ตอนที่ 13
ในคืนที่เงียบเหงา ไทว์ในภาวะที่เจ็บปวด เสียใจ ผิดหวัง ขับรถไปบนถนนที่ค่อนข้างโล่งอย่างเลื่อนลอย ถึงบริเวณใต้สะพานที่เคยมากับสร้อยสน เขาขับรถเข้าไปจอด มองออกไป...นึกถึงวันที่มานั่งริมน้ำกับสร้อยสน วันนั้นเขามีปัญหากับสิริโสภาและยังติดค้างคาใจอยู่ สร้อยสนมองอย่างเป็นห่วง ถามว่าเราจะเล่นกันหรือยัง วันนี้ให้เขาถามก่อน ไทว์ไม่ถามแต่บอกเศร้าๆว่า วันนี้สิริโสภาขอเลิกกับตน แล้วจึงถามว่า
“สมมตินะ สมมติว่าคุณเป็นแฟนผม คุณทำผิด คุณจะง้อผมไหม” สร้อยสนตอบไม่ลังเลว่าถ้าเป็นตน ตนง้อ ไทว์ถาม “ทำไม”
“เพราะฉันไม่อยากเสียคนดีๆอย่างคุณไป”
วันนั้นไทว์ขอบคุณเธอที่ยังมองเห็นว่าตนเป็นคนดีและน่ารักษาไว้ คิดแล้วไทว์ขับรถออกไปอย่างเร็ว ตรงไปที่บ้านสร้อยสน จอดรถแล้วมองเข้าไปในบ้าน เห็นปิดไฟมืดหมดแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแต่ลังเลไม่กล้าโทร.ออก ในที่สุดไทว์เอนเบาะนอนเอามือก่ายหน้าผาก ไม่เข้าใจตัวเองว่า...
“ทำไมผมต้องคิดถึงคุณทุกครั้งที่มีปัญหาด้วยนะ ...คุณสน”
สร้อยสนมาถึงโรงแรมพฤทธานนท์ที่ชะอำเข้าห้องพักแล้ว นอนก่ายหน้าผากฟังเสียงคลื่นลมทะเลในยามดึก อดคิดถึงคืนนั้น...คืนที่เธอเป็นของไทว์ไม่ได้ ไทว์ทำไปเพราะความเมาไม่ได้ตั้งใจ แต่...เธอเต็มใจ
สร้อยสนลุกพรวดขึ้นสะบัดหน้าแรงๆเหมือนจะสลัดความคิดถึงไทว์ออกไป ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะตัดสายสัมพันธ์กับเขา ลงมือเปลี่ยนซิมการ์ดโทรศัพท์ทันที
รุ่งขึ้น ไทว์ไปที่ห้องเตรียมอาหารไทยของโรงแรมแต่เช้า
ทัฬห์เดินตรวจงานกับผู้จัดการผ่านมา เห็นไทว์เดินออกจากด้านข้างของห้องเตรียมอาหารไทย เขาทักอย่างแปลกใจว่า “มาทานข้าวเหรอ”
“เปล่าครับ” ไทว์ตอบเนือยๆ
ผู้จัดการไหว้ไทว์แล้วเดินแยกไป ไทว์จึงพูดกับทัฬห์ บอกว่าตนมาหาคุณสน แต่เพิ่งรู้ว่าเธอลาออกไปแล้ว ถามทัฬห์ว่ารู้หรือเปล่า
“รู้” ตอบแล้วแอบสังเกตไทว์ก่อนพูดต่อ “แต่ไม่ได้บอกนายเพราะไม่คิดว่าตอนนี้นายจะสนใจเรื่องอะไรมากไปกว่าเรื่องแต่งงาน”
“พี่พอรู้ไหมครับว่าคุณสนไปทำงานที่ไหน ผมโทร.เข้ามือถือแต่ก็ติดต่อไม่ได้”
ไทว์ถามสีหน้ากังวลอยากติดต่อสร้อยสนจริงๆ ทัฬห์นิ่งเมื่อคิดถึงคำขอร้องของสร้อยสนวันก่อนเดินทางไปชะอำ เธอมาดักพบเขาและขอบคุณที่ช่วยย้ายตนไปทำงานที่ชะอำ
“ไม่เป็นไรครับ แค่จะมาขอบคุณหรือมีอะไรอีกหรือเปล่า คุณคงไม่ได้มาฝากฝังเรื่องเฟื่องลดาแน่”
ทัฬห์ถามอย่างผู้ใหญ่และผู้บริหารที่มองออก สร้อยสนยิ้มรับว่าใช่ เพราะตนรู้อยู่แล้วว่าเขาจะดูแลลดาได้ดีกว่าใครๆ
“ถ้าให้ผมเดาคงเป็นเรื่องนายไทว์” สร้อยสนมองทัฬห์อึ้งที่รู้ทัน ทัฬห์พูดต่อเรียบๆอย่างเดาได้ถูกว่า “คุณคงไม่ต้องการให้นายไทว์รู้ว่าคุณย้ายไปอยู่ที่สาขาชะอำใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ”
“ผมเข้าใจคุณนะ ผมรับปากจะไม่บอกนายไทว์ แต่คุณต้องรับปากผมข้อหนึ่งว่าถ้ามีปัญหาอะไร คุณจะนึกถึงผมเป็นคนแรก”
“ค่ะ...ขอบคุณนะคะ” สร้อยสนขอบคุณทั้งดีใจและโล่งใจ
เมื่อทัฬห์ยื่นมือมาเธอจับมือเขา ทัฬห์อวยพรและฝากความหวังว่า “ขอให้สนุกกับงานใหม่นะครับ”
ทัฬห์นึกถึงที่รับปากกับสร้อยสนแล้ว เขาบอกไทว์ว่าตนไม่รู้ ย้อนถามว่าเขามีอะไรกับคุณสนหรือ
“ไม่มีอะไรครับแค่อยากคุยด้วย เพราะเวลาไม่สบายใจ ได้คุยกับคุณสนทีไรก็สบายใจทุกที”
“นายมีอะไรไม่สบายใจ”
ไทว์ไม่ทันได้พูด เลขาก็เข้ามารายงานทัฬห์ว่ามิสเตอร์ริชาร์ดมาถึงแล้ว ทัฬห์บอกตนกำลังจะขึ้นไปพอดี บอกไทว์ว่าแล้วค่อยคุยกัน แล้วเดินไปกับเลขา
ไทว์ถอนใจ หันมองไปทางห้องเตรียมอาหารไทย อีกครั้งก่อนเดินไป
ooooooo










