ตอนที่ 15
เมื่อโรงงานข้าวเกรียบโอกิมิเปิดทำการ ภูริชได้รับความไว้วางใจจากสุกิจให้ดูแลทุกอย่างแม้แต่เรื่องเงิน...
พอมีอำนาจในมือ ภูริชวางแผนยักยอกเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองด้วยการอ้างว่าเครื่องจักรที่เพิ่งซื้อมามีปัญหาต้องเปลี่ยนใหม่ ซึ่งต้องผ่านปารณที่เป็นคนสั่งมาให้ ภูริชไปเจรจากับเขา แต่จะอ้างว่าเครื่องมีปัญหาไม่ได้เพราะปารณต้องสงสัย จึงบอกว่าสุกิจอยากเปลี่ยนสเปกเครื่องจักร
ปารณรับปากจะรีบจัดการให้ ทันใดน่านฟ้าโผล่พรวดเข้ามาทักเพื่อนรักเสียงดังโดยไม่รู้มาก่อนว่าภูริชอยู่ด้วย
“ไอ้เป้...ฉันเป็นหุ้นส่วนแกนะเว้ย ถมงานซะอย่างกับเป็นลูกน้อง”
ภูริชได้ยินชัดแต่ไม่ถามอะไร นอกจากอมยิ้มแล้วเอ่ยว่า “สวัสดีครับท่านประธาน อ้อ...ไม่สิ...ลืมไปว่าตอนนี้ผมไม่ได้เป็นลูกน้องของคุณแล้ว...หมดธุระแล้วผมขอตัวก่อนนะคุณปารณ”
เพียงภูริชลับกาย น่านฟ้าก็โวยวายใส่ปารณว่าทำไมไม่บอกตนก่อนว่าไอ้หมอนี่มาหา
“ถ้าฉันมีจังหวะบอกแกก็ดีสิ แกเข้ามาก็พ่นๆๆ ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย ความลับแตกแบบนี้แล้วจะทำยังไงวะ”
“ช่างมันเถอะ นายภูริชก็ลาออกไปแล้ว แล้วฉันก็ไม่ได้ยุ่งอะไรกับบริษัทอาสุกิจด้วย”
“แกไม่ยุ่งก็หวังว่าเขาจะไม่ยุ่งกับแกด้วยแล้วกันนะไอ้น่าน”
ฟังเพื่อนแล้วน่านฟ้าแอบกังวลอยู่เหมือนกัน
ooooooo
มัศยาคบน่านฟ้าได้ไม่ถึงเดือนก็พูดเรื่องการมีครอบครัว แต่ฝ่ายชายกลับบอกว่าต้องรอให้อายุ 35 เสียก่อนถึงจะคิดเรื่องนั้น ทำให้เธอคิดมากว่าเขาอาจจะไม่จริงจัง
ท่าทีของมัศยาเปลี่ยนไปจนน่านฟ้าอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองปากเสียอีกแล้ว เธอไม่อยากคุยกับเขา ขอตัวกลับบ้านมาปรับทุกข์กับแม่ ขณะที่น่านฟ้าไปหาปารณบ่นให้ฟังว่าไม่เข้าใจผู้หญิงทำไมไม่ให้เวลากันบ้าง แต่ปารณเข้าใจมัศยาที่อายุไม่ใช่น้อยต้องอยากแต่งงานเป็นธรรมดา ถ้าเขาไม่พร้อมจะสร้างครอบครัวก็อย่าไปยุ่งกับเธอเลย
มัศยาได้รับคำแนะนำดีๆจากแม่เรื่องความรัก ไม่ให้กดดันน่านฟ้ามากนักเพราะเพิ่งคบกัน และเขาเองก็พิสูจน์แล้วว่าเขารักลูกของแม่ เราควรให้เวลาเขาหน่อยเพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยจริงจังกับใครก็เลยไม่เคยคิดไกล
คำพูดของแม่ทำให้มัศยาอ่อนลง คืนนั้นเธอเฝ้ารอการติดต่อมาของน่านฟ้า...แล้วเขาก็ติดต่อมาจริงๆ แต่มาขออนุญาตอยู่เป็นเพื่อนแอนนาที่โดนขโมยค้นห้องข้าวของกระจัดกระจาย เธอกลัวมากอยู่คนเดียวไม่ได้
มัศยาพยายามไม่คิดมาก เชื่อใจเขาแต่แล้วผ่านไปไม่นานแอนนาก็โทร.ตามเธอมารับน่านฟ้ากลับบ้าน มัศยาร้อนใจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอมาถึงก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแท้จริงแล้วแอนนาจัดฉากเองทั้งหมด ทั้งเรื่องขโมยค้นห้องและที่น่านฟ้านอนเตียงเดียวกับเธอในสภาพแทบเปลือยเปล่าเพราะโดนวางยา
ความเคืองขุ่นที่กรุ่นอยู่แล้วในใจเมื่อตอนเย็นทำให้มัศยาโกรธน่านฟ้ายิ่งขึ้น ต่อว่าเขาทั้งน้ำตา ไม่ให้เขามายุ่งกับเธออีก เธอเกลียดเขา...น่านฟ้าที่เพิ่งรู้ตัวตื่นขึ้นมายังงงไม่หาย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองจะวิ่งตามมัศยาที่ผลุนผลันออกไปก็ไร้เรี่ยวแรง เซกลับมานั่งปลายเตียง ถามแอนนาว่าทำอะไรลงไป ทำไมมัศยาถึงมาที่นี่
“ก็น่านดื่มจนเมาไม่ได้สติ แอนอยากให้น่านนอนสบายๆเลยพาไปนอนที่เตียง แล้วโทรศัพท์บอกให้คุณมัศยามารับ แต่น่านบ่นว่าร้อนแอนก็เลยถอดเสื้อแล้วเช็ดตัวให้ ไม่นึกว่าคุณมัศยาจะมาเห็นแล้วเข้าใจผิดแบบนี้ แอนขอโทษนะคะ”
แอนนาตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ น่านฟ้าถอนใจส่ายหน้าก่อนจะลุกหนีไปทั้งที่ยังมึนศีรษะ ผ่านไปสักพักเขามาร้องเรียกมัศยาหน้าบ้าน แต่เธอไม่สนใจ เก็บตัวเงียบอยู่ข้างใน สมใจรู้ว่าทั้งคู่มีปัญหากันอีกแน่ แต่ไม่อยากยุ่งให้จัดการกันเอง
เช้าวันรุ่งขึ้น มัศยาไปทำงานในสภาพตาแดงช้ำจากการร้องไห้มาทั้งคืน วิภาซักถามจนรู้เรื่องก่อนจะอนุญาตให้เธอลาพักร้อนหลายวันตามต้องการ ด้านน่านฟ้ายังอยู่บ้าน นั่งกลุ้มใจหลังเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้แม่ฟัง
สุกัญญาหนักใจแทนลูกชาย ถามว่าในเมื่อเป็นการเข้าใจผิดทำไมไม่ไปคุยกับมัศยาให้รู้เรื่อง
“เมื่อคืนผมตามไปที่บ้านหยีแล้วแต่หยีไม่ยอมคุย เขาเป็นคนใจเด็ดเปลี่ยนใจเขายาก ภาพที่เห็นมันคงอธิบายเป็นอย่างอื่นไม่ได้หรอกครับแม่ ผมรู้จักแอนดีพอที่จะนึกออกว่าสิ่งที่เขาพูดเขาทำกับหยีมันไม่ธรรมดาแน่”
“แม่ไม่อยากจะซ้ำเติมนะ ในเมื่อลูกบอกว่ารู้จักผู้หญิงคนนั้นดีแต่ลูกก็ยังไปติดกับเขาอีก บอกตรงๆว่าเป็นแม่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน”
“โธ่...แม่ครับ ยังไงเขาก็เป็นเพื่อน ผมก็ไม่คิดว่าเขาจะสร้างเรื่องหลอกผมถึงขนาดนั้น ท่าทางหยีจะโกรธจริงจนผมไม่กล้าไปสู้หน้าเขาแล้วครับ”
“เคยทำอะไรผิดก็จำไว้แล้วอย่าทำอีก เรื่องหนูหยีก็ค่อยๆคิด ถ้าเขารักเราเขาก็คงตัดไม่ตายขายไม่ขาดหรอก”
น่านฟ้ารับฟังแล้วคิดตามคำแม่ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี
ooooooo
มัศยาตัดสินใจไปพักผ่อนที่หัวหินเพียงคนเดียวโดยไม่ยอมบอกใครแม้แต่คนในครอบครัว น่านฟ้ารู้จากวิภาเรื่องมัศยาลาพักผ่อนแต่ไม่รู้ว่าเธอไปไหน ถามทางบ้านเธอก็ไม่ได้คำตอบจึงดิ้นไปทางสินธุ
ปรากฏว่าสินธุมีคำตอบแต่ต้องแลกกับเงินก้อนหนึ่งทั้งที่ตัวเองยังเป็นหนี้น่านฟ้าอยู่ น่านฟ้ายอมทุกอย่างขอเพียงได้เจอมัศยาให้เร็วที่สุดเพราะเขาเป็นห่วงเธอมาก
ก่อนที่น่านฟ้า ปารณ และนิรชาจะตามไปเจอมัศยาที่หัวหิน มัศยามีเรื่องกับนักเลงท้องถิ่นที่เข้ามาเกาะแกะแทะโลม แต่เพราะเธอไม่ใช่หญิงอ่อนแอที่ใคร
จะรังแกง่ายๆ พวกเขาเลยโดนเธอเตะต่อยถีบถองจนต้องพากันวิ่งหนีไป
เหตุนี้เองทำให้นักเลงพวกนั้นฝากความแค้นไว้กับเธอ ตกกลางคืนเธอออกไปเดินเล่นชายหาดมันจึงย้อนกลับมาเอาคืน แต่พอดีพวกน่านฟ้ามาถึงและช่วยมัศยาได้ทันท่วงที
หลังจากนักเลงเผ่นหนีไป พวกน่านฟ้าพากันมานั่งในร้านอาหารริมทะเล น่านฟ้าพยายามง้องอนมัศยาแต่ท่าทางจะไม่สำเร็จ โดนเธอตัดบทให้รีบกินแล้วรีบกลับกรุงเทพฯกันได้เลย
“กลับได้ไง ในเมื่อหยียังอยู่ที่นี่ ใครจะยอมทิ้งแฟนไว้ล่ะจ๊ะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่อยากเห็นหน้า”
น่านฟ้าหนักใจ พยักพเยิดไปทางปารณและนิรชาให้ช่วยกล่อม ปารณจึงอารัมภบทว่า
“คุณหยีครับ อย่าโกรธไอ้น่านมันเลยนะครับ เพื่อนผมมันนิสัยไม่ดี ปากก็ไม่ดี แถมชอบทำอะไรโง่ๆไม่รู้จักคิด”
“เฮ้ย...ไอ้เป้ นี่แกจะมาด่าฉันทำไมวะ”
“ฉันยังพูดไม่จบ...แต่ถึงยังไง มันก็รักและเป็นห่วงคุณหยีมากกว่าใครในโลกเลยนะครับ”
น่านฟ้าค่อยยิ้มออก แต่มัศยายังนิ่งไม่ตอบ นิรชาเลยต้องช่วยด้วยอีกคน
“นิมั่นใจว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแผนของผู้หญิงคนนั้น เขาจงใจจะทำให้พี่หยีกับคุณน่านทะเลาะกัน ถ้าพี่หยีเป็นอย่างที่เขาต้องการก็เท่ากับว่าพี่หยีแพ้เขานะคะ”
ปารณและน่านฟ้ายกนิ้วโป้งให้นิรชาทันที ขณะที่มัศยาสีหน้าอ่อนลง นิรชาได้ทีเน้นย้ำเข้าไปอีกว่า
“สิ่งที่เขาทำกับคุณน่าน นิเคยทำมาแล้วทั้งนั้น ทั้งวางยาปลดทรัพย์ เล่นละครตบตา หรือทำทุกอย่างเพื่อให้ผู้ชายหลงกล พี่หยีอย่าไปยอมให้ใครมาทำลายความรักของพี่หยีง่ายๆนะคะ”
มัศยารับฟังและคิดตาม ก่อนหันมาบอกน่านฟ้าว่าตนมีเรื่องอยากคุยด้วย...สองคนลุกตามไปคุยกันที่ชายหาด มัศยาถามน่านฟ้าว่าที่นิรชาพูดนั้นจริงหรือเปล่า
“จริงสิจ๊ะยาหยี แอนจงใจล่อลวงผมไปหาที่คอนโดเพื่อจะให้คุณมาเห็นแล้วทำให้เราทะเลาะกัน เขาวางยาผมนะหยี”
“แล้วทำไมคุณถึงได้โง่เชื่อเขา”
“เอ๊า...ก็ผมเป็นคนดีมีเมตตา กรุณา มุทิตา แต่ไม่มีอุเบกขา ถึงได้เชื่อเลยสาระแนขับรถไปให้เขาหลอกไง แต่ตอนนี้ผมตาสว่างแล้ว เหลือแต่ใจที่ยังมืดมน เพราะต้องทนรับสภาพแฟนโกรธอยู่เนี่ย”
“ทีหน้าทีหลังอย่าไปเชื่อใครง่ายๆอีกล่ะ”
“จ้ะ...นี่หมายความว่าหยีหายโกรธผมแล้วใช่ไหม”
มัศยาพยักหน้าแทนคำตอบ น่านฟ้าดีใจกระโดดโลดเต้นร้องไชโยแล้วพากันกลับที่พักภายในรีสอร์ต ไม่เดินทางกลับกรุงเทพฯเพราะดึกแล้ว ปารณกับนิรชาก็ต้องอยู่
นิรชาโทร.บอกแม่เพราะกลัวจะเป็นห่วงที่ไม่กลับบ้าน น่านฟ้าชำเลืองมองเพื่อนรักก่อนพูดลอยๆว่าบอกแม่ไม่เท่าไหร่แต่บอกยายหรือยัง ปารณถึงกับเลิ่กลั่กห้ามนิรชาเสียงหลง
“อย่าเพิ่งบอกยายนะนิ อุตส่าห์ทำคะแนนแทบตาย เดี๋ยวเสียคะแนนกันพอดี”
น่านฟ้าหัวเราะชอบใจ ปารณหมั่นไส้อยากเตะเพื่อนตัวดีสักป้าบ...ไม่ใช่เพราะเขาจะง้อแฟนหรอกหรือ ตนกับนิรชาถึงติดร่างแหมาถึงนี่ด้วย
วิภาโทร.ตามน่านฟ้าแต่เช้า พอรู้ว่าเขาอยู่กับมัศยา คืนดีกันแล้ว และกำลังจะพาเธอกลับกรุงเทพฯ
ก็หายห่วงวางสายด้วยความดีใจก่อนหันมาบอกสุกัญญากับต๋องว่าสองคนนั้นกำลังสวีตกันท่ามกลางหาดทรายและสายลม
ทางด้านภูริชจอมเจ้าเล่ห์ หลังจากได้เงินที่ยักยอกจากการสั่งซื้อเครื่องจักรตัวใหม่เข้ากระเป๋ามาก้อนใหญ่ เขานำเงินจำนวนนั้นไปเล่นพนันเสียเกือบหมด ทำให้ยุวรินทร์ซึ่งเป็นภรรยาไม่พอใจบ่นเขายกใหญ่ด้วยความเสียดาย ก่อนจะลงท้ายอย่างงกๆ ว่าทำไมไม่แบ่งให้เธอใช้บ้าง...
กลับถึงกรุงเทพฯ ปารณยังคงต้องมาช่วยป้ามะลิ ทำข้าวเกรียบขาย วันนี้ป้าพอใจในผลงานถึงกับบอกเขาว่าผ่านด่านแรกแล้ว แต่ยังมีด่านต่อไปคือทำสวนปลูกผักขายในที่ดินของป้ามะลิซึ่งเคยทำไว้ตั้งแต่สามียังอยู่ พอสามีตายก็เลยทิ้งมาทำข้าวเกรียบที่ป้าถนัดกว่า
ปารณรับปากทั้งที่ยังไม่ได้เห็นหน้าค่าตาสวนผัก ที่ว่า พอนิรชาทราบเรื่องก็หนักใจแทน นักธุรกิจอย่างเขาเนี่ยนะจะปลูกผัก...เฮ้อ!
ฝ่ายน่านฟ้ากับมัศยาที่คืนดีกันแล้ว...วิภาและสุกัญญาดีใจมาก พูดคุยกันว่าอยากให้ทั้งคู่หมั้นหรือไม่ก็แต่งงานโดยเร็ว ต๋องแอบได้ยินจึงมาแซวมัศยาแต่ไม่ยอม เผยชื่อคนพูด โกหกว่าตนเดาเอาเองเพราะเห็นเธอกับน่านฟ้าหายโกรธกันแล้ว
ขณะที่มัศยากำลังมีความสุข คาดหวังเล็กๆเกี่ยวกับเรื่องแต่งงาน แต่นทีพี่ชายของเธอกำลังทุกข์หนักตกที่นั่งลำบากถูกเจ้าหนี้ตามทวงเงินทั้งเช้าสายบ่ายเย็น จนวันนี้นทีตัดสินใจมายืมเงินน่านฟ้าถึงบริษัท แต่โชคไม่ดี มัศยาเห็นกับตา จึงบังคับพี่ชายให้คืนเงินน่านฟ้าไป
นทีแสนเสียดาย บ่นมัศยาทำไมต้องมายุ่ง ทีสินธุยืมตั้งสามแสน ทำไมตนจะยืมบ้างไม่ได้ มัศยาได้ยินอย่างนั้นก็เดือดอีกคำรบ ตามตัวสินธุมาคุยกันที่บ้านของเธอในตอนเย็น บังคับให้เขาไปหาเงินมาคืนน่านฟ้า ถ้าไม่เช่นนั้นเรื่องถึงตำรวจแน่
ooooooo
สายวันนี้ป้ามะลิพาปารณไปดูสวนผักของจริงที่ทิ้งร้างไว้นาน อากาศแถวนี้ดีมากจนปารณชื่นชอบแต่ยังนึกไม่ออกว่าจะเริ่มอะไรยังไงก่อน
ป้ามีเครื่องมือทำสวนให้ครบ มีกระต๊อบเล็กๆหากเขาต้องการนอนค้าง ปารณถามว่าจะให้ตนเริ่มเมื่อไหร่ ป้าตอบเสียงดังฟังชัดว่าเขาจะเริ่มเมื่อไหร่ตนไม่รู้ แต่สำหรับตนเริ่มไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ชายหนุ่มได้ฟังถึงสะอึกกับความร้ายกาจของแกจริงๆ
วันเดียวกันนี้ สุกิจได้รับการติดต่อทวงถามเรื่องเงินซื้อเครื่องจักรตัวใหม่ซึ่งเขามอบหมายให้ภูริชดำเนินการไปแล้ว
เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้แน่นอนว่าสุกิจเพ่งเล็งภูริช เขาหัวเสียเข้าไปหาภูริชในห้องทำงาน คาดคั้นให้ตอบมาว่าทำไมบริษัทเครื่องจักรถึงได้โทร.มาทวงเงินกับตน
“ใจเย็นๆก่อนนะครับคุณสุกิจ นั่งลงก่อนเถอะครับ”
สุกิจพยายามทำใจเย็น นั่งลงตรงหน้าภูริชที่ไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน
“มีคนโทร.มาบอกคุณสุกิจเหรอครับ”
“เขาไม่ได้บอก เขาโทร.มาทวงเงิน บอกว่าทางเรายังไม่ได้จ่ายค่าเครื่องจักรให้เขา เพราะฉะนั้นเขาจะไม่ส่งเครื่องจักรมาให้ อะไรกันทำไมปล่อยให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น”
“ผมว่าต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ๆครับ เอ... หรือว่า...”
“หรือว่าอะไร”
“สงสัยต้องถามนายปารณแล้วล่ะครับ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“อ้าว...ก็เรายกเลิกว่าจ้างบริษัทนายปารณไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
“มีเรื่องนึงที่คุณสุกิจไม่รู้ครับ ผมเองตั้งใจว่าจะต้องจับให้ได้คาหนังคาเขาก่อนถึงจะบอกคุณสุกิจ”
ภูริชเกริ่นนำก่อนลงลึกว่าน่านฟ้าเป็นหุ้นส่วนกับปารณ ตนได้ยินกับหูที่บริษัทของทั้งคู่ พอเกิดเรื่องนี้ ขึ้นตนเลยคิดว่าเงินค่าเครื่องจักรที่ถูกยักยอกไปต้องเป็นแผนของน่านฟ้าที่สั่งให้ปารณเป็นคนทำแน่ๆ
สุกิจโมโหสุดขีด ไม่ได้ไตร่ตรองใดๆ ผละจากภูริชก็รีบโทร.จ้างคนไปดักอุ้มน่านฟ้าขึ้นรถตู้ พอดีมัศยาเห็นเหตุการณ์จึงโทร.แจ้งตำรวจและตามช่วยเหลือได้ทันเวลาก่อนที่น่านฟ้าจะโดนทำร้ายมากไปกว่านี้
น่านฟ้าโดนยำจนฟกช้ำดำเขียว มัศยาพาเขาส่งโรงพยาบาล ขณะที่ตำรวจจับสองคนร้ายได้โดยละม่อม ซึ่งมันซัดทอดคนว่าจ้างอย่างหมดเปลือก วิภาทราบเรื่องโกรธสุกิจเป็นอย่างมาก เยี่ยมอาการน่านฟ้าเสร็จก็ออกจากโรงพยาบาลกลับเข้าบริษัทมาเล่นงานน้องชายนอกไส้ทันที
“สุกิจ...ไหนแกบอกมาซิว่าแกส่งคนไปทำร้ายเจ้าน่านทำไม”
ถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว สุกิจหน้าเจื่อนแต่พยายามเก็บอาการ ย้อนถามวิภาว่าเอาอะไรมาพูด
“ก็เอาความจริงมาพูดน่ะสิ ฉันรู้ความจริงหมดแล้ว ส่วนแกเองก็เตรียมตัวเข้าคุกได้เลย เพราะคนของแกถูกตำรวจจับแล้วด้วย”
“ว่าไงนะครับ”
“แกบอกมาซิว่าทำไมแกถึงทำแบบนี้”
สุกิจทนไม่ไหวระบายออกมาอย่างอัดอั้น “ก็เพราะไอ้น่านมันทำผมก่อน ผมถึงต้องสั่งสอนมัน พี่วิภารู้ไหมว่ามันเป็นใคร มันเป็นซีอีโอบริษัทมาร์เกตติ้งที่ผมจ้าง แล้วมันก็สั่งให้เพื่อนมันยักยอกเงินผม เงินที่ผมกว่าจะหามาได้เลือดตาแทบกระเด็น อย่างนี้มันสมควรจะโดนสั่งสอนมั้ย”
“แกนี่มันโง่จริงๆนะสุกิจ”
“ใช่ ผมมันโง่ ทำอะไรไม่เคยถูกใจพี่อยู่แล้ว เพราะอย่างนี้ไงผมถึงต้องทำทุกอย่างเพื่อจะสร้างฐานะให้ตัวเอง”
“แต่แกไม่ควรไปทำร้ายเจ้าน่าน เพราะเจ้าน่านมันไม่เคยทำร้ายแก แถมตลอดมามันยังคอยช่วยแกด้วยซ้ำ”
“ช่วยเหรอ”
“ใช่ เจ้าน่านมันรู้มาตลอดว่าแกกำลังจะเปิดโรงงาน คู่แข่งกับมีโชค แต่มันก็ให้เพื่อนมันช่วยเหลือแกเต็มที่ คนที่มันหักหลังแกคือเจ้าภูริช ลูกน้องหัวแก้วหัวแหวนของแกต่างหาก เจ้าน่านมันเพิ่งเล่าทุกอย่างให้ฉันฟัง แต่ตอนนี้แกหนีไม่รอดแล้วล่ะสุกิจ ไปมอบตัวแล้วสู้คดีซะ เจ้าน่านมันไม่เป็นไรมาก คดีของแกคงไม่ร้ายแรงหรอก”
“เรื่องของผม ผมจัดการเองได้” สุกิจกระแทกเสียงแล้วลุกพรวดออกจากห้องทำงานทันที สองมือเขากำแน่นด้วยความเจ็บใจ เดินไปหยุดมุมหนึ่งหน้าบริษัท หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร.ออก กรอกเสียงเข้มๆ
“ฮัลโหล...อยู่ที่ไหน ฉันมีเรื่องอยากคุยด้วย...ได้ ฉันจะไปหานายเดี๋ยวนี้”
สุกิจวางสายสีหน้าแววตาอาฆาตแค้นภูริชอย่างที่สุด
ooooooo










