ตอนที่ 9
คมศรเจอกับน้ำใสที่หน้าทาวน์โฮมของแพรไพลินเพราะต่างมาหาคนของตัวแต่ไม่เจอ ตามมาเจอแสงกล้ากับแพรไพลินที่วัด เธอถามคมศรว่าตามมาได้ยังไง?
“ระบบ GPS ในมือถือ” คมศรชูมือถือให้ดู ส่วนน้ำใสพูดประชดลอยๆว่า
“คนบางคนปล่อยให้คอยเก้อ...ต้องออกไปตามตัวที่บ้าน” แล้วมองหน้าแสงกล้าถาม “นายมาทำอะไรที่นี่”
แสงกล้ายียวนว่ามาทำบุญแผ่ส่วนกุศลให้เธอไง ส่วนคมศรก็ถามแพรไพลินว่ามาทำอะไรที่วัด เธอเป็นคาทอลิกไม่ใช่หรือ
“ฉันไม่ยึดติด เพราะทุกศาสนาสอนให้เราเป็นคนดี ทำดี เหมือนกัน”
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าฉันกับคุณแพรจะเกิดวันเดียวกัน อย่างนี้ต้องฉลองใหญ่นะคะ” น้ำใสโมเม
“ผมเตรียมสถานที่ไว้แล้ว” คมศรรีบบอกตัดหน้า แสงกล้า แพรไพลินมองอย่างแปลกใจว่าเขาจะพาไปเลี้ยงที่ไหน
ooooooo
ที่ห้องทำงานรวิ...ขณะเธอยังเฝ้าครุ่นคิดหาทางช่วยวิญญูอย่างเคร่งเครียด วินก็เอาผลการตรวจสอบระเบิดที่ศูนย์ศิลปะจากนิติเทคฯมาให้ บอกว่าเป็นระเบิดชนิดเดียวกับที่พบที่รถแพรไพลินเมื่อวันก่อน
“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าใครที่ทำให้ท่านเป็นแบบนี้” รวิเครียดจัด เดินนำวินไปที่ห้องคอมพิวเตอร์ทันที พูดอย่างมั่นใจว่า “คนร้ายต้องทิ้งร่องรอยอะไรไว้บ้าง...” สั่งเจ้าหน้าที่ “เจาะเข้าไปในคอมพิวเตอร์ส่วนกลางของศูนย์ศิลปะ”
เมื่อภาพหน้าจอเปลี่ยนไปกลายเป็นระบบคอมพิวเตอร์ส่วนกลางของศูนย์ รวิสั่งต่อ
“ฉันต้องการภาพจากโทรทัศน์วงจรปิดทุกจุด ก่อนวันเกิดเหตุหนึ่งวัน” แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดให้ดูแล้ว พบหญิงลึกลับเดินผ่านกล้องทุกจุดแต่ก็ก้มหน้าหลบกล้องเหมือนรู้ว่าจุดนั้นๆมีกล้องวงจรปิดติดอยู่
“มีกล้องอยู่มุมหนึ่งที่ไม่น่าจะหลบได้ ก่อนหน้านี้บริษัทรักษาความปลอดภัยเพิ่งฝังกล้องพิเศษไว้ตัวหนึ่ง ที่มือจับประตูเข้าห้องจัดแสดงภาพ” เจ้าหน้าที่รายงาน รวิสั่งให้ส่งภาพขึ้นมาทันที
ปรากฏว่า หญิงลึกลับนั้นเดินมาถึงประตูก็เอามือปิดกล้องแล้วกระชากกล้องขาดกระจุย ภาพถูกตัดไปทันที
“มันวางแผนมาเป็นอย่างดี...มันเป็นใคร?” รวิพึมพำเครียด วินบอกว่าเดายากแต่ที่แน่ๆเป็นผู้หญิง
“ผู้หญิง?” รวินิ่งทันที นึกเห็นภาพเป้าหมายแคบเข้ามาแล้ว
ooooooo
คมศรพาแพรไพลิน แสงกล้าและน้ำใสไปทานอาหารที่ริมทะเลสวย...สงบ
แต่แสงกล้าไม่รู้สึกรื่นรมย์นัก เพราะทนดูภาพบาดตาบาดใจที่คมศรเอาอกเอาใจและใกล้ชิดกับแพรไพลิน ทั้งยังพูดคุยกันถึงอดีตที่แสดงถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมายาวนานของทั้งสองด้วย
ที่ดี๊ด๊าคือน้ำใส เธอสดใสร่าเริงและคอยบอกให้แสงกล้าดูคมศรเป็นตัวอย่างที่ดูแลคนรักของตัวเองอย่างดี เมื่อแสงกล้าทำทองไม่รู้ร้อน ก็ทำก๋ากั่นให้เขาแสดงความหวานให้ตนแบบนั้นบ้าง จนคมศรเห็นแล้วพูดกับแพรไพลินขำๆว่า
“สองคนนั้นทะเล้นเหมาะสมกันดีนะ”
ขณะอยู่ที่โต๊ะอาหาร คมศรดูแลแพรไพลินตักโน่นตักนี่ให้ แสงกล้าเอาบ้าง เขาตักอาหารทะเลให้แพรไพลินบ้าง ก็ถูกคมศรท้วงติงว่าแพรไพลินแพ้ทานไม่ได้ สุดท้ายแสงกล้าเซ็ง รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน เลยขอตัวลุกไปเดินเล่น
คมศรขอให้ทานของหวานกันก่อน แล้วเรียกพนักงานเอาเค้กมาจุดเทียนเป็นตุ๊กตาวางไว้ตรงกลาง พร้อมร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ คมศรเอ่ยแววตาหวานซึ้ง “สุขสันต์วันเกิดนะครับ” เมื่อแพรไพลินขอบคุณ เขาบอกให้ดึงเทียนออกจะได้ตัดเค้ก พอเธอดึงเทียนออก จึงเห็นว่ามีเชือกผูกห้อยไว้มีข้อความติดไว้ว่า “แต่งงานกับผมนะครับ” พร้อมกับแหวนเพชรที่ผูกไว้ปลายเชือก
แพรไพลินอึ้ง แสงกล้าทำหน้าไม่ถูก คมศรยิ้มหวานอย่างปลื้มปีติ ส่วนน้ำใสส่งเสียงเจื้อยแจ้วกระมิดกระเมี้ยนว่า
“โรแมนติกจัง แสงกล้า วันหน้านายไม่ต้องเซอร์ไพรส์ฉันแบบนี้นะ...ฉันคงเขินแย่เลย...”
แสงกล้าลุกออกไปเลย น้ำใสหันไปบอกคมศรว่า “คงไม่อยากเป็น กขค.ขอตัวนะคะ” แล้วลุกตามไป
น้ำใสตามไปฉอเลาะแสงกล้า แต่กลับทำให้เขาอารมณ์เสียเพราะเธอชมว่า คมศรกับแพรไพลินเหมาะสมกันดีมาก แสงกล้าเลยขอไปรอที่รถ คราวนี้น้ำใสทนไม่ได้เรียกไว้
“แสงกล้า ของขวัญของฉันล่ะ ฉันรู้ว่านายไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉัน แต่ฉันอยากให้เปิดใจรับฉันบ้าง...ฉันอยู่ข้างนายเสมอนะ” แสงกล้านิ่งไปนึกไม่ถึงว่าเธอจะพูดเรื่องนี้ ตัดบทว่ายังไม่เหมาะที่เราจะคุยอะไรกันตอนนี้ แล้วจะเดินไป น้ำใสเดิมตามไปดักหน้า ทำเป็นยิ้มทั้งที่ใจร้องไห้ “ฉันรอมาทั้งชีวิต รอคำตอบอีกสักวันจะเป็นไรไป”
“กลับกันเถอะ” แสงกล้าตัดบทแล้วเดินนำไปที่รถเลย น้ำใสมองงอนๆ แต่เดินตามไป
แสงกล้าไปส่งน้ำใสถึงหน้าห้องพัก อวยพรเธอ “สุขสันต์วันเกิดนะ นอนหลับฝันดีนะ”
“ส่งสุภาพสตรีถึงห้องพัก น่ารักที่สุดเลย...อย่าลืมของขวัญฉันล่ะ ฉันจะรอ” พอนึกได้ก็ขออีก “ฉันขออีกอย่างได้ไหม อย่าแวะไปส่งหมอแพรอีก”
แสงกล้าหยุดหันมอง น้ำใสมองเขาอย่างรู้ใจว่าคิดอย่างไรกับแพรไพลิน
ooooooo
ส่วนคมศรหลังจากเซอร์ไพรส์ให้แหวนเพชรและขอแต่งงานแล้วก็มองอย่างเว้าวอนรอคำตอบ แพรไพลินตอบด้วยน้ำเสียงปกติว่า
“คุณก็รู้ ความเป็นเพื่อนมันเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ฉันขอโทษ”
“นั่นเป็นคำตอบของวันนี้ แต่พรุ่งนี้...มะรืนนี้...
ทุกอย่างอาจเปลี่ยนแปลงได้ ผมจะรอ...” คมศรฝืนยิ้ม
ฝ่ายแสงกล้าส่งน้ำใสแล้วก็ขับรถมาจอดที่หน้าทาวน์โฮมของแพรไพลิน เห็นปิดไฟมืดนึกว่ายังไม่กลับจึงขับรถออกไป แต่แล้วก็มีเมสเสจจากแพรไพลินเข้ามาว่า “จะกลับแล้วหรือ”
เมื่อแสงกล้าเดินมาที่หน้าบ้าน เธอขอบคุณเขาที่วันนี้ทำให้ตนมีความสุขมาก แสงกล้าบอกว่าตนก็ต้องขอบคุณเธอเหมือนกัน เธอถามงงๆว่าเรื่องอะไร
“ก็เวลาที่ผมเห็นคุณมีความสุข ผมเองก็มีความสุขไปด้วย”
“อืม...แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าวันนี้เป็นวันเกิดฉัน”
แสงกล้าอึกอัก แต่เหมือนระฆังช่วย สมิงโทร.เข้ามาพอดี พอเขารับสายแล้วถามอย่างตกใจว่า “อะไรนะ!!”
“คืนนี้ผมจัดงานโปลิศจับขโมย ถ้าหมวดอยากได้หัวขโมยก็มาเจอกัน” สมิงวางสายแล้วเก็บของชิ้นสำคัญ ส่วนแสงกล้าวางสายแล้วบอกให้แพรไพลินเข้านอนเสียและปิดบ้านให้ดีด้วย เธอจะไปด้วย พอเขาไม่ให้ไปเธออ้างว่าวันนี้วันเกิดอย่าขัดใจกัน แสงกล้าเลยบอกว่า “ก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” แล้วพากันขึ้นรถออกไป
ooooooo
ขมังเวทย์ถูกสมิงฝังเหล็กไหลไว้ที่หน้าผากทั้งยังบริกรรมคาถาต่อเนื่อง ทำให้ขมังเวทย์เจ็บปวดดิ้นทุรนทุรายอยู่ในบ่อพาราฟิน คำรามอย่างอาฆาตแค้น “ไอ้มงคล!!”
รวิรับรู้ถึงความเจ็บปวดและอันตรายของขมังเวทย์รีบออกจากนิติเทคฯบ่ายหน้าไปที่โถงพิธีกรรมทันที
สมิงทำพิธีอยู่บริเวณลานโล่ง ลืมตาประกาศ “ฉันต้องการของทั้งหมดคืน!” พลันก็เกิดลมพัดแรง...เร็ว ขมังเวทย์ลืมตาโพลงเหมือนถูกสะกด ลุกพรวดขึ้นจากบ่อพาราฟินตรงไปที่ศาสตราวุธตั้งอยู่ เอื้อมมือจะหยิบตรีศูลวัชระกับสังข์ไชยมงคลที่กำลังเปล่งประกายวาววับ!
ขมังเวทย์ไปปรากฏต่อหน้าสมิงในมือถือถุงจะยื่นให้ สมิงรับไปก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่ โยนถุงทิ้งพลันงูจงอางก็เลื้อยออกมาแผ่แม่เบี้ย สมิงมองแผ่เมตตา ครู่เดียวงูก็เลื้อยหนีไป สมิงดีดนิ้วเปาะเดียวเหล็กไหลที่หน้าผากขมังเวทย์ก็ปูดโปนขึ้น ขมังเวทย์ถึงกับร้องอ๊ากกก! ถลาไปหยิบเพชรยอดสังข์จากถุงที่ตกบนพื้น กำเพชรไว้แน่นเหมือนต้องการพลังจากเพชรให้ช่วยบรรเทาความเจ็บปวด
ครู่เดียวประกายแสงที่หน้าผากขมังเวทย์ลดลง หน้าผากกลับสู่สภาพเดิม ขมังเวทย์ยังกำเพชรไว้แน่น ตะคอกบอก
“เหล็กไหลทมิฬของแกหมดอำนาจเมื่อต้องอยู่กับเพชรยอดสังข์ ถึงเวลาเอาคืนแล้วไอ้มงคล”
“สงครามไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร งวดนี้แกรักษาตัวไปได้ไม่ถึง 1 ตะวัน 1 จันทรา พลังของแกไม่เหลือแล้วไอ้พญามาร!” สมิงใช้กระสุนอาคมยิงขมังเวทย์พลาดไปสองนัด ถูกแขนซ้ายขวาข้างละนัดเลือดทะลัก เจ็บปวดจนทรุดกับพื้น
สมิงตรงไปหยิบเพชรยอดสังข์จากมือขมังเวทย์ใส่ถุง นำศาสตราวุธทั้งสองใส่รวมกันเก็บไว้ในย่ามของตัวเอง จ้องบอกขมังเวทย์ว่า “ต่อไปจัดหนัก...อานุภาพของเหล็กไหลทมิฬ!!”
สิ้นเสียงสมิง ร่างขมังเวทย์ลอยจากพื้น แล้วเหมือนถูกกระชากให้ลุกขึ้นยืนตรง ลอยไปตรึงกับต้นไม้ต้นหนึ่งไม่ไกลนัก ขมังเวทย์เกร็งไปหมดจนขยับไม่ได้ แต่เลือดยังคงไหลไม่หยุด เหล็กไหลที่หน้าผากก็ปูดโปนจนน่ากลัว
ขณะสมิงมองขมังเวทย์อย่างสะใจนั่นเอง ถูกรวิ ยิงจากข้างหลังล้มคว่ำไป รวิรีบวิ่งไปหาขมังเวทย์ด้วยความเป็นห่วง แสงกล้ากับแพรไพลินได้ยินเสียงปืนพากันไปตามทิศทางเสียงปืนอย่างเร่งรีบ พบสมิงถูกยิงหมดสติอยู่ตรงนั้น!
แต่ที่แท้สมิงแค่หมดสติไปวูบเดียวเพราะใส่เสื้อเกราะไว้ พอรู้สึกตัวขึ้นมาก็คุยโว ถูกแสงกล้าขัดคอว่า
“นึกว่ามีของดีป้องกันตัวเสียอีก”
“ต่อให้เก่งไสยศาสตร์ก็กลัวตายเหมือนกัน ไสยะกับวิทยะคู่กันแล้ว จะแคล้วคลาดปลอดภัยแน่นอน” แต่พอแสงกล้าถามว่าไหนว่าจะมาจับพญามาร สมิงงึมงำว่า “มันหนีรอดไปได้” แต่ก็คุยโวอีกว่า ตอนนี้เทวาศาสตราวุธที่หายไปทั้งสองชิ้นคือ ตรีศูล
วัชระกับสังข์ไชยมงคลนั้น กลับมาอยู่ในมือเราแล้ว “ส่วนไอ้พญามาร...ด้วยอานุภาพของเหล็กไหลทมิฬกับกระสุนอักขระมันไม่รอดแน่ๆ”
แสงกล้ากับแพรไพลินฟังสมิงพูดแล้วพากันอึ้ง...
ooooooo
รวิพาขมังเวทย์ที่อาการสาหัสมากเลือดไหลท่วมไปทั้งตัวกลับไปที่โถง ขมังเวทย์บอกว่าเทวาศาสตราวุธของตนถูกสมิงเอาไปแล้ว บอกรวิว่า มีแต่ภาพอนันตคทาเท่านั้นที่จะช่วยตนได้ บอกให้รวิรีบไปเอามาให้ได้
เพื่อช่วยชีวิตขมังเวทย์ รวิถวายชีวิตลุยเข้าไปยิงเจ้าหน้าที่ตายและขโมยภาพนั้นไปได้
สมิงบอกแสงกล้ากับแพรไพลินว่าขมังเวทย์ให้คนมาขโมยภาพอนันตคทาไปแล้ว แสงกล้าถามว่าเอาไปทำไม
“อนันตคทาเป็นศาสตราวุธธาตุน้ำ...เป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้มันรอดชีวิต”
แพรไพลินกลับไปที่ห้องคอมพิวเตอร์ในศูนย์ฯ ค้นหาเจอแต่ภาพวิวทิวทัศน์ เธอดูข้อมูลพึมพำ
“ภาพที่หายไป...‘มหานที...สายชล’ สร้างขึ้นในสมัยเดียวกับอนันตคทาที่ยังไม่มีใครพบ?”
“นี่เหรอ...อนันตคทา?...น้ำตก...น้ำตกชัดๆ” สมิงมองภาพในจอคอมพิวเตอร์ครุ่นคิด...
รวิเอาภาพที่ขมังเวทย์ต้องการไปให้ แต่ขมังเวทย์ก็ยังไม่ได้สติ เธอร้องไห้อย่างอัดอั้น น้ำตาหยดลงที่ภาพ พลันก็เกิดแสงสว่างขึ้น เมื่อเธอเอานิ้วเกลี่ยจึงปรากฏอีกภาพซ่อนอยู่ เธอรีบเอาผ้ามาเช็ด ถู ภาพน้ำตกเลือนหายไปเผยให้เห็นด้านใน
รวิมองอึ้ง มีลำแสงจากปลายคทาสว่างขึ้น แล้วเกิดแสงสว่างวาบทั่วห้อง รวิต้านพลังไม่ไหวถึงกับหมดสติไป
แสงจากปลายคทาอาบร่างขมังเวทย์ที่นอนอยู่บนแคปซูล เลือดในกายไหลย้อนกลับไป บาดแผลสมานสนิททันที ขมังเวทย์ลอยขึ้นมายืนกลางห้อง สายตาเคียดแค้น คำรามลั่น
“ข้าจะเอาของของข้าคืนมา!”
ooooooo
สมิงกลับมาห้องพัก เอาศาสตราวุธสองชิ้นที่ได้มาไปวางไว้บนแท่น ลูบไล้สังข์และเพชรยอดสังข์ พลันก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง พึมพำ “ตรีศูลวัชระ?” แล้วเดินอ้าวออกไป
ได้รูปอนันตคทามาให้ขมังเวทย์แล้ว รวิถามว่า “ท่านปลอดภัยจากเหล็กไหลทมิฬแล้วใช่ไหมคะ”
“ชั่วคราว เพราะอนันตคทาทำได้เพียงบรรเทาอาการทรมาน แต่กำจัดเหล็กไหลทมิฬไม่ได้” เขาย้ำกับรวิว่า ตราบใดที่เหล็กไหลยังอยู่ในหัว ตนก็ยังไม่พ้นอำนาจบังคับของสมิง “ถ้าเห็นอาการผิดปกติ เธอต้องหยุดฉันด้วยกระสุนนัดนี้” พูดแล้วเอากระสุนลงอักขระให้รวิดู “ยิงตรงขั้วหัวใจ แล้วนำร่างฉันไปที่อนันตคทาให้เร็วที่สุด”
รวิใจไม่ดีถามว่าไม่มีวิธีอื่นหรือ เขาบอกว่า “มีวิธีทำลายเหล็กไหลทมิฬอยู่ทางเดียว คือเราต้องเอาตรีศูลกับสังข์กลับมา ใช้อำนาจ ธาตุดิน ธาตุน้ำ และธาตุไฟ ของศาสตราวุธทั้งสามชิ้น”
รวิกังวลว่าเราไม่รู้ว่าพวกนั้นเก็บตรีศูลกับสังข์ไว้ที่ไหน เขารู้ดีบอกว่า นิสัยอย่างมงคล ที่ที่เสี่ยงที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด
ทันใดนั้น จักรกับดาหลาเปิดประตูพรวดเข้ามา ต่อว่าด่าทอขมังเวทย์ ว่าเอาตรีศูลวัชระกับเพชรยอดสังข์ให้สมิงไปทำไม รวิตอบแทนว่าแต่เราก็ได้อนันตคทามาแล้ว จักรโต้ว่าแบบนี้ก็เท่ากับเราต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ปรามาสว่า
“เป็นมนุษย์พิเศษไม่ใช่หรือ มนุษย์พิเศษก็ต้องทำอะไรพิเศษๆกว่าคนอื่นสิ ฉันขอสั่งให้แกทำงานให้คุ้มกับค่าจ้าง เอาตรีศูลวัชระกับเพชรยอดสังข์กลับมาโดยเร็วที่สุด”
ขมังเวทย์ตาแดงก่ำมองอย่างไม่พอใจ แสดงแสนยานุภาพอีกครั้ง ทั้งจักร ดาหลาและลูกน้องลอยหวือกระแทกผนังกันคนละทิศละทาง แต่ขมังเวทย์เองก็เกิดอาการผิดปกติทันที ปวดหัวรุนแรงจนร้องลั่น บอกรวิว่า “มันเริ่มอีกแล้ว!!” และที่หน้าผากก็ปูดโปนขึ้นมาอย่างน่ากลัว
สมิงนอนอยู่บนแท่นชาร์จของตัวเอง หลับตาบริ– กรรมคาถาบังคับให้ขมังเวทย์เอาอนันตคทาที่เอาไปมาให้
ขมังเวทย์จะเอาอนันตคทาออกไป ถูกจักรและดาหลากับลูกน้องยิงสกัดแต่ไม่ถูก ขมังเวทย์เดินเข้าต่อสู้กับพวกจักรด้วยมือเปล่าจนพวกนั้นสะบักสะบอมหมดทางสู้ รวิรู้อาการของขมังเวทย์ จึงเอากระสุนลงอักขระนัดนั้นยิงที่หัวใจเขาทันที อาการคลุ้มคลั่งของเขาจึงสงบลง
สมิงรับรู้เหตุการณ์นั้น พึมพำอย่างไม่อยากเชื่อ “มันกล้ามาก เสี่ยงใช้กระสุนอักขระยิงตัดขั้วหัวใจตัวเอง เพื่อออกจากการควบคุมของเหล็กไหลทมิฬ”
“เราจะทำยังไงต่อไป”
“รอมันฟื้น...มันขัดอำนาจเหล็กไหลทมิฬไม่ได้ทุกครั้งหรอก” สมิงตอบแววตาเครียด
ooooooo
ขมังเวทย์ที่สิ้นสภาพแล้วเวลานี้ คือวิญญูที่ไม่ได้สติ ถูกรวิใช้กระสุนลงอักขระยิงเข้าที่ขั้วหัวใจแน่นิ่ง เธอเร่งให้ช่วยกันนำร่างเขาไปที่แท่นก่อนจะสายเกินไป
ดาหลาติงว่าเดี๋ยวฟื้นขึ้นมาก็จะอาละวาดอีก จักรก็ทักท้วงว่าแน่ใจหรือที่จะทำแบบนี้ ถูกรวิตึงเครียดใส่ว่า
“นี่เป็นคำสั่ง” และ “ฉันรู้ตัวเสมอว่ากำลังทำอะไรอยู่”
พริบตานั้นดาหลาชักปืนเล็งใส่รวิ ถูกเธอยิงเปรี้ยง เดียวปืนร่วงแล้วหันปากกระบอกปืนไปทางจักร
“เอาตัวมันไปไว้ที่แท่น” จักรสั่งลูกน้อง ร่างวิญญูจึงถูกนำไปวางที่แท่น รวิรีบเคลื่อนภาพอนันตคทามาไว้ด้านบนของแท่นทันที
ฉับพลัน ก็เกิดแสงสว่างนวลพุ่งตรงจากภาพอนันตคทาตรงไปยังร่างวิญญู เลือดที่ไหลนองออกมาก็ไหลเวียนกลับเข้าไป กระสุนอักขระที่แทงเข้าขั้วหัวใจหลุดออกมาอย่างน่าอัศจรรย์
“มั่นใจได้ยังไงว่ามันจะไม่คลุ้มคลั่ง...เอาภาพวาดไปให้ไอ้สมิง” จักรไม่ไว้ใจ
“มั่นใจไม่ได้! ตราบใดที่รองจักรไม่คิดจะทำอะไรบ้าง” ครั้นจักรถามว่าจะให้ทำอะไร เธอจ้องหน้าบอกว่า “เราต้องการชิงตรีศูลวัชระกับสังข์ไชยมงคลกลับมา”
จักรเยาะเย้ยว่าพูดง่ายแต่ทำยาก เพราะขนาดวิญญูยังทำไม่ได้ต้องนอนเป็นซากศพอยู่อย่างนั้น รวิสวนไปทันทีว่า
“ท่านวิญญูทำไม่ได้ แต่รองจักรทำได้” ดาหลาถามแทรกว่าทำไมมั่นใจ และจักรก็ถามว่าด้วยวิธีไหน “แค่รู้จักคิด รู้จักใช้อำนาจ คนที่ไม่รู้จักศักยภาพและอำนาจของตัวเอง ไม่มีวันก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่ รองจักร... ท่านทำอะไรได้อีกมาก แค่รู้จักคิดมากขึ้น!!”
จักรมองรวิไม่พอใจที่บังอาจหักหน้าสอนตน
ooooooo
ที่บริเวณบ้านสมิง แสงกล้าเดินคุยกับสมิงอยู่ แสงกล้าถามว่าเมื่อไรพญามารถึงจะฟื้น
“ชั่วเวลาหนึ่งตะวันหนึ่งจันทรา”
แสงกล้าพูดอย่างโล่งใจว่า โชคดีที่สมิงชิงตรีศูลวัชระกับสังข์ไชยมงคลมาได้ ไม่อย่างนั้นพวกมันจะได้ศาสตราวุธไปถึงสามชิ้น สมิงนิ่งไปนิดหนึ่งจึงบอกว่า “ถ้าได้สาม...ก็เหมือนได้ไปสี่ เพราะเทวาศาสตราวุธจะเรียกหากันเอง”
สมิงเดินไปยังแท่นที่วางตรีศูลวัชระกับสังข์ไชยมงคล อธิบายอย่างผู้รู้ว่า
“ศาสตราวุธทั้งหมดมีพลังดึงดูดต่อกัน ถ้าได้มาสามชิ้น จะเกิดปรากฏการณ์บางอย่าง แสดงตำแหน่งของศาสตราวุธชิ้นที่สี่”
“ระหว่างเรากับพญามาร ถ้าใครชิงศาสตราวุธของอีกฝ่ายมาได้ก่อน ก็เท่ากับได้ของครบทั้ง 4 ชิ้น?”
“ถูกต้อง...เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม” สมิงสีหน้าจริงจัง แววตามุ่งมั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ooooooo
หญิงลึกลับที่คอยช่วยเหลือแสงกล้าและแพร-ไพลินทำงาน ที่แท้คือนภานั่นเอง!
นอกจากนภาจะคอยช่วยเหลือแสงกล้ากับแพร-ไพลินแล้ว ยังติดตามการเคลื่อนไหวของวิญญูและจักรอย่างใกล้ชิด โดยประสานกันอินทนนท์มีฐานลับทำงานในร้านกาแฟใต้ทางด่วน รับรู้การเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามจากกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ตามที่ต่างๆ
หลังจากจักรถูกรวิด่าแล้ว เขาใช้อำนาจแต่งตั้งคมศรที่เป็นเลขาฯนายกรัฐมนตรีมาเป็นเลขาส่วนตัว โดยนัดแถลงข่าวเป็นการเร่งด่วน ส่วนรวิก็เรียกตัวแสงกล้าไปทำงานด่วน
วินกับพวกมารับแสงกล้าพาเดินขนาบไปที่รถตู้ของสำนักงานสืบฯที่รวิรออยู่ในนั้น ระหว่างทาง
ดาบแหบขออนุญาตติดหูฟังพร้อมวิทยุสื่อสารให้แสงกล้า ส่วนจ่าหวานก็ติดให้วิน
เมื่อเดินไปถึงรถตู้ของสำนักงานสืบฯ ประตูอัตโนมัติรถเปิดออก รวินั่งเท่อยู่ในนั้นเอ่ยทัก
“สวัสดีหมวดแสงกล้า สำนักงานสืบสวนพิเศษยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับทีมปฏิบัติการเฉพาะกิจของเลขาฯคมศร เชิญขึ้นรถ”
แสงกล้าจำต้องขึ้นรถ โดยไม่รู้ว่ารวิจะพาไปไหน นภากับอินทนนท์ติดตามอยู่ก็ไม่รู้เช่นกัน แต่เบาใจที่ติดต่อแสงกล้าผ่านวิทยุสื่อสารที่ดาบแหบติดไว้ให้ได้
เมื่อถามรวิว่าจะไปไหนไม่ได้รับคำตอบ แสงกล้าจึงถามว่า “คุณต้องการอะไร?”
“ทวงสมบัติของแผ่นดินคืน ด้วยฝีมือของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภายใต้การดูแลของเลขาฯคมศร สุริยน”
สมบัติที่รวิพูดคือ ตรีศูลวัชระกับสังข์ไชยมงคลที่เธออ้างว่าจ่าสมิงเอาไป ตนต้องการให้เขาพาไปที่ที่ เก็บของสองชิ้นนี้
ทั้งนภาและอินทนนท์ต่างร้อนใจ แต่นภาเชื่อว่าแสงกล้าจะไม่ยอมเสียสองสิ่งนั้นไป แต่แล้วเรื่องก็บีบคั้นหนักขึ้นอีก เมื่อรวิใช้วิธีเอาแพรไพลินมาบีบแสงกล้า ด้วยการสั่งให้เธอขึ้นไปพิสูจน์หลักฐานที่ลานกว้างบนตึก และให้ดาหลาใช้ปืนไรเฟิลติดลำกล้องเล็งมาที่แพรไพลินอยู่บนดาดฟ้าตึกตรงข้าม
ไม่เพียงสร้างสถานการณ์มาบีบแสงกล้า รวิยังนับถอยหลังสั่งการมือปืนให้ยิงแพรไพลินต่อหน้าแสงกล้าด้วย ทำให้เขาไม่มีทางเลือก จำต้องพารวิไปที่บ้านของสมิงเพื่อเอาตรีศูลวัชระและสังข์ไชยมงคล!
นภาและอินทนนท์กระวนกระวายใจกับการเสี่ยงที่จะสูญเสียสมบัติของชาติที่งวดเข้ามาทุกที แม้จะยังคิดแผนไม่ออกแต่นภาบอกอินทนนท์อย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ถ้าเราไม่ได้...ต้องไม่มีใครได้!”
จากนั้นนภาสั่งดาบแหบซึ่งอยู่ในบริเวณนั้น “ดาบแหบ...ทำตามแผน!” และพูดกับแสงกล้าผ่านวิทยุสื่อสารให้ทำตัวปกติ แสงกล้าถามว่าเธอเป็นใคร พอรู้ว่า “ศรัทธา” แสงกล้าชะงักไปนิดหนึ่งถามว่าเธอต้องการอะไร
“เธอต้องพิสูจน์ให้คนเห็น...ความดีไม่มีวันตาย...
ของสำคัญทั้งสองชิ้น ต้องไม่ตกอยู่ในมือคนชั่ว!”
เมื่อมาถึงหน้าบ้านสมิง จ่าหวานเดินมาส่งกระเป๋าให้แสงกล้าแล้วรีบผละไป แสงกล้าเอากระเป๋าไปเปิดดูในที่ลับตาเห็นมีระเบิดขนาดเล็กจุดชนวนด้วยโทรศัพท์อยู่ในนั้น เสียงนภากำชับมาอีกราวกับตาเห็นว่า
“ความหวังอยู่ที่เธอคนเดียว...แสงกล้า!”
ooooooo
แสงกล้าเข้าไปในบ้านสมิง เจ้าหน้าที่สำนักงานสืบฯตรวจตรีศูลวัชระและสังข์ไชยมงคลแล้วบอกรวิว่าเป็นของจริงทั้งสองชิ้น
“เคลื่อนย้ายออกไป!” รวิสั่งทันที หันไปเห็นแสงกล้า เธอถามอย่างไม่พอใจ “เข้ามาทำไม”
“เป็นภารกิจของผมที่จะดูแลของสำคัญทั้งสองชิ้น” คำตอบของแสงกล้าทำให้รวิปฏิเสธไม่ได้
แสงกล้าบอกสมิงที่ออกมาดูด้วยความไม่พอใจว่า “ผมเสียใจ...ผมไม่มีทางเลือก”เขาเข้าไปนำตรีศูลวัชระและสังข์ไชยมงคลใส่ลังสองใบ แอบติดตั้งระเบิดจุดชนวนด้วยมือถือไว้ กล่องทั้งสองใบถูกลำเลียงไปใส่รถตู้คันนั้น นภาสั่งการจากฐานลับ “ระเบิดพร้อมจุดชนวน!”
ลำเลียงกล่องสองใบไปไว้ในรถแล้ว รวิบอกแสงกล้าว่าหมดหน้าที่แล้ว ตนจะควบคุมการขนย้ายเอง ขึ้นรถปิดประตูพยักหน้าให้คนขับออกรถไปทันที
เมื่อปฏิบัติการชิงตรีศูลวัชระและสังข์ไชยมงคลสำเร็จแล้ว ดาหลาที่ซุ่มพร้อมยิงแพรไพลินเก็บปืน ถอดแว่นกันแดดใส่กระเป๋าเสื้อ แต่พลาดแว่นหลุดมือตกลงสู่พื้นเบื้องล่างตรงที่แพรไพลินอยู่พอดี
แพรไพลินแหงนมองขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกตรงข้ามอย่างรู้สึกถึงความผิดปกติ เธอวิ่งออกไปอย่างเร็วโดยสัญชาตญาณ!
ooooooo










