ตอนที่ 1
ท่ามกลางสายน้ำขนาดใหญ่เสมือนหัวใจของชาวลานเท เรือน้อยใหญ่สัญจรไปมาไม่ขาด หนึ่งในจำนวนนี้มีเรือโยงของสมิงและพ่อแม่ที่เพิ่งกลับบ้านเกิดหลังจากไปค้าขายไกลถึงกรุงเทพฯ
เมื่อกล่าวถึงลานเท แน่นอนว่าผู้คนต้องนึกถึงลำตัด และแม่เพลงที่ดังกระฉ่อนก็เห็นจะไม่มีใครเกินศรีนวล ลูกสาวคนเดียวของกำนันธง ความงามของศรีนวลระบือไกลทั่วเจ็ดคุ้งน้ำ เธอจึงเป็นที่หมายปองของหนุ่มทั้งหลาย และความรักของหนุ่มที่ทุ่มสุดหัวใจก็คือสมิงนั่นเอง ไม่ว่าจะไปค้าขายไกลถึงไหนแต่เมื่อใดถึงวันเกิดของศรีนวล สมิงเป็นต้องรบเร้าพ่อแม่ให้เดินทางกลับลานเทเช่นนี้ทุกปี
กำนันธงจัดงานวันเกิดให้ลูกสาวคนสวยโดยมีชาวบ้านมาร่วมงานมากหน้าหลายตา ในจำนวนนี้มีบันลือลูกชายเถ้าแก่ชิ้นที่วางท่านักเลงโตมีสมุนติดตามล้อมหน้าล้อมหลังราวกับผู้ทรงอิทธิพล ชาวบ้านลานเทรู้จักสองพ่อลูกดีเพราะส่วนใหญ่ก็เป็นลูกหนี้ของเถ้าแก่ชิ้นซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าหนี้หน้าเลือด
ความสวยสะพรั่งในวัยเต็มสาวของศรีนวลเตะตาตรึงใจบันลือจนไม่อาจนั่งดูเธอแสดงลำตัดกับชาวคณะได้เพียงอย่างเดียว เขาเดินขึ้นเวทีหมายเชยชมชื่นใจสาวงามโดยไม่เกรงใจกำนันธงแม้แต่น้อย พอศรีนวลสะบัดหนีเขาก็ไม่พอใจถึงกับชักปืนออกมายิงขึ้นฟ้า ทำเอาชาวบ้านหวีดร้องด้วยความตกใจ
ขณะที่ศรีนวลถูกบันลือใช้ปืนจี้บังคับ สมิงโผล่จากมุมหนึ่งเตะปืนในมือบันลือกระเด็นไป ตามด้วยถีบอีกเปรี้ยงจนนักเลงประจำถิ่นเซถลาตกเวที สมุนวิ่งพล่านลงมาประคองเจ้านาย แต่ไม่ทันไรสมิงก็โดดลงมาตะลุมบอน อีกครู่หนึ่งด้วยเชิงมวยที่เหนือกว่า ก่อนที่เถ้าแก่ชิ้นจะ เดินดุ่มเข้ามาร้องห้ามแถมทำท่าจะเอาเรื่องสมิงที่กล้าดีมาทำร้ายลูกชายสุดที่รักของตน
กำนันธงกับพ่อแม่ของสมิงเพิ่งเข้ามาสมทบและ ได้ยินศรีนวลยืนยันกับเถ้าแก่ชิ้นว่าสมิงไม่ได้เป็นคนเริ่ม ชาวบ้านทุกคนเป็นพยานได้ว่าบันลือขึ้นมาลวนลามเธอบนเวที
“ก็คนมันเมา เอ็งจะไปถือสาอะไรมันเล่า”
“เมายังไงก็ไม่มีสิทธิ์ทำผิด สมิงมันทำถูกแล้วที่เข้ามาช่วย เถ้าแก่ชิ้นควรจะขอบคุณสมิงมันมากกว่าที่จะมากล่าวโทษ หากฉันจะเอาความไอ้บันลือลูกเถ้าแก่ก็คงไม่รอดคุกแน่”
เถ้าแก่ชิ้นชำเลืองมองกำนันธงอย่างไม่พอใจ แต่จำใจต้องพูดตรงกันข้าม “ก็ได้ ครั้งนี้ฉันขอขอบใจกำนันธงที่จะยกโทษให้ลูกฉัน แต่สำหรับเอ็งไอ้สมิง ลูกไอ้ชุบนังสาย...เราคงได้เห็นดีกันแน่”
อาฆาตครอบครัวสมิงแล้ว เถ้าแก่ชิ้นก็พยักพเยิดให้ลูกน้องพาบันลือกลับออกไป ทิ้งความกังวลใจไว้ให้ชุบกับสาย เนื่องจากทั้งคู่ทราบดีว่าเถ้าแก่ชิ้นต้องเล่นงานเรื่องหนี้สินแน่นอน ชุบบอกเล่าให้กำนันธงฟังว่าตนกับเมียเป็นหนี้เถ้าแก่ชิ้นมา 4 ปีแล้ว ปีนี้ตั้งใจจะเอาเงินมา ใช้ แต่มาเกิดเหตุแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่สมิงมั่นใจว่าเราส่งดอกไม่เคยขาด แค่เอาเงินมาใช้หนี้มันจะทำอะไรเราได้
“เอ็งไม่รู้อะไร ไอ้เถ้าแก่ชิ้นเนี่ยมันเหมือนคนอื่นเขาซะทีไหน ถ้าไม่พอใจใคร มันก็หาเรื่องยึดบ้านยึดที่ดินมานักต่อนักแล้ว”
“นั่นสิ มันจะมายึดเรือโยงของเราหรือเปล่าก็ไม่รู้”
สองผัวเมียบ่นอย่างกลัดกลุ้ม ศรีนวลฟังแล้วหนักใจแทน ก่นด่าเถ้าแก่ชิ้นว่าหน้าเลือดจริงๆ ฝ่ายสมิงก็ยืนกรานไม่ยอมให้มันมายึดง่ายๆแน่
“เขามีสัญญาเงินกู้ แล้วยังมีตำรวจเป็นพวก ยังไงเราก็คงขัดขืนไม่ได้หรอกสมิง”
“เอาเถอะ อย่าเพิ่งคิดอะไรตอนนี้เลย ยังไงถ้าข้ารู้ก็คงไม่ปล่อยให้พวกมันมารังแกพวกเอ็งหรอก” กำนันธงให้กำลังใจสองผัวเมีย เช่นเดียวกับศรีนวลที่กล่าวจริงจังว่าตนรักและนับถือลุงกับป้าเหมือนพ่อแม่ ถ้ามันมาอีกเมื่อไหร่คงได้เห็นดีกัน
ooooooo
เช้าวันใหม่ ไม่มีใครคาดคิดว่ามเหศักดิ์โจรร้าย แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยาจะปล้นสะดมชาวบ้านกลางวัน แสกๆอย่างไม่เกรงกลัวทางการ เนื่องจากมีนายอำเภอหนุนหลัง โดยที่พวกชาวบ้านไม่มีใครรู้เห็น
มเหศักดิ์และสมุนปล้นฆ่าชิงทรัพย์ชาวบ้านอย่างโหดเหี้ยม กำนันธงทราบข่าวจึงนำพาลูกบ้านมาสกัดแต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะพวกมันมีทั้งปืนและระเบิด สมิงกับศรีนวลต้องวางแผนอย่างรัดกุมแต่แล้วก็ยังพลาดอยู่ดี ศรีนวลถูกมเหศักดิ์จับเป็นตัวประกัน แต่เธอก็ไหวพริบดีแกล้งเจ็บขาเดินไม่ไหว พลางส่งสายตาให้สมิงจู่โจม ทำให้มเหศักดิ์ถูกยิงเฉี่ยวไหล่และล่าถอยหลบหนีไปพร้อมสมุน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านถ้วนหน้า และหลายคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าจะพึ่งทางการอย่างเดียวคงยาก ดังนั้นกำนันธงกับผู้ใหญ่ด้วงจึงกระตุ้นให้ทุกคนหมั่นฝึกอาวุธให้เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ผู้หญิงก็ต้องฝึกด้วยโดยมีศรีนวลซึ่งเก่งกาจสามารถไม่แพ้ชายอกสามศอกช่วยฝึกให้...
ที่บ้านเถ้าแก่ชิ้น วันนี้ลุงอ้อนกับลูกชายนำเงินจำนวนสามพันมาใช้หนี้ แต่เถ้าแก่ชิ้นกลับบอกว่าเงินไม่ครบ นับกี่ครั้งก็ได้แค่สองพันสี่ พอเหิมลูกชายลุงอ้อนยืนยันว่าครบและจะขอนับใหม่ต่อหน้า เถ้าแก่ชิ้นก็เจ้าเล่ห์หัวหมอว่าตนถือเคล็ด เงินถึงมือตนแล้วเอาคืนไม่ได้ วันนี้ถือว่าแค่ส่งดอก ถ้าอยากได้ที่นาคืนก็ไปหาเงินมาให้ครบ
“แบบนี้มันโกงกันชัดๆนี่”
“อย่าปากมากไอ้เหิม ถ้ายังไม่อยากตาย” บันลือปรี่มาขย้ำคอเหิมเพื่อข่มขู่ ลุงอ้อนตกใจรีบเข้าห้ามแต่กลับโดนบันลือผลักกระเด็น เหิมพุ่งเข้าใส่อย่างเหลืออดแต่ที่สุดก็โดนบันลือซ้อมจนสะบักสะบอมทั้งพ่อทั้งลูกก่อนลากตัวออกไปโยนหน้าบ้านแล้วสำทับด้วยท่าทีนักเลงโต
“จำเอาไว้ เอ็งสองคนพ่อลูก ถ้าคราวหน้ากำแหงอีก ข้าไม่เลี้ยงไว้แน่”
สองพ่อลูกร้องโอดโอยพยุงกันเดินจากไปด้วยความเจ็บแค้น สวนกับชายสองคนใส่หมวกพรางหน้าแต่เหิมก็จำได้ว่าคนหนึ่งคือมเหศักดิ์!
มเหศักดิ์รู้จักมักคุ้นกับเถ้าแก่ชิ้นและบันลือเป็นอย่างดีเพราะเอาของมีค่าที่ปล้นได้แต่ละครั้งมาขายให้สองพ่อลูกอยู่เนืองๆ หลังจากคุยกันไปมาสักครู่สองฝ่ายรู้ว่ามีศัตรูคนเดียวกันคือสมิง จึงตกลงว่าจะร่วมมือกันจัดการสมิงให้อยู่ลานเทต่อไปไม่ได้
เพียงวันถัดมา มเหศักดิ์ก็พาลูกน้องบุกถึงเรือโยงของสมิง เดชะบุญที่สมิงออกจากเรือไปบ้านกำนันธงตั้งแต่เช้า พ่อแม่จึงรับเคราะห์แทนโดนโจรห้าร้อยยิงไม่ยั้ง โดยมีขวดเห็นเหตุการณ์รีบวิ่งไปบอกสมิงให้มาช่วย แต่กว่าสมิงกับพวกกำนันธงจะมาถึงสองผัวเมียก็สิ้นใจเสียแล้ว อีกทั้งพวกมเหศักดิ์ก็ล่องหนไปแล้วเช่นกัน ทิ้งไว้เพียงจดหมายท้าทายให้สมิงตามไปเจอกันได้ที่ซ่องยายจันทร์
สมิงอ่านจดหมายนั้นด้วยความแค้นแต่ไม่ยอมปริปากบอกใครๆโดยเฉพาะศรีนวลที่พยายามคาดคั้นเพราะเป็นห่วง หลังจากเผาศพพ่อแม่แล้วสมิงก็มุ่งหน้าไปซ่องยายจันทร์ในตอนค่ำโดยไม่รู้ว่ามเหศักดิ์มีนายอำเภอเป็นกองหนุนทำให้เขาเกือบถูกจับกุมและเอาชีวิตไม่รอดถ้าไม่ต่อสู้ป้องกันตัวโดยยิงนายอำเภอกับลูกน้องคนสนิทล้มลง ก่อนจะวิ่งหลบหนีไปท่ามกลางกลุ่มควันและเปลวไฟ
เช้าตรู่ ผู้คนในลานเทต่างทราบข่าวแล้วมาเล่าให้กำนันธงฟัง แต่เรื่องราวที่เล่าขานกลับไม่เป็นความจริงแม้แต่นิดเดียว สมิงถูกใส่ร้ายว่าเป็นโจรก๊กใหม่บุกปล้นซ่องแล้วฆ่านายอำเภอกับลูกน้อง โดยมีพวกเถ้าแก่ชิ้นตามมายืนยันด้วยตัวเอง
“เมื่อคืนไอ้สมิงมันร่วมมือกับเสือมเหศักดิ์ยกพวกบุกไปปล้นซ่องนางโลม แล้วก็เกิดผิดใจกัน มันเลยยิงกับเสือมเหศักดิ์ นายอำเภอรู้ก็เลยยกกำลังมาล้อมปราบ ไอ้สมิงก็เลยยิงนายอำเภอและพวกตายไปหลายคน”
“ไม่จริง สมิงไม่มีวันเป็นโจรเด็ดขาด”
“แหม...ศรีนวล เข้าข้างไอ้สมิงเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ ทีกับพี่ละก็ค้อนเอาๆ”
ศรีนวลตาขวางใส่บันลือที่ปากยื่นปากยาว กำนันธงเองก็ไม่ค่อยพอใจนักแต่ไม่อยากต่อความให้ยืดเยื้อจึงตัดบท
“ไม่ว่าเรื่องนี้จะจริงไม่จริงยังไง ข้าไม่เชื่อเด็ดขาด ต้องหาหลักฐานมายืนยัน พวกเราทุกคนอย่าเพิ่งเชื่อข่าวลือ คนลานเทต้องรักและสามัคคีกันไว้ เอาละตอนนี้แยกย้ายกันไปทำมาหากินเถอะ ถ้ามีข่าวอะไรคืบหน้าข้าจะเอามาบอก”
ชาวบ้านทำท่าจะแยกย้ายกัน แต่เถ้าแก่ชิ้นห้ามไว้ อ้างว่าวันนี้ถึงกำหนดส่งต้นส่งดอก ถ้าใครมีปัญหาหรืออยากจะคุยกับตำรวจก็เชิญ
บันลือกางสมุดรายชื่อลูกหนี้ ขณะที่เถ้าแก่ชิ้นพยักพเยิดให้ตำรวจที่มาด้วยออกโรง
“เรื่องหนี้สิน ถ้ามีสัญญาถูกต้อง ตำรวจก็ต้องทำตามหน้าที่ ใครเบี้ยวเจอซังเตแน่นอน”
“ใครก็ช่วยพวกเอ็งไม่ได้ทั้งนั้น แม้แต่กำนันธง ผู้ใหญ่ด้วง เพราะข้ามีสัญญาเงินกู้ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง...ไปคุยกันที่โรงพัก ขอโทษนะกำนัน ผู้ใหญ่”
เถ้าแก่ชิ้นกับบันลือต้อนลูกหนี้ออกไปได้ครู่เดียว ศรีนวลก็ได้ยินเสียงเป่าปาก ซึ่งเธอจำได้แม่นจึงกระซิบบอกพ่อว่าสมิงอยู่แถวนี้ ก่อนจะค่อยๆปลีกตัวออกไปด้วยกันโดยไม่บอกผู้ใหญ่ด้อง
สองพ่อลูกไปพบสมิงที่เถียงนาแล้วซักถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน สมิงยืนยันตนไม่ได้ปล้นใคร จุดหมายเดียวที่ไปก็เพื่อล้างแค้นมเหศักดิ์เท่านั้น
“แล้วทำไมนายอำเภอกับพวกถึงต้องตาย”
“นายอำเภอเป็นพวกเดียวกับไอ้มเหศักดิ์ มันร่วมมือกันวางแผนให้สมิงเข้าไปติดกับ...ที่นายอำเภอต้องตาย สมิงจำเป็นต้องป้องกันตัว”
“เรื่องบานปลายแบบนี้เราจะทำยังไงดีล่ะพ่อ” ศรีนวลวิตกกังวล
“ปัญหานี้คงแก้ยากแล้วสมิงเอ๊ย หากเอ็งคิดจะมอบตัวสู้คดีก็ต้องทำใจยอมติดคุกไปก่อน แล้วก็รอจนกว่าศาลท่านจะตัดสิน”
“กว่าศาลจะตัดสินว่าสมิงบริสุทธิ์ สมิงก็ติดคุกฟรีสิพ่อ”
“เรื่องนี้แล้วแต่เอ็งจะตัดสินใจนะสมิง” พูดแล้วกำนันธงก็มองหน้าสมิงอย่างหนักใจ
ooooooo
ไม่ทันข้ามวัน สมิงก็อดรนทนไม่ได้กับความร้ายกาจของเถ้าแก่ชิ้นกับบันลือ สองพ่อลูกคดโกงลุงอ้อนอย่างหน้าด้านๆ หาว่าแกไม่หาเงินมาไถ่ถอนที่ดินตามกำหนด จึงต้องยึดบ้านยึดที่ดินในวันนี้
เหิมลูกชายลุงอ้อนไม่ยินยอมเลยมีปากเสียงกับสองพ่อลูกยกใหญ่ เป็นเหตุให้เรื่องบานปลายเพราะความบ้าบิ่นของบันลือที่จุดไฟเผากระท่อมของลุงอ้อนจนมอดไหม้ต่อหน้าต่อตาตำรวจที่มาด้วย โดยอ้างว่าในเมื่อที่ดินผืนนี้เป็นของพ่อตนแล้วกระท่อมหลังนี้ก็ไม่ควรมีอยู่อีกต่อไป
เมื่อสมิงปรากฏตัวพร้อมพวกกำนันธง เถ้าแก่ชิ้นเร่งตำรวจให้จับไอ้โจรร้ายที่เป็นพวกเดียวกับมเหศักดิ์ซึ่งปล้นฆ่านายอำเภอเมื่อคืน
“ไม่จริง คนที่เป็นพวกเดียวกับเสือมเหศักดิ์ก็คือพวกแก วันนั้นฉันเห็นเสือมเหศักดิ์ไปที่บ้านแก ฉันกับพ่อจำได้”
“ปากดีนักไอ้เหิม ตายซะเถอะมึง”
เถ้าแก่ชิ้นแย่งปืนจากตำรวจมายิงเหิมหมายจะปิดปาก แต่ลุงอ้อนกระโดดเข้าบังร่างลูกชายกระสุนปืนจึงโดนแกตายคาที่ แทนที่เถ้าแก่ชิ้นจะวางมือกลับกระหน่ำยิงเหิมอีกครั้งแต่ก็พลาดเป้าเพราะสมิงขว้างไม้มากระแทกมือเขาจนปืนหล่นลงพื้น บันลือเห็นดังนั้นก็จะเก็บขึ้นมายิงแต่ถูกสมิงสกัดด้วยกำปั้นแล้วแย่งปืนนั้นมาได้
ตำรวจเห็นท่าไม่ดีคิดจัดการกับสมิงขั้นเด็ดขาด ศรีนวลจะเข้าไปช่วยแต่กำนันธงดึงเธอหลบเข้าที่กำบัง แต่พวกชาวบ้านที่รักใคร่สมิงต่างให้ความช่วยเหลือ เถ้าแก่ชิ้นเห็นว่าฝ่ายตนกำลังเสียเปรียบจึงรีบหอบสัญญาเงินกู้หนี ส่วนตำรวจก็ต้องล่าถอยเนื่องจากชาวบ้านมีมากกว่า
หลังจากเหตุการณ์สงบลง ศรีนวลรีบมาขอโทษสมิงที่เมื่อสักครู่เธอไม่ได้ช่วยเขา
“ดีแล้ว หากศรีนวล กำนันธง และผู้ใหญ่ไปมีเรื่องกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง พวกชาวบ้านลานเทจะขาดที่พึ่ง”
“เอ็งเห็นจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้วสมิง”
“แต่ฉันจะหนีไปไหนได้ล่ะกำนัน ลานเทเป็นบ้านของฉัน”
“หาที่ซ่อนตัวเสียก่อนเถอะวะ รอให้เรื่องเงียบก่อนแล้วค่อยกลับมาใหม่”
“เชื่อพ่อเถอะนะ ศรีนวลยังไม่อยากให้สมิงเป็นอะไรไป”
สมิงชะงัก หันมองศรีนวลซึ่งเป็นเจ้าหัวใจของเขาด้วยความภักดี และในที่สุดก็ยินยอมเดินทางไปกับสองพ่อลูกซึ่งตั้งใจพาเขาไปซ่อนตัวในที่ที่ไม่มีใครรู้จัก โดยมีหนุ่มๆอีกจำนวนหนึ่งที่ขอร่วมเป็นร่วมตายกับสมิงติดตามมาด้วย
กำนันธงกับศรีนวลนำพาพวกสมิงเข้าไปในป่าดิบรกชัฏ ลัดเลาะไปเรื่อยจนถึงหน้าถ้ำซึ่งมีชัยภูมิดีเหมาะสำหรับเป็นที่อยู่อาศัย สมิงและหนุ่มชาวบ้านพากันมองรอบทิศด้วยความสงสัย
“ที่นี่คือผาช่องลม ฉันเคยมาล่าสัตว์กับพ่อบ่อยๆ แต่พ่อไม่ให้บอกใคร พ่อกะไว้ว่าหากมีโจรมาปล้นหมู่บ้าน แล้วเราสู้ไม่ได้จริงๆก็จะอพยพพวกผู้หญิงกับเด็กมาซ่อนตัวกันที่นี่”
“ศรีนวลจำทางเข้าออกได้ยังไง มันวกวนมาก”
“ใช่ ถ้าเดินออกไปก็คงหลง กลับเข้ามาอีกไม่ถูกแน่”
“เรื่องทางเข้าออกเอาไว้ฉันจะบอกเคล็ดลับให้ทีหลัง ตอนนี้ขอสมิงกับพวกเราพักอยู่ที่นี่ไปก่อน เรื่องอาหารการกินคงหาไม่ยาก เพราะตรงลำธารด้านโน้นมีวังปลาอุดมสมบูรณ์ ในป่าก็มีทั้งกล้วยทั้งลูกไม้ป่า”
“ไม่ต้องห่วง เราจะอยู่ที่นี่รอข่าวจากศรีนวล”
“งั้นตกลงตามนี้นะพวกเรา”
สมิงและหนุ่มๆทุกคนพยักหน้ารับโดยพร้อมเพรียง
ooooooo
มเหศักดิ์หลบมาพักรักษาตัวที่บ้านเถ้าแก่ชิ้นหลังจากถูกสมิงยิงบาดเจ็บที่ซ่องเมื่อหลายวันก่อน พออาการดีขึ้นเขาก็เตรียมตัวแก้แค้นด้วยการจะออกปล้นในนามสมิงที่เถ้าแก่ชิ้นได้ป้ายความผิดประกาศจับสมิงในข้อหาเป็นโจรปล้นฆ่านายอำเภอไปแล้ว
บันลือเองก็แค้นสมิงไม่หายที่โดนขัดคอครั้งก่อนในงานวันเกิดศรีนวล เขาจึงร่วมทีมกับมเหศักดิ์ปล้นชาวบ้านและประกาศปาวๆว่า “ไอ้เสือสมิงบุก!”
การกระทำของมเหศักดิ์กับบันลือทำให้ตำรวจตามล่าตัวสมิงไม่เว้นวัน แต่กำนันธงกับศรีนวลไม่เชื่อว่าสมิงทำเช่นนั้นจริง แล้ววันหนึ่งศรีนวลก็หลบออกจากหมู่บ้านมุ่งหน้ายังผาช่องลมเพื่อไปพบสมิง แต่ยังไม่ทันถึงที่หมายเธอไหวตัวเสียก่อนว่ามีคนสะกดรอยตาม จึงล่อหลอกเปลี่ยนเส้นทางกะทันหัน
บันลือนั่นเอง! เขาพาพวกสารวัตรสมภพติดตามศรีนวลตั้งแต่ออกจากบ้าน และเมื่อจับได้ว่าศรีนวลไหวตัวจึงไล่กวดเธอด้วยการยิงปืนขู่ แต่ศรีนวลก็ยิงตอบโต้พลางหลบหนีไปเรื่อย เสียงปืนทำให้สมิงกับเพื่อนๆต้องออกจากผาช่องลมมาดูลาดเลาก่อนจะพบว่าศรีนวลกำลังตกอยู่ในอันตราย
พวกสมิงซุ่มยิงสกัดตำรวจจนช่วยศรีนวลไว้ได้ ส่วนบันลือกับตำรวจก็ล่าถอยกลับไปเมื่อเห็นสารวัตรสมภพถูกยิงบาดเจ็บ ศรีนวลบอกเล่าเรื่องสมิงถูกใส่ร้ายว่าเป็นโจรปล้นชาวบ้าน ปรากฏว่าสมิงรู้ก่อนหน้านี้แล้วจากพวกพรานป่าที่มาล่าสัตว์
ศรีนวลกับสมิงคิดเห็นตรงกันว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือบันลือ และสมิงก็มั่นใจว่าชื่อเสียงของตนป่นปี้หมดแล้วถึงจะปฏิเสธยังไงก็คงไม่มีใครเชื่อ ตนคงกลับไปเป็นชาวบ้านธรรมดาไม่ได้อีกแล้ว ถ้าพวกเขาคิดว่าตนเป็นโจรตนก็จะเป็นให้ดู
“ไม่นะ สมิงทำแบบนั้นไม่ได้”
“ศรีนวลอย่ากลัวไปเลย ถึงสมิงจะเป็นโจร แต่โจรอย่างสมิงก็จะไม่ทำร้ายคนดี เป้าหมายของสมิงก็คือพวกเศรษฐีหน้าเลือดที่มันรังแกคนจน พวกข้าราชการเลวๆ ที่มันร่วมมือกันโกงประชาชน เมื่อปล้นแล้วสมิงสัญญาว่าจะเอาทรัพย์สมบัติที่ได้มาไปแจกจ่ายช่วยเหลือชาวบ้านที่ทุกข์ยาก”
“สมิงสัญญานะ”
“จ้ะ สมิงสัญญา คำพูดของสมิงเชื่อถือได้”
“พวกเราทุกคนจะทำตามคำพูดของสมิง โจรอย่างพวกเราจะต้องรักษาสัตย์และคุณธรรม ใช่ไหมพวกเรา” ขวดกล่าวด้วยท่าทีจริงจังขึงขัง คนอื่นๆขานรับเสียงดังกึกก้องป่า
ooooooo
วันเวลาผ่านไปหนึ่งปี ชาวบ้านลานเทได้ต้อนรับเลอสรรลูกชายท่านผู้ว่าฯที่เดินทางมาพร้อมลุงมหาซึ่งเป็นเพื่อนรักของกำนันธง
ชาวลานเทส่วนใหญ่เช่าที่ดินของท่านผู้ว่าฯทำไร่ทำนา วันนี้ถึงกำหนดเวลาเก็บค่าเช่าท่านจึงส่งลูกชายมาแทน การเดินทางด้วยเรือยนต์ส่วนตัวมีปัญหานิดหน่อยทำให้เลอสรรหน้าตามอมแมมเพราะต้องซ่อมเครื่องเอง ครั้นมาถึงบ้านกำนันธงซึ่งรอต้อนรับอยู่แล้ว ทุกคนจึงยังไม่เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเต็มๆตา โดยเฉพาะศรีนวลที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มก้อนด้วยแต่ได้จัดเตรียมห้องหับไว้ให้เขาแล้วตามคำสั่งพ่อกำนัน
การพบกันครั้งแรกระหว่างหนุ่มหล่อกับสาวสวยเกิดการเข้าใจผิดอย่างแรงเมื่อศรีนวลคิดว่าเลอสรรซึ่งอยู่ในสภาพนุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียวหน้าตามอมแมมเป็นขโมย เธอร้องโวยวายคว้าปืนยิงเปรี้ยงจนเขาต้องโดดหลบไปข้างตู้เสื้อผ้าแถมเธอยังจะตามมายิงซ้ำถ้ากำนันธงกับลุงมหาไม่วิ่งพรวดเข้ามาเสียก่อน
พอรู้ว่าเขาคือใครศรีนวลก็หน้าเจื่อนวางตัวไม่ถูก ยอมขอโทษเลอสรรตามคำสั่งพ่อกำนันโดยดุษณี แม้เขาไม่ถือสาแต่เธอก็ละอายใจกับความวู่วามของตนจนไม่กล้าสบตาเขา แล้วทำมาทำไปต่างฝ่ายก็ต่างเขินกันเองจนลุงมหารู้สึกแปลกๆพิกล
เย็นนี้เอง กำนันธงจัดงานวันเกิดให้ศรีนวลเหมือนทุกปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าสมิงไม่พลาดที่จะมาอวยพรให้หญิงสาวที่ตนหลงรักเต็มหัวใจ แต่ปีนี้สมิงรู้สึกได้ถึงความไม่เหมือนเดิม เมื่อเห็นหนุ่มหล่อท่าทางดีพูดคุยกับศรีนวลอย่างสนิทสนม เหิมกับขวดเพื่อนร่วมแก๊งของสมิงมองออกว่าลูกพี่ของตนคิดอะไร จึงแอบไปสืบจากชาวบ้านที่มาร่วมงานจนได้ความว่าชายคนนั้นชื่อเลอสรรเป็นลูกชายท่านผู้ว่าฯ เพิ่งเดินทางมาถึงเมื่อตอนบ่าย
“มาถึงเมื่อบ่าย แล้วสนิทสนมกันขนาดนี้เชียวรึ”
“เก็บเลยไหมพี่ หมกป่าไปเลย ไอ้ขวดจัดการไม่ต้องถึงมือพี่หรอก”
“ไม่ต้อง คนอย่างสมิงถ้าจะแข่งกับใครต้องแข่งอย่างยุติธรรม ข้าไม่ชอบเอาเปรียบ”
“แต่ท่าทางศรีนวลจะมีใจให้คุณเลอสรรไม่น้อยเลยนะพี่”
“น่าเจ็บใจจริงๆ ศรีนวลกับพี่สมิงรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ไอ้หมอนั่นมาแค่วันเดียวก็ทำท่าจะชนะซะแล้ว”
“ไอ้ขวด เอ็งอย่าเพิ่งดูถูกน้ำใจของศรีนวล บางทีศรีนวลอาจจะแค่ทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีเท่านั้น” สมิงให้กำลังใจตัวเอง ทั้งที่ลึกๆก็อดหวั่นวิตกไม่ได้
ศรีนวลโชว์ฝีปากร้องลำตัดเป็นที่น่าประทับใจจนเลอสรรมองไม่วางตา สมิงจับสังเกตด้วยความน้อยใจ และในที่สุดก็ไม่อยากทนเห็นอีกต่อไป บอกเพื่อนร่วมแก๊งว่าตนจะกลับแล้ว ถ้าใครยังไม่อยากกลับก็ตามใจ ขวดกับเหิมนึกรู้ว่าเพราะอะไรแต่ก็ไม่ทักท้วง ได้แต่เดินตามลูกพี่ไป ส่วนเพื่อนร่วมแก๊งบางคนขออยู่ค้างกับญาติสักคืนแล้วพรุ่งนี้จะกลับ
บันลือกับสารวัตรสมภพมาสังเกตการณ์ในงานอยู่นาน พวกเขามั่นใจว่าสมิงต้องมา แล้วก็เห็นกับตาจึงแอบตามออกไปถึงชายป่า สมิงกับลูกน้องเจอทารกน้อยคนหนึ่งโดยบังเอิญ คาดว่าคงโดนทิ้ง สมิงสงสารจึงอุ้มไปด้วยเพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้ตรงนี้คงโดนมดกัดตาย
ทันทีที่เด็กร้องไห้จ้าขึ้นมา บันลือกับกลุ่มตำรวจซึ่งนำโดยสารวัตรสมภพก็จู่โจมสมิงทันที ขวดกับเหิมให้สมิงพาเด็กหนีไปก่อนโดยพวกตนจะคอยยิงสกัด แล้วค่อยไปเจอกันที่ผาช่องลม สมิงลังเลเล็กน้อยก่อนทำตาม แต่ก็พลาดท่าโดนฝ่ายตำรวจยิงขาจนวิ่งไม่ถนัด ขณะที่มือก็ต้องอุ้มทารกไว้ด้วย
ทางรอดมีน้อยมากถ้ายังหนีอยู่ในป่าแบบนี้ สมิงตัดสินใจวิ่งกลับเข้าไปในงานวันเกิดศรีนวลแล้วหลบเข้าห้องพักคณะลำตัด จึงได้รับความช่วยเหลือจากศรีนวลช่วยปกปิดเมื่อบันลือกับตำรวจตามรอยเลือดมาถึงหน้าบ้าน ก่อนจะเกิดการทุ่มเถียงกันเพราะบันลือไม่เชื่อคำพูดศรีนวลที่ว่าสมิงไม่ได้อยู่ข้างใน
“สารวัตรบุกเข้าไปเลย มันอยู่ข้างในแน่นอน”
บันลือดึงดันจะเข้าไปพร้อมตำรวจ แต่เลอสรรรีบเข้ามาขวางและแนะนำตัวต่อทุกคน สารวัตรสมภพท่าทีเกรงใจลูกชายท่านผู้ว่าฯอย่างเห็นได้ชัด
“ผมว่าเราควรจะให้เกียรติผู้หญิงบ้างนะครับ”
“ใช่ค่ะ ข้างในมีผู้หญิงท้องแก่กำลังจะคลอดลูก รอยเลือดที่เห็นน่ะก็เป็นน้ำคร่ำ พวกฉันเพิ่งพยุงเข้ามานอนพักเมื่อกี้นี้เอง ถ้าไม่เชื่อก็ส่งคนเข้ามาดูได้”
“เอางั้นก็ได้ ฉันจะส่งตัวแทนเข้าไปดู หมู่เข้าไปดูสิ”
ปรากฏว่าผู้หมู่อึกอักลังเลไม่อยากเข้าไปดูผู้หญิงคลอดลูกเพราะตัวเองมีของกลัวจะเสื่อมตามคำโบราณห้าม สารวัตรสมภพเลยหันมาที่บันลือ แต่รายนั้นก็ปฏิเสธด้วยเหตุผลคล้ายๆกัน
“ผมลงมหาอุตไว้ เดี๋ยวเสียของหมด”
“ถ้างั้นขอผมเป็นตัวแทนเข้าไปดูให้นะครับ”
เลอสรรเสนอตัว ศรีนวลรู้สึกใจชื้น ยอมเปิดประตูให้เขาก้าวเข้ามา เลอสรรสำรวจรอบห้องก่อนจะมาหยุดที่กองผ้าห่มแล้วก็เห็นชายคนหนึ่งซ่อนตัวโดยมีทารกอยู่ข้างๆ สมิงชักปืนออกมาเพื่อป้องกันตัว ขณะที่เลอสรรก็ถือปืนเตรียมพร้อมเช่นกัน
สายตาสมิงเริ่มเบลอเนื่องจากเสียเลือดและเจ็บปวดแผลที่ขา ศรีนวลส่งสายตาวิงวอนขอให้เลอสรรช่วยเหลือ... หลังจากนั้นไม่นานเลอสรรก็เก็บปืนแล้วเดินออกจากห้องพร้อมศรีนวลมาบอกทุกคนว่า
“ไม่มีคนชื่อสมิงครับ มีแต่ผู้หญิงกำลังจะคลอด ผมว่าใครที่รู้จักหมอตำแยแถวนี้รีบไปตามมาด่วนเลยนะครับ ไม่งั้นแย่แน่”
“จริงเหรอ” บันลือสวนทันควัน
“ถ้าไม่เชื่อก็เข้าไปสิครับ ตามสบาย” เลอสรรผายมือท้าทายให้บันลือเข้าไปพิสูจน์ แต่หมอนั่นลังเล ศรีนวลได้จังหวะรีบเร่งให้คนเตรียมทำคลอดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
“อ้าว...มัวแต่ยืนกันอยู่ได้ ไม่ได้ยินเหรอ ไปตามยายปลิกหมอตำแยมาให้ที แล้วใครก็ได้วิ่งไปต้มน้ำร้อนมาหน่อยเร็ว”
ชาวบ้านคนหนึ่งรับอาสาไปตามหมอตำแย ขณะที่คนอื่นๆเริ่มแบ่งงานกันช่วยทำคลอด บันลือละความสนใจเดินออกไป สมภพหันมาขอบคุณเลอสรรและฝากความระลึกถึงท่านผู้ว่าก่อนพาคณะของตนเดินตาม
หลังจากบันลือกับตำรวจกลับไปหมดแล้วลุงมหาก็รีบเข้ามาทำแผลให้สมิงโดยมีกลุ่มของกำนันธงเฝ้าดูด้วยความเป็นห่วง ส่วนศรีนวลเช็ดตัวทารกและหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้อย่างนึกเอ็นดู
กำนันธงกับศรีนวลช่วยกันอธิบายกับเลอสรรว่าสมิงไม่ใช่โจรอย่างที่ทุกคนเข้าใจ เขาเป็นคนดี เพียงแต่ถูกใส่ร้ายทำให้ต้องใช้ชีวิตเร่ร่อนแบบนี้
“เรื่องนี้ฉันรับรองค่ะคุณเลอสรร เรื่องที่เกิดกับสมิง ฉันกับพ่ออยู่ในเหตุการณ์ตลอด แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรสมิงได้ ไม่เชื่อก็ถามชาวบ้านลานเทคนอื่นๆก็ได้ ทุกคนรักและสงสารสมิง”
“ผมเชื่อครับ เพราะถ้าสมิงไม่ใช่คนดี กำนันกับศรีนวลคงไม่กล้าเอาตัวเข้าไปยุ่งขนาดนี้”
“สมิงเสียเลือดมาก ตอนนี้หลับไปแล้วคงจะอ่อนเพลียมาก ให้พักผ่อนเยอะๆร่างกายจะได้ฟื้นเร็ว สมิงแข็งแรงอยู่แล้ว”
“แล้วจะเดินได้เหมือนเดิมไหมลุงมหา”
“แผลไม่ลึก ไม่โดนเส้นเอ็นอะไร แผลหายก็เดินได้ปกติ”
“ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าลุงมหามีความรู้ทางนี้”
“ตอนเป็นทหารเกณฑ์เจ้ามหามันอยู่หน่วยพยาบาลน่ะครับคุณเลอสรร ก็เลยได้วิชาแพทย์มาเยอะ จะว่าไปมันก็เก่งตรงรักษาคนอื่นนี่แหละ แต่ใจของมันกลับรักษาไม่ได้ ไม่งั้นคงไม่อยู่เป็นโสดมาจนป่านนี้หรอก” กำนันธงกระเซ้าเพื่อนรัก
“เอาเข้าไป เล่นไม่เลิกเลยนะเอ็ง เอ้อ...แล้วไอ้หนูนี่ล่ะจะทำไงกับมันดี”
“ถ้าแม่เขาไม่มารับไป ศรีนวลก็คงต้องรับเลี้ยงไว้เอาบุญ”
ศรีนวลมองทารกน้อยอย่างเมตตา แล้วในวันต่อมาเธอก็ตั้งชื่อให้ว่าบุญเหลือ สมิงชอบใจและจะถือว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเรา ศรีนวลได้ฟังก็ท้วงทันทีว่าอย่าพูดแบบนี้เดี๋ยวคนจะเข้าใจตนผิด
“ถ้าชาวบ้านเข้าใจผิด สมิงจะรับผิดชอบเอง”
“สมิงหมายถึงอะไร”
“ศรีนวลก็น่าจะรู้นะว่าสมิง...เอ่อ...” สมิงอึกอักไม่กล้าเอ่ยปากบอกรัก ศรีนวลรู้แกวชิงขอตัวไปทำกับข้าว
เพราะความไม่กล้านี่เองทำให้สมิงต้องหนักใจเมื่อเลอสรรมาบอกว่าตนมีใจกับศรีนวลและอยากให้สมิงซึ่งตกลงเป็นเพื่อนกันก่อนหน้านี้ช่วยเป็นพ่อสื่อ
“ว่าไงสมิง ทำได้ไหม ฉันไม่กล้าบอกศรีนวลตรงๆ”
“ได้...ฉันจะบอกศรีนวลให้”
“ขอบใจมากสมิง อย่างนี้สิเขาเรียกรักกันจริง จับมือที” เลอสรรเริงร่ายื่นมือออกมา โดยไม่รู้เลยว่าสมิงต้องฝืนใจขนาดไหน ยิ่งเห็นศรีนวลเอาใจเลอสรรที่ล้มป่วยเพราะตากฝน สมิงรู้สึกน้อยใจจนบอกไม่ถูก ถึงขนาดพาตัวเองไปยืนกลางสายฝนเผื่อจะป่วยบ้างศรีนวลจะได้ดูแล
ขณะเดียวกันนั้น ศรีนวลเอาข้าวและยาเข้าไปให้เลอสรรในห้องพัก เขาลืมตาตื่นเมื่อเธอปลุกและส่งยิ้มให้ก่อนถามเธอว่านี่ความฝันหรือความจริง
“ความจริงค่ะ ลุกขึ้นเถอะค่ะ มากินข้าว”
เลอสรรจับมือศรีนวลมาหอมอย่างหลงใหล “ใช่แล้ว ไม่ใช่ความฝันแน่นอน กลิ่นของศรีนวลหอมแบบนี้ผมจำได้”
“ปล่อยค่ะ อย่าทำแบบนี้”
“ขอหอมให้ชื่นใจอีกทีเถอะ ไม่เคยได้กลิ่นอะไรหอมแบบนี้มาก่อนเลย”
เลอสรรดึงศรีนวลเข้ามากอดหอมเบาๆ แค่นั้นร่างบอบบางของเธอก็สั่นสะท้านและพยายามบ่ายเบี่ยงด้วยการลุกหนีไปยืนตรงหน้าต่าง โดยไม่ทันสังเกตว่าสมิงเดินฝ่าสายฝนผ่านมาพอดี เห็นเลอสรรตามมาเว้าวอนพลอดรัก สมิงอดรนทนไม่ไหวอยากจะขึ้นไปชกแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นท่าทางของศรีนวลที่ดูจะยินยอม
สมิงหน้าชา กำหมัดแน่น สักครู่น้ำตาก็เอ่อท้นออกมาปนกับสายฝน ค่อยๆหันหลังเดินออกไปอย่างสิ้นหวัง...
เลอสรรออดอ้อนเว้าวอนเพราะรักจริง ศรีนวลเองก็มีใจแต่ยังขัดขืนด้วยทราบดีว่าไม่เหมาะสม เธอเดินหนีการเล้าโลมของเขาแต่ไม่สำเร็จ โดนเขารั้งตัวมาที่เตียงนอน
“อย่าค่ะคุณเลอสรร อย่ารังแกศรีนวลแบบนี้”
“ผมไม่ได้รังแกนะศรีนวล ผมแค่อยากจะบอกให้รู้ว่าผมรักศรีนวลแค่ไหน”
“ไม่ค่ะ เรายังไม่ได้แต่งงานซะหน่อย”
“แล้วผมจะให้พ่อมาสู่ขอนะ ผมสัญญาจะไม่มีวันทอดทิ้งศรีนวลเป็นอันขาด”
“อย่าค่ะ...อย่า”
“ศรีนวล...ผมรักศรีนวลจริงๆ เห็นใจผมเถอะ” เลอสรรค่อยๆเล้าโลมจนในที่สุดศรีนวลก็อ่อนลง เริ่มปล่อยทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติท่ามกลางความมืดสลัวและสายฟ้าที่แลบแปลบปลาบเป็นระยะ
ooooooo










