ตอนที่ 6
กว่านาคจะไปถึงสตูดิโอถ่ายรูปที่เหม่ยจิงกำลังถ่ายแบบอยู่ก็เย็นแล้ว เธอถามว่านาคมาทำอะไรที่นี่
“คุณหลินให้เอาดอกไม้กับของขวัญมาให้คุณค่ะ”
“ขอบใจ แคทลียาขาวเหมือนทุกปี เธอเชื่อไหม แล้วในกล่องของขวัญนี่ ถ้าไม่ใช่สร้อยคอก็ต้องเป็นกำไล หรือไม่ก็ต่างหู เข็มกลัดประดับอะไรสักอย่าง” นาคถามว่าไม่ชอบหรือ “ก็ไม่เชิงหรอก แต่ฉันได้อย่างนี้ทุกปี จนฉันไม่ตื่นเต้นแล้ว”
นาคติงว่าอย่างน้อยหลินก็อยากให้เธอ เหม่ยจิงยิ้มเย็นบอกว่า หลินไม่ได้อยากให้ เลขาของเขาต่างหากที่เป็นคนซื้อให้ ตัวหลินเองอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในกล่องนี้มีอะไร พูดอย่างเจ็บลึกว่า
“คนอย่างหลินหลานเซ่อ เขาไม่เคยซื้อของขวัญให้ใครหรอก”
“จริงเหรอคะ”
“จริงซิ ถ้าใครได้ของขวัญจากหลินหลานเซ่อ คนนั้นต้องเป็นคนพิเศษมากสำหรับเขา” นาคเลยอาสาจะกระซิบให้หลินซื้อของขวัญให้เธอ เหม่ยจิงยิ้มขำความซื่อของนาค บอกว่า “ถ้าเธอทำได้อย่างที่พูด ฉันจะให้รางวัลเธอ”
นาคขอบคุณล่วงหน้าแล้วจะไปทำงานต่อ เหม่ยจิงเรียกไว้ถามว่าเธอมาทำงานกับหลินได้ยังไง พอรู้ว่านาคมาทำงานใช้หนี้ให้พ่อ เธอให้เงินนาคไปหนึ่งพันเหรียญช่วยใช้หนี้ให้ นาคขอบคุณ ชมว่าเธอทั้งสวยทั้งใจดี
“เธอเองก็น่ารักนะ รู้ตัวรึเปล่า ถ้าไม่เชื่อ วันหลังจะให้เธอมาถ่ายแบบแทนฉัน”
“ได้อย่างนั้นก็ดีสิคะ ฉันจะได้หมดหนี้เร็วๆ ขอบคุณนะคะ บ๊ายบาย...” นาคกลับไปอย่างร่าเริง
ooooooo
เวลาเดียวกัน หลินกลับไปที่ตึกฉายหง ถามซุ่นลี่ว่าเรื่องที่ตนสั่งเรียบร้อยไหม
ซุ่นลี่บอกว่าเรียบร้อย อาหารจะเสิร์ฟหนึ่งทุ่ม หลินถามอีกว่าเห็นฤทัยนาคมาที่นี่หรือยัง ซุ่นลี่รายงานว่ามาแล้วและไปแล้ว เพราะตนให้เอาดอกไม้กับของขวัญไปส่งให้เหม่ยจิง
“เธอไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับฤทัยนาคนะ” หลินดุ ซุ่นลี่ชี้แจงว่าตนกลัวเหม่ยจิงไม่ได้รับของแล้วจะโดนดุ “แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฤทัยนาค แล้วก็ไม่มีใครมีสิทธิ์สั่งเธอได้ นอกจากฉันคนเดียว เข้าใจหรือเปล่า”
ซุ่นลี่ขอโทษ หลินบอกให้ออกไปได้แล้ว เขาบ่นนาคอย่างหงุดหงิด “เด็กบ้านี่ ใครใช้อะไรก็ไปหมด” เขาโทร.ถึงเหม่ยจิงทันที เธอดีใจมากรีบบอกว่าได้รับของขวัญแล้ว ชอบมาก สร้อยสวยมาก หลินไม่สนใจถามว่าเด็กนั่นอยู่กับเธอหรือเปล่า พอเธอบอกว่ากลับไปแล้ว หลินวางสายทันที จนเหม่ยจิงบ่นงงๆว่าเขาตั้งใจโทร.หาใครกันแน่?
หลินรออยู่จนสองทุ่ม เขาจึงออกไปอย่างหงุดหงิด นาคมาถึงรู้จากเจ้าหน้าที่ว่าหลินออกไปแล้ว เธอขอให้เจ้าหน้าที่โทร.บอกหลินว่าตนมาแล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีเบอร์ นาคตัดสินใจรอคิดว่าเขาไปกินข้าวเดี๋ยวคงกลับมา
นาครออยู่จนห้าทุ่มครึ่ง หลินก็ยังไม่มา คิดเองว่า เขาจะมารอทำไม เราไม่มีความสำคัญอะไรกับเขาสักหน่อย กลับไปนอนดีกว่า คิดแล้วก็ปั่นจักรยานกลับคอนเทนเนอร์ที่พัก
ปรากฏว่าหลินรออยู่ที่นั่น ทันทีที่เจอกันเขาดุว่า จำได้ว่านัดเธอไว้ทุ่มนึง คำสั่งตนไม่มีความหมายเลยหรือ นาคขอโทษ ชี้แจงว่าตนไปส่งของขวัญให้เหม่ยจิงรถติดมาก และตนไม่คิดว่าเขาจะรอ
“มันหน้าที่เธอรึไง เธอคิดว่าเธอจะรับคำสั่งใครก็ได้โดยไม่ต้องสนใจคำพูดของฉันใช่ไหม”
“ฉันขอโทษอีกครั้งจริงๆ ฉันไม่คิดว่าเอกสารนี้มันจะสำคัญขนาดนั้น” นาคชี้แจงรีบเอาเอกสารที่แปลเสร็จให้แล้วเอาของขวัญให้พร้อมคำอวยพร “แฮปปี้นิวเยียร์ ฉันมีเงินซื้อของขวัญให้นายได้แค่นี้ หวังว่านายจะชอบมันนะ”
หลินแกะกล่องดู ในนั้นเป็นสายนาฬิกาข้อมือสีทอง นาคบอกว่าเอามาชดใช้นาฬิกาของเขาที่ตนเอาให้แท็กซี่แทนค่ารถตอนที่พาเขามาโรงพยาบาล หลินปรามว่าจำไว้อย่าผิดคำพูดกับตนอีก
“ฉันขอบคุณนะที่นายรอฉันน่ะ บอกตรงๆนะ ฉันไม่เคยมีความสำคัญกับใคร ไม่ว่าพ่อหรือพี่หรือเพื่อน ฉันก็เลยไม่คิดว่าการไม่อยู่ของฉันมันจะสำคัญกับนาย...
เอาล่ะ ทีนี้นายจะลงโทษอะไรฉันก็ได้ จะเพิ่มหนี้หรือต่อยฉันก็ได้”
“อะไรก็ได้งั้นหรือ” พอนาคบอกว่าใช่ เขาสั่ง
ทันที “ต่อไปนี้ห้ามเธอรับคำสั่งจากใครนอกจากฉัน ฉันเป็นคนเดียวเท่านั้นที่จะสั่งเธอได้ เข้าใจรึเปล่า” นาคถามว่าทำไม หลินย้อนถามว่า “เธอเป็นลูกหนี้ใคร...คราวนี้เข้าใจรึยังว่าทำไมต้องฟังฉันคนเดียว”
หลินจะเดินออกไป เขาหันกลับมาบอกให้เธอหัดล็อกประตูเสียบ้าง นาคบอกว่าตนไม่มีอะไรให้ใครขโมย
“ฉันบอกให้เธอล็อกห้อง!...ของขวัญของเธออยู่บนโต๊ะ” พูดแล้วเดินออกไปเลย นาคมองตามแล้วหันมองที่โต๊ะเห็นลูกคิวบิกวางอยู่ นาคหยิบมาดูแล้ววิ่งออกไปร้องเรียกแล้วเอ่ย “ขอบคุณนะ ฉันชอบมันมากเลย ฝันดีนะ กู๊ดไนต์”
“กู๊ดไนต์...” หลินยิ้มแล้วเดินไป นาคมองหลิน มองพลุที่สว่างสวยบนฟ้า ยิ้มอย่างมีความสุขในวันปีใหม่...
นาคเล่นคิวบิกอย่างเพลิดเพลิน นั่งเล่น นอนเล่น จนหลับไปบนโซฟา
ส่วนหลิน เมื่อกลับถึงห้องพัก เขานั่งจิบชาใจลอยอย่างมีความสุข
ooooooo
นาคเล่นคิวบิกเอาสีเข้าล็อกไม่ได้สักที เลยเอาไปเล่นในห้องเรียน จนสามารถเอาสีเข้าล็อกได้หมด นาคร้องเยสอย่างสะใจ
แต่แล้วรอยยิ้มก็จางจนซีดเมื่อครูมายึดคิวบิกไป บอกว่าให้มาเอาคืนตอนปิดเทอม
“สมน้ำหน้า อยากเล่นดีนัก” แดนนี่ยิ้มเยาะ แต่พอพักกลางวันแดนนี่เดินหานาคเพื่อชวนไปกินข้าว เจอนาคที่หน้าห้องพักครู ถามว่าอาจารย์เรียกมาคุยหรือ
“เปล่า ฉันจะมาขอลูกคิวบิกคืน แต่เขาไม่ให้ นายช่วยพูดให้หน่อยได้ไหม”
แดนนี่บอกว่าไม่ได้เพราะอาจารย์บอกแล้วว่าปิดเทอมค่อยมาเอาคืน นาคบอกว่าถ้าไม่ได้คืน หลิน–หลานเซ่อเล่นงานตนแน่เพราะเขาเป็นคนให้คิวบิกตน แดนนี่เอ่ยทึ่งว่า เธอนี่ไม่ธรรมดาเลยที่ได้ของขวัญจากหลินหลานเซ่อ แนะว่า
“มีแค่คนเดียวที่อาจารย์เขาจะคืนให้” นาคดีใจถามว่าใคร แดนนี่บอกว่า “หลินหลานเซ่อ...ไป กินข้าวกันเถอะ”
“ถ้าเขารู้ เขาต้องเล่นงานฉันแน่ๆ” นาคกลุ้มใจมาก
แต่เวลาเดียวกันนั้น อาจารย์เอาลูกคิวบิกไปให้หลินหลานเซ่อในฐานะผู้ปกครองของนาค บอกว่านาคเอาไปเล่นในห้องเรียน ตนจะคืนให้ตอนปิดเทอม จึงเอามาฝากไว้กับเขา ขอให้หลินเตือนนาคด้วยว่าอย่าเอาของเล่นไปเล่นในห้องเรียน
“ผมต้องขอโทษแทนเธอด้วย ผมจะไม่ให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นอีก” หลินบอก เมื่ออาจารย์ออกไปแล้วเขาส่ายหน้าพึมพำ “หึ...ยัยเด็กนี่...”
เมื่อหลินกับจงซินออกมาเจอนาค เธอหลบหน้าแว้บ จงซินถามว่าเจอพวกตนทำไมต้องหลบหน้าเหมือนทำผิดอะไร นาคบอกว่าไม่มีอะไร หลินเลยถามว่า “แล้วลูกคิวบิกที่ฉันให้ยังอยู่รึเปล่า”
“อยู่ค่ะ” นาคตอบไม่สบตา พอหลินถามว่าแล้วทำไมไม่เอามาเล่น “อ๋อ...ฉันไม่อยากเอามาเล่นในเวลาเรียน เลยเก็บไว้ที่ห้อง ฉันไปก่อนนะ ฉันรีบ”
พอนาคเดินอ้าวไป จงซินบอกหลินอย่างรู้กันว่า “เธอคงกลัวนายเล่นงานนะครับ”
หลังจากโกหกหลินแล้ว นาควิ่งไปหาแดนนี่ที่สนามฟุตบอล บอกว่าถ้าตนไม่ได้คิวบิกคืนมีหวังตายแน่ๆ เพราะเมื่อกี๊หลินถามหาลูกคิวบิก แดนนี่ถามว่าทำไมเธอต้องกลัวขนาดนั้น
“ก็มันเป็นของที่เขาให้ฉันน่ะสิ นายรู้ไหมว่าเขาไม่เคยให้ของใครเลยนะ ฉะนั้นมันต้องเป็นของสำคัญที่เขารักและหวงนะ” แดนนี่ถามว่าจะให้ตนทำยังไง “ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อย ไปช่วยกันพูดอ้อนวอนอาจารย์ไปเร็ว”
ด้วยความเห็นใจเพื่อน แดนนี่ไปหาอาจารย์กับนาค พออาจารย์บอกว่าเอาไปฝากไว้ที่หลินหลานเซ่อแล้วเท่านั้น นาคก็เป็นลมล้มตึงไปเลย
ooooooo
วันนี้มีการประชุมที่ฉายหงกรุ๊ป บรรดากรรมการต่างแสดงความยินดีที่หลินหลานเซ่อปลอดภัยจากการถูกลอบทำร้ายและเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำต่อไป
แต่เพ่ยอิงกัดไม่ปล่อย คาดคั้นเรื่องมีคนช่วยหลินในวันเกิดเหตุ ซานกุ้ยผสมโรงถามว่าเรื่องนี้เท็จจริงอย่างไร เพราะข่าวว่าคนขับรถที่ช่วยเขานั้นเป็นเด็กผู้หญิงด้วย
จงซินจะชี้แจงแทน หลินขอชี้แจงเอง เขายอมรับว่ามีคนช่วยเหลือตนจริง แต่คนที่ช่วยตนไม่ใช่เด็กผู้หญิงคนนั้น ซานกุ้ยถามว่าแล้วเป็นใคร หลินเล่าอย่างเยือกเย็นน่าเชื่อถือว่า
“พวกเราคงจำเรื่องของเงาผู้นำได้ใช่ไหมครับ” ซานกุ้ยถามว่าตำแหน่งเงาผู้นำหรือ หลินบอกว่า “ถูกต้องครับ”
เพ่ยอิงไม่เชื่อ กรรมการอาวุโสคนหนึ่งบอกว่าเพ่ยอิงไม่เข้าใจหรอกเพราะเป็นเด็กรุ่นหลัง เพ่ยอิงเสียงแข็งว่าต้องอธิบายให้ตนฟังเพราะตนเป็นหนึ่งในสามของผู้ถือหุ้น ซานกุ้ยในฐานะผู้อาวุโสที่ร่วมก่อตั้งฉายหงกรุ๊ปเล่าว่า
“ในอดีต พ่อของหลินหลานเซ่อมีผู้ช่วยคนนึงซึ่งพวกเราไม่มีใครรู้จัก แม้กระทั่งฉันและพ่อของนาย เพ่ยอิง เขาคนนี้จะคอยช่วยเหลือให้คำแนะนำและแก้ปัญหาต่างๆ อยู่เบื้องหลังท่านประธาน เราทุกคนก็เลยเรียกคนคนนี้ว่าเงา”
หย่งเหวินถามว่าแล้วเงาที่หลินเล่ามาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย
“เกี่ยวสิ เพราะคนที่ช่วยเหลือชีวิตฉันให้รอดจากคมกระสุนก็คือเงานี่ล่ะ” ซานกุ้ยติงว่าเงาเสียชีวิตไปตั้งแต่สมัยพ่อเขาแล้ว “ถูกต้องแล้วครับท่านซาน ก่อนที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่งประธานฉายหงกรุ๊ป ผมได้แต่งตั้งคนคนนึง ซึ่งผมรักและไว้วางใจมากที่สุดให้ดำรงตำแหน่งเงา”
“แล้วเขาคือใครล่ะ ถ้ามีตัวตนจริงก็พามาแนะนำเลย พวกเราจะได้รู้จัก” เพ่ยอิงรุก
“เสียใจด้วยเพ่ยอิง ที่ฉันไม่สามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเงาได้ เพราะมันเป็นกฎของฉายหงกรุ๊ปใช่ไหมครับท่านซาน”
“ใช่ ตามกฎของเรา มีแค่ประธานคนเดียวเท่านั้นที่จะรู้ว่าเงาคือใคร” ซานกุ้ยรับรอง หย่งเหวินยืนยันว่า อย่างน้อยพวกตนก็ควรจะรู้ว่าเงาของหลินมีชื่อแซ่หรือนิคเนมว่าอะไร
“เขามีโค้ดเนมว่า คิวบิก” หลินบอก ทุกคนในห้องประชุมต่างอึ้ง หลินมองคิวบิกในมือแล้ววางลงบนโต๊ะ
จากนั้น ระหว่างไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมด้วยกัน หลินย้ำกับจงซินว่าให้เก็บเรื่องนาคช่วยตนไว้เป็นความลับด้วย เพราะถ้าคนที่คิดจะฆ่าตนรู้ มันจะไม่เก็บเธอไว้แน่ จงซินเห็นด้วย เพราะอย่างน้อยมันก็ไม่รู้ว่า คิวบิกคือใคร?
ooooooo
นาคตัดสินใจทำใจดีสู้เสือ ไปขอลูกคิวบิกคืนจากหลินหลานเซ่อ สัญญาว่าจะไม่เอาไปเล่นในห้องเรียนอีก
หลินนิ่งเสียจนนาคคิดว่าเขาโกรธมาก แต่หลินกลับบอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ แล้วขอให้เธอเก็บเรื่องที่เธอช่วยตนไว้เป็นความลับ ย้ำให้จำไว้ว่าอย่าเล่าให้ใครฟังเด็ดขาด นาครับปากเพราะตนก็กลัวตายเหมือนกัน แต่พอเธอขอตัวกลับ หลินเรียกไว้ถามว่าไม่อยากได้ลูกคิวบิกคืนหรือ นาคดีใจมากรีบบอกว่าอยากได้
พอนาคเอื้อมมือไปหยิบก็ถูกหลินจับมือไว้ นาคตกใจประหม่าใจเต้นไม่เป็นส่ำ หลินถามว่ากลัวตนมากหรือ
“ก็นายชอบทำดุ แล้วนายเองก็ไม่ค่อยชอบหน้าฉันด้วย”
“ฉันเคยบอกเธอหรือว่าไม่ชอบหน้าเธอ จำไว้นะ อย่าหนีหน้าฉันอีก” หลินบีบมือนาคย้ำ “เข้าใจที่ฉันพูดไหม”
นาคประหม่าจนตัวสั่น รับคำแล้วดึงมือออก กำลูกคิวบิกขึ้นดู มองหน้าหลินเห็นเขาเมินไปทางอื่น นาคตัดสินใจเดินออกไปทั้งที่ใจยังเต้นแรง หลินหันมองนาคที่เดินออกไปด้วยหัวใจอิ่มเอิบ
ooooooo
ที่บ้านซานกุ้ย หย่งเหวินเข้าไปคุยเรื่องงานแล้วถามว่าเรื่องคิวบิกที่หลินพูดนั้นมีตัวตนจริงๆหรือ
ซานกุ้ยบอกว่ามีจริง ยกตัวอย่างที่นาคไปคุยกับคาลอสในงานเลี้ยงบริษัท หลินบอกตนว่าคิวบิกเป็นคนวางแผนให้เด็กผู้หญิงคนนั้นไปคุยกับคาลอส และก็ไม่น่าเชื่อว่าการคุยครั้งนั้นสำเร็จด้วย หย่งเหวินถามว่าแล้วคิวบิกรู้เรื่องการลอบสังหารหลินได้อย่างไร
“ก็อย่างที่บอก ในอดีตคนที่จะเป็นเงาผู้นำได้จะต้องมีความคิดหลักแหลม ฉลาด มีสายตาที่กว้างไกล ไม่อย่างนั้นเขาจะเตือนหลินทันกาลได้อย่างไร”
“งั้นแสดงว่าคิวบิกมันต้องไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ” หย่งเหวินพึมพำ ซานกุ้ยพยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากนั้นหย่งเหวินก็สั่งลูกน้องให้ออกตามหาข่าวคนชื่อคิวบิก สืบให้รู้ว่ามันเป็นใคร แล้วมาบอกตน
ด่วน บังเอิญไป่หลิงมาได้ยิน แต่พอถามว่าตามหาคิวบิกทำไม หย่งเหวินบอกว่าไม่มีอะไร ซ้ำปรามเธอว่า
“อย่าพูดเรื่องคิวบิกกับคุณพ่อนะเดี๋ยวท่านจะตำหนิพี่”
ไป่หลิงรับปาก แต่นาทีนี้ เธอยิ่งไม่มั่นใจหย่งเหวินมากขึ้น...มากขึ้น ในขณะที่หย่งเหวินจิกตามองไป่หลิงพึมพำ
“นังนี่ ชักจะสอดรู้สอดเห็น!”
ooooooo
มีนาถูกขังมีมือปืนเฝ้าหน้าห้องอย่างเข้มงวด เธอคิดว่าถ้าหนีไม่ได้ก็ต้องถูกเพ่ยอิงข่มขืนแน่ ตัดสินใจเชือดข้อมือ
ป้าเหมยเอาอาหารมาให้พบเธอนอนจมกองเลือด รีบนำส่งโรงพยาบาลและสั่งมือปืนให้รายงานเพ่ยอิงด่วน
หมอทำแผลให้แล้วบอกป้าเหมยว่ามีนาปลอดภัยแล้ว ป้าเหมยบอกให้มือปืนรายงานเพ่ยอิง มือปืนบอกว่าไม่ต้องรายงานแล้วเพราะเพ่ยอิงกำลังเดินทางมา แล้วขอไปซื้อของกินเพราะตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย
ระหว่างนั้น มีนาลุกขึ้นหนีออกจากห้อง พอเพ่ยอิงมาถึง ป้าเหมยเปิดประตูให้เข้าไปดูจึงรู้ว่ามีนาหายไปแล้ว เพ่ยอิงสั่งลูกน้องตามหาให้เจอ ตัวเองก็ออกตามหาเห็นมีนาเดินลุกลี้ลุกลนอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่พอวิ่งข้ามไปมีนาก็หายไปแล้ว เธอหลบในซอกหลืบ จนเห็นเพ่ยอิงเดินผ่านไปแล้วจึงวิ่งออกมา
มีนาวิ่งไปชนนาคที่กำลังเดินเลี้ยวมุมมา เธออ้วนวอนให้ช่วยด้วยเพราะตนกำลังถูกตามฆ่า ทีแรก
นาคก็จะไม่ช่วย มีนาบอกว่าถ้าไม่ช่วยจะกระโดดให้รถ ทับตาย นาคมองอย่างลังเล...
เพ่ยอิงเดินตามหามีนามาชนเข้ากับนาค เขาถามว่าเห็นเด็กผู้หญิงตัวขนาดเธอบ้างไหม นาคบอกว่าไม่เห็น เพ่ยอิงเห็นถังขยะใกล้ๆ จะไปเปิดดู นาครีบห้ามทำเป็นบอกเขินๆว่าตนท้องเสียหาส้วมไม่ได้เลยถ่ายใส่ถังขยะไปเมื่อกี๊นี้เอง แล้วทำใจเย็นสู้เสือเดินไป เพ่ยอิงกลัวเหม็นเลยไม่เปิดถังขยะ นาคแอบดูพอเพ่ยอิงเดินผ่านไป ก็รีบเปิดถังขยะพบมีนานอนสลบไปแล้ว
“เธอ...เธอ...เฮ้อ...ซวยจริงๆ ทำไมต้องเป็นเราด้วยเนี่ย...” นาคบ่น แล้วลากถังขยะไปคนละทางกับเพ่ยอิง
นาคพามีนาไปที่ตู้คอนเทนเนอร์ที่พักของตัวเอง แล้วให้มีนาเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง พอรู้ว่ามีนาก็ถูกเจ้าหนี้ของพ่อเอามาเป็นตัวประกันเหมือนตน ก็สงสารคนหัวอกเดียวกัน ถามว่าคนนั้นชื่ออะไร มีนาบอกว่าชื่อ “หลินเพ่ยอิง!”
ooooooo
เพ่ยอิงกลับมาจะตบหน้าป้าเหมย ด่าว่าเด็กเล็กๆ คนเดียวยังปล่อยให้หนีไปได้ แล้วสั่งลูกน้องให้ออกไปตามหาเดี๋ยวนี้ถ้าไม่ได้ตัวไม่ต้องกลับมา!
“มีนา ฉันจะไม่ยอมเสียเธอไปฟรีๆหรอก” เพ่ยอิงคำราม
ส่วนมีนามาพักที่ตู้คอนเทนเนอร์กับนาค อ้อนวอนให้นาคส่งตนกลับเมืองไทย นาคบอกว่าลำพังตนยังช่วยตัวเองไม่ได้เลย บอกมีนาว่าถ้าเธอบอกว่าหลินเพ่ยอิงเป็นมาเฟีย เธอก็ไม่มีทางออกไปจากมาเก๊าได้ เพราะป่านนี้มันคงส่งลูกน้องไปดักเธอที่สนามบินหรือท่าเรือเฟอรี่แล้ว ฉะนั้น ตอนนี้ให้เธอหลบอยู่ที่นี่ก่อน
มีนาผิดหวัง หวาดกลัว นาคบอกว่าที่นี่ปลอดภัยไม่มีใครกล้ามาทำอะไรเธอ และถ้ามีใครมาถามอะไรให้เธอบอกว่าตัวเองเป็นเด็กของหลินหลานเซ่อรับรองไม่มีใครกล้ามายุ่งกับเธอเด็ดขาด แล้วจะไปทำงาน ถามมีนาว่าชื่ออะไร เมื่อต่างบอกชื่อตัวเองกันแล้ว นาคบอกมีนาว่า “เดี๋ยวฉันจะเอาข้าวเย็นมาให้กิน”
แต่พอนาคหันจะเดินออกไปก็ผงะแทบช็อกเมื่อเห็นหลินยืนหน้านิ่งอยู่ หลินถามนาคว่านั่นใคร? มีนาตกใจรีบตอบ
“ฉันเป็นเด็กหลินหลานเซ่อค่ะ” หลินงงถามว่าอะไรนะ มีนายํ้า “ฉันเป็นเด็กของหลินหลานเซ่อ”
นาคทำหน้าอยากจะบ้าตาย บอกมีนาว่า “ไม่ใช่พูดกับคนนี้!!!”
หลินถามนาคว่าใครอนุญาตให้เธอพาเด็กนั่นเข้ามา นาคชี้แจงว่ากำลังจะไปบอกอยู่พอดี แต่เขามาเสียก่อน
เมื่อหลินรู้ว่าพ่อมีนาติดหนี้เพ่ยอิง เขาพูดหน้านิ่งว่า “พรุ่งนี้ฉันจะโทร.บอกเพ่ยอิงให้มาเอาผู้หญิงคนนี้กลับไป”
นาคโวยวายว่าไม่ได้เพราะเพ่ยอิงจะเอามีนาไปเป็นนางบำเรอ หลินพูดอย่างเลือดเย็นว่า
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน แล้วก็ไม่เกี่ยวกับเธอด้วย”
ไม่ว่านาคจะหว่านล้อมกระทั่งอ้อนวอนอย่างไรหลินก็ยืนกรานว่าพรุ่งนี้จะให้เพ่ยอิงมารับตัวมีนาแล้วเดินออกไป
“ใช่สิ นายเองก็ไม่ต่างจากไอ้หลินเพ่ยอิงหรอก นายต้องการพี่สาวฉันมาเป็นนางบำเรอ เหมือนกับไอ้หลินเพ่ยอิงใช่ไหม” นาคทรุดนั่งอย่างโกรธจัดบ่นตัวเอง “รู้อย่างนี้ปล่อยให้ถูกมือปืนฆ่าตายซะก็ดี ฮึ่ย!!...ทำไงดีวะเรา”
ooooooo
ขณะมีนานอนหันหลังใจคอไม่ดีอยู่นั้น มีเสียงเปิดประตูเข้ามา มีนานึกว่านาค ถามว่า เขาว่าอย่างไรบ้าง
“ใครจะว่ายังไง ฉันไม่สนหรอก ตอนนี้เธอต้องกลับไปกับฉัน” เป็นเสียงเพ่ยอิงที่ทำให้มีนาลุกพรวดคว้าไม้จะตี ถูกเพ่ยอิงจับมือบิด “เธอนี่ฤทธิ์เยอะนักนะ ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมว่าเธอไม่มีวันหนีฉันพ้นหรอก” เพ่ยอิงกอดมีนาไว้แน่น มีนาตะโกนขอความช่วยเหลือ นาคเข้ามาพอดี ตวาดเพ่ยอิงให้ปล่อยมีนาเดี๋ยวนี้!
นาคพุ่งเข้าไปกั้นมีนาไว้ คว้าเกรียงปาดปูนกำแน่น ขู่ว่าถ้าเข้ามาตนแทงแน่ ลูกน้องเพ่ยอิงถามว่าจะให้ยิงไหม
“ไม่ต้อง แค่ผู้หญิงสองคนกูจัดการเอง” แล้วหันขู่นาค “ทิ้งเกรียงในมือ ถ้าไม่อยากตาย” ให้เวลาจะนับถึงสาม แล้วเริ่มนับทันที มีนาใจไม่ดีบอกนาคให้ทิ้งเกรียงเสีย นาคไม่ยอมทิ้ง เพ่ยอิงนับสาม! พร้อมกับเหนี่ยวไกทันที
นาคผงะเกรียงหลุดจากมือ ตัวนาคค่อยๆหงาย ตาค้างล้มลงบนเตียงแน่นิ่ง มีนาหวีดร้องสุดเสียง
ทันใดนั้น ประตูเปิดผัวะ! หลินหลานเซ่อก้าวเข้ามากระชากเพ่ยอิงออกตะคอกถาม
“แกทำอะไรลงไป ทำไมต้องฆ่าเธอด้วย” เพ่ยอิงตวาดว่าเรื่องของตนไม่เกี่ยวกับเขา หลินตะคอกว่า “แต่เด็กคนนี้เป็นคนของฉัน” หลินจ่อปืนใส่หน้าเพ่ยอิง จนเพ่ยอิงถามว่าทำไมต้องโกรธถึงขนาดนั้น เด็กนั่นเป็นอะไรกับเขาหรือ!?
“ฉันจะยิงแสกหน้าแกด้วยซํ้าไป” หลินโกรธมาก เพ่ยอิงตกใจร้องเสียงหลงว่าอย่านะ!
“หลินหลานเซ่อ นายนี่มันใจร้ายจริงๆ” นาคลืมตาลุกพรวดขึ้นด่า ทุกคนตะลึงงันที่นาคยังไม่ตาย
ที่แท้เพ่ยอิงยิงขึ้นเพดานแต่นาคตกใจจนหมดสติล้มผลึ่งแน่นิ่งไปเอง เพ่ยอิงบอกหลินให้เลิกจ่อปืนใส่ตนเสีย แล้วคว้ามือมีนาจะพากลับไป หลินสั่งให้ปล่อยมีนาเดี๋ยวนี้
“นายพูดอะไรนะ ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกหนี้ฉันนะ” เพ่ยอิงโต้ หลินสั่งให้ปล่อยมีนา! เพ่ยอิงตะโกนใส่ “นายหูแตกรึไง เธอเป็นลูกหนี้ฉัน เธอเป็นของฉัน”
“แกลืมไปแล้วหรือ ฉันเป็นประธานฉายหงกรุ๊ป ฉันมีอำนาจสูงสุด คนของแกก็ถือว่าเป็นคนของฉัน แม้แต่ตัวแกเองก็เป็นของฉัน ปล่อยเธอ!” หลินสั่งเข้ม
เพ่ยอิงเยาะว่าเพราะมีนาสวยถูกใจใช่ไหม หลินถึงอยากจะเป็นเจ้าของเสียเอง
“ฉันจะทำอะไรก็ได้ ไม่เกี่ยวอะไรกับแก กลับไปได้แล้ว” เพ่ยอิงบอกว่าจะกลับก็ต่อเมื่อผู้หญิงคนนี้ไปด้วย “ฉันจะคืนผู้หญิงคนนี้ให้แกก็ต่อเมื่อฉันเห็นว่าสมควร” เมื่อหลินแข็งกร้าวเช่นนี้ เพ่ยอิงถามว่าแล้วจะคืนเมื่อไหร่ “เมื่อแกสงบ แล้วมีสติมากกว่านี้”
เพ่ยอิงยอมกลับแต่พูดอย่างไว้เชิงว่าถ้ารู้ว่าหลินทำมิดีมิร้ายกับมีนาตนจะฆ่าเขาด้วยมือตัวเอง หลินสวนไปทันทีว่าไม่ต้องห่วง ตนไม่มีวันแตะต้องผู้หญิงคนนี้แน่ เพ่ยอิงหันสั่งมีนาอย่าให้หลินทำอะไรเธอนะ แล้วหันจิกนาคว่า
“เมื่อกี๊ฉันน่าจะยิงเธอจริงๆ! กลับ” เพ่ยอิงตะโกนบอกลูกน้องแล้วเดินออกไป
นาคหันไปขอบคุณหลินที่มาทันเวลาพอดี แต่พอมีนาขอบคุณเขา หลินกลับบอกว่า “ฉันไม่ได้มาช่วยเธอ” แล้วเดินออกไป นาคบอกมีนาให้อยู่ที่นี่ไปก่อน แล้ววิ่งตามหลินไป
ooooooo
นาคตามออกไปขอบคุณหลินที่ไม่ปล่อยให้เพ่ยอิงเอามีนาไป หลินตอบอย่างเย็นชาว่าตนก็แค่ช่วยถ่วงเวลาให้เท่านั้น เพราะอีกไม่กี่วันเพ่ยอิงก็ต้องกลับมาเอาตัวเธอไป
“นายช่วยส่งเธอกลับเมืองไทยได้ไหมคะ” นาคเสียงอ่อน
“ฉันทำแบบนั้นไม่ได้ มันผิดกฎของเรา แล้วฉันก็อยากจะบอกเธอว่าอย่าเอาฉันไปเปรียบกับหลินเพ่ยอิง” เมื่อหลินกลับไปแล้ว นาคทวนคำของหลินถามตัวเอง “อย่าเอาฉันไปเปรียบกับหลินเพ่ยอิง...หมายความว่าไง??”
ส่วนหลินนั่งคิดถึงคำปรามาสของนาคที่ว่าเขาไม่ต่างจากเพ่ยอิง ที่ต้องการนันทกาพี่สาวตนมาเป็นนางบำเรอเหมือนเพ่ยอิง คิดแล้วพึมพำอย่างหงุดหงิด... “ปากจัดจริงๆ”
นาคกลับเข้ามาในตู้คอนเทนเนอร์ บ่นมีนา
ว่าไม่รู้เรื่องอะไรเล้ย...ดันไปบอกหลินว่าเป็นเด็กของหลินหลานเซ่อ
มีนาขอโทษยอมรับว่าตนไม่รู้จริงๆ ถามนาคว่าเธอเป็นแฟนกับหลินหรือ นาคด่าว่าจะบ้าเหรอ!
“แต่เขาตกใจมากนะตอนที่เขาเข้ามาแล้วเห็นเธอนอนสลบอยู่ เขาเกือบจะฆ่าหลินเพ่ยอิงจริงๆแล้วนะ ฉันว่าเขาโกรธแล้วก็หวงเธอมาก นึกว่าเธอกับเขาเป็นแฟนกันเสียอีก”
นาคบอกว่าอย่าไปพูดกับใครแบบนี้อายเขาตาย ที่เขาตกใจคงเพราะกลัวหนี้จะสูญมากกว่า เขาไม่มาพิศวาสตนหรอกถึงได้เอามาทำงานใช้หนี้ไง แล้วเอาข้าวให้มีนากิน มีนากังวลเรื่องเพ่ยอิงจะมาเอาตัวไป นาคปลอบใจว่า
“แต่คงไม่ใช่คืนนี้หรอก...ขอฉันนอนคิดหน่อยว่าจะช่วยเธอยังไง”
นาคล้มตัวลงนอน มีนาไปหยิบจานกับช้อนจะมากินข้าว กลับมาก็ได้ยินเสียงนาคกรนคร่อก...คร่อกแล้ว มีนาพึมพำ...
“ท่าทางจะเพลียน่าดู...”
ooooooo
หลายวันต่อมา จงซินเข้ามารายงานหลินที่ห้องทำงานว่า รู้ตัวมือปืนที่ตามฆ่าเขาแล้ว ชื่อ หลี่ฉินฝู
หลินถามว่ามันเป็นคนของใคร จงซินบอกว่าตนยังสืบไม่ถึง รู้แต่ว่ามันเคยเป็นมือปืนคุ้มกันให้แต้ซินตึ๊งในอดีตแล้วหายหน้าไปอยู่ที่แผ่นดินใหญ่เพิ่งกลับมาที่มาเก๊าได้หกเดือน เวลานี้มันหลบอยู่ที่โรงน้ำชาเก่าตนให้คนตามไปเอาตัว แต่มันรู้ตัวหนีไปได้ทัน
“หรือว่ามันข้ามกลับไปแผ่นดินใหญ่แล้ว”
“ยังครับ ผมให้คนของเราที่สาขาชายแดนเฝ้า ไว้แล้ว”
“ดี หาตัวมันให้เจอ เราจะได้รู้ว่าใครที่มันต้องการโค่นอำนาจฉัน”
เวลาเดียวกัน...ที่บ้านซานกุ้ย ไป่หลิงพบว่าเงินในเซฟหายไปสองแสนเหรียญ ถามซานกุ้ยว่าเอาไปหรือเปล่า เขาบอกว่าไม่ได้เอา ไป่หลิงสงสัยว่าหย่งเหวินเอาไป เพราะตู้เซฟนี้เปิดกันอยู่ 3 คน เมื่อซานกุ้ยกับตนไม่ได้เปิดก็ต้องเป็นหย่งเหวิน
“อย่าพูดอย่างนี้นะ เดี๋ยวหย่งเหวินได้ยินจะไม่ดี” ซานกุ้ยตัดบทว่า “ลุงว่าอย่าพูดเรื่องนี้เลย บางทีลุงอาจจะ หยิบไปเองแล้วจำไม่ได้ เอาอย่างนี้ ครั้งนี้หลานจดไว้ว่าเหลือสี่ล้านแปด คราวนี้ถ้ามันหายอีกเราค่อยมาไล่เบี้ยกัน”
ขณะนั้นเอง ลูกน้องซานกุ้ยเข้ามารายงานว่า
“ท่านซานครับ...ตอนนี้เรารู้แล้วครับว่ามือปืนที่พยายามฆ่าท่านหลินหลานเซ่อเป็นใคร มันชื่อ หลี่ฉินฝูครับ”
ไป่หลิงชะงัก จำได้ว่าเคยได้ยินหย่งเหวินสั่งให้ตามเก็บฉินฝู ไป่หลิงเก็บอาการ ฟังซานกุ้ยซักถามลูกน้อง รู้ว่ายังควานหาตัวฉินฝูไม่เจอ
“จับตัวมันให้ได้ เราจะได้รู้ว่าใครบงการฆ่าหลินหลานเซ่อ” ซานกุ้ยสั่ง เมื่อลูกน้องออกไปแล้วจึงนึกถามไป่หลิงว่า “เอ๊ะ...วันก่อนหลานพูดถึงคนชื่อฉินฝูใช่ไหม” ไป่หลิงบอกว่าใช่ แต่เขาโทร.ผิด ซานกุ้ยพึมพำ... “ช่าง บังเอิญจริงๆ”
ooooooo
ไป่หลิงเก็บความสงสัยไว้ จนคืนนี้เมื่อเจอหย่งเหวิน เธอถามอย่างไม่อ้อมค้อมว่า
“พี่ให้คนชื่อฉินฝูไปฆ่าคุณหลินหลานเซ่อใช่ไหม” หย่งเหวินตกใจแต่ทำไก๋ถามว่าพูดเรื่องอะไรของเธอ “วันนี้หลี่หมิงมาบอกคุณลุงว่า ฉินฝูคือมือปืนที่ตามฆ่า
คุณหลินแล้วฉันก็ได้ยินพี่พูดโทรศัพท์ว่าให้ฆ่าปิดปากฉินฝู”
“นี่เธอแอบฟังฉันงั้นเหรอ” หย่งเหวินดุร้ายทันที ไป่หลิงคาดคั้นให้เขาตอบมาว่าใช่หรือไม่ “ใช่ พี่เป็นคนสั่ง”
“ทำไมพี่ถึงทำอย่างนั้น คุณหลินเขาเป็นหัวหน้า พี่นะ คุณลุงยังให้ความเคารพเขา แต่พี่กลับคิดไม่ซื่อ คิดทำลายเขา”
หย่งเหวินอ้างว่าตนทำเพื่อคุณพ่อ เพราะถ้าไม่มีหลินหลานเซ่อเสียคนคุณพ่อก็ต้องขึ้นเป็นประธานฉายหงกรุ๊ป
ไป่หลิงชี้ว่าเขาทำเพื่อตัวเอง ตนรู้ว่าเขาอยากขึ้นมาเป็นหัวหน้าฉายหงกรุ๊ป บอกหย่งเหวินว่า ตนจะไปบอกคุณลุง หย่งเหวินอ้อนวอนขอร้องไม่ให้บอก ไป่หลิงมีข้อแม้ว่าถ้าตนไม่บอกเขาก็ต้องเป็นคนไปบอกเอง หย่งเหวินอ้างว่าถ้าตนบอกคุณพ่อต้องไม่ให้อภัย อ้อนวอนไป่หลิงว่า
“ไป่หลิง ช่วยพี่สักครั้ง พี่สัญญาจะกลับตัวกลับใจเป็นคนดี ลืมเรื่องนี้ซะ อย่าบอกคุณพ่อนะ พี่รักไป่หลิงนะ”
แต่พอไป่หลิงยืนยันว่าต้องบอก หย่งเหวินก็เปลี่ยนโฉมเป็นเพชฌฆาตทันที เอาปืนจ่อไป่หลิงขู่ว่าถ้าเธอยังดื้อ ตนก็จะฆ่า! ไป่หลิงผิดหวังมากถามว่าเขากล้ายิงตนซึ่งเป็นเมียหรือ?!
“ฉันทำได้ ถ้าเธอไม่เชื่อฉัน! ถ้าเธอบอกเรื่องนี้กับคุณพ่อ ฉันจะฆ่าเธอแล้วก็ฆ่าคุณพ่อด้วย”
“ฉันไม่คิดเลยว่าพี่จะเป็นคนเลวอย่างนี้ คุณลุงเลี้ยงพี่มาตั้งแต่เด็ก รักพี่เหมือนลูกแท้ๆ แต่พี่กลับอกตัญญู คิดจะฆ่าแม้กระทั่งผู้มีพระคุณ”
“ฉันฆ่าได้ทุกคนที่ขวางทางฉัน!”
“ก็ลองดู”
ขณะซานกุ้ยนั่งอ่านหนังสืออยู่ชั้นล่าง ได้ยินเสียงปืนดังข้างบน สั่งลูกน้องให้ขึ้นไปดูตัวเองก็รีบตามไป
พอขึ้นไปที่ห้องเห็นหย่งเหวินกอดร่างโชกเลือดของไป่หลิงร้องไห้สะอึกสะอื้น บอกว่าไป่หลิงยิงตัวตาย ซานกุ้ย ถามว่าเรื่องอะไร หย่งเหวินเล่าไปร้องไห้ไปว่า
“ไป่หลิงเขาโกรธที่มีผู้หญิงโทร.มาหาผมเมื่อวานนี้ ผมก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไรเป็นเพื่อนนักเรียน แต่เขาไม่เชื่อหาว่าผมโกหก เราก็เลยทะเลาะกัน”
หย่งเหวินกุเรื่องเป็นตุเป็นตะว่า ไป่หลิงหึงตน เธอไปเอาปืนที่ใต้หมอนมาขู่ให้ตนยอมรับว่ามีอะไรกับผู้หญิงคนนั้น ถ้าไม่ยอมรับจะยิงตัวตาย เมื่อตนไม่ยอมรับเธอโกรธมือเลยไปกดไกปืนทำให้ปืนลั่น
ซานกุ้ยร้องไห้คร่ำครวญว่าทำไมไป่หลงคิดสั้นอย่างนี้ หย่งเหวินแอบมองซานกุ้ยอย่างโล่งใจที่เขาไม่สงสัยอะไร
เมื่อนำร่างไป่หลิงไปไว้ที่สุสาน หย่งเหวินร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด จนหลินหลานเซ่อต้องปลอบใจว่า
“ฉันรู้ว่านายเสียใจ แต่ไป่หลิงเขาไปสวรรค์แล้ว”
“ขี้แยฉิบ!” เพ่ยอิงสบถอย่างหมั่นไส้
เสร็จพิธีแล้ว หลินหลานเซ่อเดินลงบันไดมา มีบอดี้การ์ดเดินคุ้มกันเกือบสิบคน หย่งเหวินยืนมองจากมุมหนึ่งอย่างเกลียดชัง
ooooooo
แต่เรื่องนี้ไม่ได้จบลงแค่ที่สุสาน เพราะเมื่อเหม่ยจิงมานั่งดื่มกาแฟกับหลินที่โต๊ะในสวน เธอเอ่ยถึงเรื่องนี้ว่า
สองวันก่อน ไป่หลิงยังโทรศัพท์คุยกับตนบอกว่ากำลังเตรียมจะมีลูก แล้วอยู่ๆก็มาฆ่าตัวตายแค่เรื่องมีโทรศัพท์จากผู้หญิงมาคุยกับหย่งเหวินเท่านั้น พูดอย่างไม่น่าเชื่อว่า
“น้องไป่หลิงเขาเป็นคนมีเหตุผล ไม่น่าจะเป็นคนวู่วาม เอาแต่ใจถึงขั้นลงไม้ลงมือ” ถามหลินว่า “คุณว่าเป็นไปได้ไหมว่าเธออาจจะไม่ได้ฆ่าตัวตาย”
“ถ้าเขาไม่ฆ่าตัวตายแล้วใครจะฆ่าเขา”
“หย่งเหวินไง”
หลินถามว่าหย่งเหวินจะฆ่าเธอเรื่องอะไร เหม่ยจิง ก็ยังคิดไม่ออก เพราะดูๆไปหย่งเหวินก็รักไป่หลิงมาก นิ่งไปครู่หนึ่ง เธอถอนใจตัดบทว่า
“เดี๋ยวรอให้หย่งเหวินหายเศร้าก่อน เหม่ยจิงจะถามว่าผู้หญิงที่โทร.มาคุยนั่นเป็นใคร แล้วชอบเขาหรือเปล่า”
จงซินเข้ามาบอกหลินว่ามีเรื่องจะคุยด้วย หลินจึงให้เหม่ยจิงไปห้องน้ำก่อน
“ผมได้รับข่าวจากข้างนอกมาว่า ตอนนี้มีคนกำลังควานหาตัวว่าใครเป็นคิวบิก” หลินถามว่าเขากำลังเป็นห่วงนาคใช่ไหม “ครับ...ผมว่าคุณหลินควรจะบอกเรื่องคิวบิกให้เธอรับรู้” หลินจึงให้เขาบอกนาคมาพบตนเย็นนี้ แล้วสั่งจงซินให้ไปส่งเหม่ยจิงด้วย จงซินอึกอัก พอหลินถามว่ามีอะไรหรือ เขาก็บอกว่าเปล่า
แต่พอเดินออกไปแล้วก็บ่นอุบอิบ
“ทำไมต้องเป็นเรา?”
ooooooo










