ตอนที่ 17
เรืองฤทธิ์อาการสาหัสถูกไฟคลอกเป็นแผลลึกเป็นตายเท่ากัน ทรงวาดรู้ข่าวรีบมาเยี่ยม แต่หมอห้ามเยี่ยมเกรงคนไข้จะติดเชื้อ รามเลยชวนกลับ
“ขอแม่อยู่เถอะ ฤทธิ์ไม่มีญาติที่ไหนนอกจาก...” ทรงวาดสะอื้นในอกพูดไม่ออก
“งั้นผมจะอยู่เป็นเพื่อนแม่”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ เพราะแม่อยากให้รามช่วยไปบอกให้ป้าแจ่มเอาหนังสือที่ห้องพระมาให้แม่ที”
รามรับคำ ระหว่างนั้น ยุทธโทร.มาแจ้งรามว่ามีข่าวคืบหน้าของเมขลา...
ร้านกาแฟของเทวัญเปิดอย่างเป็นทางการในวันนี้ ทั้งเมขลาและเทวัญต่างรอลูกค้าเข้าร้านอย่างใจจดจ่อ แต่แทนที่จะได้ลูกค้าประเดิมเปิดร้านวันแรกเอาเคล็ด กลับถูกจิ๊กโก๋เจ้าถิ่นสองคนเข้ามาไถเงินค่าคุ้มครอง และอวดศักดาด้วยการล้มโต๊ะกับเก้าอี้ให้ดูเป็นน้ำจิ้ม เมขลาถึงกับปรี๊ดแตก
“พวกฉันไม่ใช่แค่ไม่จ่าย แต่ยังจะแจ้งตำรวจจับพวกแกอีกด้วย”
“ฮ่าๆๆ ตำรวจทั้งอำเภอนี่ เป็นเพื่อนอั๊ว กล้าหือก็ลองดู” จิ๊กโก๋หัวโจกจ้องหน้าเมขลาที่จ้องตอบอย่างไม่เกรงกลัว จิ๊กโก๋เหม็นขี้หน้าเลยพังร้านเละเทะ เมขลาทนไม่ไหวเข้าไปเอาเรื่อง จิ๊กโก๋หัวโจกเงื้อมือจะตบ
เทวัญพุ่งเข้าชกต่อยกับพวกนั้นอุตลุด จิ๊กโก๋หัวโจกสู้ไม่ได้ ชักมีดออกมาแทง เทวัญเบี่ยงตัวหลบเลยโดนแค่เฉี่ยวๆ เมขลาเห็นเทวัญเสียท่า คว้าถาดสแตนเลสตบจิ๊กโก๋หัวโจกหน้าหัน มีดกระเด็นหลุดมือพุ่งปักพุงจิ๊กโก๋อีกคนร้องจ๊าก จิ๊กโก๋หัวโจกสิ้นท่ารีบพยุงเพื่อนออกจากร้าน ก่อนไปไม่วายหันมาขู่เมขลา
“ฝากไว้ก่อนเถอะนังตัวแสบ”
เมขลาเข้าไปดูเทวัญที่ได้รับบาดเจ็บ แล้วรีบไปหยิบอุปกรณ์มาทำแผลให้ เทวัญรู้สึกแย่มากที่ทำให้เธอต้องพลอยลำบากไปด้วย
“อย่าคิดแบบนั้นสิคะ เหลือบริ้นไรสังคมพวกนี้มีอยู่ทั่วไปหมด เดี๋ยวเราไปแจ้งตำรวจเสีย พวกมันก็ไม่กล้ามารังควานเราแล้ว”
“แต่พวกมันรู้จักตำรวจแถวนี้”
“ฉันว่าพวกมันอ้างมั่วซั่วมากกว่า ตำรวจที่ฉันรู้จักมีแต่ตำรวจที่ดี ตำรวจที่เสี่ยงตายเพื่อชาติ ยอมสละได้แม้แต่ครอบครัวของตัวเอง” เมขลาพูดแล้วอดคิดถึงรามไม่ได้ เทวัญเดาได้ไม่ยาก เธอหมายถึงใคร...
ขณะที่เทวัญตกที่นั่งลำบาก คิดจะทำมาหากินสุจริตทั้งทีกลับมีมารมาคอยรีดไถ ธิดาเองก็ไม่ได้ต่างจากพี่ชายตัวเอง นั่งมองเศษเงินไม่ถึงร้อยบาทที่เทออกจากกระเป๋าถือสุดหรูอย่างเซ็งจัด
“ทุเรศชะมัด ไม่น่าเชื่อเลยว่าตอนนี้ฉันมีเงินรวมกันน้อยกว่าราคากระเป๋าใบนี้ซะอีก...เฮ่อ...ถ้าเอาแกไปขายในเว็บได้ก็ดีสิ คงรวยอื้อเลย...จริงด้วย"
ธิดาพุ่งไปที่ตู้เสื้อผ้า โกยกระเป๋าแบรนด์เนมออกมากองนับสิบๆใบ มีกระเป๋าเอกสารใบหนึ่งหล่นลงมาจากตู้ ในนั้นมีจดหมายหนึ่งฉบับเป็นลายมือเทวัญ เธอรีบเปิดอ่าน
“พี่ทิ้งเงินในบัญชีไว้ให้น้องแล้ว น่าจะพอใช้ไปได้สักระยะ แล้วพี่จะโอนเงินมาให้เรื่อยๆ ไม่ต้องห่วงพี่นะ วันที่ความฝันของพี่เป็นรูปเป็นร่างพี่จะรีบมารับน้องไปอยู่ด้วยกัน”
ธิดาพยายามนึกว่าอะไรคือความฝันที่ว่าของพี่ชาย...
ที่บ้านรัตนมณี รามกำลังยกกระเป๋าเดินทางใส่ท้ายรถตอนที่รุจวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับตั๋วเครื่องบินไปเชียงใหม่ที่เขาให้รุจหาให้แบบเร่งด่วน
“ผู้กองแน่ใจหรือครับว่ายัยเพื่อนตัวแสบของผมอยู่ที่นั่นแน่ๆ”
“ไม่แน่ใจเลยครับ แต่มีคนเห็นคนที่คล้ายเมขึ้นรถทัวร์ไปลงปลายทางที่เชียงใหม่...ผมไปก่อนนะครับ” รามว่าแล้วจะไปขึ้นรถ รุจวิ่งไปดักหน้า เสนอตัวเป็นไกด์นำทางให้ เพราะเขารู้จักเชียงใหม่ทุกซอกทุกมุม
“ยินดีมากเลยครับ...แต่ไม่ดีกว่า ผมชอบเดินทางคนเดียว”
จังหวะนั้น ธิดาโทร.มาบอกข่าวดีรามว่านึกออกแล้วว่าเทวัญอยู่ไหน รามรอฟังอย่างตื่นเต้น ธิดาจะบอกที่อยู่ของเทวัญให้ แต่มีข้อแม้อยู่ข้อหนึ่ง เขาจะโอเคด้วยไหม
“คุณจะขอดาวขอเดือนอะไรก็ได้ทั้งนั้น ผมยอมให้ทุกอย่างเอ่อ....เว้นอย่างเดียวเรื่องแต่งงานกับผม...ว่าไงพี่ชายคุณอยู่ที่ไหน” รามเห็นธิดาเงียบไป ชักไม่แน่ใจเธอจะยอมบอกที่อยู่ของเทวัญให้หรือเปล่า
ooooooo
ที่ห้องปลอดเชื้อ เรืองฤทธิ์ในสภาพมี ผ้าพันแผลทั้งตัวเหมือนมัมมี่ยังคงหลับไม่ได้สติ โดยมีทรงวาดนั่งอ่านหนังสือธรรมะให้ฟัง หวังให้จิตใจของเขาได้พบกับความสงบ และแล้วเรืองฤทธิ์ค่อยๆปรือตาขึ้นมอง ทรงวาดดีใจขยับจะไป
ตามหมอ แต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรืองฤทธิ์เรียกชื่อรามอย่างยากลำบาก เธอเอียงหูเข้าไปฟังใกล้ๆ
“มี...คน...คิด...ฆะ...ฆ่าราม”
ทรงวาดตกใจแทบช็อก รีบออกมาโทร.แจ้งท่าน
ก้องภพ...ทันทีที่มาถึง รพ. ท่านก้องภพกับภาคภูมิ รีบเข้าไปสอบปากคำเรืองฤทธิ์ พอกลับออกมา ทรงวาดปรี่เข้าไปถามท่านก้องภพอย่างร้อนใจ
“ฤทธิ์บอกท่านเรื่องคนร้ายที่จะฆ่ารามหรือเปล่าคะ”
“บอกแล้วครับ คุณวาดไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพวกผมจัดการเอง ตอนนี้คุณวาดรีบเข้าไปดูนายเรืองฤทธิ์ก่อนดีกว่า” น้ำเสียงและสีหน้าของท่านก้องภพทำให้ทรงวาดใจคอไม่ดีรีบเข้าไปหาเรืองฤทธิ์
“ฤทธิ์...มีอะไรจะพูดกับพี่หรือ”
เรืองฤทธิ์พูดอะไรไม่ออก พยายามรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายจะยกมือไหว้ขอขมาลาโทษทรงวาด แต่ทำไม่ไหว ทรงวาดน้ำตาไหลพราก จับมือเขาไว้
“ไม่เป็นไร ไม่ไหวก็อย่าฝืน พี่เข้าใจแล้ว พี่อโหสิให้ฤทธิ์ทั้งหมด” สิ้นเสียงทรงวาด ลมหายใจสุดท้ายของเรืองฤทธิ์ก็หมดลงเช่นกัน...
ท่านก้องภพกับภาคภูมิเห็นทรงวาดเหนื่อยมาทั้งวัน อาสาพามาส่งบ้าน หลังจากภาคภูมิช่วยป้าแจ่มประคองประมุขบ้านรัตนมณีขึ้นไปพักผ่อนเรียบร้อย เขากลับออกมาหาท่านก้องภพที่รออยู่หน้าบ้าน
“คุณวาดเป็นยังไงบ้างผู้กอง”
“ก็คงต้องทำใจสักพักน่ะครับ ถึงนายเรืองฤทธิ์จะทำเวรทำกรรมกับท่านมามาก แต่ก็เห็นกันมานานไม่ใช่จะตัดใจกันได้ง่ายๆ”
“แล้วผู้กองคิดยังไงกับที่นายเรืองฤทธิ์บอก”
“ผมว่าคนใกล้ตายคงไม่โกหก และเมื่อกี้ดาบเพิ่งหารูปไอ้คนที่มันช่วยนายเรืองฤทธิ์ออกจากคุกให้ผมได้แล้ว มันชื่อไอ้เหลียง เป็นนักฆ่ามือหนึ่งของเสี่ยจางจริงๆและเท่าที่ผมรู้มา เสี่ยจางมันเหี้ยมโหดมาก”
ท่านก้องภพฝากภาคภูมิช่วยตามหาตัวรามกับเมขลากลับมาให้เร็วที่สุด เขาไม่อยากเห็นทรงวาดต้องเสียใจมากไปกว่านี้ ภาคภูมิรับคำหน้าเครียด อดเป็นห่วงรามไม่ได้
ooooooo
ในที่สุด ธิดากับรามตามหาร้านกาแฟของเทวัญจนเจอ แต่ต้องตกใจที่เห็นร้านอยู่ในสภาพพังยับเยิน ธิดาใจไม่ดี ตะโกนเรียกพี่ชายลั่น ขจรเจ้าของร้านขายของชำใกล้ๆกันได้ยินเสียงเอะอะ โผล่หน้ามาถามรามกับธิดามาหาผัวเมียเจ้าของร้านกาแฟหรือ รามกับธิดามองหน้ากันงงๆ ก่อนจะพากันเดินไปหาขจร
“ก็ถ้าพวกคุณมาหาผู้ชายผิวขาวๆตาโตๆ ส่วนผู้หญิงตัวสูงๆ ผิวขาวผมยาวที่เพิ่งย้ายมาจากกรุงเทพฯ ก็ไม่ผิดหรอก พวกเขาเป็นเจ้าของร้านกาแฟเปิดใหม่ข้างๆร้านผมนี่ล่ะ”
“ร้านเปิดใหม่...แล้วทำไมเป็นแบบนี้ล่ะลุง” ธิดาซัก
“อูย...ก็เพราะสองคนนั่นไม่ยอมจ่ายค่าส่วยคุ้มครองน่ะสิ พวกมันถึงได้เล่นงานเอาแบบนี้”
“แล้วนี่พวกเขาไปไหนแล้วล่ะครับ” รามเริ่มเป็นห่วงเมขลาขึ้นมา
ขจรจะตอบ แต่ชะงัก รีบกลับเข้าร้านตัวเองแถมดึงประตูเหล็กดัดปิด ธิดาจะตามไปถามแต่รามจับแขนไว้แล้วพยักพเยิดไปทางร้านกาแฟของเทวัญ ธิดาหันไปเห็นจิ๊กโก๋กวนเมืองกลุ่มหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าร้าน รู้ทันทีพวกนี้ต้องเป็นนักเลงที่มาเรียกค่าคุ้มครอง ทำท่าจะเข้าไปเอาเรื่อง รามขอร้องให้ธิดารออยู่ตรงนี้ นักเลงพวกนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่เขาเอง แล้วเดินเข้าไปถามว่าใช่พวกนี้หรือเปล่าที่มาก่อกวนร้านกาแฟแห่งนี้
“ถ้าใช่แล้วมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” จิ๊กโก๋ยิ้มกวน
“ผมไม่กล้าหรอกพี่ แต่ขาผมสิมันอยากจะเตะปากคน” รามพูดจบ เตะก้านคอจิ๊กโก๋คนนั้นตกมอเตอร์ไซค์ พวกนั้นพากันขี่มอเตอร์ไซค์วนรอบตัวรามอย่างเอาเรื่อง แต่ยังไม่ทันนกกระจอกจะกินน้ำรามอัดพวกจิ๊กโก๋เจ้าถิ่นราบคาบ แล้วขู่ซ้ำ ถ้าพวกนั้นกลับมาก่อกวนที่นี่อีก จะเจอหนักกว่านี้แน่ พวกจิ๊กโก๋พากันเผ่นแน่บ ธิดาวิ่งเข้ามาหารามพร้อมกับชูนิ้วหัวแม่โป้งให้ สมแล้วที่เคยร่วมแก๊งมาเฟียของพ่อเธอมาก่อน ขจรโผล่หน้าออกมา เออออด้วย
“นั่นสิ เกิดมาผมยังไม่เคยเห็นไอ้เวรตะไลพวกนั้นวิ่งหางจุกก้นไปแบบนี้เลย”
“ทีนี้ลุงพอจะบอกพวกเราได้หรือยังว่าเจ้าของร้านกาแฟนี่หายไปไหน” รามเสียงเข้ม คราวนี้ขจรบอกเสียงดังฟังชัดว่าทั้งคู่ไปโรงพัก
ooooooo
เทวัญจอดรถกระบะคันเก่าๆ ของเขาไว้ข้างกำแพงโรงพัก ขยับจะลง เมขลารั้งไว้ ถามเสียงเครียดว่าเวลาแจ้งความ ถ้าเป็นเจ้าทุกข์ต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนหรือเปล่า เทวัญพยักหน้ารับคำ
“แล้วถ้าเป็นพยานล่ะค่ะ”
“ก็คงต้องใช้เหมือนกัน คุณถามทำไมเหรอ กลัวรามจะตามสืบเจอใช่มั้ย” เทวัญเห็นเมขลาอึกๆอักๆ พูดดักคอว่า “แต่คนเราจะใช้ชีวิตอยู่กับการหนีตลอดไปไม่ได้คุณก็รู้”
ทั้งสองคนมัวแต่คุยกันไม่ทันสังเกตเห็นรถของรามแล่นเข้าไปจอดหน้าบันได้ทางขึ้นโรงพักอย่างรีบร้อนจากนั้น รามจ้ำพรวดๆขึ้นไปบนโรงพัก ตรงไปหา
ร้อยเวรโดยไม่สนใจจะต่อคิวชาวบ้านที่รอแจ้งความ แถมตะโกนโหวกเหวกเรียกหาเมขลาลั่น ร้อยเวรมองหน้ารามไม่พอใจ จนเกือบจะมีเรื่องกัน ดีที่ภาคภูมิมาห้ามไว้ทัน...
รามรู้สึกตัวว่าทำเกินเหตุไปหน่อย รีบขอโทษ
ร้อยเวร และตำรวจนายอื่นๆ ร้อยเวรไม่ติดใจอะไร เข้าใจดีเพราะเมียของเขาก็เคยหายออกจากบ้าน เขาแทบไม่เป็นอันทำอะไรเหมือนกัน
“งั้นเป็นอันว่าหมวดช่วยบอกลูกน้องให้พวกผมด้วยก็แล้วกันว่าถ้าเจอผู้ชายกับผู้หญิงคู่นี้ ช่วยเฝ้าอย่าให้คลาดสายตาแล้วติดต่อกลับมาที่เบอร์ของผมกับผู้กองรามด่วน” ภาคภูมิส่งรูปกับเบอร์โทร.ให้ร้อยเวร
“ได้ครับ สองคนนี่นะครับ...แต่ภรรยาผู้กองรามกับพี่ชายนี่หน้าตาไม่เหมือนกันเลยนะครับ”
รามสะอึก พูดไม่ออกได้แต่เบือนหน้ามองไปนอกโรงพัก ภาคภูมิกับธิดาเห็นใจรามมาก...
ด้านเทวัญยังคงรอฟังคำตอบจากเมขลาว่าจะเอาอย่างไร เมขลายังไม่พร้อมจะเจอราม จึงตัดสินใจไม่แจ้งความ ขอโทษเทวัญที่เป็นคนชวนมาที่นี่แท้ๆ แต่พอเอาเข้าจริงๆกลับทำไม่ได้
“ผมเข้าใจ เรื่องบางเรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิดหรือพูดหรอกครับ ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับหัวใจยิ่งต้องใช้เวลา” เทวัญว่าแล้วสตาร์ตรถขับออกไป คลาดกับพวกรามที่เพิ่งเดินลงจากโรงพักนิดเดียว...
ภาคภูมิเล่าเหตุผลที่ต้องตามรามมาถึงที่นี่ให้ฟังว่าเรืองฤทธิ์ตายแล้ว ก่อนตายเรืองฤทธิ์ยังบอกเรื่องคนที่มาช่วยเขาแหกคุกหนี และคนคนนั้นต้องการฆ่าพวกเราทุกคน รวมทั้งเมขลากับเทวัญด้วย แล้วชวนรามให้กลับไปพร้อมกับเขา ธิดาไม่กลับ จะขอตามหาพี่ชายให้เจอก่อน ภาคภูมิเอ็ดทันที
“ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป...นี่เป็นคำสั่งของหัวหน้า ใครกล้าขัดขืนให้ผมจับกุมได้เลย”
ธิดาฮึดฮัดไม่พอใจภาคภูมิ แต่ทำอะไรไม่ได้ จำต้องกลับไปพร้อมเขา
ooooooo
ในเวลาต่อมา เมขลากลับมาเห็นสภาพร้านกาแฟแล้วเซ็งจัด อุตส่าห์ตกแต่งร้านมากับมือ ต้องมาพังเพราะจิ๊กโก๋สั่วๆ เทวัญมองเธออย่างเข้าใจ บอกให้เข้าไปพักผ่อนข้างในก่อน เดี๋ยวเขาจะจัดการเก็บกวาดพวกนี้เอง
“งั้นเดี๋ยวฉันไปเปลี่ยนชุดแล้วจะมาช่วยนะคะ”
เทวัญพยักหน้ารับรู้ ขณะเขากำลังเก็บเศษข้าวของที่แตกหักใส่ถังขยะ ขจรเข้ามารายงานว่าเมื่อตอนที่เทวัญไม่อยู่มีชายหญิงคู่หนึ่งมาถามหา พอขจรอธิบายลักษณะของชายหญิงคู่นั้นให้ฟัง เทวัญรู้ทันทีว่าต้องเป็นรามกับธิดา แต่กลับทำเป็นไม่รู้จัก พวกนั้นคงมาตามหาผิดคนแล้ว
“ผิดคนเหรอ...เฮ่อ ผมก็นึกว่าสองคนนั่นมาตามพวกคุณซะอีก” ขจรพูดจบขอตัวกลับ เป็นจังหวะเดียวกับเมขลาเดินถือไม้กวาดออกมาเห็นหลังขจรไวๆ ถามเทวัญว่าขจรมีอะไรหรือเปล่า
“แกจะมาช่วยทำความสะอาดน่ะ แต่ผมเกรงใจ เลยบอกไม่ต้อง” เทวัญโกหกหน้าตาย
เมขลาไม่ติดใจสงสัยอะไร หันไปกวาดหน้าร้าน เห็นหนังสืออ่านเล่นของตัวเองตกอยู่ ตอนที่หยิบมันขึ้นมา ทำให้รูปรามกอดธิดาที่เธอฉีกเก็บไว้ร่วงลงพื้น เมขลาถึงกับซึม เทวัญหยิบรูปไปดู
“รูปที่ทำร้ายจิตใจแบบนี้ คุณเก็บไว้ทำไมกัน”
“ฉันตั้งใจซ่อนไว้ไม่อยากให้คุณเห็น ฉันกับคุณรามยังไม่ได้หย่าขาดกัน แล้วจู่ๆมีรูปคุณเทเรซ่ากับคุณรามหลุดออกมาแบบนี้ ถ้าคุณเห็นเข้าจะไม่สบายใจ”
“ผมคิดว่าคุณเก็บไว้เพราะคิดถึงรามเสียอีก” เทวัญพูดแทงใจดำ เมขลาถึงกับอึ้ง ก่อนจะฝืนโกหก
“ฉันจะไปคิดถึงคนใจร้ายแบบนั้นทำไมกัน ฉันอยากลืมเขาจะแย่อยู่แล้ว คุณก็รู้กลับไปกรุงเทพฯเมื่อไหร่ ฉันจะนัดเขามาหย่าทันที คุณเทเรซ่ากับเขาจะได้มีความสุขกันเสียที”
“ทำไมคุณต้องทำร้ายตัวเองด้วย คุณไม่เจ็บบ้างหรือไง ที่ทำตัวเป็นแม่พระยกคนที่คุณรักให้คนอื่นแบบนี้”
“เจ็บสิ ฉันเจ็บมาก เจ็บเหมือนจะตายอยู่แล้ว แต่ฉันมีทางเลือกด้วยหรือ” เมขลาร้องไห้โฮอย่างกลั้นไม่อยู่
“มีสิ คุณมีทางเลือกและผมจะช่วยคุณเอง...ผมจะพาคุณกลับไปหาราม” เทวัญว่าแล้วดึงแขนเมขลาไปขึ้นรถ บึ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เมขลาขอให้เขาหยุดรถเดี๋ยวนี้ เขาทำแบบนี้กับเธอไม่ได้
“ทำไม ก็คุณคิดถึงเขาจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ขนาดรูปเขาบน นสพ.คุณยังเก็บไว้ คุณเป็นห่วงเขา
ขนาดฝันถึง พอได้ยินใครว่าตำรวจคุณก็เอาแต่แก้ตัวแทน ทั้งหมดนี่ไม่ใช่เพราะรามหรอกหรือ”
เมขลายอมรับว่าทั้งหมดเป็นเพราะราม แต่จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อเขาไม่ได้รักเธอเหมือนที่เธอรักเขา เทวัญไม่เห็นด้วย ถ้ารามไม่รักเธอป่านนี้ขอหย่าไปนานแล้ว
“ไม่ใช่เพราะรัก แต่เพราะเขาอยากตอบแทนบุญคุณต่างหาก เขาเห็นว่าฉันเสียสละแต่งงานกับเขาตามที่คุณแม่ขอร้อง เขาเลยต้องทนอยู่กับฉันต่อไป แต่
ฉันไม่ต้องการ คุณเข้าใจมั้ย ฟังดูมันอาจงี่เง่าในสายตาผู้ชาย แต่สำหรับฉัน การสร้างครอบครัวมันต้องสร้างด้วยความรักของคนสองคน ไม่ใช่แค่คนคนเดียว” เมขลาร้องไห้สะอึกสะอื้น เทวัญทนเห็นน้ำตาของผู้หญิงที่ตัวเองหลงรักไม่ได้ ยอมจอดรถ แล้วเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้
“ถ้ามันไม่ไหวจริงๆก็ถอยออกมายืนอยู่กับผม ผมจะไม่ขยับหนีไปจากคุณแม้แต่ก้าวเดียว” เทวัญดึงเมขลาเข้ามากอดด้วยความรักเต็มหัวใจ หญิงสาวถึงกับพูดอะไรไม่ออก
ooooooo
ท่านก้องภพเรียกรามกับภาคภูมิมาประชุมที่หน่วย ป.ป.ส.แต่เช้า เพื่อฟังสรุปเรื่องเฮียจางเจ้าพ่อยาเสพติดรายใหญ่ของเอเชีย ที่ตำรวจไทยกับตำรวจฮ่องกงกำลังจับตาดูอยู่ และอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับพ่อเลี้ยงปองธรรมอีกด้วย ขณะยุทธกำลังขึ้นสไลด์รูปของอาเหลียงให้ดู มีเสียงเรียกเข้ามือถือของท่านก้องภพดังขึ้น
“ดาบ บรรยายแทนผมไปก่อน เดี๋ยวผมมา” ท่านก้องภพว่าแล้วกดรับสาย พร้อมกับส่งเสียงจ๊ะจ๋าแล้วเดินออกไปนอกห้อง พวกรามพากันส่ายหน้ายิ้มๆรู้ทันที ต้องเป็นกำนันตาลโทร.มา ยุทธได้ทีนินทาหัวหน้าตัวเองว่า เป็นพวกกลัวเมียตัวพ่อ
“พูดยังกับดาบไม่กลัวงั้นแหละ” ภาคภูมิแซวยุทธกลับ
“มันก็ต้องมีบ้าง จริงมั้ยครับผู้กองราม” ยุทธหันมองราม แต่เขากลับใจลอยคิดถึงเมขลาจนภาคภูมิต้องแอบกระทุ้งศอกใส่ สักพักท่านก้องภพกลับเข้ามาสีหน้าเคร่งเครียด รามอดทักไม่ได้
“คุณตาลเป็นอะไรหรือเปล่าครับท่าน”
“เปล่า แค่เจอคนมาทักว่าเป็นเมียฉันหรือเปล่า”
รามเอะใจขึ้นมาทันที “ท่านครับ ท่านก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกหมายหัว แล้วคุณตาลก็เป็นเมียท่าน”
ท่านก้องภพใจไม่ดี หรือนี่จะเป็นฝีมืออาเหลียง รีบกดโทรศัพท์หากำนันตาลเพื่อเตือนให้ระวังตัว แต่สายเกินไปพวกอาเหลียงลากเธอขึ้นรถไปแล้ว ทิ้งมือถือกับข้าวของที่เธอซื้อจากซุปเปอร์มาร์เกตกระจายเกลื่อนพื้น...
ท่านก้องภพรีบเอาเบอร์มือถือของกำนันตาลให้ยุทธหาพิกัดจีพีเอสให้ จากนั้น รามกับท่านก้องภพรีบไปยังจุดพิกัดนั้นทันที พบว่าเป็นที่จอดรถของห้างสรรพสินค้า ทั้งสองไล่ค้นหาจนเจอมือถือของกำนันตาลตกอยู่ใต้รถคันหนึ่ง พลันมีเสียงมือถือของกำนันตาลดังขึ้น ท่านก้องภพกดรับสาย ตกใจที่เป็นเสียงของอาเหลียง
“ไม่อยากจะเชื่อว่าวันนี้จะได้คุยกับมือปราบยาเสพติดที่ทลายแก๊งค้ายามาทั่วทุกสารทิศ”
“พวกแกจะเป็นรายต่อไป บอกมาเมียฉันอยู่ไหน” ท่านก้องภพคำรามลั่น
“เห็นพิกัดจีพีเอสที่ฉันส่งไปทางมือถือก็จะรู้เอง”
หลังอาเหลียงวางสายได้สักพัก มีเสียงสัญญาณฝากข้อความเข้ามาที่มือถือของกำนันตาล รามขอร้องท่านก้องภพอย่าไปที่นั่น เป้าหมายของมันคือ เขาไม่ใช่กำนันตาล
“ฉันจะปล่อยให้ตาลเป็นอะไรไปไม่ได้ ถึงรู้ว่ามันขุดหลุมฝังศพรอไว้ ฉันก็ต้องไป”
“ผมก็ปล่อยให้ท่านเป็นอะไรไปไม่ได้เหมือนกัน ผมจะขับรถให้ท่านเอง”
ครู่ต่อมา รามกับท่านก้องภพมาถึงตึกร้างเป้าหมาย อาเหลียงหลอกล่อให้ท่านก้องภพกับรามหัวปั่นไปกับสมุนหางแถวของตัวเองอยู่ที่ชั้นบนสุดของตึกสักพัก จึงโทร.เรียกท่านก้องภพให้มองลงมาข้างล่าง จะได้เห็นคนที่อยากเจอ ท่านก้องภพวิ่งไปที่ริมตึกมองลงมาเห็นกำนันตาลถูกจับมายืนอยู่หน้ารถคันหนึ่ง
“จับตาดูเมียแกให้ดี มันจะรอดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความไวของแก” อาเหลียงพูดจบเข้าเกียร์เหยียบคันเร่งพุ่งเข้าหากำนันตาลที่วิ่งหนีสุดชีวิต ท่านก้องภพ
พุ่งไปที่บันไดจะลงไปช่วยเมียรัก ทั้งที่รู้ว่าเป็นกับดัก รามจะตามแต่ถูกสมุนของอาเหลียงยิงสกัดไว้ จนต้องโดดหลบ จากนั้น เขาไล่ยิงขาพวกสมุนทีละคนๆจนหมดทางสู้...
จังหวะที่ท่านก้องภพลงมาถึงชั้นล่าง รถของอาเหลียง พุ่งชนกำนันตาลเต็มๆ ตัวลอยขึ้นไปบนฝากระโปรงรถก่อนจะตกกระแทกพื้น ท่านก้องภพแค้นจัด ยิงกระสุนใส่ยางรถจนเสียหลักพุ่งชนผนังตึก ทั้งรถทั้งคนแน่นิ่ง แล้วปราดเข้าไปประคองร่างโชกเลือดของเมียรักขึ้นมากอดไว้
“คุณต้องปลอดภัย อดทนไว้นะ ผมจะพาคุณไป รพ.”
“ฉันกำลังจะไปหาลูก จะบอกลูกว่า พ่อของเขาเป็นนายตำรวจที่เก่งที่สุด” กำนันตาลลูบไล้ใบหน้าสามีเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนมือจะตกลงข้างตัวสิ้นใจตายในอ้อมกอดนั้น ท่านก้องภพปล่อยโฮ
“ไม่จริง ผมไม่ให้คุณไป ผมเสียลูกไปคนหนึ่งแล้ว อย่าให้ผมต้องเสียคุณไปอีกคนเลย ตาล อย่าไปนะ อย่าไป” ท่านก้องภพเขย่าร่างกำนันตาลราวกับจะปลุกให้ฟื้น ไม่ทันเห็นอาเหลียงเปิดประตูรถออกมาพร้อมกับเล็งปืนใส่เขา ขณะอาเหลียงกำลังจะเหนี่ยวไก รามโดดเตะปืนในมือกระเด็น ฉากการต่อสู้ด้วยมือเปล่าเริ่มขึ้น
ทั้งรามและอาเหลียงต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับ อาเหลียง ไม่อยากยื้ดเยื้อสะบัดอาวุธลับมีดสั้นใส่ราม แต่พลาดเป้าเสียงรถหวอของภาคภูมิดังมาแต่ไกล ทำให้อาเหลียงชะงัก ก่อนจะเป่าปากให้สัญญาณ
มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งพุ่งพรวดเข้าหารามจนต้องกระโดดหลบ อาเหลียงอาศัยจังหวะนั้นโดดหนีขึ้นท้ายมอเตอร์ไซค์ รามหยิบปืนไล่ยิงแต่ไม่ทัน จึงวิ่งกลับมาดูท่านก้องภพเห็นกำลังกอดร่างไร้วิญญาณของกำนันตาลร้องไห้แทบขาดใจ ภาคภูมิเข้ามายืนข้างรามมองภาพตรงหน้าด้วยความเศร้าใจ
ooooooo
เช้าวันต่อมา ร้านกาแฟของเทวัญมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการสมใจ เมขลาตั้งอกตั้งใจอบขนมปังเป็นรูปหัวใจสองอันประกบกัน เอามาแจกลูกค้าเป็นของสมนาคุณในวันเปิดร้าน ลูกค้ามองสนใจ
“ขนมปังนี่ชื่ออะไรหรือคะ คราวหน้ามาจะได้สั่งถูก”
“อ๋อ...คือฉันลองทำดูเล่นๆ ยังไม่ได้ตั้งชื่อเลยค่ะ” เมขลาอธิบายเสร็จกลับไปนั่งหลังเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม หยิบขนมปังรูปหัวใจที่เตรียมไว้แจกลูกค้าขึ้นมาแยกหัวใจที่ประกบกันออก
“จะตั้งชื่ออะไรดีนะ...ขนมปังมันน่าจะมีชื่อเราด้วย อันนี้เมขลา...อันนี้รามสูร”
พลันภาพในอดีตผุดเข้ามาในสมองของเมขลา วันนั้น เธอลองอบขนมปังรูปหัวใจประกบกันให้รามกินเป็นมื้อเช้า แต่พอเขาหยิบใส่ปากเคี้ยว คายทิ้งแทบไม่ทัน บ่นอุบ นี่ก้อนอิฐหรือขนมปังกันแน่ เมขลาตกใจ
“มันแข็งเหรอคะ ฉันก็อบตามเวลาที่คุณแม่สอนนะคะ”
“คุณทำเองเหรอ อย่าเที่ยวไปทำให้ใครกินเชียวนะ” รามแซว
“ฉันก็ไม่ได้อยากทำให้คุณกินเหมือนกัน เพราะมันเสียของ เสียเวลา เสียความรู้สึก” เมขลาโมโหกระชากจานขนมปังคืน แล้วเดินหนี ได้ยินเสียงรามโวยวายตามหลัง
“คุณเอาไปแล้วผมจะกินอะไรล่ะ...ที่พูดไปเนี่ย ติเพื่อก่อนะ”
เมขลาตื่นจากภวังค์มองขนมปังในมือเคืองๆ “เชอะ ปากคุณเคยพูดดีๆกับฉันบ้างมั้ย ดีแต่ว่าตลอด”
เทวัญเคาะเคาน์เตอร์เบาๆถามว่าบ่นอะไรคนเดียว เมขลาสะดุ้งโหยง โกหกว่ากำลังคิดชื่อขนมปังอยู่ ถ้าได้ชื่อที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร จะได้ใช้เป็นจุดขายได้
“งั้นก็ความคิดตรงกัน ผมเองก็อยากแต่งร้านให้ดูดีกว่านี้ แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าร้านเรายังขาดอะไรอยู่”
“ถ้ารุจอยู่ด้วยคงดี รุจเขาถนัดเรื่องการตกแต่งด้วยนะคะ”
เทวัญแนะให้เมขลาโทร.ตามรุจมาที่นี่จะได้มาช่วยกันจัดร้านใหม่
ooooooo
รุจมาถึงร้านกาแฟของเทวัญแต่เช้าอย่างเคืองจัด ทันทีที่เจอหน้าเมขลาต่อว่าฉอดๆ ที่อยู่ๆก็หายหัวไปติดต่อไม่ได้ แต่พอต้องการจะเรียกใช้เขาขึ้นมาโทร.จิกเอาๆ
“ฉันเปลี่ยนเบอร์ใหม่ ไม่ทันได้บอกแก ขอโทษด้วยนะ แต่นี่ฉันก็โทร.หาแกแล้วไง” เมขลาอ้อน
“แกรู้มั้ยพ่อรามสูรสุดหล่อ เขาวิ่งตามหาแกแทบพลิกแผ่นดินขวานไทย น่าสงซ้านน่าสงสาร” แต่พอ รุจเห็นเทวัญเดินเข้ามาหาเท่านั้น เปลี่ยนท่าทีทันที “แต่ แกอยู่นี่ก็ดีแล้ว อยู่ต่อไปเหอะ ฉันจะขออยู่ด้วย”
“สวัสดีครับคุณรุจ ขอบคุณจริงๆที่อุตส่าห์มาช่วยเรา”
รุจรีบยื่นมือให้เทวัญจับ เทวัญพาซื่อจับมือด้วย รุจรีบเอาอีกมือหนึ่งกุมมือเขาไว้ ทำเสียงอ่อนเสียงหวาน ยินดีช่วยเทวัญทุกอย่าง จะให้เสิร์ฟกาแฟ หรือล้างถ้วยล้างชาม เขายอมพลีกายถวายหัวใจให้เทวัญทั้งดวง เทวัญหน้าเจื่อนมองเมขลาแบบขอตัวช่วย เมขลารู้งานรีบแกะมือรุจออก ถลึงตาใส่
“ฉันจะบอกให้เองว่าแกต้องช่วยอะไรบ้าง”
“เริ่มจากปูเตียงห้องคุณเทวัญก่อนเลยดีมั้ย” รุจยิ้มยั่วยวนให้เทวัญ...
หลังจากปรับปรุงโน่นนิดนี่หน่อยจนร้านกาแฟดูเข้าที่เข้าทางขึ้น รุจใช้เวลาว่างที่เหลือมาแอบมองเทวัญ ซึ่งกำลังชงกาแฟให้ลูกค้าง่วนอยู่ที่เคาน์เตอร์ บ่นพึมพำทำไมยัยเพื่อนตัวดีถึงได้โชคดีนัก สอยผู้ชายมาได้แต่ละคนหล่อกระแทกใจทั้งนั้น ขนาดชงกาแฟยังเท่ไม่เกรงใจใคร เมขลายื่นหน้าข้ามไหล่รุจมาแอบดูด้วย
“เลิกคิดไปเลย คุณเทวัญไม่นิยมไม้ป่าเดียวกัน”
“ว้าย...ใจหายหมด ทำไมยะ แกคิดจะหนีบไว้ทั้งสองคนเลยหรือไง คนหนึ่งก็สามี คนนี้ก็ชู้ทางใจ”
“บ้า พูดอะไรน่าเกลียด ฉันกับคุณเทวัญเป็นแค่เพื่อนกัน เราต่างก็เป็นคนที่บาดเจ็บเหมือนกันก็เลยพูดจาภาษาเดียวกัน”
รุจโล่งใจที่เมขลาไม่ได้คิดอะไรกับเทวัญ เขาจะได้รอเสียบแทน แต่ถ้าเมขลาเกิดเปลี่ยนใจกลับมาชอบเทวัญขึ้นมา เขาจะไปฟ้องราม เมขลาโวยวายไหนรุจสัญญาจะไม่บอกใครว่าเธออยู่ที่นี่
“โอ๊ย...เขาเลิกสนใจแกไปหมดแล้ว เพราะทุกคนกำลังวุ่นวายกับงานศพของเมียท่านก้องภพ”
“แกว่าใครตายนะ...คุณตาลเหรอ” เมขลาตาโตด้วยความตกใจ
“อะไรกันแก ไม่เคยอัพเดตข่าวบ้างเหรอ เมียท่านก้องภพน่ะโดนแก๊งยาเสพติดฆ่าตาย แล้วยังมีคุณเรืองฤทธิ์อาของคุณรามอีกคน ข่าวว่าเป็นการฆ่าตัดตอนเรื่องคดีพ่อเลี้ยง ฉันได้ยินคนในงานศพคุยกันว่า คนที่ฆ่าเป็นแก๊งยาเสพติดของเฮียจาง มาเฟียจากฮ่องกงเพราะการตายของพ่อเลี้ยงทำให้เฮียจางสูญเงินไปอื้อซ่า แล้วยังโดนตำรวจตามกวาดล้างจนหากินลำบาก มันเลยมาเมืองไทยเพื่อคิดบัญชี”
เมขลาตะลึง เทวัญเข้ามาได้ยินพอดี สีหน้าเป็นกังวล รู้สึกว่าภัยกำลังจะมาถึงตัว...
ดึกคืนเดียวกัน เมขลานอนไม่หลับ ลงมาคุกเข่ากลางแจ้ง จุดธูปบอกวิญญาณกำนันตาล
“คุณตาลคะ เมขอส่งคุณตาลตรงนี้นะคะ เมขอให้วิญญาณของคุณตาลไปสู่สุคติ”
ooooooo










