ตอนที่ 12
ดาราน้อยหมกมุ่นกับการดูแลผีเสื้อและลงมือป้อนน้ำหวานจากมือ อย่างที่พ่อค้าต่างแดนบอก มรันมา กาหลงและพินทุเฝ้ามองด้วยรอยยิ้ม ยินดีที่เด็กน้อยมีความสุขสดชื่นอีกครั้ง แต่เพียงไม่กี่อึดใจหลังจากให้น้ำหวาน ดาราน้อยก็มีอาการเจ็บป่วยพร้อมจุดผื่นแดงตามตัว มรันมาตกใจแต่ไม่ทันได้ซักถาม ดาราน้อยก็ผล็อยหลับไปเสียก่อน
องค์ นรสิงห์กลับถึงค่ายในบ่ายวันเดียวกัน สีหน้ากระหยิ่มใจที่แผนร้ายเป็นไปตามที่หวัง สีหสากับสุเลวินก้าวมาคุกเข่าตรงหน้าเพื่อทำความเคารพ องค์เหนือหัวแห่งปุระอมรจึงพูดให้ฟังถึงแผนการที่จะตามมา
“ความทรมานของ ดาราน้อยจะฉีกหัวใจทุกคนที่มันรัก โดยเฉพาะหัวใจแข็งแกร่งของแม่ทัพติสสา หัวใจคนเป็นพ่อนี่แหละจะช่วยให้เราเหยียบย่ำศรีพิสยาทั้งหมด”
เมื่อติสสา ทราบเรื่องดาราน้อยล้มป่วยด้วยอาการประหลาดจึงรีบกลับเรือนมาดูอาการ มรันมากับกาหลงผลัดกันเช็ดตัวแต่ดาราน้อยก็ยังมีไข้สูงและจุดผื่นแดงก็ลาม มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อหมอหลวงมาตรวจอาการก็ลงความเห็นว่าเด็กน้อยไม่ได้ป่วยเพราะโรคธรรมดา แต่เป็นพิษบางอย่างที่ไม่รู้ว่าคืออะไร
เจ้าปรันมาร้อนใจไม่ต่างจากติสสา และมรันมา รับสั่งให้หมอหลวงหายาแก้พิษทุกอย่างที่มีในศรีพิสยาเพื่อรักษาดาราน้อย รวมทั้งสั่งให้มารุตกับเมฆาไปลากตัวพ่อค้าผีเสื้อต่างแดนมาด้วยแต่ก็ไม่มี ใครพบเห็นแม้แต่เงา
ติสสากลุ้มใจมากเพราะไม่รู้ชะตาชีวิตลูกสาว เจ้าปรันมาสังหรณ์ว่าสิ่งที่หลานประสบอาจไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เป็นแผนการที่ถูกสร้างเพื่อป่วนขวัญและกำลังใจของติสสา ซึ่งเท่ากับว่าศรีพิสยาอาจกำลังตกอยู่ในอันตราย
“หรือว่าจะเป็นพวกนรสิงห์...จะเป็นไปได้ยังไง ความลับเรื่องขวัญเมือง ข้าไม่เคยเล่าให้ใครฟังแม้แต่มรันมา”
“ในสงคราม...พวกนรสิงห์มันต้องใช้ทุกทางเพื่อทำลายขวัญและกำลังใจของเรา”
“ยิ่งมันคิดจะทำลายข้า ข้าก็จะแข็งแกร่งให้มากกว่าที่มันเคยเจอ!”
ติสสาประกาศกร้าว แต่เมื่อกลับถึงเรือนก็แทบทรุดเมื่อทราบจากมรันมาว่าอาการดาราน้อยไม่ดีขึ้นเลย แถมมีจุดแดงขึ้นเต็มตัวจนดูเหมือนคนเป็นโรคร้าย หมอหลวงมาถึงพอดีและเอายาสมุนไพรรักษาให้ ติสสาจึงกอดปลอบเมียรักให้สบายใจ เพราะเชื่อว่าดาราน้อยต้องไม่เป็นอะไรแน่...พี่ชายสัญญา!
ด้านสุเลวิน...มองเห็นความวุ่นวายในศรีพิสยาจากญาณพิเศษจึงเตือนสติไม่ให้ประมาทติสสา เพราะยาของหมอหลวงอาจช่วยดาราน้อยได้ แต่องค์นรสิงห์เชื่อมั่นในแผนการ เช่นเดียวกับสีหสาที่คิดว่าดาราน้อยต้องตายในที่สุด
“หรืออาจจะไม่ตาย ถ้าแม่ทัพติสสาฉลาดว่าควรจะเลือกสิ่งไหนมากกว่ากัน ระหว่างศรีพิสยากับลูกสาว”
“เราคงรู้เรื่องในศรีพิสยายากขึ้น ปรันมามันเอาทหารมาเฝ้าตลอดแนวฝั่งทะเลแล้ว” สีหสาเสริม
“ไม่ต้องห่วง ต่อให้กำแพงสูงเสียดฟ้า สายตาข้าก็ยังมองเห็นทะลุไปถึงวังศรีพิสยาทั้งหมดอยู่ดี”
สีหสายิ้มเหี้ยม ส่วนสุเลวินยังไม่เชื่อเพราะเคยเจอพลังแข็งแกร่งของผีฟ้าผีนาถมาก่อน องค์นรสิงห์มองโหรหนุ่มแล้วบอกว่าไม่ต้องคิดมาก ทุกอย่างคงไม่ยากเกินเอื้อมเพราะเขามีสายลับแฝงตัวในศรีพิสยาเรียบร้อยแล้ว
ooooooo
อาการของดาราน้อยไม่ดีขึ้นจนติสสากับมรันมา ร้อนใจมาก เช่นเดียวกับเจ้าปรันมา เมื่อทราบว่าหลานสาวยังไม่หายก็ป่าวประกาศทั่วเมืองเพื่อหายารักษา หากใครสามารถช่วยชีวิตดาราน้อยได้ก็จะมี รางวัลให้อย่างงาม
เมื่อเจ้านางอินยากับเจ้าปันแสงทราบเรื่องอาการป่วยด้วยโรคประหลาดของดาราน้อยก็ยิ้มดีใจเพราะเชื่อว่าคงเป็นแผนร้ายขององค์นรสิงห์ แต่ก็ทำให้ทั้งสองระวังตัวมากขึ้นเพราะเห็นแล้วว่าข้าศึกจากปุระอมรไม่ธรรมดาเลย
“ข้าขอแค่นรสิงห์กับกองทัพมันลงมือสำเร็จ ส่งเจ้าขึ้นบัลลังก์เมื่อไหร่ เราจะไม่ต้องรับคำสั่งมันอีก”
สองแม่ลูกยิ้มให้กันเหี้ยมๆ ไม่รู้เลยว่าความคิดหักหลังไม่ได้มีแค่ตนฝ่ายเดียว องค์นรสิงห์ก็ไม่คิดไว้ชีวิตหรือมอบบัลลังก์ให้เจ้าปันแสงหากตีศรีพิสยาได้ สีหสารับฟังความคิดแยบยลและแผนการชั่วช้าขององค์เหนือหัวด้วยความสะใจ...อีกไม่นาน ศรีพิสยาจะต้องย่อยยับแน่!
ดาราน้อยอาการไม่ดีขึ้นจนติสสากับมรันมาต้องพาไปให้เมืองมาสตรวจดู โหรหญิงส่ายหน้าเครียดๆเพราะก็ไม่เคยพบอาการประหลาดแบบนี้มาก่อน ส่วนเจ้าปรันมาก็ระดมผู้คนและบรรดาหมอเก่งๆในเมืองมาช่วยหลานสาว แต่ก็ไม่มีใครหายาแก้พิษได้ สุดท้ายจึงตัดสินใจส่งคนไปเชิญหมอจากต่างเมืองมาช่วยอีกแรง
ฟากมรันมาก็เฝ้าดูแลลูกสาวไม่ห่าง จิตใจแทบมอดไหม้เพราะกลัวลูกสาวเป็นอันตรายถึงชีวิต เจ้านางจันทเทวีกับนันทวดีช่วยกันปลอบประโลมอย่างไรก็ไม่คลายเศร้า...หรือว่าดาราน้อยจะต้องจากไปเร็วกว่าที่คิด
เวลาเดียวกันที่ค่ายองค์นรสิงห์ นกพิราบสื่อสารจากสายลับที่แฝงตัวในศรีพิสยาคาบข่าวมาบอกว่าอาการป่วยของดาราน้อยทำให้ทุกคนในวังวิ่งกันพล่านและยินดีทำทุกอย่างเพื่อให้เด็กน้อยฟื้น สุเลวินรับฟังด้วยใบหน้าครุ่นคิดว่าพระเพ็งจะช่วยเหลือดาราน้อยยังไง องค์นรสิงห์ได้ยินคำว่าพระเพ็งก็ของขึ้น
“พระเพ็งมันเป็นหมอหรือไงถึงจะบันดาลยารักษานังเด็กนั่นได้ พระเพ็งมันก็แค่เรื่องงมงาย สวดอ้อนวอนกราบไหว้แค่ไหน มันก็ได้แต่อยู่บนฟ้า อำนาจของข้าต่างหากที่จะสั่งเป็นสั่งตายให้ไอ้เด็กดาราน้อย”
จุดแดงบนตัวดาราน้อยไม่จางหายแต่เพิ่มมากขึ้นจนร่างน้อยๆแดงก่ำเพราะพิษจากผีเสื้อ มรันมาอุ้มร่างบอบบางของลูกสาวไปขอพรจากพระเพ็งในวิหารหลวง เมืองมาส คณะนักบวชและนันทวดีได้แต่มองมาด้วยความสงสารและเวทนา อยากให้เด็กน้อยกลับมาร่าเริงเหมือนเก่าใจแทบขาด แต่เหมือนหนทางจะดูริบหรี่เหลือเกิน
ฝ่ายองค์นรสิงห์ก็ไม่อาจทนให้ศรีพิสยาอยู่เฉย จึงส่งกองทัพแกร่งนำโดยวาเรและไพลินไปตั้งแถวหน้ากำแพงเมืองเพื่อข่มขู่ เจ้าปรันมาโกรธมากเพราะเชื่อว่าองค์นรสิงห์อยู่เบื้องหลังแผนชั่วทั้งหมด ส่วนติสสาก็ร้อนใจไม่ต่างกัน แม้เป็นห่วงอาการลูกสาวแต่ภาระหน้าที่ต่อบ้านเมืองก็สำคัญ แม่ทัพใหญ่เลยอาสาไปสืบเรื่องเกี่ยวกับกองทัพนรสิงห์
“ชีวิตข้ามอบให้ศรีพิสยาแล้ว จิตของข้าแน่วแน่ ไม่อ่อนไหวไปกับทุกข์แสนสาหัสใดๆทั้งนั้น”
คืนวันเดียวกันที่ค่ายองค์นรสิงห์...ยาแก้พิษสีม่วงถูกวางตรงหน้าสีหสาและสุเลวิน แม่ทัพหญิงมีสีหน้าเคร่งขึ้นเพราะเบื่อหน่ายต้องรอดูสถานการณ์เช่นนี้ อยากบุกเข้าไปฟาดฟันชาวศรีพิสยามากกว่า
“คนอย่างไอ้ติสสา มันยอมทนเห็นลูกเจ็บปวดได้นานขนาดนี้ มันน่าจะเลือกศรีพิสยามากกว่าลูก”
“ข้าก็จะสมเพชมันว่าเป็นพ่อที่มีจิตใจเลือดเย็นที่สุด” องค์นรสิงห์เย้ยหยัน
“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับติสสา ถ้าท่านควักหัวใจติสสาออกมาได้ ก็ไม่มีเกราะกำบังไหนจะต้านเรา” สุเลวินแนะ
“งั้นก็ถึงเวลาที่ข้าจะต้องให้ติสสามันเลือกแล้ว”
ooooooo
องค์นรสิงห์เริ่มแผนกระตุ้นติสสาด้วยการแกล้งปรากฏตัวแถบชายแดนของศรีพิสยา เมื่อแม่ทัพใหญ่ทราบเรื่องก็จำใจผละจากอ้อมกอดเมียรักและลูกน้อยไปดูลาดเลา มรันมามองตามสามีด้วยแววตาเศร้าหมอง แม้อยากให้เขาอยู่ด้วยแต่ก็ต้องปล่อยไปเพราะหน้าที่ต่อแผ่นดินก็สำคัญไม่แพ้กัน
สีหสากับองค์นรสิงห์รออยู่แล้วเมื่อติสสามาถึง แม่ทัพหนุ่มกำดาบในมือแน่นด้วยความโกรธที่กษัตริย์ปุระอมรกล้ามาเหยียบจมูกถึงถิ่นเช่นนี้ องค์นรสิงห์มองอาการนั้นด้วยความสะใจ เปรยเสียงหยันว่าไม่ได้มาพบ วันนี้เพื่อคุยเรื่องศรีพิสยาแต่เป็นเรื่องของดาราน้อยต่างหาก
“คนของแกใช่ไหมไอ้นรสิงห์ ที่บัดซบขนาดทำร้ายเด็กได้ลงคอ”
“งานนี้มันต้องข้าเอง ข้าอยากให้เจ้าเห็นเหลือเกิน... สีหน้าตื่นเต้นของดาราน้อยตอนรับผีเสื้อพิษจากมือข้า”
ติสสาโมโหมากและคาดคั้นอีกฝ่ายว่าเข้าไปในศรีพิสยาได้อย่างไร องค์นรสิงห์เหยียดยิ้มน่าเกลียดแล้วยกขวดใส่ยาแก้พิษยื่นให้ “ข้าไม่ได้มาเพื่อตอบคำถามนั้น แต่ข้ามาเพื่อถามว่าเจ้าต้องการยาแก้พิษขวดนี้ไปให้ลูกสาวหรือเปล่า ชีวิตลูกเจ้า ลมหายใจของดาราน้อยอยู่ในนี้... แค่ยอมให้กองทัพของเราเข้าสู่ศรีพิสยา”
“ศรีพิสยาเป็นแผ่นดินของข้า ดาราน้อยต้องได้เติบโตที่นี่ แคว้นอิสระที่ไม่ใช่หนึ่งในอาณาจักรของพวกแก”
องค์นรสิงห์หยิบเรื่องลูกสาวมาขู่ว่าคงไม่รอดถ้าไม่ได้ยาแก้พิษนี้ แต่ติสสาก็ยังไม่ยอมทรยศบ้านเมือง
“งั้นก็จงกลับไปนอนดูลูกสาวที่วิญญาณกำลังจะออกจากร่าง กลับไปภูมิใจในความเป็นแม่ทัพใหญ่ แต่รักษากระทั่งชีวิตลูกตัวเองไว้ไม่ได้ ข้ามีเวลาให้เจ้าตัดสินใจเท่ากับลมหายใจแผ่วเบาของดาราน้อย”
ขาดคำก็หมุนตัวกลับไปพร้อมสีหสา ทิ้งให้ติสสากำดาบในมือแน่น เจ็บใจเหลือเกินที่ถูกบีบให้ลำบากใจเช่นนี้
ฟากมรันมาก็ทนรับความกดดันไม่ไหว มุ่งไปหาเจ้านางอินยากับเจ้าปันแสงถึงตำหนักเพราะเชื่อว่าสองแม่ลูกเป็นต้นเหตุสำคัญ เจ้านางอินยากับเจ้าปันแสงไม่ยอมรับ แถมพูดจากวนประสาทจนมรันมาแทบหมดความอดทน
“แกไม่มีวันสมหวัง ข้ามาเพื่อบอกว่าอะไรก็ตามที่แกสองคนลงมือชั่วช้ากับครอบครัวข้า อีกไม่นานมันจะย้อนกลับที่ตัวแก เลือดที่ต้องหยดลงสังเวยบาปมหันต์จะไม่ใช่เลือดของดาราน้อยแต่เป็นเลือดของแกสองคน!”
คำพูดสาปแช่งของมรันมาทำให้สองแม่ลูกแทบคลั่ง ส่วนมรันมาก็กลับไปหาเจ้าปรันมาเพื่อถามเรื่องยารักษาดาราน้อย องค์เหนือหัวหน้าเสียเพราะยังไม่มีใครหาได้ มรันมาน้ำตาไหลพรากด้วยความเสียใจแล้วสะบัดหน้ากลับตำหนักเคืองๆ เจ้าปรันมาได้แต่มองตามเศร้าๆ สงสารน้องสาวต่างมารดาเหลือเกินที่ต้องเจอวิบากกรรมไม่หยุดหย่อน
มรันมากลับไปนอนกอดลูกที่วิหารศรีพิสยา เฝ้ามองพระเพ็งด้วยใจหม่นหมองที่ชีวิตลูกกำลังตกอยู่ในอันตราย
“ข้าทำดีมาทั้งชีวิต ไม่เคยคิดร้ายใคร ยอมทนทุกอย่าง หวังเพียงชีวิตเป็นสุข ถ้าข้าทำผิดมากมายแล้วพระเพ็งจะลงโทษข้า ให้ข้าทุกข์แค่ไหน ข้าก็ทนได้ แต่อย่าให้ข้าทนเห็นลูกเจ็บแล้วเจ็บแทนไม่ได้ ข้าขอตายแทนดาราน้อย”
ติสสากลับมาทันได้ยินทุกอย่าง กำหมัดแน่นด้วยความแค้นใจที่ช่วยเมียกับลูกให้พ้นจากทุกข์ไม่ได้ เมื่อมรันมาเห็นหน้าสามีก็สังหรณ์ใจ คาดคั้นถามจนเขาต้องสารภาพว่าองค์นรสิงห์มียาแก้พิษของดาราน้อย!
ooooooo
ใบหน้าตะลึงงันของมรันมาค่อยๆจางหายพร้อม แสงสว่างวาบที่ทำให้ทุกคนรู้สึกตัว สถบดีโผเข้าบีบคอนรสิงห์ด้วยความคั่งแค้นที่เป็นต้นคิดวางแผนฆ่าดาราน้อย ท่ามกลางความตกใจของทุกคนที่เหลือ นรสิงห์ก็ดึงมือของสถบดีออกช้าๆ แต่สร้างความเจ็บแปลบที่หน้าอกอย่างแสนสาหัสให้กับผู้กองหนุ่ม
เพชรดากับพัทธยามองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสายตาไม่เข้าใจและพาลเคืองชายชราที่พล่ามมากและทำให้เห็นเรื่องราวประหลาด สถบดีได้สติและกล่อมให้เพื่อนรักเข้าใจว่าทุกคนมีกรรมร่วมกันจากอดีต แต่พัทธยาไม่เชื่อแล้วชักปืนมาขู่ วิวรรธน์จึงท้าทายให้เหนี่ยวไก พัทธยายิงทันทีแต่กระสุนไม่ออก เพชรดาหน้าเสียแล้วโพล่งออกไปอย่างเหลืออด
“พอแล้วค่ะ ไม่นึกเลยว่าฉันจะถูกหลอกมาให้เชื่อเรื่องเหลวไหล”
“แล้วอะไรที่เธอเชื่อ...ความโกรธแค้น ริษยาอาฆาต สิ่งที่หล่อเลี้ยงหัวใจเธอ”
เพชรดาชะงักเมื่อถูกนรสิงห์พูดแทงใจดำ พัทธยาเห็นท่าไม่ดีเลยเก็บปืนและจะพาเพชรดาออกไปแต่ไม่วายต่อว่าเพื่อนรักทิ้งท้ายที่หลอกพามาเจอเรื่องบ้าๆเช่นนี้ คฑารัตน์มองตามพัทธยากับเพชรดาจากไปด้วยท่าทางมึนงง ต่างจากรัดเกล้าที่กระโจนเข้าหานรสิงห์และทุบตีอย่างบ้าคลั่งเพราะโกรธแค้นแทนมรันมาและดาราน้อย
สถบดีต้องเข้าไปดึงเธอมากอดแนบอก วิวรรธน์สงสัยว่านรสิงห์คงต้องการบอกบางอย่างจึงพยายามคาดคั้น
“วันที่พวกเธอได้รู้จุดจบของเรื่องนี้ เธอก็จะได้คำตอบว่าทำไม ฉันถึงต้องเล่าเรื่องทั้งหมด”
ด้านพัทธยากับเพชรดาก็กลับบ้านด้วยความเซ็ง ไม่เข้าใจว่าทำไมก็พากันเชื่อเรื่องราวเหลวไหลงมงายของนรสิงห์ เพชรดาไม่วางใจนักเพราะกลัวนรสิงห์จะแกล้งบอกว่ารู้เรื่องในบ้านอภิมุข
“ผมไม่มีทางเอานรสิงห์มาเป็นพยาน ที่มันเล่าทั้งหมดน่าฟังอยู่อย่างเดียว คือเราสองคนรู้จักกันตั้งแต่ในอดีต”
“หรือจะจริงอย่างที่มันว่าคะ เพชรกับคุณคงจะสาบานกันมาตั้งแต่พันปีก่อนนะคะ ว่าจะรักกันทุกภพทุกชาติ”
สองหนุ่มสาวมองหน้ากันยิ้มๆ แล้วก็พลันเคร่งขึ้นเมื่อนึกได้ว่านรสิงห์อาจใช้วิชาอาคมล้วงความลับเกี่ยวกับคดี
“เราจะปล่อยให้นรสิงห์พูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้... คดีนี้คงไม่มีทางจบอย่างที่เราวางแผนกันมาตลอดแน่”
“จบซิครับ...ไม่ยากอะไรเลย ฆ่านรสิงห์ซะคน ทุกอย่างก็ต้องจบ!”
เวลาเดียวกันที่บ้านคฑารัตน์...สถบดีตามดูแลรัดเกล้าด้วยความเป็นห่วง รู้ดีว่าเธอกังวลใจว่าพัทธยากับเพชรดาคงไม่ยอมไปบ้านนรสิงห์อีก แล้วเธอกับเขาก็จะไม่ได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับดาราน้อย
“ผมจะทำทุกอย่างให้เกล้าสบายใจเหมือนทุกครั้งในอดีต ไม่ว่ากี่พันปี...ผมคือคนเดิมที่จะทำทุกอย่างเพื่อคุณ”
“เกล้าอยากไปทำบุญค่ะ เกล้าอยากให้ดาราน้อยรู้ว่าเกล้าเป็นห่วงแล้วก็คิดถึงเธอ”
สถบดีอาสาพาไปด้วยความเต็มใจ โดยมีคฑารัตน์กับวิวรรธน์ตามไปด้วย...เผื่อว่าเรื่องบ้าๆจะจบสิ้นสักที
ooooooo
คณะสถบดีกับรัดเกล้าไปทำบุญที่บ้านเด็กกำพร้า ในวันรุ่งขึ้น ใบหน้าของทุกคนอิ่มเอิบและแจ่มใสเพราะ ได้ทำเรื่องดีๆเพื่อคนอื่นบ้าง นรสิงห์รับรู้ด้วยญาณพิเศษว่าบรรดาเจ้ากรรมนายเวรในอดีตกำลังทำความดีก็รู้สึก อนุโมทนาไปด้วย ต่างจากอีกสองคนที่ยังก่อกรรมทำเข็ญ ไม่เลิก
สองคนที่ว่าได้แก่พัทธยากับเพชรดาที่วางแผนฆ่าปิดปากนรสิงห์เพราะกลัวนำเรื่องเกี่ยวกับคดีอภิมุขไปแพร่งพราย ไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม “ความคิดเห็นแก่ตัวที่ฝังลึก ไม่มีวันสลัดทิ้งออกจากจิตวิญญาณ”
พัทธยาพยายามหาทางลอบเข้าบ้านนรสิงห์แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะชายชราปิดทางเข้าออกทุกทาง ผู้กองหนุ่มไม่ละความตั้งใจยังคงหาทางอีกพักใหญ่ก็ถอนใจและกลับไปหาเพชรดาที่บ้าน
ฟากสถบดีกับรัดเกล้าก็ร่วมกิจกรรมกับเด็กๆจนถึงเวลาพักจึงขอตัวกลับ ครูเอื้อครูใหญ่ประจำบ้านเด็กกำพร้าจึงพาชมภาพเด็กๆที่เคยอาศัยที่นี่ด้วยความภาคภูมิใจ สถบดีเดินชมจนถึงภาพสุดท้ายแล้วต้องอึ้ง...ภาพเด็กชายหญิงสองคนดูคุ้นตาอย่างประหลาด แล้วก็ต้องตะลึงเมื่อรู้จากครูเอื้อว่าเด็กทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันชื่อพัทธยาและเพชรดา!
“เรียนและเล่นกีฬาเก่งทั้งคู่ สองคนนี้สนิทกันมาก แต่เพชรดาโชคดีกว่า...ครอบครัวหาตัวจนเจอแล้วมารับออกไปก่อน” สถบดีอึ้งไปแล้วถามถึงพัทธยาบ้าง “พัทธ์ออกไปทีหลังค่ะ เขาไม่มีญาติ เลยต้องอยู่ที่นี่นานกว่าเด็กคนอื่นๆ”
รัดเกล้าที่เดินไปดูส่วนอื่นๆกลับมาสมทบ มองท่าทางเงียบขรึมผิดปกติของผู้กองหนุ่มด้วยความแปลกใจ แม้แต่คู่กัดอย่างคฑารัตน์และคู่หูรุ่นน้องอย่างวิวรรธน์ก็พลอยสงสัยไปด้วย แต่สถบดีก็ไม่พูดอะไรและขอตัวกลับดื้อๆ
สถบดีทนเก็บความข้องใจไม่ไหวเลยไปหาพัทธยา ที่บ้าน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเพื่อนรักจริงๆก็พูดไม่ออก เพชรดาซึ่งซ่อนตัวไม่ไกลได้แต่เงี่ยหูฟังด้วยความสงสัย เมื่อได้ยินว่าสถบดีไปทำบุญที่บ้านเด็กกำพร้าก็สะดุ้งเฮือกและเผลอทำของตกจนเขาต้องตามหาต้นเสียง พัทธยา กลัวความลับแตกเลยรั้งไว้ เพชรดาจึงรอดมาได้อย่างหวุดหวิด
เมื่อสถบดีกลับไปแล้ว เพชรดาจึงปรากฏตัวและบอกพัทธยาว่าเพื่อนรักเขาต้องรู้อะไรมาจากบ้านเด็กกำพร้าแน่ พัทธยาจึงคิดหนีก่อนเรื่องจะไปกันใหญ่ แต่เพชรดาคิดว่าต้องรีบกำจัดพยานที่บ้านเด็กกำพร้าเสียก่อน
ฝ่ายสถบดีรีบไปที่สำนักงานและเรียกวิวรรธน์มาช่วยค้นเอกสารคดีอภิมุข ท่าทางน่าสงสัยและข้อมูลจากบ้านเด็กกำพร้าทำให้มั่นใจว่าพัทธยากับเพชรดากำลังปิดบังบางอย่าง ผู้กองหนุ่มเลยสั่งวิวรรธน์เช็กเรื่องหลานชายคนเดียวของเพชรดาว่ามีใครไปเยี่ยมบ้าง วิวรรธน์ โทร.ไปที่โรงพยาบาลแล้วก็ได้ข้อมูลน่าสนใจว่าไม่มีใครไปเยี่ยมเด็กเลย
“แต่คุณเพชรเธอรักหลานมากนะครับ เธอเป็นคนเดียวที่ปกป้องตาหนึ่ง เราก็เห็น”
“แล้วตอนที่ไม่เห็นล่ะ คนเรามีอดีตทั้งด้านมืดและด้านสว่าง ฉันอาจพลาด มองไม่เห็นอะไรมาตั้งแต่ต้น”
ooooooo
สถบดีไปเยี่ยมครูเอื้อที่บ้านเด็กกำพร้าในเช้าวันถัดมา แต่เขากลับต้องพบความผิดหวังและตกตะลึงเมื่อครูพี่เลี้ยงบอกว่าครูใหญ่เพิ่งเสียชีวิตเมื่อคืนก่อน ผู้กองหนุ่มรีบไปดูรูปเพื่อนรักกับเพชรดาเพราะสังหรณ์ใจบางอย่าง และก็เป็นจริงอย่างคาด รูปถ่ายพัทธยายืนกอดคอกับเพชรดาหายไปแล้ว!
เวลาเดียวกันที่บ้านพัทธยา...ภาพเจ้าปัญหาถูกเพชรดาฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ระบายความโกรธแค้นต่อชะตาที่ทำให้ชีวิตเธอต้องเป็นแบบนี้ ส่วนพัทธยาก็ลูบหน้าตัวเองอย่างคนรู้สึกผิด ภาพวาระสุดท้ายของครูเอื้อเมื่อคืนวานยังวนเวียนในหัว ก่อนเขาจะฉีดยาพิษให้ตายอย่างสงบ เพชรดาเข้าไปปลอบใจ ไม่อยากให้รู้สึกผิดกับเรื่องที่สมควรทำ
“แต่เขาเป็นครู...ครูที่เลี้ยงเรามา”
“เขาเลี้ยงเราเพราะหน้าที่ เขาไม่ได้ให้ชีวิต ไม่ได้ให้จิตใจ ไม่ได้ให้ความรักอย่างที่เราต้องการ อย่างที่เราไขว่คว้า เขาให้เราแค่อาหาร แค่ที่อยู่ที่เขาต้องให้เราทำตามหน้าที่” พัทธยายังลังเล เพชรดาต้องกุมมือเขาแน่นและยกขึ้นจูบอย่างยั่วยวน “เชื่อเพชรนะคะ คุณทำทุกอย่างถูกต้องเพื่อเราสองคนแล้วค่ะ”
ฝ่ายสถบดีก็รีบกลับไปที่สำนักงานเพื่อตามหาพัทธยาเพราะเริ่มมั่นใจว่าเพื่อนรักต้องร่วมมือกับเพชรดาฆ่าอภิมุข แต่ผู้กองหนุ่มมาดกวนก็ต้องผิดหวังเพราะยอดชายบอกว่าพัทธยาลากิจไปงานศพญาติเมื่อเช้านี้ สถบดีอารมณ์เสียที่พลาดทุกอย่างและหุนหันออกจากสำนักงานไปบ้านพัทธยาทันทีเพื่อถามให้รู้เรื่อง
แต่สถบดีก็ต้องหัวเสียมากกว่าเดิมเพราะพัทธยาไม่อยู่บ้าน ถามคนละแวกนั้นก็ไม่มีใครรู้เห็น ผู้กองหนุ่มเลยเบนเข็มไปบ้านอภิมุขเพราะเชื่อว่าเพื่อนรักคงไปหลบซ่อนตัวที่นั่น แต่ก็ต้องกลับด้วยความเซ็งจัดเพราะไม่มีวี่แววว่าเพื่อนรักหรือเพชรดาจะออกมาเปิดประตู เมื่อเพชรดาเห็นสถบดีขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไปแล้วก็หันไปบอกพัทธยาว่าเพื่อนรักเขาคงรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว พัทธยามองตามสถบดีด้วยแววตาเข้มขึ้น...ฉันไม่ยอมให้แกขวางความสุขของฉันแน่!
ฟากรัดเกล้าก็รอสถบดีที่สำนักงานด้วยใจจดจ่อ สงสัยไม่หายว่าทำไมเขาดูแปลกไปตั้งแต่เมื่อวันก่อน คฑารัตน์รู้ดีว่าน้องกังวลเรื่องอะไรเลยปลอบให้ใจเย็น ส่วนเรื่องพัทธยากับเพชรดาเธอจะช่วยพูดให้ยอมไปที่บ้านนรสิงห์อีกครั้ง
สองพี่น้องคุยกันอีกพัก เสียงมือถือของรัดเกล้าก็ดังขึ้น พัทธยานั่นเองที่โทร.ให้ไปหา ณ ที่แห่งหนึ่ง หญิงสาวจึงรีบไปโดยไม่ได้บอกใครไว้แม้แต่พี่สาว เมื่อสถบดีมาถึงสำนักงานก็แจ้งทุกคนว่าพัทธยาเป็นผู้ต้องสงสัยสมรู้ร่วมคิดกับเพชรดาฆ่าอภิมุข ส่วนเรื่องลากิจไปงานศพญาติก็เป็นไปไม่ได้เพราะเขาเป็นเด็กกำพร้าไม่มีญาติ
ขณะที่ทุกคนมึนงง...สถบดีก็ได้ข้อความลึกลับเป็นภาพคลิปรัดเกล้าดิ้นรนจากการถูกจับ พร้อมข้อความให้เขาไปช่วย ผู้กองหนุ่มจึงออกไปทันที กว่าคฑารัตน์กับวิวรรธน์จะรู้ตัวก็อีกพักใหญ่และรีบตามหาทันที
ooooooo
สถบดีไปช่วยรัดเกล้าที่ตึกร้างแห่งหนึ่ง เพราะมัวพะวงเรื่องเธอจึงถูกพัทธยาฟาดจนสลบ เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง รัดเกล้าก็ถูกมัดติดกับเขา พร้อมการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของคู่รักต้นเรื่องทั้งหมด พัทธยากับเพชรดาพูดจาถากถางสารพัดโดยเฉพาะเรื่องที่สถบดีแส่หาเรื่องเอง รัดเกล้าปะติตปะต่อเรื่องราวจนรู้ว่าเพชรดาเป็นคนลั่นไกยิงอภิมุข
“คุณสองคน ไม่เปลี่ยนจากอดีตพันปีก่อนเลย ความทะเยอทะยานเห็นแก่ตัว มันฝังในจิตวิญญาณของคุณ”
“แกโตมากับคุณเพชร ร่วมมือกับเธอฆ่าอภิมุขมาตั้งแต่ต้นแล้วเบี่ยงเบนหลักฐาน โยนความผิดให้อภิวัฒน์”
เพชรดาตวัดสายตามองสถบดีเคืองๆ “คนที่มีทุกอย่างตั้งแต่เกิดอย่างพวกแกจะรู้อะไร แกรู้ไหมว่าฉันต้องเจอกับอะไรบ้างในบ้านหลังนั้น อภิมุขมันไม่ได้เป็นพี่ชายแสนดีอย่างที่มันใส่หน้ากากหลอกทุกคน”
เพชรดาตัวสั่นเมื่อนึกถึงคืนเกิดเหตุ วันนั้นเธอมีปากเสียงกับอภิมุขอย่างรุนแรงเรื่องเขาจะไล่เธอกับหลานออกจากบ้านเพราะไม่อยากให้รกหูรกตาเจ้าสาวที่จะเข้าพิธีแต่งงานในวันรุ่งขึ้น เพชรดาพยายามอ้อนวอนอยู่ต่อและขอเงินส่วนแบ่งที่เธอควรจะได้ในฐานะลูกคนหนึ่งแต่อภิมุขก็ไม่ไยดี
“แกจะเอาเท่าไหร่ ห้าสิบล้านหรือ...สำหรับเศษชีวิตเน่าๆของแกที่ฉันเวทนาไปขุดมาจากบ้านเด็กกำพร้า จำใส่กะโหลกแกไว้นะเพชร เพราะฉันให้หลับนอนแกถึงยังมีชีวิตได้จนบัดนี้ สำนึกไว้และอย่ามาเรียกร้องอะไรจากฉันอีก”
“แต่เพชรก็ควรมีสิทธิ์ในเงินมรดกบ้าง ยังไงเพชรก็ถือว่าเป็นลูก” อภิมุขยังไม่ยอม เพชรดาจึงต้องใช้ไม้ตาย “แล้วพี่ดำก็อย่าลืมว่าเพชรไม่ได้เป็นแค่น้องสาว พี่ดำข่มขืนเพชร เพชรเป็นเมียพี่ดำ”
เพชรดากำหมัดแน่น โพล่งออกไปด้วยความเก็บกดว่าเธอถูกพี่ชายต่างมารดาพาตัวออกจากบ้านเด็กกำพร้าเพื่อสนองตัณหา ภาพเขาชี้หน้าด่าเธอที่ทวงหาความเป็นธรรมให้ตัวเองยังก้องในหัว
“ของเล่นเว้ย แกไม่ใช่เจ้าของหัวใจฉัน กะอีแค่ฉันระบายความใคร่ชั่วคราว ไม่ได้เรียกว่าพิศวาสหรอกนะ”
เพชรดามองมาด้วยความเจ็บใจ แต่อภิมุขก็ไม่สำนึกแล้วพูดเสียงเยาะใส่หน้าเธอ
“แล้วหมาตัวเมียอย่างแก มันก็มีค่าแค่ไว้คอยบำเรอ”
เพชรดาหมดความอดทน ค่อยๆเคลื่อนมือไปล้วงกระเป๋าและหยิบปืนออกมาพร้อมเอ่ยเสียงเย็น
“ฉันไม่ใช่หมาตัวเมียที่แกมาสมสู่แล้วสะบัดทิ้งได้ง่ายๆ หมาบ้าตัณหาอย่างแกสมควรตาย!”
อภิมุขหันมา เพชรดาจึงยกปืนเล็งที่ขมับซ้ายของเขาแล้วเหนี่ยวไกทันที
รัดเกล้ากับสถบดีรับฟังด้วยสีหน้าอึ้งๆ แม้เห็นใจในโชคชะตาเลวร้ายของเพชรดาแต่ก็ไม่อยากให้เธอใช้ศาลเตี้ยตัดสินคนอื่นเช่นนี้ เพชรดาไม่รู้สึกผิดเลยแถมเล่าในอดีตต่อด้วยความภาคภูมิใจที่ปลิดชีพพี่ชายต่างมารดาได้
“แกมันเดรัจฉาน ข่มขืนน้องสาวตัวเอง จุดจบของสัตว์ชั้นต่ำอย่างแกมันก็ต้องมาจากมือฉัน” เพชรดามองปืนในมือแล้วคลี่ยิ้มเย็น “พวกแกเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉันไม่ได้ มันถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องครอบครองทรัพย์สมบัติทุกอย่างของตระกูลนี้ เจ้าของที่นี่ต้องเป็นฉันคนเดียวเท่านั้น”
พัทธยาก็อยู่ที่นั่นด้วยในคืนนั้น เขาปรากฏตัวและจัดฉากทุกอย่างเพื่อหลอกตำรวจและโยนความผิดให้อภิวัฒน์ สถบดีผิดหวังในตัวเพื่อนมากแต่พัทธยาก็ไม่สนใจเพราะถือว่าทำทุกอย่างเพื่อคนรักอย่างเพชรดา รัดเกล้ามองพัทธยากับเพชรดาด้วยแววตาสมเพช แต่ก็ไม่รู้จะเตือนสติยังไงเพราะดูเหมือนทั้งสองจะถลำลึกจนเกินจะฉุดไว้
“ทุกอย่างที่คุณทำลงไปคือความเห็นแก่ตัว ความรักที่แท้จริงคือคุณต้องยอมเสียสละความสุขให้คนที่คุณรัก”
“อุดมการณ์สูงส่งน่าสรรเสริญ งั้นฉันจะช่วยให้แกสมหวังเอง เพราะความรักของแกมันซาบซึ้งมากโชคดีที่แกสองคนเชื่อนิทานพันปีของนรสิงห์ว่าเคยเป็นผัวเมียกันมา แกถึงได้สำนึกบาปที่ไม่สามารถรักษาชีวิตลูกของแกได้”
พัทธยาหยิบเข็มฉีดยาพิษมาเตรียม เพชรดาเลยช่วยต่อเรื่องให้ “แล้วแกสองคนก็กินยากล่อมประสาท จนตัดสินใจกระโดดลงจากตึกนี้เพราะคิดว่าชาติหน้าจะได้เกิดมาคู่กันอีก!”
ooooooo
คฑารัตน์กับวิวรรธน์ไม่รู้จะตามรัดเกล้ากับสถบดีที่ไหนจึงต้องหาที่พึ่งสุดท้ายคือนรสิงห์ ชายชรารู้ดีว่าสถบดีกับรัดเกล้ากำลังเจอวิบากกรรมจากพัทธยากับเพชรดาแต่ก็พูดมากไม่ได้ วิวรรธน์อึดอัดใจมากและตัดสินใจเล่าว่าสถบดีสงสัยพัทธยากับเพชรดาว่าอาจเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีอภิมุข นรสิงห์รับฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“กรรมคือลูกโซ่ ร้อยห่วงกันมาจากอดีต ปัจจุบันและอนาคต ถ้าจะตัดกรรมตั้งแต่อดีตแต่ไม่รู้อดีต จะตัดยังไง”
“อดีตของใครคะ คุณเพชรดาหรือว่าผู้กองพัทธ์” คฑารัตน์เริ่มงง
“คุณนรสิงห์จะบอกว่าสองคนนี้เกี่ยวกับเรื่องผู้กองไผ่และน้องเกล้าที่หายตัวไปหรือครับ” วิวรรธน์ถามขึ้น
ขณะเดียวกันที่ตึกร้าง...พัทธยากับเพชรดายังคุมตัวประกันอย่างแน่นหนา สถบดีต่อรองให้ปล่อยรัดเกล้าแต่ก็ไม่ได้ผล แถมทำให้พัทธยากับเพชรดาโมโหมากขึ้นเพราะทั้งสองแสดงความรักและห่วงใยกัน ตายแทนกันได้จนน่าหมั่นไส้ โดยเฉพาะเพชรดาที่มองเรื่องความผูกพันของทั้งสองเป็นเรื่องตลก
“ถ้าแกรักกันมาตั้งแต่พันปีก่อน ก่อนจะหมดลมหายใจก็ขอบใจฉันสองคนด้วยนะ ที่ช่วยให้ความรักแกนิรันดร์”
“ความรักของฉันกับเกล้าเป็นรักบริสุทธิ์ ไม่เคยทำร้ายใคร”
“งั้นแกก็ลงนรกไปกับความรัก ความเสียสละ ความดีที่แกเชื่อถือเถอะว่ะ เพราะมันจะได้ช่วยให้ฉันกับเพชรได้ใช้ชีวิตบนสวรรค์ เจอกันในอีกพันปีข้างหน้านะเพื่อน”
สถบดีกับรัดเกล้ารู้ว่าไม่รอดแน่เลยจับมือกันแน่นเตรียมใจจะตาย พัทธยากับเพชรดาขยับเข้าใกล้และตั้งท่าจะผลักทั้งสองลงสู่พื้นด้านล่าง แต่ไม่ทันถึงตัวก็มีพลังสว่างวาบผลักพัทธยากับเพชรดากระเด็นไปอัดกำแพงอีกด้านจนสลบ เช่นเดียวกับรัดเกล้ากับสถบดีที่หมดสติเพราะพลังบางอย่าง
นรสิงห์นั่นเองที่ช่วย ชายชราไม่อาจทนให้โอกาสหลุดลอยเพราะตัณหาของพัทธยากับเพชรดา จึงนั่งทางในส่งพลังไปยับยั้งแล้วส่งทั้งสี่พร้อมทั้งคฑารัตน์และวิวรรธน์คืนสู่อดีตเพื่อฟังตอนจบของเรื่องที่กลายเป็นเวรกรรมผูกพันทุกคน
ooooooo
นรสิงห์พาทุกคนกลับไปยังจุดเดิมที่ค้างไว้ เมื่อมรันมาทราบเรื่องจากสามีว่าองค์นรสิงห์มียาแก้พิษก็ขอร้องให้ไปเอามา แต่ติสสาก็ทำท่าอึกอักจนเธอแปลกใจ คาดคั้นถามจากเขาว่ามีอะไรต้องแลกเปลี่ยนเธอก็ยอม
“อย่างเดียวที่มันต้องการแลกกับยาคือศรีพิสยา มันจะให้พี่ชายเป็นคนทรยศบ้านเมือง”
มรันมาน้ำตาไหลพรากเพราะรู้ดีว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างเดียวที่สามีจะไม่มีวันยอม ติสสาโอบกอดเมียรักแน่นแต่เธอก็สะบัดออกและจะไปเอายาจากองค์นรสิงห์ ติสสารั้งไว้แล้วบอกว่าเป็นแผนลวงเพื่อให้โจมตีเมืองง่ายขึ้น
“มันต้องการศรีพิสยา ก็ต้องยกกองทัพเข้ามาสู้อย่างทหาร ทำไมถึงมาเอาชีวิตเด็กตัวเล็กๆเป็นเครื่องต่อรอง”
“มันต้องการฝ่าพลังผีนาถผีฟ้าเข้ามา เพื่อความปลอดภัยของทุกคน เจ้าปรันมาจึงสั่งย้ายขวัญเมืองมาอยู่ที่จิตของพี่ชายกับเจ้านางจันทเทวี ถ้าขวัญเมืองในตัวพี่กับเจ้านางแตกเมื่อไหร่ กองทัพนรสิงห์จะทำลายศรีพิสยาจนย่อยยับ”
มรันมาอึ้งไปอึดใจ แต่หัวใจแม่ก็ทำให้เธอรั้นจะออกไปเพื่อรั้งชีวิตลูกสาว แม้ติสสาอ้อนวอนเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล
“น้องน้อยกำลังเป็นคนเห็นแก่ตัว พลเมืองศรี–พิสยาทุกคน รวมทั้งเจ้าปรันมาหรือน้องน้อยก็สำคัญไม่แพ้กัน เราจะเสียศรีพิสยาไปไม่ได้ ที่นี่จะต้องเป็นแผ่นดินที่ดาราน้อยได้เติบโต ภูมิใจในอิสระที่ไม่ตกเป็นทาสใคร”
“น้องน้อยไม่อยากฟัง น้องน้อยต้องการแค่ยาแก้พิษให้ลูก น้องน้อยทนกอดลูกที่ไร้ลมหายใจไม่ได้ ถ้าพี่ชายไม่เอายาแก้พิษมาให้ดาราน้อย ก็อย่ามาให้น้องน้อยเห็นหน้าอีก”
มรันมาผลักร่างสามีแล้วขับไล่ไสส่ง ติสสาจำต้องออกไปก่อนเพราะไม่อยากให้เมียรักโกรธมากไปกว่านี้
เวลาเดียวกันที่ท้องพระโรง...เจ้าปรันมาก็เครียดเรื่องกองทัพองค์นรสิงห์ประชิดเมืองเพื่อกดดันให้ยอมแพ้ เจ้านางจันทเทวีมาเฝ้าและถวายคำสัตย์จะรักษาขวัญเมืองในตัวอย่างดีเพื่อชาวศรีพิสยา เจ้าปรันมาซาบซึ้งและภูมิใจในตัวน้องสาว จะเหลือก็แต่ติสสาที่กำลังเจอศึกหนักทั้งในเรือนและนอกเมือง...ขอให้ข้าเชื่อใจคนไม่ผิดเถอะ!
สถานการณ์ในศรีพิสยาอึมครึมลงทุกวัน โดยเฉพาะติสสาซึ่งกดดันเรื่องลูกสาว ส่วนเจ้าปรันมาก็ลำบากใจที่จะรักษาชะตาบ้านเมืองหรือความรักของมรันมาที่มีต่อดาราน้อย องค์นรสิงห์รับรู้เรื่องราวจากสายลับที่ยังไม่ยอมเผยตัวด้วยความสะใจ แต่สีหสาไม่อยากรอแล้วเพราะไม่อยากเสียเวลา
“ไม่ใช่แค่เรื่องดาราน้อยที่จะทำให้ติสสาทรยศ เสียงร้องไห้ของมรันมาจะบีบบังคับใจแข็งแกร่งของติสสาลงได้”
สุเลวินยังข้องใจเพราะคิดว่าเป็นเรื่องยากจะเปลี่ยนใจคนซื่อสัตย์อย่างติสสา แต่องค์นรสิงห์กลับมั่นใจมากเพราะเชื่อว่าอำนาจต่อรองของตนนั้นยิ่งใหญ่กว่าคำสัตย์สาบานและความรักที่มีต่อบ้านเมือง
ฟากเจ้าปรันมาเห็นติสสาทุกข์ก็ไปปลอบใจไม่อยากให้แม่ทัพใหญ่ต้องคิดมากจนไม่เป็นอันทำอะไรเช่นนี้
“ข้าฝากหัวใจศรีพิสยาไว้ที่เจ้า ไม่ใช่เพราะข้าต้องการความเสียสละจากทหาร แต่ข้าเห็นเจ้าเป็นเหมือนน้องชาย ข้ารักและไว้ใจเจ้าเท่ากับที่ไว้ใจตัวเอง ความทุกข์ของเจ้า ถ้าข้าช่วยแบ่งเบาได้บ้าง ข้าก็เต็มใจ”
เจ้าปรันมาจะไปสวดอ้อนวอนพระเพ็งอีกแรง ติสสามองตามด้วยแววตาสับสน เมื่อกลับถึงเรือนก็ต้องทนเห็นเมียรักหมางเมินเพราะเขาทำตามที่เธอขอไม่ได้ มรันมาทนไม่ไหวและอาสาไปพูดกับเจ้าปรันมาเรื่องยาแก้พิษ
“ถ้าน้องน้อยบอกก็เท่ากับบีบให้เจ้าปรันมายกศรีพิสยาให้นรสิงห์ เพราะเห็นแก่ชีวิตดาราน้อย”
ติสสากอดเมียรัก พร่ำบอกว่าเข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่อย่างเธอดี เขาเองก็รักและเป็นห่วงดาราน้อยไม่ต่างกัน
“อดทนอีกหน่อยให้สมกับเป็นสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ ชาวศรีพิสยาจะจดจำการเสียสละครั้งนี้ของเจ้านางมรันมา”
ฝั่งเจ้านางอินยากับเจ้าปันแสงก็ทนถูกกักตัวไม่เห็นและไม่ได้ยินเรื่องอะไรต่อไปไม่ไหว จึงไปเยี่ยมดาราน้อยถึงเรือนเพื่อดูสถานการณ์ ติสสากับมรันมาไม่พอใจมากที่สองแม่ลูกตามมาเยาะเย้ยและถากถาง แต่เจ้านางอินยากับเจ้าปันแสงก็ไม่สะทกสะท้าน โดยเฉพาะราชนิกุลหนุ่มที่ลงทุนสาปแช่งดาราน้อยด้วยตนเอง
“ข้าขออวยพรให้ดาราน้อยรีบๆตาย เจ้าสองคน จะได้หัวใจสลาย ตายตามไปรวมกันเป็นครอบครัว ในนรก!”
ติสสาเดือดจัดแต่ไม่อยากฆ่าให้เสียมือเลยสั่งพินทุให้คุมตัวกลับตำหนัก มรันมากอดลูกแนบอกด้วยใจปวดร้าว ติสสาเฝ้ามองอยู่นานแล้วตัดสินใจบางอย่าง มรันมาเห็นเขาออกไปข้างนอกก็สงสัยจึงแอบตามไปเงียบๆ
มรันมาตามสามีจนถึงนอกเมืองศรีพิสยา ตกใจไม่น้อยที่เขามาพบองค์นรสิงห์เพียงลำพังและถามเสียงเครียดว่าเขาต้องทำอะไรบ้างเพื่อแลกกับยาแก้พิษขวดนั้น องค์นรสิงห์แสยะยิ้มแล้วบอกให้เปิดทางเพื่อตีศรีพิสยา
“แต่ข้ามาเพื่อบอกเจ้าว่าศรีพิสยาจะไม่ทรยศ ดินแดนตัวเอง เราถูกสอนให้รักศักดิ์ศรีของเรา” สีหสาย้อนว่าไม่กลัวลูกตายหรือ “ลูกข้าจะไม่ตาย คนชั่วอย่างพวกเจ้าต่างหากที่ต้องตาย แผนชั่วของเจ้าทำอะไรข้าไม่ได้ ถ้าจะรบก็จงรบอย่างมีเกียรติ อย่าให้ใครจดจำชื่อนรสิงห์ว่าเป็นกษัตริย์ที่ได้ชัยชนะมาจากการตายของเด็กผู้หญิงคนเดียว”
“งั้นเจ้าก็จงกลับไปติสสา กลับไปเตรียมตัวเข้าสู่เวลาที่เจ็บปวด ทรมานยิ่งกว่าตาย”
ติสสาไม่หวั่นและหมุนตัวกลับไปช้าๆ องค์นรสิงห์มองจนลับตาแล้วจึงเอ่ยปากเรียกมรันมาให้ปรากฏตัวเพราะรู้ดีว่าเธอตามมาเพราะต้องการอะไร...ในระหว่างที่ติสสากลับไปเตรียมไพร่พลป้องกันเมืองตลอดแนว แต่มรันมากลับต่อรองกับองค์นรสิงห์เรื่องยาแก้พิษ โดยแลกกับข้อแลกเปลี่ยนว่าหากดาราน้อยหายจริงเธอจะช่วยพูดกับติสสา องค์นรสิงห์แสร้งทำเป็นเห็นใจและส่งขวดยาให้ มรันมาดีใจและเอ่ยชมในศักดิ์ศรีนักรบ
“ไม่ต้องชมข้า เพราะวันข้างหน้าข้าจะเอาศรีพิสยามาเป็นของข้าให้ได้ ถึงตอนนั้นแม้แต่ชีวิตดาราน้อยข้าก็ไม่ละเว้น กลับไปใช้เวลาแห่งความสุขซะให้พอกอดลูกเจ้าให้แน่น ข้าสัญญา...ข้าจะไม่เอาลมหายใจลูกเจ้าไปตอนนี้”
มรันมารีบกลับเรือนเพื่อเอายาไปให้ลูกสาว สีหสามองตามด้วยท่าทางไม่ไว้ใจ เชื่อว่ามรันมากับติสสารักกันเกินกว่าจะบีบบังคับใจกัน แต่องค์นรสิงห์กลับคิดตรงกันข้าม
“นั่นแหละที่ข้าต้องการ ยิ่งรักมากเท่าไหร่ ติสสามันก็ต้องเจ็บเพราะคนที่รักและไว้ใจมากเท่านั้น”
ooooooo
ตอนที่ 13
ขณะที่ติสสามองทหารเฝ้ายามริมหาดพร้อมความรู้สึกผิดถาโถมที่ไม่สามารถรับยาแก้พิษจากองค์นรสิงห์มาช่วยลูกสาวได้ มรันมาก็กลับเรือนไปป้อนยาดาราน้อย แล้วก็เหมือนปาฏิหาริย์...อาการไข้และจุดผื่นแดงตามตัวค่อยๆจางหาย มรันมาดีใจกอดลูกสาวแน่น พินทุจึงอาสาไปตามติสสาให้กลับมาดูลูกสาว
เมื่อติสสาทราบเรื่องก็ลืมเรื่องกลุ้มใจทั้งหมดแล้วกลับเรือน โดยไม่ทันสังเกตว่าพินทุยังรีรอที่ริมหาดและจดจำจำนวนและเวรยามการเฝ้าริมหาดด้วยแววตาแข็งกร้าว
แต่ความยินดีของติสสาอยู่ได้ไม่นาน เมื่อเห็นขวดยาสีสวยคุ้นตาก็หน้าซีดเผือดแล้วจัดแจงลากเมียรักไปคุยตามลำพัง มรันมารู้ดีว่าทำอะไรลงไปแต่ก็เฉไฉว่าต้องทำทุกอย่างตามหน้าที่แม่ ติสสาเสียใจและผิดหวังในตัวเมียรักมาก แถมยังระแวงว่าเธอจะเอาความลับบ้านเมืองไปบอกองค์นรสิงห์เพื่อแลกกับยาแก้พิษ
มรันมาน้อยใจที่สามีดูถูกน้ำใจ “น้องน้อยไม่ได้เลวอย่างที่พี่ชายคิด น้องน้อยไม่ได้พูดอะไรที่เป็นความลับของศรีพิสยา นรสิงห์ให้ยามาเพื่อยืดเวลาให้น้องน้อยจะได้อยู่กับลูก”
ติสสาไม่อยากให้เธอไว้ใจกษัตริย์ชั่ว แต่มรันมาไม่คิดว่ามีทางเลือกดีกว่า “ถ้าพี่ชายถือความรักศรีพิสยา ก็ขอให้รู้ว่าน้องน้อยมีลูกคนเดียว ถึงมีแผ่นดินอยู่ผู้คนสรรเสริญความเสียสละ แต่ถ้าไม่มีดาราน้อย ก็ไม่มีความหมาย”
สองสามีภรรยาไม่มองหน้ากันอีกเลยเมื่อกลับเรือน กาหลงกับพินทุประหลาดใจที่เจ้านายดูหมางเมินและเฉยชาอย่างไม่เคยมาก่อน แต่ดาราน้อยก็ทำให้ทุกคนกลับมายิ้มอีกครั้ง เมื่อเธออาการดีขึ้นจนพูดคุยกับพ่อแม่ได้เหมือนเดิม พินทุจึงลอบไปส่งนกพิราบสื่อสารถึงองค์นรสิงห์ถึงความเคลื่อนไหวในเรือนติสสา โดยเฉพาะความขัดแย้งของสามีภรรยา องค์นรสิงห์พอใจที่แผนการยุแยงได้ผลเกินคาด แม้แต่สีหสาก็ชื่นชมเจ้านายไม่ขาดปาก
“อาวุธที่ท่านใช้กับพวกมันร้ายแรงยิ่งกว่ายาพิษความระแวงที่ท่านใส่ลงในจิตใจจะทำลายความรักและสามัคคี”
“ที่สำคัญ...ความโกรธเกลียดจะทำลายพลังผีขวัญ ผีเมืองให้แตกสลายดับสูญ” สุเลวินเสริมยิ้มๆ
“พวกมันท้าทายข้า ข้าจะสั่งสอนให้รู้ว่าความรัก ความดีงามมันช่วยรักษาอะไรไว้ไม่ได้ แม้แต่คนที่มันรัก”
แต่ถึงกระนั้นสีหสากับสุเลวินก็อยากรู้ว่าเมื่อไหร่ดาราน้อยจะตาย องค์นรสิงห์ไม่ตอบแต่แสยะยิ้มแล้วบอกว่าอีกไม่นานเกินรอ...ข้าให้ความสุขมันได้ ข้าก็ดับมันลงได้เช่นกัน!
ooooooo
ติสสาเห็นลูกสาวอาการดีขึ้นก็อยากไปขอบคุณพระเพ็ง มรันมาจำใจไปด้วย ไม่เต็มใจแม้แต่น้อยเพราะคิดว่าอาการลูกสาวดีขึ้นเพราะยาแก้พิษขององค์นรสิงห์มากกว่า และเมื่อสองสามีภรรยาได้อยู่ตามลำพังในวิหารหลวง ติสสาก็กำชับไม่ให้เธอบอกใครเรื่องได้ยามาจากองค์นรสิงห์เพราะกลัวผู้คนจะแตกตื่น
“ความสุขของเราไม่ควรต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อของคนทั้งศรีพิสยา”
“ชีวิตน้องน้อยทนรับความผิดหวังไม่ไหวแล้ว น้องน้อยยอมเสียทุกอย่างแต่ต้องไม่ใช่ชีวิตลูก”
มรันมาสะบัดหน้าเข้าด้านในของวิหารหลวง ติสสาได้แต่มองตามด้วยความอ่อนใจที่เมียรักไม่ยอมเข้าใจ
เวลาเดียวกันที่เรือนติสสา...พินทุแปลงร่างจากองครักษ์ใจดีมาเป็นปีศาจร้าย ชักดาบสั้นมาจ่อคอดาราน้อยที่ยังหลับใหลด้วยความอ่อนเพลีย “ถ้าแกหยุดหายใจไปตอนนี้ หัวใจติสสามันต้องแตกสลาย” พินทุยิ้มเหี้ยมแล้วเอามือกำรอบลำคอแทน “แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ความตายของแกต้องทำลายศรีพิสยาได้ทั้งหมด!”
เมื่อเจ้าปรันมาทราบว่าอาการดาราน้อยดีขึ้นในเช้าวันต่อมาจึงรีบแสดงความยินดีกับติสสา แม่ทัพใหญ่ถึงกับพูดไม่ออกด้วยความซาบซึ้งระคนรู้สึกผิดเพราะต้องปิดบังความจริงเรื่องที่มาของยาแก้พิษ
ต่างจากเจ้านางอินยากับเจ้าปันแสงที่ร้อนใจเมื่อรู้ว่าดาราน้อยอาการดีขึ้น และพาลแค้นถึงองค์นรสิงห์ที่ทำให้ทุกอย่างยุ่งยากและสับสน เจ้านางอินยาทนเฉยต่อไปไม่ไหวเลยผลุนผลันออกจากตำหนักไปดูให้เห็นกับตาว่าดาราน้อยยังมีชีวิต โดยมีเจ้าปันแสงตามไปด้วย ติสสากับมรันมาตั้งป้อมขัดขวางเต็มที่แต่เจ้านางอินยาก็ไม่สะทกสะท้านและอ้างว่ามาเยี่ยมหลานด้วยใจเป็นห่วง ติสสาไม่เชื่อและตอกกลับอย่างดุเดือด
“นอกจากจะไม่ตาย ดาราน้อยยังมีลมหายใจเพื่อเห็นความฉิบหายของเจ้าทั้งสองคน”
“ออกไปได้แล้ว อย่ามาที่นี่อีก ข้าไม่อยากให้ลูกเห็นใบหน้าเลวทรามของเจ้าสองคน” มรันมาแหว
“แต่ข้าอยากให้เจ้าจำหน้าข้ากับปันแสงให้ดีจำไว้จนลมหายใจสุดท้ายว่าเราจะอาฆาตเจ้าทั้งสองไปทุกชาติ!”
ติสสาโมโหมากและสั่งให้พินทุส่งตัวสองแม่ลูกกลับตำหนัก และเมื่อเจ้านางอินยากับเจ้าปันแสงได้อยู่กันตามลำพังก็หัวเสียที่ทุกอย่างผิดแผน เจ้านางอินยาแนะให้หนีเพราะท่าทางไม่ค่อยดีแต่เจ้าปันแสงไม่ยอม
“ข้าเกิดมาเพื่อยิ่งใหญ่ ข้าสาบานไว้แล้ว ถ้ากระชากปรันมาจากบัลลังก์ศรีพิสยาไม่ได้ ข้าไม่มีวันยอมตายแน่”
“ถ้าเจ้ามั่นใจเช่นนั้น ข้าก็ขอสัญญา ปันแสงมือของข้าคู่นี้จะช่วยส่งเจ้าไปให้ถึงความหวังสูงสุด”
ooooooo
อาการดาราน้อยดีขึ้นจนติสสากับมรันมาเริ่มเบาใจ แต่ความสุขก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อดาราน้อยมีอาการประหลาดอีกครั้ง จู่ๆเด็กน้อยที่หัวเราะร่าเริงก็หมดสติและเนื้อตัวเย็นราวกับศพ!
มรันมาตกใจและตั้งท่าจะไปเอายาแก้พิษจากองค์นรสิงห์อีกครั้ง ติสสารั้งตัวไว้และกล่อมให้เมียรักเข้าใจว่าเป็นแผนการขององค์นรสิงห์ที่วางไว้เพื่อให้เขากลายเป็นคนทรยศบ้านเมือง
“แล้วถ้าน้องน้อยขอ เพื่อชีวิตของลูก พี่ชายจะทำได้ไหม”
ติสสารู้ว่าเมียรักกำลังสับสนเลยสวมกอดแน่น “อดทนไว้ เราต้องไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือของคนชั่วช้า”
มรันมาไม่ยอมรับคำ ติสสารู้ว่าเมียรักต้องหา
โอกาสไปแน่เลยสั่งกาหลงกับพินทุเฝ้าให้ดี ห้ามใครออกนอกเรือนถ้าเขาไม่สั่ง มรันมามองตามสามีที่ฮึดฮัดออกจากบ้านด้วยความเจ็บใจแต่ก็อับจนหนทางจะช่วยลูก
เวลาเดียวกันที่ค่ายนรสิงห์...นกพิราบสื่อสารมาถึงพร้อมข้อความรายงานจากพินทุว่าอาการทรุดของดาราน้อยทำให้ติสสากับมรันมามีปากเสียงกันอีกครั้ง องค์นรสิงห์เหยียดยิ้มน้อยๆแล้วบอกสีหสากับสุเลวินถึงสิ่งที่คิดไว้
“ถึงมรันมาจะคลานมากราบตีนข้า มันก็จะพบแต่ความผิดหวัง แม่ทัพรักหน้าที่อย่างติสสาคงกำลังใกล้บ้า ต้องเห็นลูกใกล้ตายแล้วยังต้องฟังเสียงรบเร้าของเมียรักที่คิดว่าข้าจะยื้อความตายจากลูกมันได้”










