นิยายไทยรัฐ
โบ๊เบ๊

- แนว
- :
- บทประพันธ์โดย
- :
- บทโทรทัศน์โดย
- :
- กำกับการแสดงโดย
- :
- ผลิตโดย
- :
- ช่องออกอากาศ
- :
- อื่นๆ
- นักแสดงนำ
- :
โบ๊เบ๊ ตอนล่าสุด
ขบวนเชิดสิงโตกำลังผ่านไปกลางตลาด สร้างความสนุกสนานให้กับเด็กๆได้วิ่งตาม รวมทั้งเปี๊ยก โอ่ง เฮง และหน่อน ซึ่งทุกคนเป็นเพื่อนรักกัน โอ่งจะอ้วนกว่าเพื่อนทำให้วิ่งช้า เพื่อนๆต้องคอยช่วยกันดึงลาก...
ไม่ว่าผ่านร้านค้าไหน เจ้าของร้านก็จะทำบุญให้กับขบวนสิงโต รวมทั้งร้านค้าของพ่อแม่เปี๊ยกกับพวกด้วยมีแต่เกรียงที่ต้องอยู่ร้านขายผ้ากับพ่อแม่ เพราะพ่อแม่ไม่ให้ลูกไปเกลือกกลั้วกับเด็กในตลาด
เช่นเดียวกับร้านขายผ้าของเถ้าแก่ฮิ้มกับเตียมเกียงที่ไม่ให้ตี๋ใหญ่กับตี๋เล็กลูกชายไปร่วมสนุกสนานด้วย ตี๋เล็กเบื่ออยากกลับบ้านนอน เตียมเกียงจึงให้เผยพาเด็กๆกลับ แต่เผยอยากอยู่ดูการแสดงงิ้ว แล้วเด็กๆก็งอแงจะให้แม่กลับไปนอนด้วย เตียมเกียงจึงให้เผยไปตามฮิ้มซึ่งหายไปไหนก็ไม่รู้
ฮิ้มมีเมียน้อยชื่อชบา เพิ่งจะแท้งลูก จึงเสียใจไม่อยากออกไปไหน เตียมเกียงหรือเตียมต้องเจ็บปวดเสียใจที่สามีเจ้าชู้ และต้องคอยตามดูว่าจะไปมีเมียน้อยที่ไหนอีกหรือเปล่า
เปี๊ยกกับเพื่อนๆเกาะขอบเวทีดูงิ้ว ข้างหลังตรงที่นั่งแถวหน้า ฮิ้มอยู่กับกลุ่มพ่อค้าด้วยกันกำลังดูงิ้วอย่างสนุกสนาน เปี๊ยกนึกขึ้นได้ว่านัดต้อยไว้ จึงบอกเพื่อนๆ
“ไปกันเถอะ ป่านนี้ไอ้ต้อยมันมารอแล้ว ไอ้โอ่งไปเอาหมูสะเต๊ะร้านเอ็ง ข้าจะไปเอาผัดไทยร้านแม่”
โอ่งพยักหน้า ต่างแยกย้ายกันไป แล้วมารวมตัวกันอีกทีใกล้ๆบ้านพิษณุโลก ทั้งเปี๊ยก โอ่ง เฮง และหน่อนช่วยกันตะโกนเรียกต้อย แต่ไม่มีเสียงตอบ กลับมีเสียงเด็กร้องไห้ดังขึ้น ทั้งสี่คนสะดุ้งคิดว่าผีหลอกวิ่งแตกกระเจิง...สักพัก เปี๊ยกนำทุกคนย้อนกลับมา โอ่งกลัวเดินรั้งท้ายบ่นพึม
“ไอ้เปี๊ยก ถ้าเป็นผี เอ็งรับผิดชอบนะโว้ย...”
“ไม่ใช่หรอกน่า ผีมันไม่ร้องนานแบบนี้หรอก” เปี๊ยกมั่นใจเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
ทั้งสี่คนได้เห็นเด็กทารกนอนร้องไห้อยู่บนเบาะเก่าๆข้างตัวมีช่อดอกแก้ววางอยู่...ทั้งสี่คนนั่งรอพ่อแม่เด็กกลับมา แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครมา เฮงบอกเด็กคงโดนทิ้งแล้ว โอ่งง่วงอยากกลับบ้าน แต่เปี๊ยกสงสารเด็กไม่รู้จะทำอย่างไรดี หน่อนจึงบอกให้เปี๊ยกเอาไปเลี้ยง
“ไม่ไหวหรอก บ้านข้ายากจน ต้องพาไปไว้บ้านเศรษฐี ข้ารู้แล้ว” เปี๊ยกตาเป็นประกาย
เปี๊ยกเอาเด็กใส่ตะกร้ามาวางไว้หน้าบ้านฮิ้ม แล้วแอบซุ่มดูอยู่กับเพื่อนๆจนง้วนขับรถพาฮิ้มกลับมา ง้วนลงจากรถจะมาเปิดประตูบ้าน ต้องตกใจรีบตามฮิ้มลงมาดูเอง ฮิ้มเห็นเด็กทารกเป็นเพศหญิง รู้สึกเอ็นดูจึงคิดจะเอาไปให้ชบาเลี้ยง เปี๊ยกกับพวกได้ยิน ดีใจจนเกือบเฮออกมา
เตียมได้ยินเสียงรถ จึงส่งเสียงเรียกเผย จังหวะเดียวกับที่เผยวิ่งมา เตียมเปิดประตูผางกระแทกหน้าเผยอย่างจัง “เจ็บมั้ย...”
“เจ็บสิเจ้าคะ” เผยคลำหน้าผากป้อยๆ
“สมน้ำหน้า...เมื่อกี้อั๊วได้ยินเสียงรถเถ้าแก่”
“เจ้าค่า...อิเผยกำลังจะมากราบเรียนคุณนายใหญ่อยู่ทีเดียวเจ้าค่ะ”
“ไปดูให้ตลอดรอดฝั่งสิว่าอีไปบ้านนังชบาหรือเปล่า”
เผยรับคำวิ่งแจ้นกลับไป...มาแอบฟังฮิ้มคุยกับง้วนว่าจะเอาเด็กไปให้ชบา เผยวิ่งกลับมาส่งเสียงเจื้อยแจ้ว “คุณนายใหญ่เจ้าขา คุณนายใหญ่บึ้ม อิเผยมารายงานแล้วเจ้าค่า โอ๊ย...”
พอดีเตียมเปิดประตูออกมากระแทกหน้าเผยอีกครั้ง “ซุ่มซ่าม...เถ้าแก่ล่ะ”
“มาแล้วไปแล้วเจ้าค่ะ ไปบ้านคุณนายเล็ก” เผยจีบปากจีบคอรายงาน
“โอ๊ย...อั๊วปวกจาย...” เตียมทำหน้ารันทดใจสุดๆ
“อย่าเพิ่งปวกเจ้าค่ะ ยังมีอีก เถ้าแก่มีเด็กมาด้วย เด็กจริงๆเจ้าค่ะ”
“เหล็ก!” เตียมตาเบิกโพลง
“เด็กเจ้าค่ะ ไม่ใช่เหล็ก แถมยังเข้ามาเอานมสดในตู้เย็นไปด้วยนะเจ้าคะ คงจะเอาไปให้มันกินที่บ้านนังเมียน้อยน่ะ”
เตียมกรีดเสียงร้องจนเผยต้องเอามืออุดหู...
ooooooo
ในเรือน ชบาอุ้มเด็กทารกด้วยความตื้นตันยินดีน้ำตาคลอ ข้างๆมีช่อดอกแก้ววางอยู่ ฮิ้มแปลกใจที่ตอนอุ้มมาไม่ได้กลิ่นดอกแก้ว แต่พอมาอยู่ในมือชบาแล้วได้กลิ่นหอมอบอวล
“ขอบคุณเฮียที่ทำให้ฉันกลับมามีความสุขอีกครั้ง ถึงจะไม่ได้คลอดเอง แต่ฉันก็มั่นใจว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นลูกของฉัน ขอบคุณเฮียจริงๆ”
“อั๊วดีใจที่ลื้อมีความสุข อาทิตย์หน้าอั๊วจะจัดงานใหญ่รับขวัญลูกสาวคนนี้ที่เขาจะนำความสุขมาให้เรา ลื้อต้องการข้าวของเครื่องใช้อะไรอีกก็จดไว้ พรุ่งนี้อั๊วจะให้อาง้วนไปซื้อ”
“ไม่เป็นไรหรอกเฮีย ของใช้พวกนั้นฉันยังพอมี คราวที่ ท้องยัยหนู เฮียกลับไปบ้านใหญ่เถอะค่ะ”
แต่ฮิ้มยังไม่อยากกลับ เขายังอยู่หยอกล้อกับเด็ก ดูท่า หลงรักไม่น้อย...พอกลับมาบ้านใหญ่ ต้องเจอกับอารมณ์ของเตียมที่ไม่ทันฟังเหตุผล
“ลื้อจะบ้าแล้ว อาเตียมเกียง อั๊วแก่ป่านนี้จะมีแรงไปมีเมียน้อยที่ไหนอีก แค่ลื้อกับอาชบา 2 คนก็ปวดหัวจะระเบิดอยู่แล้ว”
“แล้วอีเด็กนั่นมาจากไหน”
“ก็บอกแล้วว่า ใครไม่รู้เอามาทิ้งไว้หน้าบ้าน”
“โกหก...”
ฮิ้มอ่อนใจให้ไปถามง้วน เตียมไม่ยอม อาละวาดจนฮิ้มจะไปนอนบ้านชบา เตียมเลยฟูมฟาย
“โอ๊ย...อั๊วปวกจาย...อั๊วสู้ก่อร่างสร้างตัวทุกข์ยากลำบากแสนสาหัสมากับลื้อ มีลูกชายสืบสกุลพูนสวัสดิ์ให้ลื้อตั้งสองคน ลื้อไปเอานังชบาครูของไอ้โซ้ยตี๋มาเป็นเมียน้อย นั่งชูคออยู่ในบ้านอั๊วก็ปวกจายสุดจะทนทานอยู่แล้ว นี่ยังอุตส่าห์ไปมีลูกกับนังเมียน้อยคนไหนอีกก็ไม่รู้ ไม่ปวกจายวันนี้แล้วจะไปปวกจายวันไหน โอ๊ย...อั๊วปวกจาย...”
“หยุด...อั๊วขอพูดเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็จะไม่พูดอีก ถ้าลื้อยังไม่ยอมจบก็ออกจากบ้านนี้ไปเลย” ฮิ้มเหลืออดตวาดลั่นจนเตียมตกใจยกมือทาบอก
ฮิ้มยืนยันว่าเด็กมีคนเอามาทิ้งไว้หน้าบ้าน เตียมยังเถียงเบาๆหาว่าฮิ้มไปซื้อมา ฮิ้มเหลืออดพูดดักคอ
“ทุกอย่างที่อั๊วพูดมานี่เป็นความจริง ถ้าจะให้สาบานก็ได้ แต่ลื้อต้องสาบานด้วย ถ้าหากลื้อไม่เชื่อคอยเซ้าซี้อั๊วทั้งๆที่เป็นความจริง ก็ขอให้ลื้อ...”
“พอที...ไม่เซ้าซี้ก็ได้...แต่อั๊วก็ยังปวกจาย” เตียมห้ามเสียงแหลมก่อนจะร้องไห้โฮ ทำเอาฮิ้มถอนใจเฮือก
ooooooo
วันรุ่งขึ้น เตียมหน้าบึ้งตึงเข้ามาในห้องอาหาร ไม่เห็นฮิ้มกำลังจะตะโกนถามเผย แต่เผยถลาเข้ามาอย่างรู้กาล รายงานยุยงเต็มที่
“คุณนายใหญ่เจ้าขา เถ้าแก่ไปแล้วเจ้าค่ะ ไปเยี่ยมลูกสาวคนใหม่กับนังเมียน้อยตั้งแต่เช้าตรู่ ปล่อยให้คุณนายใหญ่โดดเดี่ยวเดียวดาย เพราะถูกทอดทิ้ง”
“โอ๊ย...อั๊วปวกจาย...”
“เท่านั้นยังไม่พอเจ้าค่ะ...”
“พอแล้ว...” เตียมตะเบ็งเสียงสีหน้าเจ็บปวดใจสุดๆ
เผยไม่หยุดยังรายงานต่อ เตียมทนไม่ไหวคว้าของตีหัวเผยโครม เผยมึนงงแต่ไม่วายขอพูดอีกนิด “ถ้าคุณนายใหญ่บึ้มไม่สำแดงอิทธิฤทธิ์ข่มนังคุณนายเล็กไว้บ้าง ซักวันมันต้องสอบได้ขึ้นชั้นเป็นคุณนายใหญ่แน่เลยเจ้าค่ะ ส่วนคุณนายใหญ่สอบตกกลายเป็นคุณนายเล็ก”
“โอ๊ย...อั๊วปวกจาย...” เตียมกรีดร้องพร้อมกับฟาดหัวเผยอีกครั้ง...
ในห้องนอน ชบาอุ้มเด็กซึ่งหลับสนิทไม่งอแง เรียมสาวใช้นั่งชื่นชมว่ารู้อยู่จริงๆไม่ทันไรได้ยินเสียงเตียมดังอยู่หน้าบ้าน
“ออกมาเดี๋ยวนี้นังเมียน้อย อย่ามัวหดหัวอยู่แต่ในกระดอง...”
เรียมถอนใจเพราะเป็นแบบนี้ประจำ ชบาให้เรียมอยู่ดูแลเด็ก ตนจะออกไปหาเตียม แล้วก็เหมือนเคย เตียมเอาแต่ด่าโดยมีเผยเป็นลูกคู่ ชบาเบื่อหน่ายเดินกลับเข้าห้องปล่อย
เตียมยืนด่าหน้าบ้านต่อไป จนฮิ้มหอบข้าวของกลับมากับ
ง้วน เผยเห็นรีบสะกิดบอกเตียม แต่เตียมกลับโวยใส่
“เอ๊ะ นังคนนี้เรียกอยู่ได้ ไปเอาไม้ขีดไฟมา อั๊วจะรมควันมันให้ออกมาให้ได้”
“ถึงขนาดจะฆ่าให้ตายกันเชียวเรอะ”
“เออ...ฮะ...ฮะ...เฮีย” เตียมชะงักหันมามอง พอเห็นฮิ้มก็หน้าเจื่อน
ฮิ้มมองด้วยสายตาเย็นชา เตียมแก้ตัวว่ามาขอเยี่ยมเด็ก แต่ชบาไม่ยอมออกมา ฮิ้มไม่เชื่อ เตียมโมโหจึงโวยวายว่าชบาแย่งความรัก แย่งทุกอย่างไปจากตน ถึงขนาดฮิ้มยังออกไปซื้อข้าวของมาให้แต่เช้า ฮิ้มเอือมระอาให้ง้วนลากเตียมกลับตึกใหญ่ไป เตียมโวยวายสาปแช่งไม่ให้ชบากับเด็กมีความสุข...ไม่วายเผยยังยุยงให้เตียมระวัง สมบัติจะถูกแบ่งไปให้เด็กที่ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขอีก ทำเอาเตียมแค้นแทบคลั่ง
ooooooo
วันต่อมา เปี๊ยกมารับจ้างตัดหญ้าให้บ้านชบา ระหว่างทางเจอป้าวิมลซึ่งเอ็นดูที่เปี๊ยกเป็นเด็กขยัน จึงบอกว่าเสร็จงานแล้วให้แวะไปเอาขนมที่บ้าน
เปี๊ยกมาถึงลากรถตัดหญ้าออกมา ชบาร้องเรียกให้เปี๊ยกเข้ามาในบ้านก่อน
“มาดูลูกสาวฉันซิเปี๊ยก” ชบาพาเปี๊ยกมาในห้องเด็ก
เปี๊ยกมองเด็กด้วยความดีใจจนเรียมทักว่าน้องน่ารักมากหรือถึงมองไม่วางตา เปี๊ยกรู้สึกตัวจึงทำเป็นถามว่าชบาคลอดตั้งแต่เมื่อไหร่ ชบาตอบว่า นกกระสาคาบมาให้เมื่อคืน เปี๊ยกมองชบายิ้มๆเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าเด็กมาจากไหน เปี๊ยกถามชบาว่าเด็กชื่ออะไร
“จริงสิ ยังไม่ได้ตั้งเลย เรียกกันแต่ ยัยหนู...”
“ชื่อดอกแก้วสิครับ” เปี๊ยกนึกถึงช่อดอกแก้วที่วางอยู่ในเบาะเด็กตอนที่เขาเจอ
ชบาแปลกใจว่าเปี๊ยกคิดชื่อนี้ได้อย่างไร เปี๊ยกรีบแก้ตัวว่า เห็นน้องตัวขาวเหมือนดอกแก้ว เรียมเห็นด้วย ชบาชอบใจให้เด็กชื่อดอกแก้วตามที่เปี๊ยกตั้ง
ขณะที่เปี๊ยกกำลังตัดหญ้า เผยมาเรียกให้ไปพบเตียมเพื่อให้เตียมซักถามว่าฮิ้มอยู่ที่บ้านชบาใช่ไหม เปี๊ยกตอบว่าไม่เห็น เผยยุเตียมไม่ให้เชื่อ หาว่าเปี๊ยกโกหกเพราะเข้าข้างชบา
“โอ๊ย คุณนายครับ ผมแค่มาตัดหญ้า ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นครับ”
“ไอ้ผู้ร้ายปากแข็ง” เผยชี้หน้าว่าเปี๊ยก
“งั้นป้าไปดูเองสิ คนไม่เห็นจะบอกว่าเห็นได้ยังไง พิลึกคน”
“ไอ้เปี๊ยก ลื้อเรียกใครว่า ป้า...”
“ก็เรียกป้าเผยนั่นแหละ ผมกลับล่ะครับคุณนายใหญ่ ต้องรีบตัดหญ้าให้เสร็จจะได้ไปช่วยแม่ขายของ” เปี๊ยกยกมือไหว้ เตียมแล้ววิ่งกลับไป เตียมเต้นผางหาว่าเปี๊ยกจองหอง
เปี๊ยกเดินออกมาจากบ้านใหญ่ เจอตี๋เล็กกับตี๋ใหญ่กำลังตีแบดฯกันอยู่ ตี๋เล็กไม่ชอบขี้หน้าเปี๊ยกจึงหาเรื่อง ตี๋ใหญ่ต้องห้าม ตี๋เล็กจึงไปฟ้องเตียมว่าเปี๊ยกจะต่อยและตี๋ใหญ่เข้าข้างเปี๊ยก เตียมจึงเอ็ดตี๋ใหญ่แล้วตามมาเอาเรื่องเปี๊ยก แต่เปี๊ยกทำงานเสร็จกลับไปก่อน เตียมโวยวายใส่ชบาแทน ห้ามเปี๊ยกเข้ามาในบ้านอีกเพราะเกเร แต่ชบาไม่เชื่อ เตียมโกรธหาว่าชบาว่าตี๋เล็กเป็นเด็กเกเรเอง
ไม่ทันหายโกรธ ฮิ้มมาขอจะใช้บ้านใหญ่จัดงานทำบุญรับขวัญดอกแก้ว เตียมไม่พอใจให้ไปจัดที่บ้านชบา แถมประชดถ้าบ้านเล็กก็เลี้ยงพระแค่สี่รูป แล้วสวดอภิธรรมไปเลย
ฮิ้มหนักใจแต่จับจุดเตียมได้ว่าต้องยกยอจึงบอกว่า
“อาเตียมเกียง ลื้อเป็นเมียใหญ่ ลื้อต้องแสดงความใจกว้าง มีเมตตากรุณาต่อผู้น้อย ผู้คนเขาจะได้สรรเสริญเยินยอ...ลื้อหน้าใหญ่อยู่แล้วนี่”
เตียมกำลังฟังเพลินๆต้องสะดุ้ง“ลื้อหมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่าลื้อชอบจัดบ้านสวยๆ คราวนี้จะได้ถือโอกาสแสดงฝีมือเสียเลย” ฮิ้มเยินยอต่อ เตียมเริ่มคล้อยตาม
ooooooo
ถึงวันทำบุญ ฮิ้มอุ้มดอกแก้วยืนเคียงข้างชบาช่วยกันใส่บาตร โดยมีเรียมและเปี๊ยกช่วยหยิบส่งของ คนใช้ในบ้านยืนเรียงแถวชื่นชม เผยเห็นแล้วขัดตา ถลามาฟ้องเตียม
“คุณนายใหญ่บึ้มเจ้าขา คุณนายใหญ่บึ้ม”
“หยุด ไม่ต้องพูด อั๊วปวกจาย...”เตียมกำลังหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่
เผยไม่หยุด ลอยหน้าฟ้องว่า ฮิ้มอุ้มดอกแก้วตักบาตรกับชบาหน้าระรื่น แถมยังบังคับให้ตี๋ใหญ่ตี๋เล็กไปร่วมด้วย เตียมเดือด ลุกขึ้นประโคมแต่งหน้า แต่งตัวใส่เครื่องประดับหวังข่มชบา
ส่วนชบาแต่งตัวเรียบร้อย และแต่งให้ดอกแก้วอย่างน่ารักน่าเอ็นดู พามากราบหลวงพ่อขอศีลขอพร หลวงพ่อชมว่าชื่อดีและอวยพรให้มีความสุขความเจริญ ไม่ทันไร เตียมเดินเฉิดฉายเข้ามานั่งแทรกกลางระหว่างฮิ้มกับชบา
“เจริญพรค่ะ ท่านเจ้าคุณ”
“เจริญพรน่ะ อาตมาเป็นคนพูด”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แบ่งๆกันพูดบ้าง ท่านเจ้าคุณอ้วนท้วนแข็งแรงดีนะเจ้าคะ”
ฮิ้มกระแอมเบาๆให้เตียมหยุดพูด แต่เตียมไม่สนใจยังเรียกลูกชาย “อาตี๋ใหญ่ มาทางนี้ ลูกชายคนโตของอั๊ว เอ๊ย...อิฉัน ชื่อจริงชื่อโกวิทไงเจ้าคะ ปีนี้โตขึ้นตั้งเยอะ รูปหล่ออีกด้วย ท่านจำได้หรือเปล่าเจ้าคะ”
“จำได้...”
ฮิ้มกระแอมพร้อมสะกิดให้เตียมหยุด แต่เตียมไม่สนใจกลับบอกหลวงพ่อว่ายังมีลูกชายคนเล็กอีกคนหล่อมากขึ้นไปอีก แล้วให้เผยไปตามตี๋เล็กมา เผยคลานออกไป เตียมเจื้อยแจ้วต่อ
“อิฉันปรึกษากับเฮียตั้งนานแล้วว่าจะทำบุญบ้าน แต่ก็ไม่ได้ฤกษ์สักที จนกระทั่งวันนี้แหละเจ้าค่า...”
เผยมาตามตี๋เล็กบนห้อง ตี๋เล็กไม่ยอมไปแถมบ่นว่า “ไม่อยากเห็นหน้านังเมียน้อยกับนังเด็กข้างถนน”
“นี่ มันต้องยังงี้...” เผยเห็นดีเห็นงามด้วย
ตี๋ใหญ่ตามเข้ามาได้ยิน เอ็ดตี๋เล็กที่เรียกชบาซึ่งเป็นครูพวกเขามาก่อนอย่างนั้น ตี๋เล็กไม่เชื่อฟัง ตี๋ใหญ่ขู่จะฟ้องเตี่ย ตี๋เล็กกลัวยอมตามออกไป เผยรีบลุกตาม อารามรีบทำให้สะดุดธรณีประตูล้มกลิ้งไม่เป็นท่า
พระกำลังสวด แขกที่มาในงานนั่งพนมมือฟังเทศน์ เตียมกับชบานั่งขนาบข้างฮิ้มคนละข้าง ตี๋เล็กถูกพี่ชายดันหลังให้เข้ามานั่งข้างเตียม...ด้านนอก พ่อแม่ของเปี๊ยกกับพ่อแม่เพื่อนๆมาช่วยจัดอาหารเตรียมถวายพระ เปี๊ยกช่วยคนงานยกเข้าไปในบ้านเพราะอยากเห็นดอกแก้ว แล้วเข้าไปนั่งพนมมือข้างเรียม เกรียงกับพ่อแม่ มองเปี๊ยกด้วยสายตาเหยียดหยาม
พอพระสวดเสร็จ ส่งที่กรวดน้ำ 3 ชุดให้ เตียมใช้ความไวส่งต่อไปข้างหลังให้แขก และเก็บไว้เองหนึ่งชุด ตี๋ใหญ่เห็นคว้ามาได้หนึ่งชุด หันมากรวดน้ำกับชบาและเปี๊ยก เตียมถลึงตาใส่ตี๋ใหญ่ทำไม่รู้ไม่ชี้ จากนั้น ฮิ้มก็เรียกชบาให้อุ้มดอกแก้วมาใกล้ๆ เตียมไม่พอใจเรียกมาทำไม
“ก็เรียกมารับน้ำมนต์น่ะสิ วันนี้เป็นวันของดอกแก้ว อั๊วจัดงานรับขวัญอี”
เตียมผงะหน้าชา ชบาอุ้มดอกแก้วมารับน้ำมนต์ด้วยความปีติ หลังจากนั้น เรียมพาดอกแก้วมานอนในห้องพักผ่อน แล้วรู้สึกหิวข้าว เห็นว่าดอกแก้วหลับแล้วจึงค่อยๆย่องออกมา สวนกับตี๋เล็กที่หน้าบึ้งตึงถามว่าเข้ามาทำอะไร เรียมจึงอ้างฮิ้มว่าให้พาดอกแก้วเข้ามานอน ตี๋เล็กไม่พอใจ พอเห็นเรียมเดินไปก็ย่องเข้ามาดูดอกแก้วในห้อง
ขณะที่มองดอกแก้วหลับตาพริ้ม คำพูดต่างๆของเตียมกับเผยที่พร่ำบอกว่า ดอกแก้วจะมาแย่งสมบัติที่เขากับตี๋ใหญ่จะได้ไป และเพราะดอกแก้วกับชบาที่ทำให้เตียมเจ็บปวดเหมือนโดนน้ำกรดราดบนดวงใจ เสียงเตียมดังก้องในโสตประสาท
“ม้าปวกใจ...ปวกจนอยากตายไปให้พ้นๆ ม้าทนอยู่ร่วมโลกกับมันไม่ได้ โซ้ยตี๋ต้องเกลียดมัน อาฆาตพยาบาทมันที่ทำให้ม้าปวกใจนะลูกนะ”
เสียงเผยซ้อนขึ้นมาว่า ต้องกำจัดมัน ตัวเล็กๆแค่นี้เอาผ้าอุดปากอุดจมูกก็ซี้แล้ว ตี๋เล็กมองไปเห็นหมอนจึงหยิบขึ้นมาหวังจะทำตามที่ถูกเสี้ยมสอน พอดีเตียมเห็นตี๋เล็กหายไปจึงมาตามหากับเผย...เปี๊ยกเห็นเรียมทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อย นึกเป็นห่วงดอกแก้วจึงอาสาไปดูแลแทนให้
เตียมกับเผยเห็นตี๋เล็กกำลังจะเอาหมอนปิดหน้าเด็ก เผยรีบยุให้จัดการเลย แต่เตียมเห็นว่าน่าจะเป็นหน้าที่ของตนจึงรั้งไว้ “เอามานี่ ม้าจัดการเอง”
เปี๊ยกเข้ามาพอดีร้องห้าม ทั้งสามคนสะดุ้ง เปี๊ยกถามจะฆ่าคุณหนูหรือ เล็กหันมาตบหัวเปี๊ยกย้อนถามว่า“แล้วเอ็งจะทำไม หน็อย...เรียกซะสูงส่งว่าคุณหนู ที่แท้ก็ไอ้แค่เด็กข้างถนน”
“คุณหนูไม่ใช่เด็กข้างถนน”
เตียมตบเปี๊ยกกระเด็น“นี่แน่ะ คำหนึ่งก็คุณหนู สองคำก็คุณหนู หมั่นไส้คันไม้คันมือมานานแล้ว”
เปี๊ยกร้องไห้จะไปฟ้องฮิ้ม เผยท้าให้ไปฟ้องเลย เตียมชะงักเอ็ดเผยที่ไปท้า แล้วหันมาชี้หน้าเปี๊ยก“ลื้อฟ้องได้ฟ้องไป อั๊วมีกันสามคน แล้วก็เป็นลูกเป็นเมียด้วย คอยดูแล้วกันว่าเฮียจะเชื่อใคร”
“คุณนายโกหกเก่ง ใส่ร้ายคนเก่ง จำใส่กะลาหัวไว้ด้วย” เผยโอ้อวดเจ้านาย
เตียมสะดุ้งหันมาตวาดเผยให้เงียบ แล้วขู่เปี๊ยกว่าจะทำให้ไม่มีวันได้กลับมาเหยียบบ้านนี้อีก ก่อนจะเดินออกไป ตี๋เล็กกับเผยเดินตาม เปี๊ยกเข้ามาอุ้มดอกแก้วที่ร้องไห้จ้าอย่างทุลักทุเลพาออกไปหาชบา บอกว่าพวกคุณนายใหญ่จะฆ่าดอกแก้ว ทุกคนที่ได้ยินพากันตกใจ ฮิ้มเดินนำชบา เปี๊ยกและเรียมเข้ามาหาเตียมกับตี๋เล็กและเผยในบ้าน
“อาเตียมเกียง ไอ้เปี๊ยกมันบอกว่าลื้อจะเอาหมอนอุดจมูกดอกแก้ว”
“โกหก...ไอ้เปี๊ยก ลื้อใส่ร้ายอั๊วทำไม คนจิตใจดีมีเมตตาสูงอย่างอั๊วเรอะจะกล้าทำยังงั้น โธ่เอ๊ย...แม้แต่มดสักตัวอั๊วยังไม่กล้าบี้เลย นับประสาอะไรกับทารกน้อยๆผู้น่าสงสารนี่”
“จริงเจ้าค่ะ อีเผยเป็นพยานได้ เรื่องเลวๆแบบนี้ เรื่องชั่วๆแบบนี้ เรื่อง...”
เตียมสะดุ้งแล้วสะดุ้งอีกจนต้องขึ้นเสียง“พอ...อีเผย...อาเปี๊ยก เป็นเด็กเป็นเล็กไม่น่าโกหก ก็ลื้อนั่นแหละที่จะฆ่าดอกแก้ว”
ทุกคนหันมามองเปี๊ยก ตี๋เล็กกับเผยช่วยกันยืนยันว่าจริง ฮิ้มไม่ทันคิดโกรธจัดปรี่เข้าตบเปี๊ยกล้มคว่ำ แล้วตามไปจิกหัวชบารีบเข้ามาห้ามบอกว่าตนไม่เชื่อว่าเปี๊ยกจะทำ เตียมโวยหาว่าโทษตน ฮิ้มถามชบาว่ามีพยานตั้งสามคนทำไมไม่เชื่อ ชบาตอบว่าเพราะเป็นสามคนนี้ตนถึงไม่เชื่อและไม่มีหลักฐาน เป็นแต่เพียงข้อกล่าวหา ฮิ้มชะงักกับท่าทางเอาจริงเอาจังของชบา
“เฮียก็เหมือนกัน ทำไมฟังความข้างเดียว เปี๊ยกมันอุ้มดอกแก้วออกไปข้างนอก คนจะฆ่าจะแกงกันเขาจะทำยังงั้นเหรอ แค่ก้มลงปิดจมูกก็ไม่รอดแล้ว ทำไมเฮียไม่ถามว่า เจ๊กับอุดมแล้วก็เผยเข้ามาในห้องทำไม ใครมาก่อนมาหลัง ทำไมไม่ถามให้รู้เรื่อง”
เตียมเริ่มหวั่นๆทำเป็นโวยวายว่าชบาหาว่าลูกเมียของฮิ้มโกหก ชบายืนยันว่าไม่ได้กล่าวหาใคร เพียงแค่อยากรู้ว่าใครเข้ามาในห้องก่อน คนนั้นคือคนที่จะฆ่าดอกแก้ว ชบาหันมาถามเปี๊ยกที่ยืนน้ำตาคลอ เปี๊ยกไม่ทันตอบ เตียมก็โวยวายอีกว่าถามคนร้ายที่ไม่มีพยานได้อย่างไร พลันมีเสียงดังขึ้นมา“อาฮิ้ม...อาฮิ้ม อั๊วจะหาอาฮิ้ม...”
ทุกคนสะดุ้ง หันไปมองเห็นอาซิ่มลุกจากเก้าอี้ผ้าใบที่อยู่มุมหนึ่ง ค่อยๆกระย่องกระแย่ง ฮิ้มโผเข้าประคอง ซิ่มหยุดเดินถามว่าฮิ้มมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร
“อั๊วกลัวลื้อหกล้ม ก็เลยมาช่วยจูง”
“พูดยังกับอั๊วเป็นคนแก่”
ฮิ้มถามว่าซิ่มลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ซิ่มบอกว่ามานั่งตรงนี้นานแล้ว ได้ยินเถียงกันหนวกหู ชบานึกได้รีบถามซิ่มว่าเห็นไหมว่าใครเข้าไปในห้องก่อน ซิ่มตอบว่าเห็น เตียมรีบขัดว่าซิ่มแก่แล้วพูดจาไม่รู้เรื่อง ซิ่มโกรธชี้หน้าเตียมกับลูกว่าเป็นคนเข้าไปในห้องก่อน ส่วนเปี๊ยกเข้าไปทีหลัง ทั้งเตียม ตี๋เล็ก และเผยหน้าเจื่อน ในขณะที่เปี๊ยกรู้ว่าตนพ้นผิดแต่น้อยใจเดินออกไปเงียบๆ ชบาวิ่งตามไปขอโทษแทนฮิ้ม เปี๊ยกน้ำตาไหลไม่โกรธชบาแต่เตือนให้ระวังเตียมกับพวก ชบามองเปี๊ยกด้วยความเวทนา
เห็นชบาเดินกลับมา ฮิ้มรีบถามถึงเปี๊ยก ชบาตำหนิว่าฮิ้มทำรุนแรงโดยไม่สอบสวน ฮิ้มรู้ว่าตัวผิดจึงบอกว่าจะให้เงินทำขวัญ ชบามองฮิ้มอย่างผิดหวัง
“เฮียไม่ควรดูถูกเขา คนบางคนเงินก็ซื้อไม่ได้”
“อั๊วเห็นซื้อได้ทุกคน ยิ่งไอ้เปี๊ยกตัวเท่าลูกหมา...อ้าว...นั่นลื้อจะไปไหน”
ชบาทนฟังไม่ไหวขอตัวไปดูดอกแก้ว
ooooooo
วันเวลาผ่านไป ดอกแก้วอายุ 5 ขวบ วิ่งมาด้านหลังปิดตาเปี๊ยกซึ่งนั่งอ่านตำราเรียนอยู่ริมคลองมหานาค แล้วให้ทายว่าใครเอ่ย เอิงเอิงเอย เปี๊ยกวางหนังสือลงยิ้มนิดๆ
“พี่เรียมใช่ไหมเอ่ย เอิงเอิงเอย”
ดอกแก้วหัวเราะคิกคัก บอกว่าผิดให้ทายใหม่ เปี๊ยกจับมือเล็กๆที่ปิดตาเขาแล้วทายใหม่ว่า ดอกแก้วเอิงเอิงเอย ดอกแก้วตบมือดีใจอย่างน่ารักน่าเอ็นดู เปี๊ยกถามว่าจะไปไหน ดอกแก้วบอกว่าแม่ให้สตางค์ไปซื้อหมูสะเต๊ะ เปี๊ยกจึงจูงพาไป แต่ดอกแก้วงอแงจะขี่คอเปี๊ยก เรียมให้ขี่คอตนแทนก็ไม่เอา เปี๊ยกจึงย่อตัวลงให้ดอกแก้วขี่ไปตลาด...ตลอดทาง ผู้คนในตลาดทักทายดอกแก้วกับเรียม เพราะมาตลาดบ่อยๆ
เหมยเดินถือห่อก๋วยเตี๋ยวสองสามห่อพร้อมโอเลี้ยงผ่านมา ทักทายเปี๊ยกกับดอกแก้ว แล้วหันมากระซิบกับเรียม ว่าให้ดอกแก้วขี่คอเปี๊ยกได้อย่างไร ทั้งที่เปี๊ยกเป็นผู้ชาย เรียมว่าเหมยคิดอกุศล เหมยจึงบอกว่าถ้าฮิ้มรู้จะต้องไม่พอใจแน่...พอมาถึงร้านหมูสะเต๊ะของโอ่ง ซึ่งกำลังปิ้งหมูจนหน้ามัน เปี๊ยกขอให้ดอกแก้วลงมายืนเองก่อน เขาจะช่วยโอ่งปิ้ง โอ่งลืมตัวเผลอพูดว่า
“คุณหนูนี่มีบุญจริงๆเลย ใครจะไปคิด...”
เปี๊ยกจุ๊ปากทันที “สัญญากันแล้วว่าห้ามพูด”...โอ่งนึกได้ปิ้งหมูไปเงียบๆ
ร้านค้าอีกมุมเป็นร้านของหมวยกับแม่ซึ่งขายขนมหวาน มีเส็ง นักเลงคุมตลาดมาจีบโดยเหมาขนมให้ลูกน้องกินจนแทบอ้วก เสียง...แม่ของเปี๊ยกซึ่งขายผลไม้อยู่ข้างร้าน มีหงวนเป็นผู้ช่วย หงวนเห็นคนของเส็งทำท่าจะอ้วกก็เตือนว่าเดี๋ยวจะจุกตายเสียก่อน เส็งได้ยินไม่พอใจ แม่หมวยรีบใส่ไฟว่าคงอิจฉาท่ีเห็นร้านตนขายดิบขายดี เสียงเตือนหงวนอย่าไปยุ่งกับพวกนั้น แต่เส็งเรียกลูกน้องมาให้เอาเรื่อง เปี๊ยกจูงดอกแก้วเดินมาพอดี จึงถามแม่ว่า “หมาเห่าหรือแม่”
“ไอ้เปี๊ยก เอ็งว่าใครหมา” เส็งหันมาโวย
เปี๊ยกให้เรียมพาดอกแก้วกลับไปก่อน เส็งล้อว่าเปี๊ยกเลี้ยงต้อย เปี๊ยกไม่พูดพล่ามชกหน้าเส็งเลือดกบปากทันที ดอกแก้วตบมือเชียร์ หมวยรีบห้ามกำชับถ้ามีเรื่องตนจะโกรธ เส็งจำต้องสงบ แต่มองเปี๊ยกด้วยสายตาอาฆาต...
เหมยกลับมาฟ้องฮิ้มเรื่องดอกแก้วขี่คอเปี๊ยก ฮิ้มคุยกับชบา แต่ชบาไม่ถือสาเพราะเห็นว่าเปี๊ยกเป็นคนดี พอดีดอกแก้วกลับมาวิ่งมากอดฮิ้ม ฮิ้มถามไปไหนมา ดอกแก้วตอบตามประสาเด็กว่าไปดูเปี๊ยกต่อยเส็งเลือดกบปากแดงแจ๋ ชบาตกใจรีบสอนดอกแก้วไม่ให้เรียกใครว่าไอ้ อี ฮิ้มสั่งเรียมจะพาดอกแก้วไปไหนให้มาขออนุญาตก่อน ดอกแก้วทำหน้างอน ชบาเอ็ดดอกแก้วไม่ให้ทำหน้าแบบนั้นใส่เตี่ย ฮิ้ม ยิ้มไม่ถือสาเพราะเอ็นดูความน่ารักของดอกแก้ว...
ooooooo
วันต่อมา เปี๊ยกกลับจากโรงเรียนรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าจะไปช่วยแม่ขายของที่ตลาด แต่ถูกเกรียงกับพวกหาเรื่องระหว่างทาง เปี๊ยกชกเกรียงปากแตก เกรียงให้พวกจับเปี๊ยกไว้แล้วตนชกท้องเปี๊ยกหลายทีจนจุกอย่างมีแผน
เฮงประคองเปี๊ยกมาที่กระท่อม ที่เพื่อนๆคือ ต้อย โอ่ง และหน่อนรออยู่อย่างกระวนกระวาย แต่พอรู้ว่าเปี๊ยกถูกเกรียงทำร้ายก็จะไปเอาคืน เปี๊ยกห้ามไว้ ในขณะที่เกรียงกลับมาฟ้องพ่อกับแม่ว่าถูกเปี๊ยกทำร้าย แม่เกรียงโกรธไปต่อว่าเสียงถึงบ้านให้ลงโทษเปี๊ยก มิฉะนั้นจะเอาเรื่องถึงโรงเรียนให้โดนไล่ออก เกรียงให้ลงโทษต่อหน้า แต่เปี๊ยกยังไม่กลับมา ทั้งสองจึงรอ พอต้อยมาส่งเปี๊ยกที่หน้าบ้าน เขายืนมองจนเปี๊ยกเข้าบ้าน จึงได้ยินในบ้านเอ็ดตะโรใส่เปี๊ยก ต้อยเห็นเสียงตีเปี๊ยกตามที่เกรียงสั่ง ให้ตีที่ขาจนแตกเลือดไหลจึงพอใจ ต้อยเจ็บแค้นแทนเปี๊ยก
ตกดึก เสียงมาปลอบเปี๊ยกว่าที่ตนต้องลงโทษเพราะไม่อยากให้เรื่องถึงโรงเรียนจนโดนไล่ออก เปี๊ยกกอดแม่ร้องไห้อย่างเข้าใจ เสียงขอให้เปี๊ยกแผ่เมตตาอย่าผูกใจเจ็บ อีกแค่เทอมเดียวเปี๊ยกก็จะจบแล้ว
วันรุ่งขึ้น เปี๊ยกกำลังจะไปโรงเรียน โอ่งมาดึงตัวไปที่กระท่อม เห็นเกรียงถูกจับมัดอยู่เป็นฝีมือต้อยที่อยากให้เปี๊ยกเอาคืน แต่เปี๊ยกจำคำสอนของแม่จึงให้อภัยและแก้มัดให้เกรียง ทั้งที่เพื่อนทุกคนฮึ่มๆจะเล่นงาน เกรียงซึ้งในน้ำใจเปี๊ยก สาบานว่าจะไม่บอกใครเรื่องนี้และขอเป็นเพื่อนร่วมก๊วน เปี๊ยกให้เกรียงสาบานว่า “เอ็งเคยพูดหน้าชั้นว่าอยากเป็นตำรวจ ถ้าเอ็งผิดคำพูดก็ขอให้เอ็งไม่ได้เป็นตำรวจ แต่เป็นผู้ร้ายถูกตำรวจยิงตายแทน”...เกรียงกลืนน้ำลายเอื๊อก
ooooooo
เวลาผ่านไป ทุกคนโตเป็นหนุ่มเป็นสาว...เปี๊ยกยืนบนโต๊ะกลางตลาด แวดล้อมด้วยเข่งลำไย เขาโยนพวงลำไยให้ผู้คนที่ยืนมุงได้ชิมกันถ้วนหน้า พร้อมกับโฆษณาว่ากะโหลกชมพูหวานกรอบ
พลันมีเสียงแหลมขึ้นมาว่า “เจ็กแปะ...หนึ่งร้อยบาท ลำไยเข่งนั้นเป็นของฉัน”
เปี๊ยกชะงักหันมามอง พอเห็นเป็นดอกแก้วก็โกรธสุดๆ แต่ดอกแก้วกลับยิ้มหวานสีหน้าไม่สะทกสะท้าน จ้องตาเปี๊ยกกลับ มือก็แกะลำไยส่งเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ...ง้วนกับเรียมวิ่งมาเรียก
“คุณหนู...”
เปี๊ยกเบนสายตามามองง้วนกับเรียมอย่างตำหนิ แล้วหันไปเอ็ดดอกแก้วให้หยุดกินลำไย ดอกแก้วสะดุ้งลำไยหล่น น้ำตาคลอที่เปี๊ยกขึ้นเสียงเอ็ด เปี๊ยกเห็นน้ำตาดอกแก้วก็ใจอ่อนยวบลง
“มันแสลงรู้มั้ย คุณหนูกำลังไม่สบาย กินเข้าไปมากๆเดี๋ยวไข้กลับอีกหรอก”
“ไม่มากหรอกพี่เปี๊ยก ดอกแก้วกินนิดเดียวเอง” ดอกแก้วยิ้มออกมาได้
ทุกคนมองดอกแก้วกับเปี๊ยกสลับไปมา เปี๊ยกมองทุกคนเชิงให้ทำงานไปตามปกติ แล้วดึงดอกแก้วเดินออกไป เถ้าแก่เดินมาถามว่าจะไปไหน เปี๊ยกตอบว่าเดี๋ยวมา เถ้าแก่ไม่ว่าอะไรเพราะรู้ว่าเปี๊ยกทำงานมีความรับผิดชอบดี
เปี๊ยกดึงดอกแก้วออกมานอกตลาด ง้วนกับเรียมวิ่งตามมาถึง ง้วนสะกิดให้เรียมเป็นคนพูด เรียมจึงบอกเปี๊ยกให้ปล่อยมือจากดอกแก้ว แล้วตำหนิว่าทำไมต้องจับมือ เดินเฉยๆก็ได้ แต่เปี๊ยกกลับหงุดหงิดต่อว่าง้วนกับเรียม “พาคุณหนูมาทำไม ที่นี่มันไม่สมควรจะพามา”
“คิดว่าอั๊วอยากพามานักรึไง คุณหนูนั่นแหละบังคับให้พามา” ง้วนตอบแทนเรียมที่อ้าปากค้าง
ดอกแก้วจึงบอกว่า ตนมาเพราะอยากได้ลำไยไปฝากเตี่ย เปี๊ยกจึงดุว่าอยากได้ก็ให้คนมาบอก เขาจะเอาไปส่งให้ถึงบ้าน ดอกแก้วเถียงไม่ออก เปี๊ยกจึงให้เรียมกับง้วนพาดอกแก้วกลับไป แต่ดอกแก้วงอแงจะเอาลำไยวันนี้
“คุณหนูครับ เปี๊ยกเขาต้องเปียลำไย อีกอย่าง คุณหนูก็ยังไม่หายเลย เมื่อกี้ไปหาหมอได้ยามาตั้งเยอะ” ง้วนเตือน
เปี๊ยกมองดอกแก้วอย่างตำหนิ ดอกแก้วเสียงอ่อยว่าจะเอาไปฝากเตี่ยไม่ได้กินเอง เปี๊ยกตัดบทให้ไปรอที่รถ เดี๋ยวเขายกไปให้
ถึงบ้าน ง้วนยกเข่งลำไยลงจากรถ เผยเห็นรีบร้องเรียกเตียมมาดู แล้วตัวเองก็เข้าไปแกะลำไยกินตุ้ยๆอย่างไม่เกรงใจ เตียมลองชิมรู้ว่าอร่อยจริง ถามง้วนใครเอามาให้ ง้วนบอกว่าดอกแก้วซื้อมาฝากฮิ้ม เตียมชะงักหยุดกิน เผยไม่สะทกสะท้านบอกเตียมจะของใครก็กินๆเข้าไป ง้วนตบแขนเผยให้หยุดกินเพราะเป็นของเจ้านาย
“แล้วทำไมคุณนายใหญ่กินได้ แต่ฉันรับประทานไม่ได้” เผยแถไปเรื่อย
เตียมใช้พัดตบหัวเผยที่ตีเสมอ “เพราะอั๊วเป็นคุณนายใหญ่ไง อิเผย”
เตียมสั่งง้วนให้ยกเข่งลำไยเข้าไปในบ้าน เผยทำทีบ่นว่าแปลกที่ดอกแก้วซื้อลำไยมาฝากฮิ้ม เตียมไม่เข้าใจว่าแปลกตรงไหน
“ก็หวังจะฮุบมรดกน่ะสิเจ้าคะ จะมีอะไรอีก ไม่ว่าใครก็หว่านพืชหวังผลทั้งนั้น”
“ลีมากอิเผย อั๊วเลี้ยงลื้อเหมือนเลี้ยงบ่างเลยจริงๆ ช่างยุล่ายใจลีนัก” เตียมเอาพัดตีหัวเผยอีกครั้งอย่างหมั่นไส้
เผยมาเรียกดอกแก้วที่บ้าน ชบาบอกว่าดอกแก้วนอนหลับ เผยไม่เชื่อ เรียมไม่พอใจ ล้อเลียนเสียงเตียมถามว่าจะทำไม เผยเต้นผางที่มาล้อเลียนเจ้านายจะกลับไปฟ้อง เรียมจึงดักคอว่าอย่าลืมใส่สีตีไข่ด้วย เผยสะบัดหน้ากลับไป...ไม่วายที่เผยจะใส่สีตีไข่จนเตียมโกรธจะไปเอาเรื่อง
พอดีมีรถแท็กซี่มาจอดหน้าตึก เตียมกับเผยหยุดมองงงๆ คนขับลงมายกกระเป๋าใบใหญ่มาวาง คนที่ลงจากรถมาดูเนี้ยบไปทั้งตัว เตียมตาโตร้องเรียกด้วยความดีใจ “อาโซ้ยตี๋...”
“คุณชายเล็กหล่อลากดินเลยเจ้าค่ะ”
เตียมแปลกใจถามไหนบอกจะกลับพรุ่งนี้ ตี๋เล็กเข้ามากอดเตียม เผยเตือนว่าเตียมไม่ไปบ้านเมียน้อยแล้วหรือตี๋เล็กหันมาตวาดเผย
“ไปทำไม ลื้อนี่ชอบพาแม่อั๊วไปสู่ที่ต่ำนัก” ตี๋เล็กพาเตียมกลับเข้าบ้าน
เผยมองหลังคาบ้านชบากับบ้านใหญ่ ด้วยความงง เห็นสองชั้นเท่ากัน...เตียมซักถามตี๋เล็กว่าเรียนจบแล้วไม่เห็นเอาปริญญามาให้ดูบ้างเลย ตี๋เล็กท่าทางอึกอักแล้วบอกว่า
“อ๋อปริญญายังมาไม่ถึงครับม้า”
“อ้าว...แล้วมังมัวไปอยู่ที่ไหน ถึงล่ายยังมาไม่ถึง”
ตี๋เล็กเริ่มหงุดหงิดบอกว่าจะส่งมาทีหลัง เตียมยังถามอีกทำไมมาพร้อมกันไม่ได้ ตี๋เล็กตัดบทเรียกให้ใครหาน้ำมาให้ แล้วขอตัวไปนอนพัก เผยลากกระเป๋าตาม ตี๋เล็กหันมาตวาดให้เอาไปซักให้หมด เผยตกใจที่เสื้อผ้าทั้งกระเป๋ายังไม่ได้ซัก
ครุ่นคิดนอนก่ายหน้าผาก จะบอกฮิ้มอย่างไรดีที่เรียน ไม่จบกลับมา ตี๋เล็กตัดสินใจต้องให้เตียมช่วย เขาลุกขึ้นบิดขี้เกียจ พลันมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นดอกแก้วถือหนังสือเรียนไปนั่งอ่านใต้ต้นไม้หน้าเรือนชบา เขารู้สึกว่าสวยถูกใจ
เตียมกำลังสั่งเผยไปจ่ายตลาด ด้วยความที่เผยเขียนหนังสือไม่เป็นจึงใช้วิธีวาดรูปของที่สั่ง เตียมสั่งขาหมูหมั่นโถว เผยพยายามวาดรูปขาหมู พอสั่งเป็ดย่าง เผยก็วาดรูปเป็ด เตียมย้ำ
“วากให้เหมืองเป็กนะ อย่าให้เหมืองคราวก่อน ลื้อวาดเป็ดเหมืองไก่แล้วไปซื้อไก่มา”
ตี๋เล็กเดินมาพอดี เตียมจึงถามว่าอยากกินอะไร ตี๋เล็กมองกระดาษในมือเผยอย่างงงๆ เตียมจึงบอกว่าเผยเขียนหนังสือไม่เป็นใช้วาดรูปเอา ตี๋เล็กไม่สนใจกลับถามถึงผู้หญิงที่เรือนชบา เตียมสงสัยว่าคือดอกแก้ว ตี๋เล็กยิ้มในหน้า
“นึกแล้ว...ไม่ได้เห็นเสียหลายปี มันโตเป็นสาวแล้ว สวยดีเสียด้วย”
“ตาเถร...” เผยอุทาน
ตี๋เล็กว่าต้องไปทักทายเสียหน่อย เขาเดินไปไม่ฟังเสียงทัดทานของเตียม...ตี๋เล็กถือกล่องช็อกโกแลตมายื่นให้ดอกแก้ว เขากระแอมเบาๆ ดอกแก้วเงยหน้ามองงงๆ ตี๋เล็กยิ้มกรุ้มกริ่ม
“พี่อุดมไง จำได้มั้ย...”
ดอกแก้วยกมือไหว้ ภาพในอดีตที่ตี๋เล็กเคยแย่งของเล่น พอขอคืนก็ให้แลกกับการถูกเตะแวบเข้ามา เธอจึงไม่รับของ แต่ตี๋เล็กฉวยโอกาสจับมือเธอวางกล่องช็อกโกแลตใส่มือแล้วรวบจับอยู่อย่างนั้น ดอกแก้วตกใจพยายามดึงมือกลับ
“จับนิดจับหน่อยจะเป็นไรไป”
“อุดม...” เสียงชบาตวาดดังมาข้างหลัง
ตี๋เล็กสะดุ้งหันไปมอง ดอกแก้วดึงมือกลับแล้วขว้างกล่องช็อกโกแลตทิ้ง วิ่งไปหาชบา ชบาให้เข้าบ้านไปก่อน ตี๋เล็กตะโกนไล่หลัง
“บังอาจทิ้งช็อกโกแลตของข้าเชียวหรือวะ อีเด็กเก็บตก อีเด็ก...”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ...” ชบาโกรธจนตัวสั่น
“ไม่หยุด ไอ้อีหน้าไหนจะทำไม”
“ถ้าเธอกล้าแตะต้องดอกแก้วอีก ไอ้อีหน้านี้แหละจะฟาดหัวเธอ” ชบายกเก้าอี้ขึ้นกระชับ
ตี๋เล็กชะงัก ชบาจ้องหน้าเขม็งไล่ให้เขากลับไป อย่าให้เรื่องต้องถึงหูฮิ้ม ตี๋เล็กโกรธที่เอาฮิ้มมาขู่ จึงด่ากลับ “...คนอะไรไร้ยางอาย แย่งผัวเขาแล้วยังจะไปเอาเด็กข้างถนนมาเลี้ยงเพื่อขอแบ่งสมบัติอีก”
ชบาพยายามนับหนึ่งถึงร้อยระงับอารมณ์ บอกตี๋เล็กให้กลับไป ไม่วายตี๋เล็กยังชี้หน้าฝากไว้ก่อน ชบาทรุดลงนั่งอย่างอ่อนแรง...ในขณะที่ดอกแก้วได้ยินที่ตี๋เล็กพูด จึงร้องไห้ถามเรียมว่าทำไมตี๋เล็กถึงว่าตนเป็นเด็กเก็บตก เด็กข้างถนน เรียมปลอบว่าตี๋เล็กพูดไปเพราะเกลียดชบาเลยพาลมาถึง ดอกแก้วจะฟ้องฮิ้ม เรียมยุให้ไปฟ้องเลย ชบาเดินเข้ามา ถามว่าสนับสนุนให้ทำอะไร
พอรู้ ชบาจึงเตือนว่าแค่อย่าอยู่ใกล้ก็พอ ดอกแก้วรีบบอกว่าตนไม่อยากอยู่ใกล้เลย แถมเกลียดมากด้วย ชบาปรามอย่าพูดให้ฮิ้มได้ยิน จะเสียใจที่พี่น้องไม่รักกัน ดอกแก้วพยักหน้า ชบาให้ไปทานข้าว ทานยา แล้วหันมากำชับเรียม ต่อไปนี้อย่าให้ดอกแก้วคลาดสายตา เรียมรับปาก
ooooooo
เสร็จงาน ผู้คนที่มาเปียลำไยได้ ก็ขนกันไป เปี๊ยกเดินเข้ามาในร้าน เถ้าแก่กำลังจ่ายค่าแรงคนงาน แล้วยื่นเงินค่าแรงให้เปี๊ยก แต่สำหรับเปี๊ยกกับหนานคนงานอีกคน มีพิเศษเงินอีกถุงที่เอาออกมาแบ่งเป็นสามส่วน เปี๊ยกบ่นว่าได้น้อยเสียแรงที่ใช้ความสามารถพิเศษ หนานหมั่นไส้โพล่งออกมาว่าโกงเขามาไม่ว่า เปี๊ยกหันขวับมาจ้องหน้า ถ้าคิดอย่างนั้นก็อย่าเอา เถ้าแก่รีบไล่หนาน ให้กลับไป แล้วหันมาเอาใจชวนเปี๊ยกกินข้าว
“กินไม่ลง กับข้าวซังกะบ๊วย ลื้อน่ะเหนียวหนืดเป็นตังเม อั๊วว่าจะไปเป็นตู๊เชียคาให้ร้านอื่นดีกว่า” เปี๊ยกพูดแล้วเดินออกไป
เถ้าแก่สะดุ้งร้องเรียก “เฮ้ย เดี๋ยว อย่านะไอ้เปี๊ยก พรุ่งนี้อั๊วจะเอาหมูเห็ดเป็ดไก่มาเซ่นเอ็งเลย...อั๊วจะเพิ่มเงินให้ด้วย”
เปี๊ยกโบกไม้โบกมือไม่หันไปมอง แต่แอบหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งเถ้าแก่...เดินมาได้ระยะหนึ่ง เปี๊ยกเจอพวกของเส็ง คือกวง ผ่อง และแผ้ว ดักปล้นเงินแถมจะฆ่าเขาให้ตาย เปี๊ยกกระเสือกกระสนมือไขว่คว้าเจอมีดจึงแทง
กวงเข้าที่สีข้าง ผ่องกับแผ้วร้องว่าเปี๊ยกฆ่ากวงตาย เปี๊ยกตกใจวิ่งหนีไปหาโอ่งที่ร้าน เล่าให้โอ่งฟังว่าเขาป้องกันตัว
“ไอ้กวงมันอาจจะไม่ตายก็ได้ ทำไมไม่ขอให้เถ้าแก่ฮิ้มช่วยล่ะ เขารู้จักคนใหญ่คนโตเยอะนะเว้ย ครูชบาเมียเขาก็เมตตาเอ็ง” โอ่งแนะนำ
แต่เปี๊ยกไม่อยากรบกวน โอ่งจึงให้ไปหลบซ่อนที่กระท่อมก่อน เขาจะจัดการเอง...โอ่งไปดูที่โรงพยาบาลจึงรู้ว่ากวงยังไม่ตาย จากนั้นก็มาขอความช่วยเหลือจากฮิ้ม ดอกแก้วมาได้ยินช่วยอ้อนวอนฮิ้มให้ช่วยเปี๊ยกเพราะเปี๊ยกเป็นคนดี
“อาดอกแก้ว อาเปี๊ยกแทงเขาจะตายหรือไม่ตายมันก็ไม่ดีทั้งนั้น” ฮิ้มหนักใจ
“ดอกแก้วรู้ว่าพี่เปี๊ยกต้องถูกพวกนั้นรังแกก่อน พี่เปี๊ยกเป็นคนดี ถ้าอาเตี่ยไม่ช่วยดอกแก้วไม่ยอมด้วย ดอกแก้วจะไม่พูดกับอาเตี่ย”
“อ้าว ลื้อรักพี่เปี๊ยกมากกว่าอาเตี่ยเรอะเนี่ย”
ดอกแก้วรีบเข้ากอดประจบว่ารักเตี่ยมากที่สุดในโลก แต่เปี๊ยกก็ช่วยเลี้ยงตนมา อย่างไรเสียต้องช่วยเปี๊ยกให้ได้ ฮิ้มถอนใจรับปาก ให้โอ่งไปบอกเปี๊ยกหลบซ่อนตัวจนกว่าเรื่องจะเงียบ และได้มอบเงินให้ก้อนหนึ่งไว้ใช้ติดตัว โอ่งกราบขอบคุณฮิ้ม ดอกแก้วฝากโอ่งบอกเปี๊ยกด้วยว่าตนเป็นห่วงมากที่สุด ฮิ้มอุ้มดอกแก้วเข้าบ้าน เผยแอบมอง แจ้นมาฟ้องเตียม
“นังลูกสาวมันพาเถ้าแก่เข้าไปหาแม่มันในบ้านแล้ว อีแบบนี้เขาเรียกว่า รู้เห็นเป็นใจ”
“โอ๊ย...อั๊วปวกจาย...”
“เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวได้มีดอกอุตพิดโผล่ออกมาอีกดอกนึงหรอก”
เตียมงง “แล้วมังจะโผล่มาจากไหนล่ะ อาหล็อกอุกตา-พิกอะไรนั่ง”
“โถ...คุณนายเจ้าขา คุณนายช่างบริสุทธิ์ร้ายเดียงสาเหลือเกิ๊น ก็โผล่มาจากคุณนายเล็กซิเจ้าคะ”
เตียมผงะ พอรู้ความหมาย เผยยิ่งปลุกอารมณ์ริษยาพร่ำพูดว่า ชายหญิงอยู่ด้วยกันบ่อยๆ อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ เตียมปรี๊ดแตก “โอ๊ย...อั๊วปวกจาย...”
ขณะเดียวกัน ดอกแก้วเล่าเรื่องเปี๊ยกให้ชบาฟัง ทำเอาชบาตกใจจนเป็นลม ฮิ้มตำหนิลูกสาวไม่น่าเอาเรื่องมาทำให้แม่รกใจ ชบารู้สึกตัวขึ้นมารีบบอกฮิ้มให้ช่วยเปี๊ยกเพราะเปี๊ยกเป็นเด็กดี ถือว่าช่วยเอาบุญ ฮิ้มถอนใจที่แม่ลูกคิดเหมือนกัน
ooooooo
โอ่งมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หน่อนกับเฮงฟัง แล้วพากันไปหาเปี๊ยก แต่ไม่เจอ ทั้งสามเป็นห่วงกลัวเปี๊ยกคิดสั้น ไปตามที่บ้านก็พบว่าบ้านปิด เฮงถามทำไมไม่ไปให้เกรียงช่วย เกรียงเป็นตำรวจแล้วแถมยังเป็นหนี้บุญคุณเปี๊ยกอยู่ โอ่งว่าเกรียงยังยศแค่นายร้อยจะช่วยอะไรได้
เปี๊ยกกลัดกลุ้มใจจนทนไม่ไหว จึงแอบไปหาหงวนที่ตลาด เปี๊ยกดึงหงวนมาริมคลองมหานาคที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน เพื่อที่จะบอกว่าเขาต้องไปจากที่นี่สักพัก หงวนตกใจรีบถามว่าเกิดอะไรขึ้น เปี๊ยกเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง แล้วคิดว่าเขาจะหลบไปหาแม่ที่แก่งคอย หงวนสะดุ้งสีหน้าท่าทางอึดอัด เปี๊ยกไม่ทันสังเกตบอกหงวนว่า
“ อาหงวนก็รู้ว่าผมไม่เคยเกะกะหาเรื่องใคร ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำตอนพวกมันมาดักทำร้าย”
หงวนลูบหัวเปี๊ยกอย่างเชื่อใจ ไม่อาจพูดอะไรได้มาก ได้แต่เวทนาถามเดินทางเมื่อไหร่ เปี๊ยกตอบว่าคืนนี้ หงวนจึงได้แต่เตือนอ้อมๆว่า
“อาอยากให้เอ็งใช้สติ ไม่ว่าจะเผชิญกับเหตุการณ์อะไรก็ตาม หรือพบว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เราคาดคิด”
“ทำไมอาพูดแปลกๆ”
หงวนกลบเกลื่อนว่าไม่มีอะไรแค่อยากเตือน แล้วอวยพรให้เดินทางปลอดภัย เปี๊ยกลาแล้วเดินเหม่อลอยมาตามทาง จนไม่ทันเห็นว่ารถไฟวิ่งมาจะชน โอ่ง เฮง และหน่อนเห็นตะโกนบอกให้หลบ แต่เปี๊ยกกลับไม่ได้ยินเห็นแต่ท่าทางที่ทั้งสามคนโบกไม้โบกมือ จนกระทั่งหันไปเห็นรถไฟแล่นเข้ามาใกล้ เขากระโดดหลบอย่างเฉียดฉิว เพื่อนๆโวยหาว่าเขาคิดจะฆ่าตัวตาย โอ่งรีบบอกว่า กวงยังไม่ตาย และฮิ้มรับปากจะช่วยแถมให้เงินติดตัว เปี๊ยก
จึงบอกว่าเขาจะไปหาแม่ที่แก่งคอยและถือโอกาสบวชเสียเลย แต่ขอย้ำสัญญาจากเพื่อนๆที่จะไม่พูดเรื่องดอกแก้ว
“พวกเอ็งต้องลืมให้สนิท เหมือนเรื่องนั้นไม่เคยเกิดขึ้น จำเอาไว้”...ทุกคนรับปาก
เปี๊ยกคิดว่าควรจะมาลาชบากับดอกแก้ว จึงแอบเข้ามาในบ้านฮิ้ม เผอิญดอกแก้วออกมาหาของที่สนาม คิดว่าทำหล่นไว้ตอนมานั่งดูหนังสือ จึงได้พบกับเปี๊ยก ดอกแก้วดีใจโผกอด เพราะเป็นห่วงอยู่แล้ว เปี๊ยกตกตะลึงกางมืออยู่ สักพักก่อนจะโอบร่างดอกแก้วไว้อย่างอ่อนโยน ดอกแก้วเงยหน้ามองเปี๊ยกน้ำตาไหลริน เปี๊ยกค่อยๆเช็ดน้ำตาให้ รู้สึกซาบซึ้งจนเผลอไผลก้มหน้ามาประชิด แต่พอเห็นสายตาพิศวงของดอกแก้วก็รู้สึกตัว ดันดอกแก้วออกห่าง
“ผมมาลาคุณหนู”
“พี่เปี๊ยกจะไปอยู่ที่ไหน”
“แก่งคอยครับ”
“โห...ไปตั้งไกลแน่ะ ดอกแก้วคิดถึงแย่เลย แล้วอีกนานมั้ยคะกว่าจะกลับ”
เปี๊ยกตอบว่าเสร็จเรื่องก็จะกลับมา แล้วขอเข้าไปลาชบา ดอกแก้วจึงพาเข้าไปในบ้าน...เปี๊ยกกราบชบาขออโหสิกรรม ลาบวช ชบาตื้นตันอวยพรให้หมดเคราะห์หมดโศก เปี๊ยกไม่ลืมที่จะหันมาไหว้ขออโหสิกรรมกับเรียมด้วย เรียมยิ้มทั้งน้ำตาอนุโมทนาบุญ...
พอกลับออกมา เปี๊ยกเจอโอ่ง หน่อน และเฮงรออยู่หน้าบ้าน ทั้งสามมาเพื่อพาเปี๊ยกไปที่ท้ายตลาด ช่วยคนขับรถบรรทุกขนผักขึ้นรถ แลกกับการติดรถไปลงแก่งคอย
ส่งเปี๊ยกไปแล้ว โอ่ง เฮง และหน่อนเดินคุยกันมาตามทาง มีรถคันหนึ่งพุ่งเข้ามา เปิดไฟส่องหน้าพวกเขา ทั้งสามฉุนจะเอาเรื่อง แต่พอคนที่ลงจากรถมาคือเกรียงอยู่ในเครื่องแบบตำรวจเต็มยศ ทั้งสามก็โวยว่าพวกเขาไม่ใช่คนร้ายนะ เกรียงหัวเราะทักทายเพื่อนๆแล้วถามหาเปี๊ยก สามคนมองหน้ากันไปมา เฮงโพล่งออกไปว่าเปี๊ยกไปนอก เกรียงประหลาดใจ สามคนแอบขำ
ooooooo
ระหว่างทาง คนขับรถเห็นเปี๊ยกนั่งเหม่อจึงชวนคุย เปี๊ยกถามว่ารู้จักพระอาจารย์พยุง เจ้าอาวาสวัดแก่งคอยไหม เขากำลังจะไปบวชกับท่าน คนขับรถรู้จักและขออนุโมทนาบุญด้วย...พอมาถึงแก่งคอย เปี๊ยกก็กลับมาเคร่งขรึมเพราะรู้ตัวว่าเอาเรื่องปวดหัวมาให้แม่อีกแล้ว แต่พอมาถึงบ้านแม่ เปี๊ยกได้พบว่าเสียงตั้งท้องได้หกเดือน เขาตกตะลึง ปุ๊น้องสาวเตือนสติให้เห็นใจแม่บ้าง
“เขาดีกับแม่แล้วก็ปุ๊มาก ช่วยแนะนำเรื่องค้าขาย” เสียงละอายใจที่ไม่ได้บอกลูกมาก่อน
“มิน่า...แม่ถึงไม่ยอมกลับบ้าน”
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“แล้วทำไมแม่ถึงไม่บอกเปี๊ยก ปุ๊ก็เหมือนกัน น่าจะบอกให้รู้ตัวล่วงหน้าบ้าง ไม่ใช่อยู่ดีๆก็...”
ปุ๊กับเสียงกล่าวขอโทษ เปี๊ยกยังทำใจไม่ได้จึงทำท่าเหินห่างขอนอนนอกชานบ้าน เสียงเสียใจ เข้ามาปรับทุกข์กับศร สามีใหม่ว่าตนผิดเองที่ไม่ได้บอกลูกก่อน ลูกคงผิดหวังเสียใจ ศรปลอบใจเสียงว่าคนเป็นพ่อแม่ไม่จำเป็นต้องบอกลูกทุกเรื่อง อีกหน่อยเปี๊ยกไปมีครอบครัวตัวเองก็จะเข้าใจ เสียงพยักหน้าแต่อดไม่ได้ที่จะนอนร้องไห้เสียใจ
คืนนั้นทั้งคืน เปี๊ยกนอนคิดถึงที่ผ่านมา แม่ตรากตรำทำงานเพื่อเลี้ยงตนและน้อง เช้าขึ้นเขาจึงตื่นมาช่วยปุ๊หุงหาอาหารเตรียมไว้ให้เสียงกับศร พอทั้งสองคนออกมา เปี๊ยกก็ไหว้ศรแล้วบอกว่าทานข้าวเสร็จจะได้ไปวัดกัน ทั้งสองทำหน้าแปลกใจ ปุ๊จึงเฉลยว่าเปี๊ยกจะบวช เสียงน้ำตาร่วงด้วยความตื้นตัน เปี๊ยกก้มกราบเท้าเสียง ศรยินดีด้วย เสียงดีใจดึงลูกขึ้นมากอด...
พอเปี๊ยกไม่อยู่ ดอกแก้วรู้สึกหมดความสุข ทานข้าวไม่ลงจนชบาเป็นห่วงและหวั่นใจ เรียมปลอบว่าดอกแก้วคงแค่คิดถึงพี่ชายที่ไปอยู่ที่อื่นนาน ชบาก็ขอให้เป็นเช่นนั้น...วันต่อมาดอกแก้วแต่งตัวสวยเพราะต้องไปงานกับฮิ้ม แต่สีหน้าบึ้งตึงเพราะชบาไม่ไปด้วยกัน ดอกแก้วรู้ว่าชบาไม่ไปเพราะเตียมไปด้วย ชบาทำผมให้ลูกสาวพูดน้ำเสียงอ่อนโยน
“คนเราต้องรู้จักกาลเทศะนะลูก ถ้าคุณแม่ใหญ่ไป แม่ก็ไม่ควรไป ทำตัวเสมอแม่ใหญ่ไม่ได้”
“คุณล่ะก็คิดมาก ต่างคนต่างไปไม่เห็นจะเป็นไร โอ่งสนิทกับคุณมากกว่าคุณนายใหญ่เสียอีก เพราะเป็นเพื่อนกับเปี๊ยก” เรียมบ่น
ชบาจุ๊ปาก “เรียม...พาดอกแก้วไปส่งเถ้าแก่ได้แล้ว”
ดอกแก้วบ่นถ้าไม่ได้รับปากเปี๊ยกไว้ก่อน จ้างให้ตนก็ไม่ไป...ดอกแก้วมาถึงบ้านใหญ่ เตียมกับเผยมองอย่างเหยียดๆ ดอกแก้วนั่งอึดอัดรอฮิ้มลงมา เผยพยายามพูดยุให้เตียมเห็นว่าดอกแก้วจองหองไม่นอบน้อมกับคุณนายใหญ่ เตียมกำลังอ้าปากจะโวย ฮิ้มลงมาพอดีถามว่าเอะอะอะไร เตียมรีบแก้ตัวว่า
“หลุเหลอะอารายที่ไหน อั๊วกำลังบอกอาหลอกแก้วว่าทำไมแม่อีปล่อยให้ลูกตัวล่องจ้อง”
ดอกแก้วสะดุ้ง เตียมอธิบายว่า “ทองหยองไม่มีติกตัวซักกะเส้ง”
ดอกแก้วหายใจโล่ง เผยช่วยแก้ตัว “จริงเจ้าค่ะ แล้วนี่คุณนายใหญ่ยังร่ำๆจะยกชุดทับทิมให้คุณหนูดอกแก้วด้วยนะคะ”
เตียมสะดุ้งโหยง “อั๊วบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ”
“โอ๊ย...จะหาใครในสามโลกนี้มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา และใจกว้างเป็นแม่น้ำเจ้าพระยามหานทีสีทันดร
เท่ากับคุณนายใหญ่บึ้มของอิเผยไม่มีอีกแล้วล่ะเจ้าค่ะ”
ฮิ้มจึงแกล้งบอกให้ไปเอาของมา เตียมหน้าเหวอถลึงตาใส่เผย ฮิ้มย้ำให้ไปเอาชุดทับทิมมา เตียมอึกอัก ฮิ้มจึง
ดักคอว่า “อั๊วหลงเข้าใจผิดมานานว่าลื้อใจดำ แต่ที่แท้กลับใจกว้างเป็นแม่น้ำอย่างที่นังเผยมันว่าจริงๆ”
เตียมยิ้มแหยๆ จำต้องกลับขึ้นห้องไปเอาชุดทับทิม ปากก็บ่นว่าเผยจะหักเงินเดือนสักสิบปี ตี๋เล็กเดินสวนมาถามว่าบ่นอะไร เตียมพรั่งพรูความเจ็บใจออกมา ตี๋เล็กจึงบอกให้เตียมคิดเสียว่าเป็นของให้ลูกสะใภ้ เตียมขัดทันทีว่าไม่เอา แต่พอตี๋เล็กขยายความว่าเอาเป็นลูกสะใภ้ชั่วคราวแล้วเขี่ยทิ้งให้ชบาเจ็บใจเล่น เตียมจึงยิ้มออก
ดอกแก้วกำลังจะบอกฮิ้มว่าตนไม่อยากได้ เผยชิงพูดขึ้นมาก่อนว่าถ้าเกรงใจก็อย่ารับ ฮิ้มหมั่นไส้เผยอยู่นานแล้วจึงไล่ตะเพิดให้ออกไป ตี๋เล็กเดินมากับเตียม พอเห็นดอกแก้วก็ตะลึง ชมว่าสวยเหมือนชบาไม่มีผิด ฮิ้มให้ดอกแก้วเข้าไปให้เตียมใส่ชุดทับทิมให้ ดอกแก้วคลานเข้าไปอย่างอึดอัดหนักใจ เตียมก็จำใจใส่ให้อย่างอดกลั้นความเกลียดชัง
ooooooo
วันนี้เป็นวันแต่งงานของโอ่ง ซึ่งตรงกับวันที่เปี๊ยกบวช ฮิ้มพาดอกแก้วกับครอบครัวมาร่วมงานเพราะคุ้นเคยกับพ่อแม่โอ่งดี และคิดจะมาคุยกับสารวัตรเรื่องช่วยเปี๊ยกด้วย ต้อยเห็นว่าตัวเองไม่ใช่ลูกหลานพ่อค้าเหมือนเพื่อนๆ จึงไปงานบวชเปี๊ยกคนเดียว เสียงถามว่ารู้ได้อย่างไร
“โอ่งครับ ความจริงมันก็อยากจะมา แต่เผอิญติดแต่งงาน ไอ้เฮงกับไอ้หน่อนก็ต้องเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ส่วนผมไม่มีหน้าที่ขาดไปก็ไม่มีใครรูู้้ ก็เลยมางานบวชไอ้ เอ๊ย...พระเปี๊ยกที่นี่ดีกว่า”
เสียงพยักหน้าเบือนสายตาไปมองพิธี ต้อยมองตามเห็นเปี๊ยกมีท่าทีสงบ สำรวมจนรู้สึกตื้นตันใจไปด้วย...พอเสร็จพิธี เปี๊ยกห่มผ้าเหลืองเป็นพระบวชใหม่ กำลังฉันอาหารรวมกับพระรูปอื่นๆ ต้อยคลานเข้าไปหาเจ้าอาวาส ขอสมัครเป็นลูกศิษย์วัดช่วยปรนนิบัติวัตถากพระเปี๊ยก
“ได้โปรดเถิดท่าน โยมเพื่อนคงไม่มีวาสนาพอที่จะบวช แค่ได้อยู่รับใช้ใกล้ชิดพระสงฆ์องคเจ้าก็นับว่าเป็นบุญของโยมเพื่อนแล้ว”
“ทำไมเอ็งถึงไม่มีวาสนาพอที่จะบวช” เจ้าอาวาสถาม
“กระผมกิเลสมากขอรับ” พอเห็นเจ้าอาวาสทำหน้ากังวลก็รีบขัดขึ้นว่า “แต่รับรองว่ากระผมจะไม่มีวันชักพาให้หลวงเพื่อนต้องเสียพระเลยขอรับ อีกอย่างหลวงเพื่อนของกระผม มัน เอ๊ย...ท่านเป็นคนใจแข็งแน่วแน่มั่นคงไม่มีใครจะทำให้เสียคนง่ายๆ...นอกจากท่านทำเองขอรับ”
เจ้าอาวาสกำลังพยักหน้าต้องชะงัก เปี๊ยกมองเพื่อเขม็ง ต้อยรีบแก้คำพูดใหม่ว่า เขารับรองว่าเปี๊ยกไม่มีวันทำอย่างนั้น เสียงถามต้อยว่าจะทนอยู่กับกฎระเบียบของวัดได้หรือ ต้อยรับปากแข็งขัน เสียงจึงช่วยขอเจ้าอาวาสให้ต้อยได้อยู่วัดเผื่อจะได้ขัดเกลาสิ่งที่ขาดๆเกินๆไปบ้าง
งานแต่งงานจัดขึ้นในภัตตาคารแห่งหนึ่ง ดอกแก้วชมว่าโอ่งหล่อมากวันนี้ โอ่งพาเจ้าสาวมาไหว้ฮิ้มแล้วเชื้อเชิญไปนั่งโต๊ะเดียวกับครอบครัวสารวัตร เตียมทักทายคุณนายสารวัตรแล้ว พยายามแนะนำตี๋เล็ก แต่ท่าทางทุกคนให้ความสนใจดอกแก้วมากกว่า ฮิ้มภาคภูมิใจแนะนำ
“ลูกสาว...ชื่อดอกแก้ว ชื่อจริงว่าโสภิตนภางค์ครับ”
“ชื่อเพราะมาก สวยมากด้วยค่ะ ถ้าเข้าประกวดที่ไหนคงผ่านตลอด นี่ตาต้นลูกชายดิฉันค่ะ ชื่อจริงชื่อแทนไท” คุณนายแนะนำลูกชายบ้างอยากให้สนิทสนมกันไว้
อีกด้านหนึ่ง เกรียงเดินเข้ามาในงาน เฮงกับหน่อนซึ่งทำหน้าที่ช่างภาพไม่ค่อยอยากทักจึงเดินหนี แต่ปรากฏว่าเกรียงไม่ได้คิดจะเข้ามาทัก เกรียงเดินตรงไปทักสารวัตรกับฮิ้ม สายตาเขาดูจะสนใจดอกแก้วมาก...ตลอดเวลาในงาน ดอกแก้ว พูดคุยกับแทนไทยดูจะสนิทสนมกันเร็ว ตี๋เล็กไม่พอใจลุกเดินหนีไปดื้อๆ สารวัตรแปลกใจถามว่าเป็นอะไร ฮิ้มรู้นิสัยลูกจึงตอบแทนว่าท้องเสีย คุณนายเป็นห่วงถามอีก
ว่ามียาทานหรือเปล่า ฮิ้มตัดบท โตเป็นควายแล้วให้ไปหากินเอง เตียมค้อนปะหลับปะเหลือก ดอกแก้วอมยิ้ม
เจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้ามาถ่ายรูปด้วยและมอบของชำร่วย โอ่งกระซิบถามฮิ้มว่าคุยกับสารวัตรหรือยัง ฮิ้มว่ากำลังจะคุย เตียมได้ยินแช่งให้ถูกประหารเจ็ดชั่วโคตร โอ่งให้เจ้าสาวไปถ่ายรูปกับเพื่อนๆก่อน เขาช่วยฮ้มคุยกับสารวัตร จนได้เรื่องว่าไม่น่าเป็นห่วงเพราะไม่มีคนตาย ดอกแก้วได้ยินดีใจไหว้ขอบคุณสารวัตร เตียมหมั่นไส้หาว่าคนดีๆดันไม่อยากรู้จัก โอ่งเองก็ดีใจรับรองแข็งขันว่าเปี๊ยกเป็นคนดี
ooooooo
คืนแรกของการนอนวัด ต้อยรู้สึกวังเวงกลัวผี ทำเอาพระเปี๊ยกกลัวไปด้วย ยิ่งมีเสียหมาหอน ลมพัดเงาต้นไม้ไหวไปมา ต้อยกระโดดมานอนคลุมโปงข้างพระเปี๊ยก...ไม่ทันสว่าง เจ้าอาวาสมาปลุก ทั้งพระเปี๊ยกและต้อยร้องลั่นว่ากลัวแล้ว นั่งพนมมือหลับตาปี๋ พอค่อยๆลืมตาดูเห็นเจ้าอาวาสยืนถือไม้ เปี๊ยกถาม “พระที่วัดนี้เขาปลุกกันด้วยไม้หรือขอรับ”
“ก็นอนขี้เซานักนี่ ตีสามแล้ว ลุกเร็ว”
“ตีสาม โห...พระที่นี่เขาบิณฑบาตตั้งแต่ตีสามเลยหรือขอรับ” ต้อยโอดครวญ
“ใครบอกล่ะ ไปเดินจงกรมแล้วนั่งสมาธิกัน อยู่วัดขี้เกียจไม่ได้ ไป...”
เปี๊ยกรีบเก็บที่นอน ต้อยทำบ้างแล้วจะตาม เจ้าอาวาสหันมาบอกต้อยไม่ต้องไป ให้อยู่ทำความสะอาดกุฏิ แล้วทำงานอื่นๆไป ต้อยหน้าเบ้ไม่น่าสมัครเป็นลูกศิษย์วัดเลย...บรรยากาศวังเวงชวนขนลุก เจ้าอาวาสพาพระเปี๊ยกมาที่เมรุเผาศพ พระรูปอื่นๆแยกย้ายกันหาที่นั่งบริกรรม
“เราจะนั่งสมาธิกันที่นี่ทุกเช้า ถ้าเอ็งยังทำท่ากลัวโน่นกลัวนี่อีก ข้าจะหวดด้วยไม้เท้าให้น่วมไปทั้งตัว แล้วเอาขึ้นเมรุเผาเสียเลย”...พระเปี๊ยกยิ้มแหยๆแล้วมองหาที่นั่งบ้าง...
ตลอดคืน ดอกแก้วนอนไม่หลับ คิดถึงเปี๊ยก ขอให้เขาปลอดภัย จนเช้า ที่ตึกใหญ่ ฮิ้ม เตียม ตี๋ใหญ่ และตี๋เล็กนั่งทานอาหาร ตี๋ใหญ่ถามถึงงานเมื่อคืนเรียบร้อยดีไหม ฮิ้มว่าเรียบร้อยดียกเว้นคนบางคน เตียมรู้ว่าฮิ้มพูดกระทบตี๋เล็ก จึงทำเป็นเอ็ด
ตี๋ใหญ่อย่าทำเป็นช่างซัก ฮิ้มไม่พอใจเตียมที่คอยให้ทายตี๋เล็ก ตี๋ใหญ่มองน้อยชายเชิงถาม ตี๋เล็กกลับฟ้องเตียมว่าตี๋ใหญ่เยาะเย้ย ฮิ้มโมโหเอ็ดตะโรอย่าทำเป็นลูกแหง่ เตียมเกรงฮิ้มเล่นงานลูก
จึงแกล้งทำเป็นลม ตี๋เล็กกับเผยช่วยกันประคองขึ้นห้อง ฮิ้ม
เหนื่อยใจที่เตียมชอบกันไม่ให้เขาสอนลูก
ooooooo
หน้าตึก ขณะที่ตี๋ใหญ่เดินมาส่งฮิ้มขึ้นรถไป
ทำงาน ฮิ้มหันมาถามว่าตกลงตี๋เล็กเรียนจบหรือเปล่า ตี๋ใหญ่ไม่รู้ ฮิ้มจึงให้ไปถามมาให้รู้เรื่องที่ตี๋ใหญ่ยืนมองรถฮิ้มแล่นออกไป แล้วหันไปมองเรือนชบาเห็นเงียบๆ
จึงเดินไปรอบๆบ้าน ชบาออกมาถาม
“มองหาใครหรือโกวิท”
“ผม...ผมเดินเล่นมาเรื่อยๆน่ะครับ เห็นเรือนเงียบๆก็เลยแวะมาดู”
“ก็มีครูอยู่คนเดียวนี่ เข้ามาข้างในก่อนไหม...”
ตี๋ใหญ่เดินตามมานั่งคุยกับชบาในบ้าน จึงรู้ว่าดอกแก้วไม่อยู่ไปตลาดกับเรียม...
ที่ออกมาตลาดเพราะดอกแก้วอยากมาถามหงวนเรื่องเปี๊ยก หงวนบอกว่าคงศึกษาพระธรรมอย่างสงบอยู่ หมวยขายขนมอยู่ร้านข้างๆหมั่นไส้ แขวะดอกแก้วว่าเป็นเด็กใจแตก ยังเรียนไม่จบมาถามหาผู้ชาย เจ๊ส้วนได้ยินถามลูกสาว “ยังกับเอ็งเรียนจบนี่”
หมวยโวยว่าตนไม่เรียนเอง ไม่ใช่เรียนไม่จบ มันไม่ เหมือนกัน ทันใด...เส็งพาพวกปิดหน้าบุกมาพังร้านผลไม้ของหงวน ท่ามกลางความตกใจของทุกคน ดอกแก้วกับเรียมได้ยินเสียงรีบวิ่งมาดู พอดีเจ๊ส้วนเห็นหน้าเส็งเพียงครึ่งเดียวก็จำได้ร้องทัก
“พ่อเส็ง...นั่นไง พ่อเส็งจริงๆด้วย แม่จำได้” เจ๊ส้วน
ดีใจเมื่อเส็งหันมามอง
ผู้คนมองไปที่เส็ง ดอกแก้ววิ่งกลับมาช่วยเจ๊หงวนกับจิ๊บ น้องเปี๊ยกที่มาช่วยขายของ เจ๊ส้วนสะใจที่ร้านหงวนพัง จึงชมว่าเส็งเก่งจริงๆ เส็งหงุดหงิดเรียกพวกถอยกลับ แล้วหลบมาจ่ายเงินให้ทุกคนไปจากถิ่นนี้สักพัก
ชบาเดินออกมาส่งตี๋ใหญ่หน้าเรือน ไม่ทันไร ดอกแก้ววิ่งหน้าตื่นมาเล่าให้ชบากับตี๋ใหญ่ฟังถึงสาเหตุที่ตนกลับมาช้า “เกิดเรื่องใหญ่ค่ะแม่ พวกนายเส็งยกพวกไปพังร้านพี่เปี๊ยก...”
ตำรวจมาดูสถานที่และสอบปากคำ หงวนบอกว่าเจ๊ส้วนเป็นพยานว่าพวกนั้นคือพวกเส็ง แต่เจ๊ส้วนกลับคำ บอกว่าไม่รู้ไม่เห็น หงวนจึงบอกว่าเส็งมีเรื่องกับเปี๊ยกมาก่อนจึงกลับมาแก้แค้น ตำรวจว่าไม่มีหลักฐานแต่จะเรียกเส็งไปสอบปากคำที่โรงพัก หงวนรู้ว่าเหลวแน่...เก็บของกลับมาบ้าน จิ๊บบอกหงวนโชคดีที่เปี๊ยกยังไม่กลับมา ไม่อย่างนั้นเป็นเรื่องใหญ่แน่ แต่หงวนยังหวั่นใจว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก
พระไพรัชน้องชายของพระเปี๊ยกที่มาบวชอยู่ก่อน เพิ่งกลับจากธุดงค์แวะมาหาที่กุฏิ พระเปี๊ยกทักว่าผอมไปมาก พระไพรัชตอบว่า
“โบราณท่านว่า เสือพีฤาษีผอมถึงจะงาม ตอนที่ได้ยินว่าหลวงพี่มาบวชยังแทบไม่เชื่อหู”
“ทำไมไม่เตือนแม่” พระเปี๊ยกถามโพล่งขึ้นมา
“เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ กัมมุนาวัตตตีโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม...ในเมื่อตัดสินใจบวชแล้ว หลวงพี่ก็ตั้งใจศึกษาพระธรรมดีกว่า จิตใจจะได้สงบขึ้น มองโลกอย่างรู้
เท่าทันและเข้าใจมากขึ้น”
พระเปี๊ยกฟังแล้วถอนใจ รู้ตัวดีว่าไม่มีทางพบความสว่างแน่...
ooooooo
รุ่งเช้าเตียมกำลังรำมวยจีนอยู่ เผยวิ่งมารายงานว่า สารวัตรมา เห็นซุบซิบกับฮิ้มแล้วพากันไปที่เรือนชบา เตียมครุ่นคิดแล้วยิ้มออกเพราะคิดว่าชบาทำอะไรผิดแล้วความจริงเปิดเผย
สารวัตรกับครอบครัวมาบอกข่าวว่าเปี๊ยกไม่ถูกจับแน่แล้ว ดอกแก้วลืมตัวดีใจออกนอกหน้า ชบาปรามให้เบาๆ
แทนไทสงสัย “พี่ชักอยากเห็นพี่เปี๊ยกของน้องดอกแก้วแล้ว”
“เอาไว้พี่เปี๊ยกกลับมา แล้วดอกแก้วจะแนะนำให้รู้จัก”
คุณนายให้ลูกชายชวนดอกแก้วพาชมสวน ผู้ใหญ่จะได้คุยธุระกัน ฮิ้มออกอาการหวงลูกสาว สารวัตรจึงติงภรรยาว่าไม่ขออนุญาตฮิ้มก่อน ฮิ้มเกรงใจตอบว่าไม่เป็นไร ชบาแอบขำอาการของฮิ้ม แต่ก็พอใจในตัวแทนไทไม่น้อย...เตียมกับเผยกำลังแอบดูจากหน้าต่างตึกใหญ่เห็นดอกแก้วเดินคุยกับแทนไทอย่างสนิทสนมก็หมั่นไส้ พลันมีเสียงตี๋เล็กดังขึ้น
“วอนซะแล้ว ไอ้หน้าเลี่ยน”
เตียมกับเผยสะดุ้งหันมามอง เห็นตี๋เล็กกำลังจะเดินออกไปอย่างเอาเรื่องก็รีบคว้าแขนไว้ ถามว่าจะไปไหน ตี๋เล็กสะบัดแขนจะออกไป เตียมสั่งเผยให้จับไว้ เผยจึงกอดขาตี๋เล็กแน่น
“ปล่อย...ผมจะไปฆ่าไอ้หน้าเลี่ยน”
“ไอ๊หยา เหลียวลื้อก็ติกคุก แล้วอั๊วจะทำยังไง”
“ม้าก็อยู่นอกคุกน่ะสิ ปล่อยผม...ผมจะไปฆ่ามัน”
“เป็งตายอั๊วก็ไม่ปล่อย” เตียมไม่ยอมและย้ำเผยไม่ให้ปล่อย
ตี๋ใหญ่เดินมาอย่างรำคาญบอกว่า “เขาอยากไปก็ปล่อยเขาเถอะ...บ้านเมืองมีขื่อมีแป ที่สำคัญไอ้คนที่ลื้อจะไปฆ่า เขาก็มีมือมีตีนเหมือนกัน เขาคงปล่อยให้ลื้อฆ่าง่ายๆหรอก”
เตียมนึกได้ “พ่ออีก็เป็งสาราวักล่วย คิกลีๆนะอาโซ้ยตี๋...”
ตี๋เล็กฮึดฮัดแต่ไม่เดินไป เผยปล่อยมือมองลุ้นว่าจะไปไหม ตี๋ใหญ่ใจเย็นเพราะรู้จักน้องดี
ในสวน ดอกแก้วพาแทนไทดูต้นไม้ แทนไทรู้จักชื่อต้นไม้มากมายจนดอกแก้วทึ่ง
“ก็บอกแล้วว่าพี่สนใจ ว่าแต่น้องดอกแก้วคงไม่ถือนะครับ ที่คุณแม่ของพี่ท่านดูจะ เอ้อ...”
“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...แล้วเรื่องพี่เปี๊ยก...”
“นี่น้องดอกแก้วยังติดใจอยู่อีกเหรอครับ”
“ดอกแก้วอยากฟังอีกครั้งให้แน่ใจน่ะค่ะ”
“เขาคงเป็นคนสำคัญสำหรับน้องดอกแก้วมาก...”
“ค่ะ เขาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านนี้ เขาเป็นพี่ชายของ
ดอกแก้วมาตั้งแต่เล็กๆ ถ้าเขาเดือดร้อน ก็เหมือนทุกคนเดือดร้อนไปด้วย”
“ถ้ายังงั้นก็สบายใจได้ คุณพ่อพี่ตกลงกับทางโน้นเรียบ– ร้อยแล้ว ทีแรกเขาจะเรียกค่าทำขวัญเหมือนกัน แต่พอดีเราพิสูจน์ได้ว่าทางโน้นมาพังร้านของคุณเปี๊ยก เลยหายกันไป”
ดอกแก้วถอนใจอย่างโล่งอกสุดๆ แทนไทก็สบายใจขึ้นที่เปี๊ยกเป็นเพียงพี่ชายเท่านั้น
ooooooo
เห็นตี๋เล็กอยู่ในห้อง ตี๋ใหญ่จึงเข้ามาถามตรงๆ ว่าตกลงเรียนจบหรือเปล่า ตี๋เล็กสะดุ้งเล็กน้อย ตอบยียวนว่า จบหรือไม่จบเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นนักเรียนนอก ตี๋ใหญ่ถอนใจเพราะเชื่อว่าไม่จบ จึงให้ไปบอกเตี่ยเอาเอง ตี๋เล็กหาว่าตี๋ใหญ่อิจฉา
ตี๋ใหญ่เดินออกมา เตียมถามทันทีว่าไปหาเรื่องอะไรน้อง ตี๋ใหญ่น้อยใจรู้ว่าม้ารักแต่น้องแต่ก็ตอบ “อาเตี่ยอยากทราบว่าตี๋เล็กเรียนจบหรือเปล่าครับ”
เผยหูผึ่งยื่นหน้ามาถาม แล้วจบไหม เตียมตวาดให้หุบปากแล้วหันมาต่อว่าตี๋ใหญ่ว่าไม่ใช่เรื่อง ตนมั่นใจว่าจบ ตี๋ใหญ่มองม้าด้วยความน้อยใจสุดๆ เดินเลี่ยงไป เตียมยิ่งโกรธเรียกให้หยุด
“ผมไม่อยากให้ม้าคอยให้ท้ายตี๋เล็ก อย่างเช่นเรื่องที่ตี๋เล็กเรียนไม่จบ ม้าก็ควรจะให้เรียนต่อให้จบ เรียนเมืองไทยนี่แหละ” ตี๋ใหญ่หันกลับมาเตือน
เตียมเบิ่งตาโต “จ๊าก...อาโกวิก ลื้อเป็งลูก ห้างมาสั่งสองอั๊ว อาตี๋เล็กจะเรียงจกหรือไม่จกก็ช่างอี ม่ายล่ายหนักหัวลื้อ”
ตี๋ใหญ่ถอนใจยาว เผยรีบฟ้องเตียมทำนองตี๋ใหญ่รำคาญ ตี๋ใหญ่โกรธไล่เผยออกไป แล้วหันมาเตือนเตียมว่าไม่ควรคบเผย เตียมหันมาเอ็ด “ก็ม่ายล่ายหนักกาบังลื้อเหมืองกัง...”
เตียมเดินไปเคาะประตูเรียกตี๋เล็ก ตี๋เล็กเปิดออกมาถามอย่างหงุดหงิดว่าเรียกทำไมจะนอน ตี๋ใหญ่เอ็ดน้องทันทีให้พูดกับม้าดีๆ แต่เตียมกลับหันมาตวาดตี๋ใหญ่ ว่าไม่ใช่เรื่อง ตี๋ใหญ่
เสียใจเดินไปเงียบๆ ตี๋เล็กปิดประตูใส่หน้าเตียมอีก เตียมหน้าเสีย
ooooooo
ต่อมาหงวนมาหาเสียงที่บ้านแก่งคอย เพื่อบอกข่าวว่าหมดเรื่องแล้ว พอเปี๊ยกรู้ก็สึกทันที เพราะจิตใจไม่สงบพอที่จะบวชต่อ เปี๊ยกขอตัวกลับกรุงเทพฯ เลยอ้างว่าลางานมานานแล้วเกรงใจ เสียงเสียใจรู้ว่าลูกยังโกรธที่ตนท้องไม่บอก แต่ก็ช่วยเรียกรถสามล้อมารับไปส่งท่ารถ ต้อยกลับไปด้วย ระหว่างทางต้อยถามเปี๊ยกโกรธอะไรแม่นักหนา
เปี๊ยกคิดสักพักก่อนจะยอมพูดออกมา “น้าศรอายุน้อยกว่าแม่ตั้งหลายปี ข้ากลัวจะไปกันไม่รอด ยิ่งมีลูกด้วยกันอย่างนี้
...แม่เคยถูกพ่อทิ้งมาแล้ว ข้าไม่อยากให้เขาต้องชํ้าใจอีก”
ต้อยฟังแล้วเข้าใจความรู้สึกของเปี๊ยก แต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร...
ขณะที่ง้วนขับรถพาฮิ้มกลับจากทำงาน ใกล้จะถึงบ้านมีคนมาดักยิงฮิ้ม โชคดีที่เขาหลบทัน คนในบ้านได้ยินเสียงตกใจ ออกมายืนรอหน้าบ้าน ฮิ้มสั่งง้วนไม่ให้บอกเตียมกับชบา พอถึงบ้านเตียมกับเผยวิ่งถลามาถาม
“เมื่อกี้อั้วได้ยิงเสียงดังปังเหมืองเสียงปืง แต่อิเผยบอกว่าเสียงระเบิก”
“เหลวไหล เสียงระเบิด เสียงปืนที่ไหน เสียงประทัดต่างหาก” ฮิ้มเอ็ดทั้งเตียมและเผย
ชบากับเรียมเห็นฮิ้มกลับมาอย่างปลอดภัยก็กลับเข้าบ้าน...ฮิ้มเข้าห้องทำงาน นั่งครุ่นคิดว่าใครที่คิดจะฆ่าเขา
เปี๊ยกกลับมาบ้านพร้อมกับต้อย สมศรีพี่สาวมาอยู่เป็นเพื่อนจิ๊บเพราะหงวนไปแก่งคอย เปี๊ยกเห็นว่าดึกมากแล้วจึงให้ต้อยนอนค้างที่บ้าน สมศรีเปรยกับจิ๊บว่า ไม่อยากให้เปี๊ยกคบกับต้อยเลย เพราะต้อยประวัติไม่ดีมาก่อน...เช้าวันรุ่งขึ้น เปี๊ยกมาที่บ้านชบา เจอเรียมรดนํ้าต้นไม้อยู่
“อ้าวเปี๊ยก...สึกแล้วเรอะ”
เปี๊ยกตอบว่าพอหงวนไปบอกข่าวเขาก็สึกเลย “จิตใจผมมันไม่สงบ บวชนานไปก็ไม่มีประโยชน์...คุณหนูยังไม่ไปโรงเรียนใช่ไหมครับ”
“ยัง กำลังทานข้าวอยู่แน่ะ...”
พอดอกแก้วเห็นเปี๊ยกเข้ามากับเรียมก็ดีใจวางช้อนจะลุกไปหา ชบาปรามเบาๆให้สำรวม เปี๊ยกไหว้ชบา ดอกแก้วล้อ “พี่เปี๊ยกหัวล้าน เอ้ย...หัวโล้นเลย”
ชบาเอ็ดดอกแก้วที่ล้อผู้ใหญ่ ดอกแก้วยิ้มหวานแล้วถามเปี๊ยกว่าพบเตี่ยหรือยัง เปี๊ยกตอบว่าอยากพบ แต่ไม่อยากไปบ้านใหญ่ ชบาจึงถามจะมาพบอีกเมื่อไหร่ เปี๊ยกตอบว่าจะไปหาที่ร้านวันนี้เลย ชบาเห็นดีด้วย...ดอกแก้วเดินออกมาส่งเปี๊ยกหน้าบ้าน
“ส่งแค่นี้พอแล้วครับ คุณหนูกลับเข้าไปข้างในเถอะ”
“พี่เปี๊ยกคิดถึงดอกแก้วหรือเปล่าคะ”
เปี๊ยกชะงักพูดไม่ออก ดอกแก้วถามยํ้าอีกครั้ง ว่าคิดถึงตนหรือไม่ เปี๊ยกตอบเลี่ยงๆไม่มองหน้า “คนเคยเห็นกันทุกวัน...”
ดอกแก้วกระแทกเสียงเรียกเปี๊ยก เปี๊ยกขานรับเบาๆ ดอกแก้วเริ่มโกรธ “ทำไมคะ มันอยากนักหรือไง กับอีแค่จะบอกว่า คิดถึงหนู”
“ผมต้องไปแล้ว” เปี๊ยกรีบเดินไป
ดอกแก้วตะโกนไล่หลังว่าตนคิดถึงเปี๊ยก เปี๊ยกหยุดหันมามองอย่างซาบซึ้ง ดอกแก้วยืนยิ้มหวาน เปี๊ยกรู้สึกตัวหันหลังกลับเดินไป ดอกแก้วมองตามจนลับตา
ooooooo
ต้อยดอดมาหาหมวยที่ตลาด แล้วชวนไปเที่ยวบางแสน หมวยดีใจรีบบอกแม่ให้ขายของไปคนเดียว ตนจะไปเที่ยวกับต้อย แล้ววิ่งออกไป...ง้วนขับรถรับดอกแก้วกลับจากโรงเรียน ดอกแก้วอ้อนขอแวะไปหาเปี๊ยก แต่ง้วนบอกว่าไม่ได้ เพราะเปี๊ยกตัดต้นไม้ให้ชบาอยู่ที่บ้าน ดอกแก้วดีใจเร่งง้วนให้ขับรถกลับบ้านเร็วๆ
เส็งเดินกร่างมาตลาดกับลูกน้อง เจ๊ส้วนเห็นรีบเรียกให้มาช่วยอุดหนุน เพราะพอหมวยไม่อยู่ก็ขายไม่ดีเลย เส็งไม่พอใจถามว่าหมวยไปไหน เจ๊ส้วนอึกอักไม่กล้าบอก เส็งตะคอกถามอีกครั้ง เล่นเอาเจ๊ส้วนตกใจหลุดปากออกไปว่าไปบางแสนกับต้อย เส็งโกรธหยิบถาดขนมปาทิ้งลงพื้น เจ๊ส้วนอ้าปากค้างเมื่อเห็นอารมณ์ร้ายของเส็ง
ลูกจ้างร้านโอ่งวิ่งหน้าตั้งมาบอกโอ่งว่าต้อยแย่แล้ว...พอโอ่งรู้เรื่องเป็นห่วงเพื่อนรีบวิ่งไปบอกเฮงกับหน่อนให้หาทางช่วยต้อย...ในขณะที่เปี๊ยกกำลังตัดแต่งต้นไม้ให้ที่บ้านชบา ดอกแก้วยกนํ้ากับขนมมาวางเบาๆ แล้วย่องมาปิดตาเปี๊ยก เขาชะงักจับมือดอกแก้วออกแล้วตำหนิ
“ต่อไปห้ามเล่นอย่างนี้อีก”
“ทำไมคะ” ดอกแก้วยังยื่นหน้ามาถามอย่างอารมณ์ดี
เปี๊ยกปล่อยมือดอกแก้วแล้วลุกยืน ดอกแก้วหน้าเสียถาม “พี่เปี๊ยกโกรธหนูเรื่องอะไร”
“เปล่า แต่คุณหนูโตแล้ว”
“ไม่เห็นจะเกี่ยวตรงไหน หรือว่าหนูโตแล้วไม่น่ารักเหมือนตอนเด็กๆ” เห็นเปี๊ยกนิ่งไปดอกแก้วจึงร้องว่า “รู้แล้ว พี่เปี๊ยกเกรงใจแม่ค้าขายบัวลอยไข่หวานใช่มั้ยล่ะ”
“ไม่ใช่นะครับ”
“อย่าเลย...หนูเห็นคนจีบเขาทั้งตลาด”
เปี๊ยกรีบบอกว่าไม่ใช่เขา แล้วมองไปที่จานขนม เปลี่ยนเรื่องถามว่าเอามาให้เขาใช่ไหม ดอกแก้วงอนตอบว่า ตอนแรกใช่ ตอนนี้ไม่ให้แล้ว เปี๊ยกเข้าไปกินขนมตุ้ยๆ ดอกแก้วหน้างอหงุดหงิด เปี๊ยกหันมาถาม ยังไม่หายโกรธเขาอีกหรือ ดอกแก้วส่ายหน้า เปี๊ยกจึงบอกว่าเขาจะเลี้ยงไอศกรีม ดอกแก้วเผลอยิ้มแล้วบึ้งตามเดิม เปี๊ยกแกล้งจะเดินไป ดอกแก้วรีบร้องว่าได้ๆ
“พูดเพราะๆก่อน” เปี๊ยกให้พูดใหม่ ดอกแก้วยอมพูดใหม่ลงท้ายว่าค่ะ เปี๊ยกยิ้มแล้วให้ไปขออนุญาตชบาก่อน ดอกแก้วยิ้มแฉ่งเดินเข้าบ้าน
ไม่นานทั้งสองก็เดินร่าเริงออกมา เฮงรออยู่หน้าบ้าน ปรี่เข้ามาบอกเปี๊ยกเรื่องต้อย ดอกแก้วยืนมองอย่างรู้แกวว่า คงผิดหวังที่จะได้ไปกินไอศกรีมกับเปี๊ยกแล้ว พอเปี๊ยกหันมาไม่ทันพูดเธอก็ก้มหน้าเดินกลับเข้าบ้านเงียบๆ เฮงแปลกใจว่าเป็นอะไร เปี๊ยกไม่ตอบแต่บอกให้รีบไปกัน
เปี๊ยกกับเฮงมาสมทบกับโอ่งและหน่อนตรงจุดที่รถทัวร์จะเข้ามาจอด เฮงถามทำไมไม่ไปรอที่ตลาดชูชีพ รถต้องไปจอดปลายทางตรงนั้น เปี๊ยกจึงบอกว่าเส็งกับพวกอาจจะรออยู่ตรงนั้นเหมือนกัน พวกเราต้องดักเตือนต้อยตรงนี้...จริงอย่างที่เปี๊ยกคาดไว้ เส็งกับผ่อง แผ้ว และกวงรออยู่ที่ตลาดชูชีพ หมายมาดจะเล่นงานต้อยให้หนัก รออยู่จนเกือบสามทุ่ม ทุกคนเริ่มเมื่อย เส็งจึงบอกลูกน้องว่า ให้เวลาถึงสามทุ่ม ถ้ายังไม่มาจะกลับ ไว้เล่นงานต้อยวันหลัง พวกลูกน้องดีใจ
เปี๊ยกกับเพื่อนพยายามมองรถทุกคันที่แล่นมาจอดให้คนลงบ้างก่อนเข้าตลาด จนรถคันสุดท้ายที่เปี๊ยกมั่นใจว่าน่าจะใช่ จึงพากันขึ้นไปบนรถ คนขับโวยวายว่าขึ้นมาเอะอะมะเทิ่งทำไม เปี๊ยกหันมายกมือไหว้ “ขอโทษนะน้า ฉันมีเรื่องคอ ขาดบาดตาย”
โอ่ง เฮง และหน่อนเดินสำรวจจนเห็นต้อยนอนหลับพิงกับหมวยอยู่เบาะหลังสุด ช่วยกันปลุกแล้วบอกว่าเส็งกับพวกดักเล่นงานอยู่ ทั้งสองตกใจ หมวยนึกได้บอกให้ต้อยลงไปกับพวกเปี๊ยก ตนจะนั่งรถเข้าท่าเพราะเชื่อว่า เส็งไม่ทำอะไรตนแน่...พอรถเข้ามาจอดท่า ต้อยหอบขนมที่ซื้อพะรุงพะรังลงรถมาเจอเส็งกับพวก แกล้งทักหน้าใสซื่อว่ามาทำไม เส็งถามหาต้อย
“หมวยจะไปรู้ได้ยังไง”
“อ้าว ก็ไหนแม่บอกว่า หมวยไปบางแสนกับไอ้ต้อย”
“โธ่เอ๊ย หมวยไปเยี่ยมยาย แม่ก็ซักอยู่นั่นแหละ หมวยรำคาญเลยบอกว่าไปกับพี่ต้อย ว่าจะบอกไปกับทิดเปี๊ยกด้วยซ้ำ”
เส็งสีหน้าดีขึ้น ถามทำไมไม่ชวนเขา หมวยทำเอียงอายต้องรักนวลสงวนตัว เส็งหลงเชื่อตามไปส่งหมวยที่บ้าน พอถึงบ้าน หมวยก็ต่อว่าเจ๊ส้วนที่บอกเส็งว่าตนไปไหนกับต้อย เจ๊ส้วนเอ็ดตะโรกลับ หมวยจึงงอนย้อนว่า “ตามใจแม่ละกัน ถ้าแม่อยากจะบอกอะไรเขาก็บอกไปแล้วถ้าพี่เส็งโกรธเลิกสนใจใยดีหมวย แม่จะมาโทษหมวยไม่ได้นะ”
เจ๊ส้วนตะโกนไล่หลังถามว่าตกลงจะเลือกใคร หมวยตะโกนกลับมาว่า เอามันหมดทุกคน เจ้ส้วนตกใจยกมือทาบอก แล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มอย่างพอใจ
ooooooo
ด้วยความเป็นห่วงฮิ้ม ง้วนจึงแอบมาหาเปี๊ยกที่บ้าน เล่าเรื่องที่ฮิ้มโดนลอบยิงให้ฟัง และกำชับไม่ให้บอกใคร เปี๊ยกตกใจรับปากจะสืบให้เองว่าใครเป็นคนทำ
วันรุ่งขึ้น เปี๊ยกแต่งตัวจะไปทำงานโรงแรมที่เขาสมัครเอาไว้ แต่เผอิญเกิดเรื่องเสียก่อน ผู้จัดการไม่ว่าอะไรยอมให้เขากลับไปทำงานได้ เขาเดินผ่านร้านผ้าของฮิ้ม เห็นเพ้งเปิดร้านอยู่คนเดียวจึงทักทายที่มาทำงานแต่เช้า เพ้งถือโอกาสบ่น
“ก็เช้าอย่างนี้ทุกวันแหละ ยิ่งตอนนี้เถ้าแก่ไล่เหมยฟ้าออก อั๊วเลยไม่มีใครช่วย”
“อ้าว...ทำไมเถ้าแกถึงไล่พี่เหมยฟ้าออกล่ะ”
เพ้งไม่อยากตอบทำเป็นจัดข้าวของ เปี๊ยกจึงเดินต่อไป จนมาถึงอีกร้านต้องชะงัก เมื่อเห็นเหมยกำลังจัดของอยู่ เปี๊ยกถามมาทำงานร้านนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เหมยยักไหล่และว่าตนต้องดิ้นรนเลี้ยงตัว พลันเพ้งเดินมา พอเห็นเปี๊ยกก็รีบหันหลังเดินกลับ เปี๊ยกแปลกใจที่ทั้งสองคนดูมีพิรุธ
เช้านี้ ฮิ้มตั้งท่าจะอบรมตี๋เล็กให้เป็นเรื่องเป็นราว ท่าทางตี๋เล็กดูอึดอัดมาก จนเตียมสงสารลูกจึงช่วยพูดขึ้นว่า “โซ้ยตี๋ ลื้อบอกว่าจะไปธุระให้ม้าไง...”
“ยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”ฮิ้มเสียงเฉียบ
ตี๋เล็กหันมองเตียมเชิงขอให้ช่วย เตียมทำเป็นบ่นว่าฮิ้มทำไมต้องเสียงดังให้ตกใจ ฮิ้มตวาดเตียมให้เงียบและสั่งตี๋เล็กนั่งลง คราวนี้เตียมตกใจเอง ฮิ้มร่ายต่อ
“ลื้อมันเข้าข้างลูกตะบี้ตะบัน ไอ้โซ้ยตี๋มันถึงได้ไม่โตสักที”
“ตัวออกเบ้อเริ่งเบ้อเทิ่งแบกนี้ ลื้อยังว่าไม่โตอีกรึ ซี้ซั้วพูกออกมาล่าย”
“บอกให้เงียบ ถ้าเงียบไม่ได้ก็ออกไป” ฮิ้มโมโหไล่ เตียมตกใจลุกขึ้นจะไป
ตี๋เล็กห้ามอย่าไปร้องว่ากลัวฮิ้มฆ่าเอา ตี๋ใหญ่รำคาญติงว่าพ่อที่ไหนจะฆ่าลูก ตี๋เล็กกลับฟ้องเตียมว่าตี๋ใหญ่ซ้ำเติม เตียมหันมาเอ็ดตี๋ใหญ่ ทำให้ฮิ้มโกรธมากลุกพรวดเดินออกไปแทน ตี๋เล็กถอนใจเฮือก ตี๋ใหญ่มองอย่างตำหนิ ไม่วายตี๋เล็กยังหาเรื่อง
“ทำไม...หรือว่าผิดหวังที่เตี่ยไม่ลงโทษผม ผมรู้นะว่าเฮียอิจฉาผมตลอดมา”
ตี๋ใหญ่เอือมจึงเดินหนี แต่ตี๋เล็กตะโกนไล่หลัง “ผมเห็นนะว่าเฮียแอบมองนังเด็กเก็บตกนั่นบ่อยๆ ฝันไปเถอะ เพราะนังเด็กนั่นต้องเป็นของผม”
คราวนี้ตี๋ใหญ่โกรธก้าวพรวดกลับมากระชากคอเสื้อ ตี๋เล็กร้องลั่นให้เตียมช่วย เตียมถลาเข้ามาผลักลูกชายคนโตกระเด็น แถมชี้หน้าไล่ ตี๋เล็กหัวเราะเยาะเย้ย รู้หรือยังว่าอั๊วลูกใคร...ตี๋ใหญ่เสียใจ ไปขึ้นรถนั่งกำพวงมาลัยแน่น ขบกรามดับความน้อยใจที่มีท่วมท้น
จากนั้น เตียมก็ซักถามตี๋เล็กว่า เรียนจบหรือเปล่า ตี๋เล็กตอบเลี่ยงไปมา พอเห็นเตียมไม่เชื่อ ก็ออดอ้อนว่าเขาลำบากมากตอนเรียนอยู่ที่นั่น ถูกเพื่อนรังแกที่เขาเรียนเก่งกว่า อิจฉาที่เขารวยกว่า ตี๋เล็กกอดประจบ “นี่ยังเล่าไม่ถึงครึ่ง แต่ผมไม่อยากเล่าต่อ ผมกลัวว่าหัวใจม้าจะสลาย ผมรู้ว่าม้ารักผมมาก ใช่มั้ยครับ”
“ใช่แล้ว...ม้ารักลื้อมากๆๆๆ” เตียมลูบแขนลูบไหล่ลูกชายด้วยความอาทร
ตี๋เล็กยิ่งประจบพูดคำหวานสารพัดเพื่อขอเงินออกไปเที่ยว จนเตียมใจอ่อนควักให้ไป
ooooooo
หลายวันผ่านไป ดอกแก้วเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียน ภารโรงเข้ามาบอกว่า มีผู้ปกครองมารอพบ พอดอกแก้วมาที่ห้องรับแขก พบตี๋เล็กยืนยิ้มกริ่มอยู่ บอกว่ามารับกลับบ้าน
“แล้วอาง้วนล่ะคะ โรงเรียนก็ยังไม่เลิกเลย” ดอกแก้วสงสัย
“เราออกไปก่อนโรงเรียนเลิกก็ได้ พี่จะพาดอกแก้วไปทานไอศกรีม แล้วก็ไป...”
“ขอบคุณค่ะ แต่ดอกแก้วต้องอยู่จนโรงเรียนเลิก แล้วก็รออาง้วนมารับ” ดอกแก้วตัดบท
“เรื่องไอ้ง้วนน่ะ ไม่เป็นไรหรอก”
“เป็นไรซิค่ะ แม่สั่งว่าใครมารับไม่ให้กลับด้วย นอกจากอาง้วนกับพี่เรียม ขอโทษนะคะ” ดอกแก้วพูดจบเดินกลับไป ตี๋เล็กมองตามด้วยความเจ็บใจ คำรามในคอว่าหนีเขาไม่พ้นหรอก
ตี๋เล็กเดินบ่นด้วยความหงุดหงิด แล้วนึกอะไรได้ รีบกลับบ้านรบเร้าให้เตียมช่วย เตียมตบอกผางพอรู้ว่าลูกชายกล้าทำขนาดนั้น ตี๋เล็กโวยวายว่าเขาอยากได้ตัวดอกแก้วเร็วๆ เตียมต้องปรามให้ลดเสียงลง เผยถลาเข้ามาถามว่าอยากได้อะไร พอตี๋เล็กบอก เผยถึงกับผงะจึงโดนตี๋เล็กตะเพิดให้ไปไกลๆถ้าช่วยไม่ได้ แล้วหันมาเขย่าแขนเตียมอ้อนวอนให้ช่วยเขาให้ได้
“อาโซ้ยตี๋...ผู้หญิงมีออกเยอะแยะ”
“แต่ผมอยากได้อาดอกแก้ว ยิ่งมันทำสะดิ้ง ผมยิ่งอยากได้ๆๆ”
“พอเลี้ยว ลื้อไม่ช่ายเหล็กๆนะ ถึงจะมาร้องอยากล่าย ผู้หลิงเหมืองอยากล่ายขนม”
“แล้วม้าจะช่วยผมหรือเปล่า ตอบมาคำเดียว”
เตียมกำลังจะสอน แต่ตี๋เล็กตัดบทให้ตอบว่าได้หรือไม่ เตียมไม่รู้จะทำอย่างไรจึงร้องว่า...อั๊วปวกจาย...เผยประคองเตียมซึ่งอ่อนระทวยเข้าห้องพยายามพูดปลอบใจ
“โถ...ก็คุณชายเล็กสันดานเสียมาตั้งแต่เด็กนี่เจ้าคะ”
เตียมสะดุ้งตบปากเผยที่มาด่าลูก เผยโอดโอย “อูย คุณนายใหญ่เจ้าขา สันดานนี่คำไทยแท้นะเจ้าคะ เสียนี่ก็เป็น...”
“หยุก ไม่งั้นอั๊วตกปากแหลกเลย” เตียมทนฟังไม่ไหว ถามถึงแผนที่เผยมี เผยเปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจังอธิบายแผนการ
เตียมเอาแผนของเผยมาบอกลูกชาย แต่ตี๋เล็กไม่เอา “ไม่ ผมต้องการเผด็จศึกโดยเร็วที่สุด ม้าไม่ได้สังเกตหรือว่า เฮียก็มองนังดอกแก้วตาเป็นมันเหมือนกัน”
“เฮียไหนอีกล่ะ”
“ก็ไอ้เฮียโกวิท เก๊าตี๋นี่ไง ผมเคยบอกม้าแล้ว”
เตียมจึงบอกว่าห้ามตี๋ใหญ่ให้เอง แต่ตี๋เล็กไม่ยอมจะเอาให้ได้เร็ววันนี้ เตียมอ่อนใจ
ooooooo
เย็นวันหนึ่ง ดอกแก้วกลับจากโรงเรียน เจอเปี๊ยกนั่งคุยอยู่กับชบาและเรียม ดอกแก้วยังโกรธทำเป็นไม่สนใจเปี๊ยกเดินผ่านขึ้นห้องไป ชบาเรียกให้มาทานขนมเบื้องที่เปี๊ยกทำมาให้ก็ไม่สนใจ จนเปี๊ยกลากลับจึงมายืนแอบมองตรงหน้าต่าง เปี๊ยกเงยหน้ามองอย่างผิดหวัง
ชบาเข้ามาถามดอกแก้วในห้องนอนว่าโกรธอะไรเปี๊ยก ดอกแก้วบ่ายเบี่ยงไม่เล่า ขอตัวอาบน้ำทำการบ้าน...เปี๊ยกเดินมาถึงประตูบ้าน แทนไทขับรถมาจอดพอดี เปี๊ยกจึงช่วยเปิดประตูให้ แทนไทมองเปี๊ยกอย่างถูกชะตา เปี๊ยกก็มองแทนไทอย่างเป็นมิตร
ชบาต้อนรับแทนไท ให้เรียมเอาน้ำและขนมเบื้องที่เปี๊ยกทำออกมาให้แทนไททาน ดอกแก้วลงมา ชบาให้มาทานด้วยกัน ดอกแก้วเบ้หน้าบอกว่าเบื่อแล้วไม่เห็นอร่อย แทนไทชมว่าอร่อยมาก ชบาแกล้งว่าเห็นดอกแก้วกินหมดทุกที
“ก็ตอนนั้นมันหิวนี่คะ...หนูไปทำการบ้านต่อดีกว่า” ดอกแก้วงอนลุกเดินไป
ชบาส่ายหน้าบอกแทนไทว่าคงยังงอนเปี๊ยกอยู่ แทนไท รู้สึกสะกิดใจทำไมต้องงอนขนาดนี้...ทางตึกใหญ่ ตี๋เล็กกำลังจะออกไปเที่ยว เห็นรถแทนไทจอดอยู่หน้าเรือนชบาก็ไม่พอใจจะไปเอาเรื่อง เตียมรีบห้ามถ้ามีเรื่องจะทำให้แผนการที่วางกันไว้พังหมด จึงฮึดฮัดออกไป
ดอกแก้วเดินเลาะมาบ้านใหญ่เห็นง้วนรดน้ำต้นไม้อยู่ จึงชวนง้วนไปเป็นเพื่อน ง้วนแปลกใจที่ดอกแก้วพาเดิน มาในซอยบ้านเปี๊ยก จึงถามว่าขออนุญาตชบาแล้วหรือ ดอกแก้วรับรองแข็งขันว่าแม่สอนไม่ให้โกหก พอมาถึงหน้าบ้าน ดอกแก้วให้ง้วนเรียกเปี๊ยกออกมา หมวยเห็นปรี่เข้ามาแขวะ “อุ๊ยต๊าย คุณหนูดอกแก้วจริงๆนั่นแหละ คุณหนูมาทำอะไรที่นี่คะ...อย่าบอกนะว่ามาหาเปี๊ยก”
ดอกแก้วไม่พอใจ จึงตอบว่ามาเดินเล่น หมวยหัวเราะเสียงแหลม “ตาย ตาย...ตาย ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างคุณหนูดอกฟ้า จะมาเดินดิน โดยเฉพาะในตรอกซอกซอยอันน้อยนิดแห่งนี้”
“ฉันแวะมาหาเจ๊เสียง พอดีคุณหนูขอตามมาเที่ยวตลาดด้วย” ง้วนตอบแทน หมวยไม่เชื่อ ง้วนจึงบอกว่าชบาให้เอาเงินค่าผัดไทยกับขนมเบื้องมาให้เสียง
ดอกแก้วรีบเออออว่าใช่ หมวยเบ้หน้า เปี๊ยกกลับมาพอดีทักง้วนกับดอกแก้วมาทำอะไรที่นี่ หมวยหัวเราะเยาะส่งตาหวานให้เปี๊ยก “เห็นมั้ย แม้แต่เปี๊ยกยังสงสัยเลย ใช่มั้ยจ๊ะเปี๊ยก”
เปี๊ยกแปลกใจที่หมวยทำเสียงหวาน ดอกแก้วถลึงตาใส่อย่างโกรธจัด หมวยแกล้งเกาะแขนเปี๊ยกไล่ “คุณหนูกลับไปเถอะค่ะ เดี๋ยวคนแถวนี้เขาจะนินทาได้ว่าดอกฟ้ามาหา หมาวัด”
เปี๊ยกตกใจไล่หมวยให้กลับไป หมวยคิดว่าไล่ดอกแก้ว แต่ดอกแก้วสวนกลับว่าไล่หมวยต่างหากแล้วสั่งเปี๊ยกเสียงเฉียบให้ไปกับตน หมวยรีบห้าม
“อย่าไปนะเปี๊ยก แม่นั่นเขาวางอำนาจใส่ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ”
เปี๊ยกไม่สนใจหมวย เดินตามดอกแก้วไป หมวยโกรธเต้นผาง...เปี๊ยกเดินตามเรียกดอกแก้ว แต่เธอกลับหันมาไล่ให้เขากลับไปหาหมวย เปี๊ยกทำหน้าดุแล้วถามว่ามีธุระอะไรกับเขา ดอกแก้วตวัดเสียงตอบว่าไม่มี เปี๊ยกจึงถามแล้วมาที่นี่ทำไม ดอกแก้วผลักอกเปี๊ยกขึ้นเสียงสูง
“อ๋อ เค้าอยากมา เค้าก็มา หรือว่าพี่ เอ๊ย...นายเปี๊ยกเป็นเจ้าของ”
เปี๊ยกเอ็ดว่าเหลวไหล ดอกแก้วยิ่งพาลหาว่าตนไม่ดีเลิศเหมือนหมวย ง้วนเห็นไปกันใหญ่จึงชวนให้กลับ ดอกแก้วน้ำตาคลอ เปี๊ยกของ้วนคุยกับดอกแก้วสักครู่ ดอกแก้วไม่ยอมคุย ผลักอกเปี๊ยกแล้วเดินปึ่งๆกลับไป เปี๊ยกมองตามพลางส่ายหน้า
ooooooo
ด้วยความขี้งอนของดอกแก้วทำให้เปี๊ยกเดินเซ็งกลับบ้าน หมวยมาดักยั่วยวนแต่เปี๊ยกไม่สนใจ หมวยจึงว่าเปี๊ยกจะต้องเสียใจที่ไขว่คว้าดอกแก้ว เปี๊ยกตอบว่าเขาไม่มีวันเสียใจแน่ และที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยเสียใจเลย หมวยทำหน้าไม่เชื่อ เปี๊ยกยิ้มและพูดเปรยๆก่อนจะเดินเลยไป
“เพราะความรักแท้คือการเสียสละ การที่เห็นคนที่รักมีความสุขสมบูรณ์พร้อมทุกประการ นี่คือความพอใจที่สุดแล้ว”
หมวยมองตามหลังเปี๊ยกด้วยความพิศวง ไม่เข้าใจสิ่งที่เปี๊ยกพูด...พอต้อยแวะมาชวนไปเที่ยวอีก หมวยจึงเลียบเคียงถามถึงเปี๊ยกและให้ต้อยเตือนเปี๊ยกเรื่องดอกแก้วบ้าง เกรงจะอกหัก
ยิ่งหงุดหงิดจากเปี๊ยกมา กลับบ้านยังเจอตี๋เล็กมาก้อร่อ– ก้อติกอยู่ตรงหน้าต่างห้อง ดอกแก้วโกรธจนทนไม่ไหว ตัดสินใจเล่าเรื่องที่ตี๋เล็กไปรับที่โรงเรียนให้ชบาฟัง ชบากลุ้มใจเป็นห่วงลูกสาว จึงคิดว่าต้องมีคนคอยดูแลคุ้มครอง ชบาตัดสินใจไปบ้านเปี๊ยก สมศรีออกมาเปิดประตูรับด้วยความแปลกใจ
เปี๊ยกและสมศรีนั่งฟังชบาพูดเรื่องอยากให้เปี๊ยกช่วยดูแลดอกแก้วเวลาอยู่นอกบ้าน สมศรีแย้งว่าเรื่องใหญ่อย่างนี้น่าจะบอกให้ฮิ้มจัดการ แต่ชบาหนักใจ
“ฉันรู้นิสัยอุดมดี เขาไม่มีวันเชื่อใครหรอก โดยเฉพาะมีแม่คอยให้ท้ายอย่างนั้น”
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ คุณชบา ถ้าคุณหนูออกจากบ้านเมื่อไหร่ผมจะดูแลเธอเอง”
ชบาขอบอกขอบใจเปี๊ยก แต่สมศรีสีหน้าหนักใจ...พอชบากลับไป สมศรีก็เตือนน้องชายว่าตัวเองมีงานต้องทำ แล้วจะเอาเวลาที่ไหนมาทำหน้าที่ผู้พิทักษ์ เปี๊ยกว่าชบากับฮิ้มมีบุญคุณต่อเขามาก สมศรีแย้งว่าบุญคุณก็ส่วนบุญคุณ เปี๊ยกจึงตัดบทว่า เขาโตแล้วรู้ว่าควรทำอย่างไร
“เออ...ให้มันรู้จริงๆเถอะ คนแบบแกน่ะ ฉันเห็นมามากแล้ว”
“คนอย่างผมมันเป็นยังไง” เปี๊ยกฉุน
“ก็หมาเห็นเครื่องบินไง เคยได้ยินมั้ย” สมศรีเตือน เล่นเอาเปี๊ยกสะอึกเถียงไม่ออก...
สมศรีมาบ่นกับหงวนที่ร้าน เพราะรู้สึกผิดว่าพูดกับน้องแรงเกินไป หงวนตำหนิว่าเรื่องที่ควรพูดก็ไม่พูด กลับไปพูดเรื่องไม่ควรพูด สมศรีย้อนถามหมายถึงเรื่องที่แม่ท้องกับสามีใหม่หรือ ทำไมไม่พูดเอง หงวนโวยว่าไม่ใช่เรื่อง สมศรีโต้ หงวนก็เป็นญาติผู้ใหญ่ทำไมจะไม่ใช่เรื่อง หงวนชะงักพูดไม่ออก สมศรีลากลับฝากหงวนขอโทษเปี๊ยกให้ด้วย
ooooooo
วันต่อมา เปี๊ยกมาสังเกตการณ์ ทำทีเป็นซื้อของฝั่งตรงข้ามร้านที่เหมยทำงาน เพื่อดูท่าทีของเหมย แล้วจึงมาสอบถามง้วนที่ร้านว่าทำไมฮิ้มถึงไล่เหมยออก ง้วนเล่าว่าเรื่องเกิดตอนที่เปี๊ยกไปบวช ฮิ้มจับได้ว่าเหมยยักยอกเงินในบัญชี แต่ไม่รู้ว่าเพ้งยังติดต่อกับเหมยอยู่ เปี๊ยกคิดว่าท่าทางไม่ได้ติดต่อกันธรรมดา เอาเป็นว่าเขาจะจับตาดู ไม่ทันไร เพ้งเดินมาใกล้ เปี๊ยกกับง้วนจึงเปลี่ยนเรื่องคุย สักพักง้วน
บอกว่าต้องไปรับฮิ้มแล้ว เปี๊ยกเองก็ลากลับ เพ้งมองตามอย่างสงสัย
เปี๊ยกมาหาเกรียงที่โรงพัก เพื่อขอให้จับตาดูเพ้งหน่อย เพราะเขาสงสัยว่าจะเป็นคนลอบยิงฮิ้ม เกรียงคาดไม่ถึง แต่รับปากจะคอยดูให้
“ขอบใจมาก เถ้าแก่มีพระคุณกับข้า” เปี๊ยกสำนึกในบุญคุณ
“ไม่ใช่แค่นั้นมั้ง...เป็นเพราะลูกสาวเถ้าแก่ด้วยหรือเปล่า” เกรียงดักคอเพราะรู้มาจากโอ่ง
“อย่าพูดอย่างนี้อีก ข้าไม่คู่ควรกับคุณหนู แล้วก็ไม่เคยคิดกับคุณหนูแบบนั้นด้วย” เปี๊ยกดูเศร้า เดินกลับไปเงียบๆ เกรียงมองตามหลังเพื่อนด้วยความแปลกใจ...
ด้วยความร้อนใจ เพ้งมาบอกเหมยว่าดูท่าง้วนกับเปี๊ยกจะสงสัย เหมยงงว่าเปี๊ยกมาเกี่ยวอะไรด้วย แล้วตำหนิว่าเป็นเพราะเพ้งที่ไม่จ้างมือปืนไปยิง ดันยิงเองแล้วก็ไม่แม่น เพ้งว่าเขายิงแม่นแต่ฮิ้มดวงยังไม่ถึงฆาต เหมยกลัวเสียเรื่องจึงออดอ้อน เอาใจเพ้งว่าที่ตนทำ ไปเพื่ออนาคตของเราสองคน เห็นเพ้งทำงาน ให้ฮิ้มมานานจนรวยเอาๆ แต่เพ้งก็ยังดักดานเหมือนเดิม เพ้งหลงเหมยจนหัวปักหัวปําจึง
คล้อยตามทุกอย่าง
เกรียงมาที่ร้าน เปี๊ยกกำลังช่วยหงวนขายผัดไทย เกรียงบอกว่าได้ส่งคนไปเฝ้าดูเพ้งไว้แล้ว...เปี๊ยกเห็นกวงมาเฝ้าหมวยแทนเส็งจึงแกล้งสั่งขนมให้มาส่งที่ร้าน หมวยตักขนมหวานแล้วเลยใช้กวงเอาไปให้ กวงไม่ค่อยพอใจเพราะเคยมีเรื่องกับเปี๊ยกจะวางกระแทก เกรียงดักคอให้วางเบาๆ กวงเกรงใจเพราะเกรียงเป็นตำรวจ จงไม่กล้าหือ เปี๊ยกยิ้มเยาะ...
งานโรงแรมที่เปี๊ยกทำ เป็นงานเดินเอกสาร เปี๊ยกนอบน้อมถ่อมตน มีมนุษยสัมพันธ์ดี ทำให้เพื่อนร่วมงานเอ็นดู...เสร็จจากงาน เปี๊ยกก็ยังไปช่วยงานที่บ้านชบา วันนี้เขาเอาต้นนมแมวไปลงให้ใหม่แทนต้นที่ตายไป เผอิญแทนไท มาหาดอกแก้ว เธอจึงแกล้งทำเป็นจูงมือจูงไม้แทนไทต่อหน้าเปี๊ยก แทนไทเห็นเปี๊ยกขุดดิน อยากผูกมิตรด้วยจึงเข้ามาถาม มีอะไรให้เขาช่วยไหม
“ยืนเฉยๆอยู่อย่างนั้นน่ะดีแล้ว” เปี๊ยกแดกดันเล็กๆ
“เอ๊ะ พี่ต้นเขาเป็นเพื่อนดอกแก้วนะ คุณพ่อเขาก็เป็นสารวัตร”
เปี๊ยกยืดตัวขึ้นพูดสวนออกไป “แม่ผมเป็นแม่ค้า ส่วนผมเป็นพนักงานเดินหนังสือในโรงแรม แล้วพวกคุณจะมายืนดูผมปลูกต้นไม้ทำไมมิทราบ”
“ผมต้องขอโทษแทนดอกแก้วด้วยนะครับ น้องยังเด็ก ไม่ได้มีเจตนา...” แทนไทพูดไม่ทันจบ ดอกแก้วขัดขึ้น
“ไม่ต้องขอโทษ เพราะดอกแก้วมีเจตนา คอยดูนะเค้าจะฟ้องแม่” ดอกแก้วโกรธลากแทนไทออกไป...เปี๊ยกก้มหน้าขุดดินด้วยความหงุดหงิด
ชบาเห็นอาการดอกแก้วก็รู้ว่ามีปัญหากับเปี๊ยก จึงเดินมาหาเปี๊ยกเอาเงินค่าต้นไม้ให้ แต่เปี๊ยกไม่รับ ขอเป็นการตอบแทนบุญคุณบ้าง ชบาจึงถามว่าทำอะไรให้ดอกแก้วโกรธ เปี๊ยกเองก็ไม่รู้ ชบาจึงให้ไปคิดดูแล้วจัดการเสีย ไม่อย่างนั้นจะงอนไม่เลิก...
เปี๊ยกกลุ้มใจกลับบ้าน ต้องแปลกใจเมื่อเจอเสียงกับปุ๊กำลังคุยอย่างสนุกสนานกับหงวนและจิ๊บ พอเห็นเปี๊ยก เสียงก็ทำหน้าเกรงใจเพราะไม่รู้ว่าลูกหายโกรธหรือยัง เปี๊ยกรู้ว่าแม่คลอดน้องแฝดจึงถามว่าน้องแฝดได้กี่เดือนแล้ว เสียงยิ้มด้วยความดีใจรีบตอบ
“แปดเดือนกว่าแล้ว เปี๊ยกสบายดีหรือลูก”
เปี๊ยกนั่งลงข้างแม่ก่อนจะตอบ “ครับ...แม่ก็ดูมีน้ำมีนวลขึ้น”
เสียงตื้นตันโผกอดลูกชายน้ำตารื้น...คืนนั้น เสียงมาช่วยหงวนที่ร้าน เปี๊ยกชวนเพื่อนๆมาที่ร้านดูคึกคัก หมวยเอาใจตักขนมหวานมาให้กินกัน ผ่องผ่านมาเห็นรีบรายงานเส็ง เปี๊ยกกำลังบอกให้โอ่งกลับบ้านเดี๋ยวเมียเป็นห่วง เส็งกับพวกเดินกร่างเข้ามา
“ใครสั่งบัวลอยไข่หวานมากิน” เส็งกวาดตามองไปที่ขนมหวานบนโต๊ะ
“ไม่มีใครสั่ง หมวยเล็กมีน้ำใจเอามาให้เอง” เปี๊ยกเย้ย
เส็งไม่พอใจหาเรื่องว่าเปี๊ยกส่งสายตาจีบหมวย เฮงว่าเส็งถ้าจะบ้า เส็งหันมาว่าเฮงอย่าแส่ เปี๊ยกหมั่นไส้แกล้งนั่งกินขนมบัวลอยยั่ว เส็งยิ่งโกรธไม่ทันเห็นว่าเกรียงนั่งอยู่ด้วย จึงเข้าไปกระชากคอเสื้อเปี๊ยกดึงขึ้น เกรียงถอดหมวกแล้วลุกยืน พอเส็งเห็นก็เกรงกลัวปล่อยคอเสื้อเปี๊ยก
“ผู้หมวดนั่นเอง กำลังนึกว่าใครหน้าคุ้นๆ”
“ทำไมหมวยเล็กถึงจะขายขนมบัวลอยให้คนอื่นกินบ้างไม่ได้” เกรียงถาม
เส็งตอบว่าเพราะเขาเหมาหมดแล้ว หมวยขัดขึ้นว่าไม่จริง เส็งรีบบอกว่าเขากำลังเหมาอยู่นี่ไง หน่อนแกล้งตะโกนขึ้นว่าเส็งเหมาบัวลอยให้ทุกคนกินฟรี เส็งห้ามไม่ทัน หมวยกับแม่ช่วยกันตักขนมแจกผู้คน เส็งเจ็บใจหันมาถลึง
ตาใส่ และคิดว่าเปี๊ยกเป็นคู่แข่งของเขาไม่ใช่ต้อย
ooooooo
เสร็จงานร้าน เปี๊ยกคุยกับเฮงและหน่อนให้ช่วยหาคนที่ไว้ใจได้ให้หนึ่งคน จะเอาไปทำงานตัดหญ้าดูแลสวนให้ชบา เพราะช่วงนี้เขายุ่งเรื่องงานที่โรงแรมและยังงานเปียลำไยอีก
“แต่ก่อน ต่อให้งานหนักแค่ไหน เอ็งก็ต้องหาเวลาไปทำสวนให้คุณชบาจนได้”
“แต่ก่อนกับตอนนี้ไม่เหมือนกัน” เปี๊ยกตอบหน่อน
เฮงถามบ้างว่าไม่ต้องสอนการบ้านดอกแก้วแล้วหรือ เปี๊ยกพูดไปยิ้มเยาะตัวเองไปว่าตอนนี้ดอกแก้วมีคนสอนใหม่แล้ว หน่อนกับเฮงถอนใจ “โธ่เอ๊ย ที่แท้ก็น้อยใจคุณหนูนี่เอง”
เปี๊ยกปฏิเสธแล้วจะเดินหนี เฮงถาม “เปี๊ยก เอ็งรักคุณหนูใช่ไหม ถ้าเอ็งรักคุณหนู เอ็งก็ไม่ควรถอยออกมา”
เปี๊ยกสะดุ้ง หน่อนเห็นด้วยเพราะเปี๊ยกเป็นคนพบดอกแก้ว เปี๊ยกรีบห้าม “บอกแล้วไงว่าห้ามพูดเรื่องนี้เด็ดขาด คุณหนูเป็นลูกคุณชบากับเถ้าแก่ฮิ้ม เธอมีกำเนิดที่สูงส่ง”
“ไอ้เปี๊ยกเอ๊ย...” เฮงอ่อนใจ
“คนไม่มีอะไรเลยอย่างข้าไม่เหมาะสมแม้แต่จะคิดอย่างนั้น” เปี๊ยกเจียมตัวเสมอ
“หมายความว่าเอ็งจะปล่อยให้คนอื่น” หน่อนถาม
“คนอื่นที่เอ็งว่ามีชาติตระกูล มีฐานะ และน่าจะเป็นคนดีที่เหมาะสมคู่ควรกับคุณหนูทุกอย่าง...พอแล้ว ห้ามพูดถึงเรื่องนี้อีกเด็ดขาด ถ้าพวกเอ็งยังเป็นเพื่อนข้าอยู่” เปี๊ยกพูดตัดบทแล้วเดินไป ปล่อยเพื่อนสองคนถอนใจมองหน้ากัน
ไม่เพียงคำพูดเพื่อนที่กวนใจ กลับมาบ้าน เสียงยังมาคุยกับเปี๊ยก “เห็นอาหงวนบอกว่าระยะหลังมานี้ เปี๊ยกดูเครียดๆ”
“อาหงวนตื่นแต่เช้ากว่าจะกลับก็ดึกจะเอาเวลาที่ไหนมาสังเกต” เปี๊ยกหัวเราะกลบเกลื่อน
“อาหงวนเขาเป็นห่วงเปี๊ยก”
เปี๊ยกลงนอนหนุนตักแม่บอกว่าเขาไม่เป็นอะไรหรอก แล้วเปลี่ยนเรื่องถามว่าเสียงจะกลับพรุ่งนี้ใช่ไหม ศรมารับหรือเปล่า เสียงพยักหน้า เปี๊ยกโล่งใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง เปี๊ยกบอกแม่ว่าเขาไม่อิจฉาน้องหรอก เลยวัยนั้นมาแล้ว เสียงยิ้มให้ลูกด้วยความรัก ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะทำอาหารเช้าไว้ให้ก่อนกลับ เปี๊ยกยิ้มให้แม่สบายใจ...
วันรุ่งขึ้น เปี๊ยกพาพรมาเป็นคนงานใหม่ให้ชบา ชบาแปลกใจถามเปี๊ยกจะไปไหน เปี๊ยกตอบว่าช่วงนี้เขาไม่ค่อยว่าง ชบาไม่ติดใจ...เข้าบ้านมาดูแลดอกแก้วแต่งตัวทานข้าวไปโรงเรียนแล้วเลยบอกเรื่องเปี๊ยกพาพรมาทำงานแทน ดอกแก้วชะงักไม่พอใจ แต่กลบเกลื่อนว่าเปี๊ยกไม่อยากทำงานให้แล้วก็ไม่ต้องง้อ พูดจบก็คว้ากระเป๋าออกไปขึ้นรถ ไปโรงเรียน
พอดอกแก้วไปแล้ว ฮิ้มมากินอาหารเช้ากับชบา ทำให้เตียมคร่ำครวญปวดใจ ตี๋ใหญ่ปลอบว่าเตี่ยทานข้าวบ้านทุกวัน จะไปทานบ้านโน้นบ้างไม่เห็นเป็นอะไร เตียมโวยวายหาว่าผัวทรยศแล้วลูกยังเข้าข้างเมียน้อย ทรยศแม่อีก เตียมร้อง...อั๊ว
ปวกจายๆๆ...อยู่อย่างนั้น
ฮิ้มมาคุยกับชบาเรื่องแทนไทว่าสารวัตรกับคุณนายอยากได้ดอกแก้วเป็นลูกสะใภ้ ชบาเห็นว่าดอกแก้วยังเด็กอยู่ แต่ฮิ้มว่าอีกปีสองปีก็เป็นสาวแล้ว
“แล้วเฮียคิดว่ายังไงล่ะคะ”
“ลูกชายสารวัตรเพียบพร้อมทุกอย่าง”
“อ้าว...เห็นวันนั้นทำท่าไม่พอใจ”
“ก็ใช่ แต่พอคิดไปคิดมา อาดอกแก้วจะได้มีคนเปรียบเทียบบ้าง ไม่ใช่เห็นมันเป็นวีรบุรุษอยู่คนเดียว”
“เฮียหมายถึงใคร” ชบาถามทั้งที่รู้ว่าหมายถึงเปี๊ยก...ฮิ้มก้มหน้ากินข้าวไม่ตอบ
พอทานเสร็จ ฮิ้มให้ชบาไปแต่งตัวจะพาออกไปเที่ยว ชบาแปลกใจ...เตียมกำลังคร่ำครวญให้ตี๋เล็กฟัง ทั้งที่ตี๋เล็กยังนอนหลับตาอยู่บนเตียงในห้องนอน หาว่าตี๋ใหญ่ชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน ทำเป็นเรียนภาษาไทยไม่รู้เรื่องต้องจ้างครูมาสอน แล้วกลายมาเป็นเมียน้อยทิ่มแทงใจ
“ลำพังนังเมียน้อยคงเลียวก็ไอ๊หยาเลี้ยว นี่ยัง...” เตียมพูดไม่ทันจบ มีเสียงเคาะประตูรัว
ตี๋เล็กหงุดหงิดโวยวาย “โว้ย...นี่มันวันโลกาวินาศเรอะไงเว้ย”
“ม่ายช่ายน่อ ม่ายช่าย วังนี้วังพะรึหัก ปีนี้วังพะรึหักเป็งอะทิบอ...ลี” เตียมพาซื่อ
เผยเปิดประตูเข้ามารายงานว่าฮิ้มพาชบาแต่งตัวสวยออกไปข้างนอก ตี๋เล็กดีใจ แต่เตียมร้องว่า...อั๊วปวกจาย...เตียมเดินงุ่นง่านเป็นกังวล เพราะตี๋เล็กจะดำเนินตามแผนของเผย ใจหนึ่งก็กลัว ภาวนาให้ฮิ้มกับชบากลับมาก่อนดอกแก้ว เผยเตือนว่าถึงไม่ทำวันนี้ วันหน้าก็ต้องทำอยู่ดี
“ถ้านังชบารู้ยังม่ายเท่าไหร่ แต่ถ้าอาเฮียรู้ อั๊วยังนึกพากไม่ออกว่าจะทำยังไง”
“พอถึงเวลาแล้วก็นึกออกเองนั่นแหละเจ้าค่ะ”
เตียมถอนใจ เผยปรามห้ามถอนใจ เตียมบ่นท้อใจเผยก็ห้ามพูด เตียมชักหงุดหงิด เอาพัดฟาดหัวเผย “ลื้อนั่งแหละ ห้างขักคออั๊ว ห้างทะลุกลางป้อง อั๊วรู้แล้วว่าอั๊วต้องทำ...”
ตี๋เล็กตื่นเต้น เตรียมตัวจัดการกับดอกแก้ว
ooooooo
ฮิ้มพาชบามาเดินซื้อของแถวราชวงศ์ แวะทานข้าวหน้าไก่เจ้าอร่อย ชบาเริ่มกังวลมองนาฬิกาว่าใกล้เวลาโรงเรียนดอกแก้วจะเลิก ฮิ้มบอกไม่ต้องห่วง ถ้าดอกแก้วกลับบ้านก่อนก็มีเรียมดูแลอยู่ นานๆจะออกมาเที่ยวทั้งที เขาอยากให้ชบามีความสุข ชบาอดประชดเล็กๆไม่ได้ว่าที่มานี่ขออนุญาตเตียมหรือยัง ฮิ้มถามทำไมต้องขอ เขาจะไปไหนมาไหนก็ได้
ใกล้เวลาดอกแก้วจะกลับ เรียมเตรียมทำขนมปังหน้าหมูไว้ให้ เผยเกร่เข้ามาในครัว ทำจมูกฟุดฟิด เรียมตกใจไล่ให้ออกไป เผยว่าไม่เห็นมีใครอยู่เลยเดินเข้ามา เรียมจึงโอ้อวด
“เถ้าแก่พาคุณชบาไปเที่ยวราชวงศ์ คุณชบาเธอแต่งตัวสวยเชียว”
“เหรอ...แล้วเมื่อไหร่กลับล่ะ” เผยแอบเบ้ปากก่อนจะถาม
“เย็นค่ำ ย่ำสุริยามั้ง เห็นว่าจะซื้อนาฬิกา เสื้อผ้าสวยๆ...” เรียมพูดไม่ทันจบ
เผยเดินหนีกลับไปเสียแล้ว เรียมคิดว่าคงรีบไปรายงานเจ้านาย...พอตี๋เล็กรู้ว่าชบากว่าจะกลับก็ค่ำ ดีใจสุดๆผิดกับเตียมที่เก็กซิม ปวดใจ สามีพาเมียน้อยไปเที่ยวจับจ่าย กินของอร่อย
“เพราะฉะนั้น ม้าต้องแก้แค้น” ตี๋เล็กยุ “ไม่นึกเลยว่า เหตุการณ์ทุกอย่างมันจะเป็นใจขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่บุพเพสันนิวาสแล้วจะเรียกว่าอะไร พอวางแผนปุ๊บ ทั้งอาเตี่ยทั้งเมียน้อยก็ไม่อยู่บ้านปั๊บ”
แต่เตียมยังคร่ำครวญเจ็บใจ ตี๋เล็กปลอบแล้วสั่งเผย “ม้าครับ...ม้าไม่ต้องเสียใจ ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย ผมจะพาม้าไปกินข้าวหน้าไก่ราชวงศ์เอง นังเผย...แกคอยดูไว้นะว่าดอกแก้วกลับมาเมื่อไหร่ เราจะได้เริ่มทำตามแผนทันที...”
ตกเย็น ดอกแก้วกลับมา เรียมให้ไปล้างมือก่อนมาทานของว่าง เผยรีบรายงานตี๋เล็ก และทำตามแผน แต่ไม่ลืมย้ำเตียม
“คุณนายใหญ่ต้องจำใส่ศีรษะไว้เลยนะเจ้าคะ ว่าถึงจะได้ยินเสียงร้องดังขนาดไหนก็ห้ามเปิดประตูออกมาเด็ดขาด”
“ถ้านังดอกแก้วมังเรียกอั๊วล่ะ”
“ก็ไม่ต้องออกค่ะ ทำเป็นว่าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ถึงแม้จะได้ยินเต็มสองรูหูก็ตามเจ้าค่ะ”
เผยวิ่งมาเรือนชบา สอดส่ายสายตาไม่เห็นเรียม จึงแอบเรียกดอกแก้ว แล้วหลอกว่าเตียมไม่สบายให้ช่วยไปดูหน่อย ที่บ้านไม่มีใครอยู่ ตนก็ความรู้น้อยนิดทำอะไรไม่ถูก ดอกแก้วลังเลแต่ก็เป็นห่วงจึงขอไปบอกเรียมก่อน เผยรีบห้ามแล้วบอกให้ดอกแก้วรีบไป ตนจะไปบอกเรียมเอง ดอกแก้วหลงเชื่อ เดินตรงไปบ้านใหญ่
เข้ามาในตึกใหญ่ ดอกแก้วร้องเรียกเตียม แต่เงียบไม่มีเสียงตอบ เธอจึงตัดสินใจเดินขึ้นข้างบน ด้วยความไม่รู้ว่าอยู่ห้องไหนจึงเดินร้องเรียก “คุณแม่ใหญ่ขาๆๆ...”
เพราะความกลัว เตียมเอาหูแนบประตูฟัง ดอกแก้วตัดสินใจจะกลับไปตามเผย พลันมีเสียงประตูห้องสุดท้ายแง้ม จึงหันกลับไปมอง ค่อยๆเดินไปผลักประตู แล้วเธอต้องชะงักเพราะตี๋เล็กยืนยิ้มอยู่ในห้อง เขาบอกเธอว่าเตียมนอนอยู่ให้เข้ามา
“ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อกี้เผยบอกว่าพี่ตี๋เล็กไม่อยู่” ดอกแก้วระวังตัวแจ
“เหรอ...นังเผยมันคงไม่เห็นมั้ง” ตี๋เล็กแสยะยิ้ม
ดอกแก้วหวาดกลัวหันหลังกลับจะวิ่ง ตี๋เล็กกระชากแขน “จะไปไหน...”
“ปล่อยนะ พี่ตี๋เล็ก ไม่งั้นดอกแก้วจะตะโกนให้คนช่วย”
“ก็เอาสิ แต่จะเตือนว่า ต่อให้แกร้องจนคอแตกตายก็ไม่มีใครช่วยหรอก”
ดอกแก้วร้องตะโกนให้เรียมช่วยด้วย ตี๋เล็กหัวเราะจับเธอเหวี่ยงเข้าไปในห้อง “นังเรียมมันมาไม่ทันหรอก แกมันตัวแสบ นังแม่แกก็เหมือนกัน วันนี้ฉันจะล้างแค้นให้แม่ของฉัน มานี่”
ดอกแก้วดิ้นรนต่อสู้ ถูกตี๋เล็กตบหน้าหัน เธอเอาตัวรอดด้วยการกัดแขนตี๋เล็กจนเขาร้องลั่นปล่อยมือ เธอวิ่งหนีออกจากห้องจะไปที่บันได ตี๋เล็กตาม พลันเตียมเปิดประตูออกมา ตี๋เล็กชะงักหันไปตะคอก “ม้าออกมาทำไม...”
เตียมเดินไปจับแขนดอกแก้ว “ลงไปคุยข้างล่างเถอะ”
ดอกแก้วรีบประคองเตียมพาเดินลงบันไดด้วยเกรงจะเป็นลมตกลงไป แต่ใจคอยังสั่นไม่หาย ตี๋เล็กโกรธผลุนผลันกลับเข้าห้องปิดประตูโครม...ดอกแก้วให้เตียมนั่งที่โซฟา เตียมหันมาลูบแขนดอกแก้วเชิงขอร้อง “อาหลอกแก้ว ลื้อใจเย็งๆก่อง อาโซ้ยตี๋อีไม่ล่ายตั้งใจ”
“ยิ่งกว่าตั้งใจอีกค่ะ แล้วนี่ก็เป็นครั้งที่สองด้วย”
“ลื้ออย่าฟ้องอาเตี่ยล่ายมั้ย...”
“ไม่ได้ค่ะ ครั้งแรกยังพออภัย แต่ครั้งที่สองนี่ ไม่เด็ดขาด”
“อาหลอกแก้ว...” เตียมโอดครวญ ดอกแก้วนึกได้เพ่งพิศว่าไม่สบายไม่ใช่หรือ เตียมรู้ตัวรีบทำเป็นอ่อนแรง “ไม่ซา...บาย...ใช่แล้ว อั๊วไม่ซา...บาย อูย มังปวกไปหมด ปวกจายล่วย”
“ไปหาหมอดีกว่าค่ะ ดอกแก้วจะไปบอกอาง้วน” ดอกแก้วจะลุกขึ้น
เตียมรั้งไว้รีบบอกว่าตนหายแล้ว และบีบน้ำตา “อาหลอกแก้ว ลื้อให้สังญากะคุงแม่หญ่ายล่ายมั้ย นึกว่าสงสาร เห็งจายคุงแม่หญ่ายบึ้มล่วย ล่ายโปรกการูนา...”
ด้วยความรักลูก เตียมถึงขนาดคุกเข่าประสานมือขอร้องดอกแก้ว ทำเอาดอกแก้วตกใจดึงเตียมให้ลุกขึ้น เผยเข้ามาเห็นตกใจเอามืออุดปากไม่ให้มีเสียงอุทานรีบหลบแอบดู ดอกแก้วขอร้องไม่ให้เตียมทำแบบนี้เดี๋ยวตนอายุสั้น เตียมพลั้งปาก “ลี...เอ๊ย...ไม่ลี...”
ดอกแก้วขอให้เตียมลุกขึ้นนั่งเก้าอี้ แต่เตียมกลับบีบน้ำตาขอร้อง “ลื้อต้องสัญญากะอั๊วก่องว่า จะไม่ฟ้องอาเตี่ย จะไม่บอกใครทั้งนั้น ไม่งั้งคุงแม่หญ่ายจะนั่งคุกเข่าไหว้ลื้ออยู่ยังงี้ ทั้งวังทั้งคืงเลย”
เตียมก้มหัวปลกๆ ดอกแก้วหนักใจจำต้องรับปาก ทั้งที่เจ็บใจและโกรธมาก เตียมดีใจโอบกอดขอบใจดอกแก้ว เผยที่แอบดูอยู่ตาเบิ่งโพลงไม่คิดว่าเตียมจะทำขนาดนี้
ดอกแก้วกลับมาที่เรือน เรียมปรี่เข้ามาถามว่าหายไปไหนมา ดอกแก้วโกหกว่าไปเดินเล่น พอเรียมเห็นรอยแดงที่หน้ากับผมเผ้ายุ่งเหยิงก็ตกใจถามโดนอะไรมา ดอกแก้วว่าตนหกล้มหน้าฟาด แล้วรีบขอตัวไปทำการบ้าน เรียมมองตามอย่างสงสัย
ooooooo
ตบพื้นโป้งเมื่อเผยได้ฟังเตียมบอกเหตุผลที่ยอมกราบปลกๆดอกแก้ว “มิน่า คุณนายใหญ่บึ้ม ถึงเหลือเล็กนิดเดียว ต้องกราบมัน น่าเวทนา”
“ถ้าอั๊วไม่ทังยังงั้ง มีหวังมังต้องฟ้องอาเฮีย ตายยกคัวกังหมด โลยฉะเพาะอาตี๋เล็ก อีต้องโดงเนละเทกออกไปจากบ้านนี้แน่ๆ”
“นับว่าเป็นความชาญฉลาดของคุณนายใหญ่เจ้าค่ะ”
“อั๊วแค้งใจนักที่ต้องไหว้กราบนังเหล็กหลอกแก้ว”
“อย่าว่าแต่คุณนายใหญ่บิ๊กบึ้มเลยเจ้าค่ะ แม้แต่อีเผยยังสุดแสนแค้นจนแทบกระอักเลือด คิดดูสิคะว่ามันน่าทุเรศเวทนาขนาดไหน ที่คนขนาดคุณนายใหญ่ต้องลงไปคุกเข่ากราบไหว้เด็กข้างถนนอย่างนังคนนั้น โถ...ลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้ อาจจะเป็นพวกหยำฉ่าก็ได้”
เผยยิ่งพูดเตียมยิ่งแค้น สั่งให้เผยหยุดพูด แต่เผยเมามันพูดไปอีกว่าป่านนี้คงไปเล่ากันสามบ้านแปดบ้านแล้ว เตียมโกรธฟาดหัวเผยโครม เผยร้องโอดโอยยอมหยุดแต่โดยดี เตียมลุกเดินจะไปหาตี๋เล็ก เผอิญกำลังลงมาพอดี “จะไปไหน อาโซ้ยตี๋”
“จะออกไปให้พ้นๆบ้านหลังนี้”
“ลื้ออย่าโกรธอาม้าเลยนะ อาม้าทังไปเพราะความหวังลี”
“เนี่ยนะหวังดี เขาเรียกว่าหวังร้ายต่างหาก ถ้าม้าไม่มาขัดขวาง ป่านนี้นังดอกแก้วเป็นเมียผมไปแล้ว ม้าเป็นมารขวางความสุขผมต่างหาก ผมเสียใจ ผมเกลียดม้า”
เตียมสะอึกน้ำตาไหลพรากร้องว่า “ไอ้หยา...อาโซ้ยตี๋ว่าอั๊วเป็นมาง อั๊วปวกจาย...”
ตี๋เล็กวิ่งมาเจอเผยชะเง้อคอมองก็ด่าว่าเหมือนฮิปโปชูคอ เผยหน้าหงายเคืองมาก บ่นปอดแปดว่าทำอย่างตัวเองแก่แล้วจะไม่ลงพุงหัวโล้นบ้างก็แล้วไป...
อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เรียมเตรียมยามาประคบหน้าให้ดอกแก้ว ทำไปบ่นไปไม่อยากเชื่อว่าล้มหน้ากระแทกเพราะรอยมันเหมือนโดนอย่างอื่น ดอกแก้วเจ็บใจที่บอกไม่ได้ จึงว่าตนโง่เองที่ล้มท่าพิสดาร เรียมยิ่งงง
คืนนั้น เผยเอาน้ำใบบัวบกมาให้เตียม แล้วอดไม่ได้ที่จะยุแยงว่าดอกแก้วอาจจะผิดสัญญา ทำให้เตียมเริ่มกังวล ตี๋ใหญ่กลับมาพอดีจึงถามยุแยงตะแคงรั่วอะไรอีก เผยหน้าเสียปฏิเสธเสียงอ่อย เตียมเห็นตี๋ใหญ่ก็รีบบอกว่ามีเรื่องจะปรึกษา...พอตี๋ใหญ่รู้เรื่องที่ตี๋เล็กทำก็โมโหมาก
“ลื้ออย่าโกรธน้องสิ อั๊วให้ลื้อมาช่วยคิก”
“ผมไม่ช่วยหรอกครับ ม้าเองก็ไม่ต้องช่วย มันกล้าทำเลวๆขนาดนี้”
เตียมโกรธประกาศตัดขาดแม่ลูกถ้าไม่ช่วย ตี๋ใหญ่ว่าจะทำให้ตี๋เล็กเคยตัว เตียมไม่สนใจ ถามคำเดียวจะช่วยหรือไม่ ตี๋ใหญ่ถอนใจเฮือกด้วยความหนักใจ...ตี๋ใหญ่นั่งรอน้องชายกลับมาจนดึก พอตี๋เล็กเดินเข้าบ้านมา ตี๋ใหญ่ก็ชกหน้าโครม ชี้หน้า “สำหรับที่แกบังอาจทำกับดอกแก้ว”
“ทำไม...นังดอกแก้วดอกขวดนั่นมันวิเศษขนาดไหน หา...วิเศษขนาดไหน” ตี๋เล็กลุกขึ้นชกคืน แต่วืดชกลม และโดนพี่ชายชกเข้าอีกหมัด
ตี๋เล็กยิ่งโกรธลุกขึ้นถลาจะเข้าใส่ตี๋ใหญ่ เสียงฮิ้มดังขึ้น “นั่นอะไรกัน...”
ทั้งสองชะงัก เตียมลงมาวิ่งเข้าไปทุบตีตี๋ใหญ่ “อาเก๊าตี๋ ลื้อต่อยน้องทังไม โถ...อาโซ้ยตี๋ของม้า ไอ้เก๊าตี๋มังใจร้าย อาโซ้ยตี๋ของม้าไม่เคยทังอาลายมัง”
ตี๋ใหญ่มองเตียมด้วยแววตาเจ็บช้ำ น้อยใจ ฮิ้มตะโกนขึ้นว่าให้หยุดคร่ำครวญแล้วบอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น ตี๋เล็กรีบพูดขึ้นก่อนว่าไม่มีอะไร เตียมโวยไม่มีได้อย่างไร ตี๋เล็กถลึงตาใส่เตียม
“ผมบอกว่าไม่มีก็ไม่มีสิม้า ผมกับเฮียซ้อมชกมวยกันครับ บังเอิญหมัดเฮียหนักไปหน่อย เอาไว้ผมจะซ้อมมาใหม่ ระวังตัวไว้นะเฮีย”ตี๋เล็กพูดเป็นนัยๆก่อนจะเดินเลี่ยงไป
ฮิ้มเดินตามเตียมขึ้นห้อง เขาถามเตียมอยู่บ้านทุกวันต้องรู้ว่าลูกสองคนมีปัญหาอะไรกัน เตียมส่ายหน้าไม่รู้ เพราะตนอยู่บ้านแต่ลูกๆไม่ได้อยู่บ้าน ฮิ้มหงุดหงิดที่เตียมบ่ายเบี่ยงไม่บอก
ooooooo
บรรยากาศตลาดคึกคัก เปี๊ยกช่วยหงวนขายผัดไทย แทนไทแวะมาทักทายและสั่งผัดไทยหนึ่งจาน เปี๊ยกไม่ค่อยพอใจบอกไปว่าต้องรอนานหน่อย หงวนเห็นท่าทีเปี๊ยกจึงถามว่ารู้จักหรือ เปี๊ยกตอบว่าลูกชายสารวัตรใหญ่ หงวนตกใจจะรีบทำให้ก่อน เปี๊ยกห้าม ทุกคนต้องตามคิว
พอดีเส็งกับพวกนั่งส่งเสียงก่อกวนอยู่ร้านหมวย หงวนเกรงใจรีบให้จิ๊บเอาผัดไทยไปเสิร์ฟแทนไทก่อน ท่าทีแทนไทสุภาพอ่อนโยนดูเป็นมิตรจนจิ๊บแปลกใจ แต่เปี๊ยกไม่สนใจ...
วันนี้ดอกแก้วไม่ไปโรงเรียนเพราะเป็นวันหยุด พยายามหลบหน้าหลบตาชบาแต่ก็ไม่พ้น ชบาถามลูกสาวว่าไม่ได้มีเรื่องกับใครแน่หรือ ดอกแก้วหัวเราะกลบเกลื่อนจะไปมีเรื่องกับใครได้ ตนหกล้มจริงๆ...ด้านตี๋เล็กเอาอกเอาใจเตียม ตักข้าวตักกับให้ ตี๋ใหญ่ลงมาจะออกไปทำงาน เตียมเรียกไว้ ตี๋ใหญ่พยายามเก็บความน้อยใจถามว่า “ม้ามีอะไรหรือครับ”
“ก็ม้าบอกให้เข้ามาไง” ตี๋เล็กวางอำนาจสั่ง
ตี๋ใหญ่โกรธ “ฉันต้องไปทำงาน ไม่ได้อยู่ว่างๆผลาญเงินไปวันๆ”
ทั้งเตียมและตี๋เล็กสะดุ้ง เผยยื่นหน้ามาว่า “คุณชายใหญ่เสียดสีคุณชายเล็กเจ้าค่ะ คุณนาย”
“ทังไมลื้อเป็งคงหยั่งงี้ อาโซ้ยตี๋เป็งน้องชายคางกาดึ้บ กาดึ้บตามลื้อออกมา แต่ลื้อกลับรังเกียจชิงชังอี”
ตี๋เล็กว่าตี๋ใหญ่อิจฉาที่ม้ารักเขามากกว่า เตียมบ่นพี่น้องต้องรักกัน ตี๋ใหญ่น้อยใจเดินหนี เตียมตะโกนไล่หลัง “ลื้อจังไว้เลยนะ ว่าอาโซ้ยตี๋ทังอาลายก็ไม่ผิก เพราะอั๊ว อกรงมากักมือ”
เห็นตี๋ใหญ่ไปแล้ว เตียมจึงหันมาบอกตี๋เล็กว่าช่างมันให้กินข้าวกันต่อ แต่ตี๋เล็กกลับบอกให้เตียมร่วมมือกับเขาอีกครั้ง ถ้าครั้งนี้ไม่สำเร็จ เขาจะออกจากบ้านนี้ เตียมตกใจหน้าเหวอ...
เห็นพรทำสวนอยู่ ดอกแก้วเดินเลียบเคียงเข้ามา ถามถึงเปี๊ยกเป็นอย่างไรบ้าง พรตอบเหมือนท่องมาว่า ทำมาหากินตามอัตภาพ พอดอกแก้วถามอีกว่าใครบอกให้ตอบอย่างนี้ พรก็พูดซื่อๆว่าเปี๊ยกสั่ง ดอกแก้วเม้มปากไม่พอใจ...พอพรทำงานเสร็จเดินกลับบ้าน เจอเปี๊ยกกลางทาง เปี๊ยกก็ถามถึงดอกแก้วเป็นอย่างไรบ้าง พรตอบว่า หกล้มหน้ากระแทกพื้น เท่านั้นเปี๊ยกก็แล่นมาที่บ้านชบา ชะเง้อมองเข้าไป
ในบ้าน ตี๋เล็กมาเห็นโวยวายว่าเปี๊ยกมาขโมยของ เปี๊ยกบอกว่าเปล่า ตี๋เล็กจึงแสยะยิ้มและว่า “สมกันยังกะผีเน่ากับโลงผุ”
เปี๊ยกถามหมายถึงใคร ตี๋เล็กตอบว่า “ก็แกเป็นผีเน่า ส่วนอีนังคนนั้นมันก็คือโลงผุ”
เท่านั้นเปี๊ยกก็ชกโครมเข้าที่หน้าตี๋เล็กหงายหลังไป ตี๋เล็กโกรธชี้หน้าด่าเปี๊ยก...
ooooooo