี๋ใหญ่”
“เรื่องตี๋ใหญ่...ผมก็รู้เท่าที่ข่าวออกเหมือนกับทุกคนนั่นแหละครับ”
“แต่ผมว่าหมอน่าจะรู้อะไรมากกว่านั้น”
“ทำไมถึงได้คิดอย่างนั้นล่ะ”
“คืนที่ตำรวจล้อมจับตี๋ใหญ่ คืนนั้นผมเห็นตี๋ใหญ่มาพบหมอที่โรงพยาบาล”
ปรีชาหน้าเสีย ก่อนยอมเปิดปากเรื่องคืนนั้น
“เขาก็แค่...มาถามเรื่องอาการของพ่อเขาน่ะ”
“แล้วหลังจากวันนั้น หมอได้เจอตี๋ใหญ่อีกหรือเปล่า”
“ไม่...ไม่ได้เจอเลย”
ท่าทางลุกลี้ลุกลน ไม่ยอมสบตาของปรีชา ทำให้บรรดลยิ่งมั่นใจ แกล้งพูดหยั่งเชิง
“ได้ข่าวว่าตี๋ใหญ่เจ็บหนัก เขาน่าจะต้องการใครสักคนช่วยรักษา หมอพอจะรู้ไหมว่าใคร”
“ไม่! ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น ขอตัวก่อนนะ ผมต้องขึ้นตรวจคนไข้แล้ว”
พูดจบก็ผละไปทันที ทิ้งบรรดลให้มองตามนิ่งๆ นพวรรณเห็นท่าทางของตำรวจหนุ่มก็พอเดาได้
“คว้าน้ำเหลวอีกตามเคย”
“ไม่หรอกครับ...อย่างน้อยเราก็รู้ว่าตอนนี้ตี๋ใหญ่กำลังหลบรักษาตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งไม่ไกลจากที่นี่”
“แต่ก็ยังไม่ง่ายอยู่ดีที่จะเจอตัวตี๋ใหญ่”
“ใช่...งานของพวกผมไม่เคยง่ายหรอกครับ”
ทั้งบรรดลและนพวรรณไม่ทันพูดอะไรต่อ ก็ต้องรีบไปห้องพักของสุภาพ เมื่ออุดมกับเนตรดาวโทร.บอกว่าเห็นปรารถนาแวะมาเยี่ยมพ่อแม่ของตี๋ใหญ่!
ooooooo
บรรดลกับอุดมไม่อยากให้ปรารถนาแตกตื่น ส่งนพวรรณเข้าไปสังเกตการณ์ในห้อง แล้วก็ได้เรื่องตามคาด คือปรารถนาแวะมาส่งข่าวว่าตี๋ใหญ่ปลอดภัยดีและไม่ได้ถูกจับ
สุภาพโล่งใจมาก แต่ทำเหมือนไม่ยินดียินร้าย ส่วนสำอางดีใจที่ลูกชายคนโตปลอดภัย ปรารถนาเลยขอตัวกลับเพราะไม่อยากอยู่นาน สำอางต้องรั้งไว้และบอกให้พาลูกชายของตี๋ใหญ่มาเยี่ยมบ้าง
ปรารถนารับปากและออกจากห้อง สำอางได้แต่มองตามด้วยความเวทนา ก่อนหันมาพูดกับนพวรรณ
“น่าสงสาร...ชาติที่แล้วเขากับลูกป้าคงทำกรรมกันไว้มาก ชาตินี้จึงต้องเกิดมาชดใช้กรรมร่วมกันแบบนี้”
อุดมกับบรรดลดักรอปรารถนาหน้าห้องพัก แต่เมียรักอดีตนางงามของตี๋ใหญ่ก็ไม่บอกอะไรและขอตัวกลับดื้อๆ บรรดลได้แต่มองตามนิ่งๆ และบอกอุดมว่าปรารถนาหรือปรีชาคงไม่ได้เจอตี๋ใหญ่อีกนาน
“ทำไมแกมั่นใจนักวะ”
“คนอย่างตี๋ใหญ่ฉลาดพอจะซ่อนร่องรอยทุกอย่าง ไม่ให้เราตามหาเจอ”
“ถูกต้อง มันฉลาด แต่ถึงจะฉลาดยังไง มันก็ต้องพลาดได้สักวัน”
“ใช่...แล้ววันนั้นแหละจะเป็นวันของเรา”
ตี๋ใหญ่นอนพักรักษาตัวที่อู่นายฟื้น โดยมีทิพย์คอยดูแลเหมือนที่รับปากปรารถนาไว้
“ขอบใจเจ๊มากนะที่ช่วยดูแลฉัน”
“ไม่ช่วย...แล้วจะปล่อยให้เอ็งนอนตายหรือไงวะ”
“เจ๊...ฉันสัญญานะว่าทั้งชีวิตนี้ ฉันจะไม่มีวันลืมสิ่งที่เจ๊ทำให้กับฉัน โดยเฉพาะเวลาที่ฉันลำบากแบบนี้”
พูดพลางเอื้อมไปจับมือ ทิพย์ถึงกับใจสั่นแต่ทำเหมือนไม่คิดอะไร
“ไม่ต้องคิดมากหรอกเว้ยตี๋ คนเราช่วยอะไรกันได้ก็ช่วยๆกันไป ตั้งแต่ไอ้ตำรวจนั่นมันยิงผัวเจ๊ ก็ได้เอ็งนี่แหละที่คอยช่วย ไม่อย่างนั้นเจ๊อาจกลายเป็นหมาข้างถนนไปแล้วก็ได้”
“เจ๊...ทุกวันนี้เจ๊อาจเหมือนตัวคนเดียว แต่อย่าลืมว่าเจ๊ยังมีฉันอยู่อีกคน”
นัยน์ตาของตี๋ใหญ่เหมือนต้องการสื่อความหมาย บางอย่าง แต่ทิพย์หลบตาและทำเหมือนไม่หวั่นไหว ทั้งที่ใจเต้นแรงเหลือเกินเพราะสัมผัสของเขาที่เธอแอบโหยหามานาน...
อุดมแวะส่งเนตรดาวที่บ้าน หลังชวนเธอมาเกาะติดการสืบเรื่องตี๋ใหญ่ที่โรงพยาบาล แม่ของเนตรดาวเฝ้ามองทุกอย่างจากหน้าต่าง และรอจนตำรวจหนุ่มกลับไปแล้วจึงสั่งขาดกับลูกสาวให้เลิกคบพวกตำรวจ!
เนตรดาวเริ่มมีใจเอนเอียงไปทางอุดม แต่ต้องฝืนใจยอมถอยห่างจากเขาเพราะคำสั่งแม่ซึ่งยังช้ำใจจากเรื่องอดีตที่พ่อของเธอถูกพวกตำรวจใส่ร้ายจนต้องตายในคุก อุดมพยายามโทร.หาแต่เธอตัดใจไม่รับสาย เขาเลยบุกมาหาถึงบ้าน แต่ก็ถูกแม่ของเนตรดาวขัดขวางไม่ให้เจอกัน
ท่าทางจ๋อยสนิทของอุดมทำให้เนตรดาวปวดใจไม่น้อย แม่เนตรดาวกลัวลูกสาวใจอ่อนเลยบอกข้อมูลของอุดมที่สืบมาว่าเขาเป็นลูกชายของนายตำรวจที่จับพ่อของเธอเข้าคุก
“รู้แบบนี้แล้ว...เนตรยังจะอยากคบกับเขาต่ออยู่อีกเหรอ”
อุดมหัวใจสลายจนแทบไม่มีแก่ใจทำงาน บรรดล กับสมศักดิ์ต้องคอยปลอบและรับหน้าที่เค้นคอผู้ต้องหาลูกน้องของตี๋ใหญ่ที่รวบตัวได้จากบ้านยุทธ แล้วพบว่าเป็นแค่สมุนขาจรที่ช่วยงานเป็นครั้งคราวเท่านั้น
บรรดลกับอุดมกลับไปแล้ว สมศักดิ์จึงรับหน้าที่ตอบคำถามเนตรดาวและนักข่าวจากสำนักอื่นเหมือนเคย
“พอจะตีกรอบให้แคบลงได้ไหมคะว่าตี๋ใหญ่ซ่อนตัวในพื้นที่ไหน”
“เชื่อว่าเขาน่าจะอยู่ในพื้นที่สามสี่จังหวัดใกล้กรุงเทพฯ ซึ่งเขาเคยก่อคดีบ่อยๆนั่นแหละครับ”
“งั้นก็แสดงว่าเขาก็อยู่ไม่ไกลจากมือตำรวจเลยน่ะสิคะ”
“ถูกต้องครับ...ถ้าอยากให้อาชญากรอย่างตี๋ใหญ่ได้รับบทลงโทษ ทุกคนต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา เพียงทุกคนกล้าให้ข้อมูลกับตำรวจ คนเลวๆก็จะไม่มีที่ยืนอยู่ในสังคม!”
ตี๋ใหญ่นั่งฟังแถลงการณ์ของสมศักดิ์จากอู่นายฟื้น คว้าปืนมาเล็งไปที่จอ ทิพย์เห็นสายตาเกรี้ยวกราดของเขาแล้วอดกลัวใจไม่ได้
“ตี๋...เอ็งคิดจะทำอะไรวะ”
“เจ๊ก็รู้...คนอย่างฉัน ไม่ยอมโดนอัดฝ่ายเดียวหรอก มันทำฉันเจ็บขนาดนี้ มันก็จะต้องเจ็บเหมือนกัน มันจะได้รู้ว่ามันกำลังเล่นกับไฟ ต่อจากนี้ไป...มันจะต้องอยู่อย่างร้อนรน ฉันจะคอยตามเผาทำลายมันทั้งชีวิต!”
ooooooo










