ตอนที่ 37
แหววและชายรวีถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลเดียวกันแต่แยกกันคนละห้อง สาตามมาแอบดูลูกชายด้วยความเป็นห่วง เฉิดฉวีหันไปเห็นสาชะเง้อชะแง้ก็ยิ่งแปลกใจ
“แม่นั่นเขามาทำไมคะ”
“ก็มากับคุณชายรวีไง”
“ค่ะ เห็นแล้ว แต่ไม่เข้าใจ มันเป็นแค่เมียบ่าวของท่านพ่อคุณชายไม่ใช่หรือคะ จะตามมาทำไมถึงนี่ แล้วดูทำท่าเข้าสิ เหมือนจะเป็นจะตาย นึกว่าตัวเองเป็นหม่อมแม่ของคุณชายหรือยังไง”
เฉิดฉวีประชดอย่างชิงชังสา โดยไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดออกมานั้นคือความจริงที่ไม่มีใครต้องการเปิดเผย!
หม่อมพริ้มรีบร้อนมาที่โรงพยาบาลหลังทราบข่าวร้ายที่เกิดขึ้น โดยมีลูกสาวสี่คนจับกลุ่มรอฟังผลอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน หลังจากหมอบอกว่าต้องผ่าตัดด่วน
“คุณพระคุณเจ้า งานแต่งงานแท้ๆ มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง”
“ลองถามสาดูสิคะ สาอยู่ที่โรงแรมตอนนั้นด้วย...สาๆ”
หม่อมพริ้มและคนอื่นๆหันไปเห็นสานั่งเหม่อไม่ได้ยินเสียงเรียกของโศภี จนกระทั่งหม่อมพริ้มเดินเข้าไปหา สาถึงกับสะดุ้งรีบลุกขึ้นไหว้
“อีสา...เอ็งอยู่กับชายรวีตอนที่เขาโดนยิงด้วยหรือ เอ็งไปทำอะไร”
“สาไปแอบดูคุณชายค่ะ อยากเห็นตอนเธอแต่งงาน พอไปถึงก็เห็นเขามีเรื่องกัน...คนรักเก่าของคุณแหววจะเอาตัวคุณแหววไป คุณสันทนาไม่ยอม เลยให้ลูกน้องจับตัวไว้ เขาแย่งปืนกันแล้วปืนลั่นมาโดนคุณชาย โดนจังๆเลยค่ะหม่อม เลือดออกเต็มเลย”
“พอแล้วสา จะเล่าให้มันน่ากลัวทำไม หม่อมแม่ตกใจหมดแล้วเห็นไหม”
“เออนี่ แล้วเห็นที่โรงแรมเขาว่าเจ้าสาวก็บาดเจ็บเข้าโรงพยาบาลด้วย ยัยแหววโดนยิงด้วยเหรอ”
“เปล่านี่คะคุณหญิง คุณแหววเป็นอะไร สาเองก็ไม่ทันได้ดู แต่คุณแหววไม่ได้โดนยิงแน่ๆค่ะ”
ฟังคำยืนยันของสาแล้วทุกคนต่างพากันสงสัย แต่ยังไม่มีกะจิตกะใจจะไปถามไถ่เพราะเป็นห่วงอาการของชายรวี พอเห็นพยาบาลเดินออกมา หม่อมพริ้มและลูกสาวทั้งสี่กรูเข้าไปหา สาชะเง้อฟังอยู่รอบนอกอย่างเจียมตัว
“เป็นยังไงบ้างคะคุณ”
“คนไข้ถูกยิงเข้าที่ท้องค่ะ ต้องผ่ากระสุนออก แต่คนไข้จะต้องเสียเลือดมาก แล้วบังเอิญว่าทางโรงพยาบาลของเราไม่มีเลือดเพียงพอ”
หม่อมพริ้มไม่ค่อยเข้าใจนัก หันไปถามศุภลักษณ์ “ยังไงนะหญิง”
“ชายรวีต้องการเลือดค่ะหม่อมแม่ แต่ทางโรงพยาบาลไม่มีเลือดที่ตรงกับชายรวี”
“เอาเลือดของพวกเราได้ไหม เลือดของชายรวีกรุ๊ปอะไรเหรอคะ” หญิงจ้อยถามพยาบาล
“กลุ่มเลือดของคนไข้คือเอบีเนกาทีฟ เป็นเลือดกลุ่มพิเศษที่หายาก คุณหมอเลยให้ดิฉันมาถามญาติว่ามีใครให้เลือดกับคนไข้ได้ไหม”
ทุกคนมองหน้ากันไปมา โศภีถามน้องๆว่าใครมีเลือดกรุ๊ปนี้บ้าง น้องทั้งสามคนส่ายหน้า หม่อมพริ้มถึงกับหน้าเสียกลัวชายรวีเป็นอันตราย
“ยังไงนะคะคุณหญิงจ้อย ไม่มีใครให้เลือดคุณชายได้เลยหรือคะ”
“พวกเราไม่มีใครมีเลือดกลุ่มเดียวกับชายรวีเลยจ้ะสา”
“ก็เราเป็นพี่น้องกับชายรวีจริงๆซะที่ไหนล่ะ” หญิงจิ๋มพูดไม่ดังนักแต่ชัดเจนทุกคำ
“หญิงจิ๋ม...นี่ไม่ใช่เวลาจะมาพูดเรื่องนี้นะ”
“แต่หม่อมแม่คะ ที่หญิงจิ๋มพูดก็ถูก พวกเรากับชายรวีไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ว่าสา...”
“อีสางั้นรึ หญิงรอง”
“ท่านพ่อไม่ได้มีเลือดกรุ๊ปนี้แน่ๆ หญิงจำได้ ถ้าอย่างนั้นชายรวีจะไปเหมือนใคร...นอกจากสา”
ศุภลักษณ์ฟันธง หม่อมพริ้มนิ่งคิดชั่งใจก่อนหันมาถามสาว่าพร้อมจะให้เลือดกับชายรวีหรือไม่
“ทุกหยดในตัวสาเลยค่ะหม่อม ถ้าเลือดของสาช่วยคุณชายได้ สาเต็มใจ”
หลังจากสาตกลงใจเช่นนั้นแล้ว พยาบาลจึงพาเธอเข้าไปในห้องเดียวกับชายรวีที่นอนหน้าซีดเซียวไม่ได้สติ ส่วนกลุ่มของหม่อมพริ้มนั่งรอหน้าห้อง
เฉิดฉวีกับสันทนาผ่านมาเห็น นึกได้ว่ามัวแต่ห่วงแหววจนไม่ได้มาถามว่าชายรวีเป็นยังไงบ้าง ซึ่งเวลานี้แหววปลอดภัยแล้วแต่สูญเสียลูกในท้องไป...
สองสามีภรรยาเดินมายกมือไหว้หม่อมพริ้มแล้วซักถามอาการของชายรวี
“หมอกำลังจะผ่าตัดเอากระสุนออกจ้ะเฉิด ตอนนี้ก็รอฟังข่าวกันอยู่”
“ข่าวอะไรจ๊ะหญิงจิ๋ม”
พยาบาลคนเดิมกลับออกมาพอดี ศุภลักษณ์จึงให้ทุกคนรอฟังข่าวจากเขาพร้อมกันเลย
“ข่าวดีค่ะ คุณหมอตรวจแล้วเลือดของคุณอุษากรุ๊ปเดียวกับคนเจ็บ สามารถให้เลือดได้ ตอนนี้หมอลงมือผ่าตัดแล้วค่ะ”
“หมดห่วงไปที ชายรวีปลอดภัยแล้วล่ะค่ะหม่อมแม่”
ทุกคนโล่งใจ แต่เฉิดฉวีกับสันทนามองหน้ากันแปลกใจ กระซิบถามกันเองว่าทำไมสาต้องให้เลือดชายรวี ทำไมไม่ใช่ญาติพี่น้องคนในครอบครัวเดียวกัน
ooooooo
หลังจากนั้นอีกพักใหญ่ๆ หญิงจ้อยรับทราบผลการผ่าตัดชายรวี จึงรีบมาบอกหม่อมพริ้มและพี่ๆว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ชายรวีปลอดภัยตอนนี้กำลังพักฟื้นอยู่
“คงอีกนานกว่าจะรู้สึกตัว หม่อมแม่กลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่าค่ะ”
“ดีเหมือนกันนะคะหม่อมแม่ นี่ก็ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมากันใหม่”
หม่อมพริ้มพยักหน้าลุกขึ้นจะกลับ แล้วนึกขึ้นได้ “เออ จริงสิ เมื่อกี๊ก็มัวแต่ห่วงชายรวี ไม่ได้ถามไถ่เขาเลยว่าลูกสาวคุณสันทนาเป็นยังไงบ้าง”
“หญิงได้ยินพยาบาลพูดกันแว่วๆว่ายัยแหววก็ผ่าตัดด่วนเหมือนกันค่ะ แต่ไม่รู้ผ่าอะไร”
“จะมากจะน้อยเขาก็แต่งงานกับชายรวีแล้ว ไปถามไถ่เยี่ยมเยียนเขาสักหน่อยไหมหญิง เดี๋ยวเขาจะว่าได้ ว่าเราไม่มีน้ำใจ”
ขณะที่กลุ่มของหม่อมพริ้มกำลังมุ่งหน้ามา...
สันทนากับเฉิดฉวีเฝ้าอยู่ข้างเตียงลูกสาว พอแหววได้สติลืมตาก็ถามหาศิวพจน์เป็นประโยคแรกด้วยน้ำเสียงและสีหน้าร้อนรนเป็นห่วง
“พจน์อยู่ไหนคะ คุณพ่อเอาพจน์ไปไว้ไหน คุณพ่ออย่าทำอะไรพจน์นะคะ แหววขอ นะคะคุณพ่อ”
เฉิดฉวีสุดจะทนเผลอดุลูกเสียงดัง “พอเถอะยัยแหวว ไม่ใช่เพราะไอ้ศิวพจน์นี่หรอกเหรอ ตัวเองถึงได้ตกเลือดปางตายอยู่เนี่ย”
“เขาไม่ได้ตั้งใจ ที่เขาทำไปเพราะคุณพ่อจะให้แหววแต่งงานกับคุณชาย”
“แล้วทำไมมันไม่คิดจะแต่งงานกับแกตั้งแต่ต้น ถ้ามันดีจริงแกคงไม่ต้องอุ้มท้องกลับมาเมืองไทย พ่อคงไม่ต้องไปหาใครมาแต่งงานเพื่อรักษาหน้าแกจนมันวุ่นวายอย่างนี้”
ทันใดนั้น หญิงจิ๋มผลักประตูเข้ามาถามหน้าตาเอาเรื่อง “คุณสันทนาว่าอะไรนะคะ”
สองสามีภรรยาตกใจ หม่อมพริ้มกับลูกสาวอีกสามคนตามเข้ามา ทุกคนหน้าตาตึงเครียด
“ยัยแหววท้อง! เพราะอย่างนี้ใช่ไหมคะท่านนายพลกับคุณหญิงเฉิดฉวีถึงต้องรีบจัดงานแต่งงานจนเจ้าบ่าวแทบจะตั้งตัวไม่ทัน” หญิงจิ๋มจี้ใจดำ สันทนากับเฉิดฉวีหน้าเสีย แต่แหววเชิดใส่ทุกคนอย่างไม่ยี่หระ
ทั้งสองฝ่ายพากันออกมาคุยนอกห้อง ยกเว้นแหววที่ยังต้องพักฟื้นหลังแท้งลูก เมื่อทราบแน่ชัดว่าแหววท้องสี่เดือน พี่สาวทั้งสี่คนของชายรวีแสดงความไม่พอใจรุมตำหนิสองสามีภรรยาว่าคิดเอาลูกสาวมาย้อมแมวหลอกขายให้น้องชายของตน สันทนาทนไม่ไหวโต้ขึ้นมาบ้างว่า
“ขอโทษทีนะครับทุกท่าน ผมว่างานนี้มันก็สมประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่าย ยัยแหววได้สามี คุณชายก็ได้วังคืนไป...แล้วจะว่าไปคุณหญิงจิ๋มกับคุณปวุตินั่นแหละที่ได้ประโยชน์มากกว่าใคร โดยไม่ต้องเสียอะไรสักอย่าง”
“ใช่...ถ้าคุณชายรวีไม่แต่งงานกับยัยแหวว นึกเหรอว่าคุณสันทนาจะช่วยเธอเรื่องงานประมูล”
“จริงหรือหญิง” หม่อมพริ้มถามหญิงจิ๋ม
“ค่ะ แต่หญิงไม่ทราบนี่คะว่าลูกสาวคุณหญิงเฉิดฉวีจะเละเทะมาขนาดนี้”
เฉิดฉวีกับสันทนาไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้ หญิงจ้อยกับศุภลักษณ์เห็นพ้องต้องกันว่าการแต่งงานถือเป็นโมฆะ แต่สันทนาสวนขึ้นทันควันว่า
“ถ้าหากยกเลิกการแต่งงาน ทุกอย่างที่ผมตกลงไว้กับคุณชายก็ถือว่ายกเลิก รวมทั้งเรื่องประมูลงานของคุณหญิงด้วย”
หญิงจิ๋มเต้นผาง ตอบโต้อย่างไม่ยอมง่ายๆ “ฉันจะยุให้ชายรวีฟ้องว่าคุณหลอกลวง เอาให้มันดังไปทั้งเมืองเลย คอยดูสิ”
“พอที! หยุดเถียงกันได้แล้ว คุณทำไม่ถูกนะแต่ฉันก็เข้าใจ คุณทำไปเพราะรักลูก ฉันไม่ว่าอะไร ส่วนเรื่องการแต่งงานมันเป็นเรื่องของชายรวี เพราะฉะนั้นเขาจะทำยังไงต่อไปให้เขาเป็นคนตัดสินใจเอง”
หม่อมพริ้มสรุปชัดเจน ทุกคนเลยนิ่งเงียบ
ooooooo
ชายรวีฟื้นขึ้นมากลางดึก แล้วต้องแปลกใจเมื่อทราบจากพยาบาลว่าคนชื่ออุษาบริจาคเลือดให้ตน ฝ่ายสาหรืออุษาซึ่งกลับไปพักผ่อนที่บ้านก็บอกเล่าเหตุการณ์ชายรวีถูกยิงให้ใจสว่างฟัง ก่อนจะชวนไปเยี่ยมด้วยกันอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น
แต่หม่อมพริ้มและหวนมาถึงก่อนสากับใจสว่าง เช่นเดียวกับสันทนาและเฉิดฉวีที่ตั้งใจมาเยี่ยมลูกสาว...
ชายรวีสงสัยเรื่องที่สาให้เลือดตน จึงถามหม่อมพริ้มถึงลูกชายของสาว่าอยู่ไหน หม่อมพริ้มอ้ำอึ้งพูดไม่ออก และเลือกที่จะเดินหนีออกจากห้องไปเฉยๆ แต่ไม่นึกว่าจะได้เจอสาที่มาพร้อมใจสว่าง
หม่อมพริ้มดึงสาห่างออกมา ใจสว่างทำท่าจะตามแต่ถูกหวนรั้งตัวไว้...การสนทนาระหว่างหม่อมพริ้มกับสาเรื่องชายรวีเป็นลูกของสาดังแว่วเข้าหูเฉิดฉวีโดยบังเอิญขณะเธอเดินเลี้ยวมุมตึกมา เฉิดฉวีไม่พอใจอย่างมากปรากฏตัวให้ทั้งคู่เห็นก่อนเดินฉับๆไปตามสันทนาแล้วพากันมาที่ห้องพักฟื้นของชายรวี
เฉิดฉวีเปิดโปงเรื่องชาติกำเนิดของชายรวีต่อหน้าทุกคน เจ้าตัวสังหรณ์อยู่แล้วจึงไม่มีท่าทีตกใจเท่าที่ควร
แต่หม่อมพริ้มกับสาหน้าเศร้าเสียใจ ขณะที่ใจสว่างแตกตื่นไม่อยากเชื่อ หันไปถามสาว่าจริงหรือ?
สาตอบรับเสียงอ่อย เฉิดฉวีได้ทียิ้มหยันแล้วประจานซ้ำ
“นึกไม่ถึงใช่ไหมล่ะ คุณชายรวีช่วงโชติที่ทำท่าว่าเป็นผู้ดีสูงส่ง ที่แท้ก็เป็นแค่ลูกของขี้ข้าในวังรวีวาร”
“ถึงแม่จะต้อยต่ำ แต่ชายรวีก็เป็นโอรสของท่านชาย เป็นสายเลือดของรวีวาร”
“แน่ใจหรือคะหม่อม ผู้หญิงอย่างมัน ลูกใครผัวใครก็คว้ามากินได้ไม่เลือกแล้วหม่อมแน่ใจได้ยังไงว่าลูกในท้องของมันเป็นลูกของท่านชาย”
“พอเถอะน้อง หยุดเสียที” สันทนาปรามภรรยาเพราะสงสารสาที่ยืนน้ำตานองหน้า
“เดือดร้อนแทนกันหรือไงคะ อ้อ นี่ยังไม่รู้สินะว่าแม่ของคุณชายเป็นเมียเก็บของคุณสันทนา เป็นทั้งเมียพ่อ เป็นทั้งเมียพ่อตา โอ๊ย พัวพันกันสนุกพิลึก”
สาทนกับคำเสียดแทงใจของเฉิดฉวีไม่ไหว ยกสองมือปิดหู ขอร้องเธอให้พอเสียที
“อายเหรอ ตอนนี้ทำเป็นฟังไม่ได้ แล้วตอนทำทำไมไม่อาย”
“ออกไป! ฉันสั่งให้คุณสองคนออกไป”
หม่อมพริ้มตวาดอย่างสุดทน สันทนาเลยดึง
เฉิดฉวีออกไป...สาทรุดลงร้องไห้น่าเวทนา ชายรวีมองสภาพแม่ผู้ให้กำเนิดของตนอย่างอนาถใจ หม่อมพริ้มไม่รู้จะพูดอะไรยังไงในตอนนี้กับทั้งสาและชายรวี ได้แต่วาน
ใจสว่างพาสากลับไปก่อน
ใจสว่างพาสากลับไปพร้อมกับปลุกปลอบให้เธอคลายความเศร้าเสียใจ เลิกโทษตัวเองว่าทำให้ชายรวีต้องอับอาย ทำร้ายเขาเหมือนที่ทำร้ายโสภิตพิไล
“เรื่องที่ผ่านมาคุณป้าไม่ได้ตั้งใจ อย่าคิดมากเลยค่ะ อาจารย์เป็นคนดีมีเมตตา หนูเชื่อว่าเธอต้องเข้าใจ เธอต้องไม่โกรธคุณป้า”
สานิ่งฟังแต่ก็ยังรู้สึกว่าตนเองผิดอยู่ดี
ooooooo
หลายวันผ่านไป ชายรวีออกจากโรงพยาบาลกลับ ตำหนักขาวเข้ามากราบหม่อมพริ้มที่มีท่าทีไม่ค่อยอยากเผชิญหน้า ถามว่าหม่อมแม่โกรธตนหรือไร?
“แม่ต่างหากที่ต้องถามว่าชายโกรธแม่หรือเปล่าที่ไม่บอกว่าชายเป็นลูกใคร”
“หม่อมแม่เป็นคนดี ผมทราบว่าหม่อมแม่ต้องมีเหตุผล”
“ที่พรากแม่พรากลูกเขาน่ะหรือ”
“ถ้าหม่อมแม่ทิ้งผมไว้กับแม่อุษา ผมอาจจะไม่ได้โตมาเป็นอย่างนี้ ใครจะทราบ ผมอาจจะเป็นนักเลงคุมบาร์หรืออะไรไปแล้ว ผมต้องรักหม่อมแม่มากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ ที่รักผมเลี้ยงผมจนได้ดีมาถึงทุกวันนี้ ทั้งๆที่ผมไม่ใช่ลูกในไส้”
“ชายไม่โกรธแม่ แม่ก็ดีใจ เออ แล้วเรื่องแต่งงานของชายน่ะจะว่ายังไง ชายได้คุยกับทางบ้านโน้นเขาหรือยัง”
ชายรวีนิ่งเงียบ สีหน้ามีแววกังวล...ในเวลาเดียวกันนั้น สันทนากำลังเจรจากับแหววให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับคนเจ้าชู้เสเพลกินเหล้าเมายาอย่างศิวพจน์ แต่แหววกลับยอกย้อนอย่างเอาแต่ใจว่าคุณพ่อก็เป็นแบบนั้น
“แต่พ่อมีเงิน”
“แหววก็มี แหววเป็นลูกคนเดียว เงินคุณพ่อก็เหมือนเงินแหวว ทีคุณพ่อยังเอาเงินไปเลี้ยงผู้หญิงได้ทำไมแหววจะเลี้ยงผู้ชายไม่ได้ ถ้าเขาทำให้แหววมีความสุข”
สันทนาสะอึกอึ้ง เฉิดฉวีได้ทีเยาะเย้ยเสียงแหลม
“เป็นไงล่ะ ลูกสาวเจริญรอยตามพ่อเข้าให้ สะใจไหมคะคุณพี่”
“แต่แกแต่งงานแล้วนะยัยแหวว”
“ยัยแหววจะหย่าค่ะ เฉิดไม่ยอมให้ยัยแหววแต่งงานกับลูกขี้ข้าที่มีแม่เป็นเมียน้อยพ่อตาตัวเองหรอกค่ะ...ขยะแขยง”
“น้องพูดเอาแต่ได้ แล้วเงินที่เสียไปล่ะ เงินตั้งหลายล้านที่ลงไปกับวังรวีวาร ถ้ายัยแหววหย่ากับชายรวีก็เท่ากับเสียไปเปล่าๆ”
“ก็ไปเอาคืนมาสิคะ ในเมื่อต่างฝ่ายต่างผิด การแต่งงานก็ถือว่าเป็นโมฆะ คุณชายก็ต้องคืนเงินกับวังรวี–วารมา...ลูกของนังอุษา แม้แต่บาทเดียวเฉิดก็ไม่อยากให้มันได้ไป”
สันทนาตัดสินใจโทร.นัดเจรจากับชายรวีในวันนี้ โดยเขาเป็นฝ่ายเดินทางมาที่ตำหนักขาวเพียงคนเดียว ถามชายรวีต่อหน้าหม่อมพริ้มว่าจะเอายังไงเรื่องแต่งงาน
“ผมจดทะเบียนสมรสกับคุณแหววไปแล้วก็ถือว่าเป็นสามีภรรยากันตามกฎหมาย แต่ถ้าหากคุณแหววต้องการหย่าเพราะมีคนรักอยู่แล้ว ผมก็ยินดี”
“แล้วถ้าทางผมไม่ยอมให้หย่า”
“ผมก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะความจริงผมทราบตั้งแต่ก่อนจดทะเบียนแล้วว่าคุณแหววตั้งครรภ์ แต่ในเมื่อผมรับปากว่าจะแต่งงานกับเธอผมก็จะทำ”
“แต่งงานตามหน้าที่งั้นรึ”
“มันก็เป็นสิ่งที่ลูกผู้ชายพึงกระทำไม่ใช่หรือครับ รักษาคำพูดของตัวเอง”
“แปลว่าคุณชายไม่ต้องการหย่า”
“ผมคิดว่าคนที่คุณสันทนาควรถามน่าจะเป็นคุณแหววมากกว่า เพราะเธอคงไม่มีความสุขถ้าหากต้องอยู่กับผม คุณหญิงเฉิดฉวีเองก็คงไม่ต้องการให้ผมไปเกี่ยวข้องกับเธอ”
“ก็จริงของคุณชาย แต่บอกก่อนนะ หากหย่ากันคุณชายก็จะหมดสิทธิ์ในวังรวีวาร”
“วังรวีวารมันเป็นแค่ของนอกกาย แม่ยอมที่จะเสียมันไปเพื่อแลกกับความสุขของชาย”
สันทนามองสองแม่ลูกอย่างชื่นชมนับถือ “ผมไม่สงสัยเลยว่าทำไมคุณชายรวีถึงได้เป็นคนอย่างนี้ เพราะมีคนเลี้ยงดูที่ดีอย่างหม่อมนี่เอง เอาละ ถือว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นอันยกเลิก ถึงแม้ผมจะเสียดายที่ยัยแหววจะไม่ได้สามีที่ดีอย่างคุณชาย”
“เดี๋ยวก่อนค่ะท่านนายพล ถึงแม้ชายรวีจะไม่แต่งงานกับลูกสาวของคุณแล้วแต่เรื่องโสภิตพิไลคุณยังจะช่วยอยู่ไหม”
“ไม่ต้องห่วงครับหม่อม ผมก็ลูกผู้ชายคนหนึ่ง ผมต้องรักษาคำพูดของผมเหมือนกัน”
สันทนายื่นมือให้ชายรวีจับเป็นสัญญา หม่อมพริ้มยิ้มบางๆ พอใจ
ooooooo










