ตอนที่ 8
ที่ห้องพักฟื้นของเมฆาในโรงพยาบาล คืนนี้ หมอเข้ามาเช็กความดัน บอกคมศรที่เฝ้าอยู่ว่าอาการเหมือนเดิม
คม ศรถามว่านายกฯมีสิทธิ์จะฟื้นจากการเป็นเจ้าชายนิทราไหม หมอบอกว่าตราบใดที่ยังผ่าหัวกระสุนออกมาไม่ได้ อาการก็คงจะทรงๆอยู่อย่างนี้ หมอชี้แจงว่า
“กระสุนในร่างของท่านนายกฯยังเคลื่อนไหวอยู่ตลอด โชคดีที่ไม่ได้ทำลายสมองเพิ่ม ทีมแพทย์กำลังประชุมหาทางออกเรื่องนี้อยู่ บางทีเราอาจจะต้องพึ่งปาฏิหาริย์”
“ผมไม่เชื่อปาฏิหาริย์ แต่ผมเชื่อว่าท่านจะไม่ยอมแพ้...ท่านต้องรอดเพื่อความถูกต้องในบ้านเมืองของ เรานะครับ” คมศรพูดกับเมฆาที่ยังนอนนิ่งไม่ไหวติง...
ขณะนั้นเอง ที่ทางเดินในโรงพยาบาล มีร่างของคนหนึ่งเดินอยู่ จากรองเท้าหนังที่เป็นเงาวับบอกว่าเป็นผู้หญิง ร่างนั้นกำลังมุ่งมาที่ห้องพักของเมฆา
คมศรตรวจความเรียบร้อยครั้ง สุดท้ายก่อนจะออกไปพักผ่อน เขาคลี่ผ้าห่ม ห่มร่างเมฆาไว้ไม่เรียบร้อยนัก เมื่อคมศรออกไป หญิงลึกลับก็เข้ามาในห้อง เดินมาที่เตียง เอื้อมมือไปจับมือเมฆาไว้อย่างแผ่วเบา...
ออกไปได้ครู่เดียว คมศรสังหรณ์ใจบางอย่าง ย้อนกลับมาที่ห้องพักของเมฆา เกือบชนกับพยาบาลที่มาดูแลจนต่างก็ตกใจ ตรวจดูเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว เห็นผ้าห่มที่ห่มร่างเมฆาไว้ถูกจัดไว้เรียบร้อยแล้ว เขาจึงกลับออกไป
ทันทีที่คมศรออกไป ร่างหนึ่งที่อยู่หลังผ้าม่านก็เดินมาหาเมฆา ลูบไล้ใบหน้าเขาด้วยความรัก ความห่วงใย...
ooooooo
หลาย วันต่อมา ที่หน้านิติเทคฯ นักข่าวมากมายทั้งโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์มาทำข่าวคับคั่ง นํ้าใสยืนอยู่ข้างรถถ่ายทอดสด กำลังรายงานข่าวอย่างแข็งขัน ตื่นเต้น
“วัน นี้แล้วนะคะ...ที่สำนักงานสืบสวนพิเศษจะแถลงสรุปผลคดีจับกุมรองนายกฯจักร อมตฤทธา ซึ่งผลการตรวจสอบปลอกกระสุนจากนิติเทคฯของด็อกเตอร์แพรไพลิน ระบุว่า รองนายกฯเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่าตำรวจและโจรกรรมเพชรยอดสังข์ แต่ ผบ.รวิแห่งสำนัก– งานสืบสวนพิเศษแต่งตั้งผู้ชำนาญการพิเศษเข้ามาตรวจสอบหลักฐานอีกครั้ง เนื่องจากไม่แน่ใจในข้อสรุปของด็อกเตอร์แพรไพลิน”
ที่อีกด้านหนึ่ง เห็นหลังของหญิงคนหนึ่ง เธอกำลังมุงดูการรายงานข่าวของนํ้าใสรวมอยู่ในกลุ่มผู้คน
และไม่ไกลจากนั้นนัก มีทีวีดังอีกช่องหนึ่ง นักข่าวกำลังรายงานข่าวเช่นกัน...
“อีกไม่กี่นาทีเราจะรู้กันแล้วว่า รองนายกฯจักร นักการเมืองที่กำลังปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ จะสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปหรือไม่ การสอบสวนของด็อกเตอร์แพรไพลินถือว่าเป็นการเขย่าระบบการสอบสวนจริงๆครับ เพราะขัดแย้งกับต้นสังกัดสำนักงานสืบสวนฯ อย่างรุนแรง เรียกได้ว่าเดิมพันกันด้วยตำแหน่งหน้าที่การงานกันเลยล่ะครับ เพราะตามสายรายงานแล้ว...นิติเทคฯอยู่ภายใต้การบริหารของสำนักงานสืบสวนฯ ผลจะเป็นอย่างไรต่อไป อีกไม่กี่นาทีเราคงจะทราบกันครับ”
แพรไพลินกำลังเดินทางมาฟังเช่นกัน มาถึงเธอลงจากรถเดินเข้าไปในอาคาร พอเธอลับตาไปเท่านั้น ดาหลาก็ตรงไปที่รถของแพรไพลิน เปิดสวิตช์ให้กล่องระเบิดทำงาน แล้วเอาไปติดไว้ซุ้มล้อหน้าขวาของรถ!
แต่ไม่ไกลนัก มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนมองการกระทำของเธอทั้งหมด! เมื่อดาหลาออกไป เธอจึงตรงไปที่รถของแพรไพลิน ระหว่างทางก็เอาเครื่องตัดสัญญาณติดไว้ที่เสาอาคารและติดกับรถของแพรไพลินด้วย
ooooooo
แพรไพลินเข้าไปนั่งฟังการแถลงข่าว มีรวิและฝรั่งผู้เชี่ยวชาญที่รวิจ้างมาร่วมแถลงข่าวด้วย
รวิเปิดแถลงก่อนว่า
“ดิฉันขอสรุปผลการสอบสวนคดีท่านรองนายกฯ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษยืนยันว่า เกิดความผิดพลาดในการวิเคราะห์ปลอกกระสุนของด็อกเตอร์แพรไพลิน ท่านจักร อมตฤทธา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้”
มีเสียงฮือฮาออกมาจากกลุ่มผู้สื่อข่าว ส่วนแพรไพลินที่นั่งฟังอยู่ พึมพำเสียงแผ่ว “เป็นไปไม่ได้...”
“ด้วยหลักฐานปลอกกระสุนชิ้นเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญพิเศษพบว่าผู้ต้องสงสัยไม่ใช่ท่านรองนายกฯ...” พูดแล้วรวิหันไปทางผู้เชี่ยวชาญฝรั่ง “เชิญด็อกเตอร์แอทกินส์ค่ะ” ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นจึงพูดเป็นภาษาอังกฤษ ว่า...
“โปรแกรมวิเคราะห์ลายนิ้วมือของด็อกเตอร์แพรไพลินผิดพลาด เพราะจากการตรวจสอบของพวกเราพบว่ากระสุนนัดนี้ถูกยิงโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ไม่ใช่รองนายกฯ”
“หมายความว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นคนฆ่าผู้กองคราม และโจรกรรมเพชรไปอย่างนั้นเหรอคะ” นํ้าใสถามขึ้น
“หลักฐานระบุอย่างนั้น”
สิ้นเสียงตอบของผู้เชี่ยวชาญ ก็มีเสียงฮือฮาจากกลุ่มนักข่าวดังขึ้นอีก...
“นิติเทคฯตรวจสอบทุกอย่างจนแน่ใจ เป็นลายนิ้วมือของรองนายกฯจักรแน่นอน” แพรไพลินลุกขึ้นมาโต้ นักข่าวก็ถามว่า เมื่อผลการตรวจขัดแย้งกันแบบนี้จะมีทางออกอย่างไร รวิเสนอทันทีว่า เพื่อความโปร่งใส สำนักงานสืบฯยินดีให้นิติเทคฯตรวจสอบหลักฐาน
ชิ้นนี้อีกครั้ง แต่มีข้อแม้ว่า “ขอให้เปลี่ยนไปใช้วิธีเดียวกับวิธีของด็อกเตอร์แอทกินส์”
รวิเลื่อนซองพลาสติกที่ใส่ปลอกกระสุนบนโต๊ะไปให้แพรไพลิน ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นก็พูดว่า
“ผมแน่ใจว่าผลสรุปต้องเป็นแบบเดียวกัน ยอมรับเถอะครับด็อกเตอร์...คุณผิดพลาด”
รวิกล่าวในตอนท้ายว่า ทางสำนักงานสืบฯจะติดตามหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนี้มารับผิด แต่ตอนนี้เขายังต้องรับการบำบัดทางจิตฯ จึงอาจจะต้องใช้เวลาในการสอบสวน นํ้าใสถามว่า หมายความว่ารองนายกฯจักรพ้นผิดใช่ไหม
“ถ้าจะมีคนผิด” รวิเน้นเสียงจิกตาไปทางแพรไพลิน “ก็คือคนที่ทำงานผิดพลาด วิเคราะห์หลักฐานมักง่าย ป้ายสีให้กับคนดี!”
“ท่าน ผบ.จะดำเนินการเรื่องนี้ยังไงต่อไปคะ” นํ้าใสถาม
“กำลังตัดสินใจ แต่เชื่อเถอะว่า ฉันไม่ปล่อยให้พวกทำงานชุ่ยลอยนวลแน่!”
รวิกับแพรไพลินต่างจ้องกันแบบไม่มีใครยอมใคร
แพรไพลินเอาปลอกกระสุนจากรวิไปวิเคราะห์ลายนิ้วมือใหม่ พบว่าไม่ใช่ปลอกกระสุนจริง เธอบอกแสงกล้าว่า
“มีการสร้างหลักฐานเท็จ...ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นแพะรับบาป” แสงกล้าถามว่าเธอจะยืนยันได้ยังไง พอดีกุ๊บกิ๊บเอาแผ่นซีดีที่ก๊อปปี้ภาพจากกล้องวงจรปิดมาให้ แสงกล้ามองอย่างสงสัย เธอบอกเขาว่า
“ภาพบันทึกวีดิโอวงจรปิด ฉันติดตั้งกล้องไว้ในห้องเก็บหลักฐานเพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงปลอกกระสุน” แสงกล้าถามว่าใครจะกล้าเปลี่ยน เธอตอบอย่างมั่นใจว่า “อีกไม่นานเราก็จะรู้ว่าใคร!”
เธอเอาซีดีใส่ในเครื่องเล่น กดปุ่มเพลย์ ไม่ถึงอึดใจ ภาพก็ปรากฏบนจอ!
ooooooo
เมื่อเอาภาพวงจรปิดไปดู แพรไพลินกับแสงกล้าตกใจผงะ เมื่อเห็นคนที่เดินเข้าไปขโมยปลอกกระสุนจริงในห้องเก็บหลักฐานคือแพรไพลิน!
แพรไพลินยืนยันว่าตนไม่ได้เข้าไปในห้องนั้น แต่พอคิดทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทั้งสองอุทานพร้อมกันว่า “ไสยดำ” ฟันธงว่าต้องเป็นฝีมือของขมังเวทย์ แพรไพลินจะไปยืนยันกับรวิว่าทีมผู้เชี่ยวชาญได้หลักฐานปลอมไปพิสูจน์
แต่ไม่ทันไป รวิก็เข้ามาพร้อมวิน ให้วินปลดอาวุธทั้งสอง และสั่งพักงานจนกว่าตนจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ทั้งยังจะตั้งกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัยด้วย รวิยังสั่งกุ๊บกิ๊บห้ามทั้งสองเข้ามาในนิติเทคฯ ถ้าพบจะถือว่าเธอบกพร่องในหน้าที่
หลังจากนั้น ทั้งรวิและจักรก็รอคอยนาทีสังหารแพรไพลินกับแสงกล้า
เมื่อทั้งสองไปขึ้นรถ ดาหลาซุ่มคอยเวลาอยู่กดรีโมตทันที แต่ปรากฏว่าระเบิดไม่ทำงาน ระดมกดอย่างไรก็ไม่ระเบิด เวลาเดียวกัน “ศรัทธา” ก็บอกแสงกล้าผ่านไอโฟนของเขาว่า “รถถูกวางระเบิด...คำตอบอยู่ที่ซุ้มล้อหน้าขวา” เมื่อแสงกล้าลงไปดูเจอกล่องระเบิดจริงๆ!
ขณะเดียวกัน จักรที่นั่งเฝ้าหน้าคอมพิวเตอร์รอดูผลงานของตนอยู่นั้น จู่ๆภาพก็ล้ม ปรากฏข้อความ “ความดีไม่มีวันตาย” ขึ้นที่หน้าจอแทน
แพรไพลินมั่นใจว่า การวางระเบิดครั้งนี้เป็นแผนฆ่าตนของรวิ เธอถือกล่องระเบิดไปต่อว่าที่พี่สาวต่างแม่ที่พยายามฆ่าตนเพราะความเกลียดจัง รวิสวนไปอย่าง
ไม่แยแสว่า
“จะแปลกอะไร...ถ้าฉันไม่เคยนับเธอว่าเป็นน้อง”
“นับจากนี้เป็นต้นไป ฉันจะถือว่าเราเป็นแค่เพื่อนร่วมโลกกันเท่านั้น!” แพรไพลินประกาศตัดสายใยแล้วออกไป
“ผบ.รวิ คุณไม่ใช่คนเลวอย่างที่ผมคิด คุณมันชั่วเกินกว่าจะเรียกว่าคน!” แสงกล้าด่าก่อนตามแพรไพลินออกไป และให้กำลังใจแพรไพลินที่ไปยืนนิ่งอยู่เป็นชั่วโมงที่ริมนํ้าว่า ปัญหาทุกอย่างมีทางออก เพียงแต่ตอนนี้เรายังหาไม่เจอเท่านั้น
เพื่อกำจัดเสี้ยนหนามให้พ้นทาง รวิยังนำคำสั่งย้ายจ่าหวานกับดาบแหบไปเป็นเสมียนและธุรการไปให้เซ็น ขู่ว่าให้เลือกเอาว่าจะเซ็นรับทราบคำสั่งหรือจะให้ถูกสั่งพักงาน ทั้งสองจึงต้องเซ็น
ขณะที่สองไปนั่งปรับทุกข์กันอยู่ริมนํ้านั้น ก็ได้รับกำลังใจและชี้ทางออกให้จากผู้การอินทนนท์ว่า
“ปัญหาทุกอย่าง...ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยคำพูดหรอกนะ อย่าดูถูกงาน แค่งานธุรการก็ทำประโยชน์ สร้างความดีให้กับสังคมได้”
ooooooo
แสงกล้ากับแพรไพลินเห็นถึงอันตรายที่ขมังเวทย์ เที่ยวแปลงร่างสร้างปัญหาจนเกิดผลร้ายมากมาย ขณะทั้งสองคิดเครียดหาทางแก้ปัญหานั้น สมิงก็เอานํ้ามันสักพรายมาให้ บอกสรรพคุณว่า
“ตามตำราไสยเวทโบราณ คาถานํ้ามันสักพรายเป็นมหาคุณไสยสายขาว ใช้แก้การแปลงกายปลอมร่าง!!” แสงกล้าดีใจที่สมิงจะจัดการขมังเวทย์ได้ สมิงย้อนถามกวนๆว่า “แต่คาถานี้ต้องสักที่กลางหน้าผากเท่านั้น หมวดคิดว่ามันจะยืนเป็นหุ่นขี้ผึ้งให้ผมสักเหรอครับ”
“คุณต้องช่วยพวกเรา” แสงกล้าหันไปบอกแพรไพลิน เธอมองสงสัย เขาบอกว่า “งานนี้ต้องรวมพลังระหว่างวิทยาศาสตร์กับไสยศาสตร์” แล้ววางแผนให้ขมังเวทย์ออกมาปรากฏตัว ด้วยการเอาเทวาศาสตราวุธที่เหลืออีกสองชิ้นที่ขมังเวทย์กำลังตามหามาล่อ
พอดีจ่าหวานกับดาบแหบมาหา แสงกล้าได้จังหวะมอบงานให้ช่วยทำทันที นอกจากนี้เขายังไปขอให้นํ้าใสที่ทำงานสื่อให้ช่วยสร้างเรื่องให้เชื่อได้ว่าพบเทวาศาสตราวุธอีกชิ้นหนึ่งแล้ว
งานนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากเจนภพ เทว-สถิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์ศิลปะร่วมสมัยแห่งเอเชีย จัดงานโชว์ภาพวาด “อนันตคทา” โดยให้นํ้าใสสัมภาษณ์ เจนภพออกสื่อ ซึ่งเจนภพก็ให้ความร่วมมือด้วยความหวังว่าเราอาจจะได้โบราณวัตถุสำคัญที่ถูกขโมยกลับมาก็ได้
เมื่อจัดงานและออกสื่อไปแล้ว แสงกล้ากับแพร-ไพลินปลอมตัวเข้าไปวางยาสลบตามช่องปรับอากาศในศูนย์ฯ นอกจากนี้แพรไพลินยังผลิตระเบิดและกระสุนยาสลบอีกหลายชุด
แสงกล้าที่ช่วยแพรไพลินเร่งมือทำงาน บอกเธออย่างมั่นใจว่า
“ถึงมันจะเป็นจอมขมังเวท แต่ก็ยังมีส่วนที่เป็นมนุษย์ ร่างกายของมันต้องมีจุดอ่อนที่โดนทำร้ายได้เหมือนกับมนุษย์ทั่วไป”
ส่วนจ่าหวานเอานํ้ามันสักพรายใส่ย่ามเข้าไป สมิงบอกว่า “ขอให้มันสงบนิ่งแค่นาทีเดียว รับรองว่ามันจะไม่สามารถแปลงหน้าเป็นคนอื่นได้อีกเลยตลอดชีวิต”
เมื่ออุปกรณ์พร้อม อาวุธพร้อมและคนพร้อม ปฏิบัติการจึงเริ่มขึ้น!
ooooooo
ขมังเวทย์มาจริงๆ! แต่กระสุนยาสลบที่ยิงใส่นั้น แค่เขาจับไว้ในมือก็สลายเป็นผงไปแล้ว ส่วนแก๊สที่มาจากท่อแอร์ก็ถูกเสกพายุพัดย้อนกลับไป
ขณะทีมงานกำลังงงนั่นเอง ขมังเวทย์เดินไปหยิบภาพอนันตคทา เห็นข้อความ “ความดีไม่มีวันตาย” พริบตานั้นระเบิดที่ติดอยู่หลังภาพก็ระเบิดตูม! ขมังเวทย์กระเด็นออกไปกลางห้อง หญิงชุดดำที่กดระเบิดยืนมองอย่างสะใจในที่ลับตา!
ในสถานการณ์ที่ผันแปรนี้ แพรไพลินพุ่งออกไปเอายาสลบฉีดใส่ขมังเวทย์ ส่วนสมิงก็เอาเหล็กไหลทมิฬยิงใส่คอขมังเวทย์ เหล็กไหลพุ่งจากลำคอไปที่หน้าผากทันที!
“อ๊ากกกก!!!” ขมังเวทย์แผดเสียงอย่างเจ็บปวด ดังไปถึงรวิที่อยู่หน้าอาคาร เธอรีบตามเสียงขึ้นไปทันที วินจะตามเข้าไป ถูกเธอไล่ให้ไปช่วยข้างนอกและห้ามใครเข้ามาเด็ดขาด
สมิงมองขมังเวทย์พูดอย่างสะใจว่า “ต่อจากนี้ไป แกไม่มีสิทธิ์แปลงหน้าเป็นคนอื่นได้อีกแล้ว”
รวิพรวดเข้ามาชี้หน้าทุกคนถามว่าใครอนุญาตให้เข้ามาในห้องนี้ แพรไพลินบอกว่าพวกตนมาจับขโมย แสงกล้าหันชี้ไปที่ขมังเวทย์ ปรากฏว่าหายไปแล้ว!
ขมังเวทย์หนีไปในสภาพสะบักสะบอมมีเลือดไหลเป็นทาง แต่ก็กระเสือกกระสนหนีรอดไปได้
นํ้าใสทำหน้าที่ในส่วนของตนเกาะติดสถานการณ์อย่างกระชั้นชิด เธอสัมภาษณ์เจนภพเรื่องมีคนจะมาขโมยภาพอนันตคทา จึงได้รับการยืนยันจากเจนภพว่า ภาพนั้นไม่ใช่ภาพจริง นํ้าใสรายงานในตอนท้ายว่า
“ถือว่าเป็นข่าวดีที่คนร้ายไม่สามารถขโมยภาพวาดไปได้ เราก็ได้แต่หวังว่าอีกไม่นานเจ้าหน้าที่จะสามารถติดตามจับตัวคนร้ายมาลงโทษได้”
รวิให้เจ้าหน้าที่คุมตัวแพรไพลิน แสงกล้าและสมิงไปที่ห้องสอบสวน ทุกคนยืนยันว่าพวกตนไม่ใช่โจร
ขณะกำลังโต้เถียงกันหน้าดำหน้าแดงนั่นเองคมศรปรากฏตัวขึ้นบอกรวิว่า ทั้งหมดนี้เป็นคนที่ตนส่งไปป้องกันภาพวาด เพราะก่อนเมฆาถูกทำร้าย ได้มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรแต่งตั้งทีมรักษาเทวาศาสตราวุธ เพราะมันเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของประเทศ คมศรรวบรัดตัดบทว่า
“ทั้งสามคนนี้คือทีมงานภายใต้การบังคับบัญชาของผม”
“ผบ.รวิคงต้องปล่อยตัวเจ้าหน้าที่พิเศษของท่านนายกฯ” แสงกล้าจ้องหน้ารวิเขม็ง เธอจึงจำต้องปล่อยทั้งหมดไป แต่ไม่วายอาฆาตว่าอำนาจแค่นั้นคุ้มครองพวกเขาไม่ได้ตลอดหรอก ถูกแพรไพลินสวนไปอย่างไม่สะทกสะท้านว่า
“ความดีจะปกป้องคนทำดีไปตลอดชีวิต ส่วนความตายจะเป็นเงาตามตัวคนชั่วตลอดไป!”
เมื่อออกมาแล้ว แสงกล้าขอบคุณคมศรที่ช่วยพวกตนไว้ คมศรตอบด้วยความชื่นชมว่า
“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณ พวกคุณยอมเสี่ยงเพื่อประเทศ” เขาพูดยิ้มๆว่าโชคดีที่รวิไม่สงสัยเรื่องลายเซ็นนายกฯ
ooooooo
ขมังเวทย์อาการหนัก กลับไปล้มคว่ำที่กลางโถง เอามือกุมหัวทุรนทุรายเจ็บปวดจากเหล็กไหลที่ถูกฝังตรงหน้าผาก
เวลาเดียวกัน สมิงก็กลับไปบริกรรมคาถาที่ห้องอย่างเคร่งเครียด
จักรมาเห็นสภาพของขมังเวทย์ถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“เลือด เอาเลือดมาให้ข้า...ข้าต้องการเลือด! เลือดเท่านั้นที่จะช่วยข้าได้ตอนนี้...เลือด!!”
จักรจึงให้ดาหลาเรียกลูกน้องมายืนเรียงแถว
ดาหลาถามว่า “ท่านมีอะไรจะใช้พวกมันคะ”
“ถึงเวลาที่พวกมันต้องรับใช้ท่านวิญญูแล้ว”
มิพักต้องคิด!! ดาหลากระชากปืนออกมายิงลูกน้องทั้งหมดล้มลง พูดอย่างเลือดเย็นว่า
“ท่านวิญญูได้เลือดจากขั้วหัวใจพวกมันแล้วค่ะ”
ขมังเวทย์นอนแช่ในอ่างเลือดที่ได้จากพวกลูกน้อง เลือดถูกซึมเข้าร่างจนหมด จักรมองอย่างพอใจถามว่าอาการดีขึ้นแล้วใช่ไหม ขมังเวทย์ตอบเสียงแผ่วว่า “แค่ชั่วคราวเท่านั้น...”
พลันเลือดสีดำกลับซึมออกจากร่างขมังเวทย์ อาการที่ดีขึ้นก็กลับทรุดลง หน้าซีดเซียวและหมดสติไป...
เวลาเดียวกัน สมิงลืมตาพรึ่บในความสลัวของ
กลางคืน จ้องจิกแววตาเหี้ยม คำราม
“ครั้งนี้แกรอดได้ชั่วคราวเท่านั้น รอวันพระหน้าก่อนเถอะ จัดหนัก!!”
ooooooo
ที่บ้านจักร รวิมาถามอาการของขมังเวทย์จักรบอกว่ายังไม่ฟื้น จวนจะเป็นซากเน่าอยู่แล้ว
รวิรีบไปดูขมังเวทย์ด้วยความเป็นห่วง สงสาร จนน้ำตาร่วงคิดถึงอดีตที่ผูกพันและขมังเวทย์มีบุญคุณต่อเธอด้วยความสะเทือนใจ...
เมื่อ 10 ปีก่อน เวลานั้นรวิยังอยู่ในวัยสาวแรกรุ่น แม่เธอดื่มจัดพอเมาก็ร้องไห้ ซึมเศร้า เมื่อเธอเข้าไปขอร้องให้แม่เลิกกินเหล้าและหาอาหารมาให้กิน ก็ถูกตวาดไล่ไม่ให้มายุ่ง
คืนหนึ่งเธอไปเที่ยวกับเพื่อน เกือบถูกแฟนของ เพื่อนสามคนรุมโทรม ขณะกำลังจะเสียท่านั่นเองจู่ๆก็มีเสียงโครมบนหลังคารถ ทุกคนชะงัก แล้วชายโฉดทั้งสามก็ร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด เลือดทะลักออกจากทวารทั้ง 5 จนสิ้นใจ
ออกมาดูจึงเห็นวิญญูยืนอยู่บนหลังคารถ!
ผ่านเรื่องร้ายๆกลับมาถึงบ้าน ยังพบแม่ผูกคอตายอีก ในยามที่อ้างว้าง เคว้งคว้างโดดเดี่ยว วิญญูเป็นผู้ที่เข้ามาบอกเธอว่าไม่ต้องเสียใจ ตนจะดูแลเธอเอง เวลานั้นเธอถามเขาน้ำตาอาบหน้าว่า “ท่าน...ท่านเป็นใคร ทำไมถึงเมตตาฉัน...”
“เพราะเธอเป็นเธอ...” รวิถามว่าหมายความว่ายังไง? “หึๆฉันต้องการผู้ช่วย คู่คิด...คนที่เกิดในวันโลกาวินาศ วันที่โลก...ดวงจันทร์...และดวงอาทิตย์โคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน”
รวิในวัยนั้นตกใจมากเมื่อมองหน้าวิญญู เห็นแววตาที่แข็งกร้าวของเขา!
เมื่อมาอยู่ในวัยสาวสะพรั่ง เธอได้ทำงานในตำแหน่งผู้บริหารสำนักงานสืบสวนพิเศษ เธอมองวิญญูด้วยแววตา เทิดทูน พร้อมที่จะมอบชีวิตตอบแทนบุญคุณของเขา เวลานั้นเองที่วิญญูหยิบลูกกลมๆส่องประกายวาบขึ้นมาให้เธอดูบอกว่า
“เราจะสื่อสารกันได้ด้วยสิ่งนี้ เธอกับฉันผูกพันกัน ไปตลอดชีวิต! และต่างจะรู้สึกถึงกันตลอดเวลา” แล้ววิญญูก็ฝังลูกกลมๆนั้นไว้ที่หน้าผากเธอ นับแต่นาทีนั้น เธอทั้งรักเทิดทูนบูชาวิญญูเสมือนทาสผู้ซื่อสัตย์ตลอดมา!
วันนี้ รวิทนเห็นวิญญูเจ็บปวดทรมานไม่ได้ เธอลงไปนอนทาบบนตัววิญญู กรีดหยดเลือดไหลลงตรงหัวใจเขา
พลันเลือดทั้งหมดที่ไหลจากร่างขมังเวทย์ก็รวมตัวกันไหลคืนร่างอย่างรวดเร็ว รวินอนซบที่กลางหัวใจเขาพร่ำวอน
“ท่านต้องหายนะคะ...ท่านสัญญากับฉันแล้วว่าจะดูแลฉัน...”
ooooooo
ในคืนที่รวิจำต้องปล่อยตัวแสงกล้า แพรไพลิน และสมิงนั้น พอออกมาสมิงก็ขอแยกตัวไปเพราะมีภารกิจด่วนที่ต้องไปกำจัดพญามาร คมศรขอไปส่งแพรไพลิน แสงกล้าจึงต้องกลับตามลำพังเหงาๆ
แต่มาถึงลานจอดรถ เจอน้ำใสมาดักรออยู่บอกว่ามีเรื่องจะสัมภาษณ์สด แล้วเธอก็พาเขาไปที่บริเวณใกล้ทาวน์โฮมของแพรไพลิน ชวนกินข้าว แล้วทำทีถามว่ามีข่าวคืบหน้าอะไรอีกไหม ทั้งยังถามเป็นปริศนาว่าเตรียมของขวัญหรือยัง ครั้นแสงกล้าถามว่าของขวัญอะไรก็ไม่ยอมบอก
จนเมื่อแสงกล้าเข้าห้องพัก พบนิตยสารที่สัมภาษณ์แพรไพลินเนื่องในวันเกิดที่ 21 นี้ จึงคาดเดาว่าที่น้ำใสถามว่าเตรียมของขวัญหรือยังคงหมายถึงเรื่องนี้
คมศรไปส่งแพรไพลินแล้วนัดว่าพรุ่งนี้จะมารับ รุ่งขึ้นเขาเอากล่องแหวนเพชรวางไว้ในรถแล้วขับไปหาเธอ แต่พอไปถึงเจอน้ำใสยิ้มทัก เพราะเธอมาตามหาแสงกล้าที่นี่เหมือนกัน
แสงกล้ามาถึงก่อนแล้ว เขาพาแพรไพลินไปที่วัดพาเธอไปถวายสังฆทาน กรวดน้ำ เธอทำตามที่เขาบอกงงๆ สงสัยว่าเขาทำเนื่องในโอกาสอะไร จนเมื่อถวายสังฆทานแล้ว พระท่านให้พร
“ขอให้ตั้งจิตระลึกถึงคุณบิดามารดาและผู้มี
พระคุณทุกท่านที่ช่วยเกื้อหนุนให้โยมมีชีวิตถึงวันนี้ ขอให้ตั้งมั่นในคุณความดี ความดีเท่านั้นจะเป็นเกราะป้องกันคนดี”
ทั้งสองเขยิบเข้าไปรับน้ำมนต์จากพระด้วยกัน...
เมื่อออกมาหน้ากุฏิ แพรไพลินขอบใจเขา แสงกล้าบอกว่าอย่าเพิ่งชวนคุย ยังไม่เสร็จ มาแล้วต้องทำให้ครบสูตร แล้วเขาก็พาเธอไปที่โบสถ์ ยื่นทองคำเปลวให้
แพรไพลินเงอะงะทำไม่ถูก เขาถามขำๆแกมเอ็นดูว่า “เป็นชาวพุทธรึเปล่าเนี่ย...ไม่รู้พิธีเลย” เธอเหมือนจะชี้แจงอะไร ถูกแสงกล้าพูดขึ้นก่อนว่า “เอาทองคำเปลวไปติดองค์พระ” แล้วเดินนำไป
สอนเธอติดทองคำเปลวเสร็จ เขาบอกเธอว่า “คราวนี้ก็อธิษฐาน” ว่าแล้วตัวเองก็พนมมือหลับตาอธิษฐาน แพรไพลินทำตาม พอลืมตา เขาถาม “อธิษฐานอะไรเหรอครับ”
“ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วยล่ะ” ย้อนถาม แล้วจะเดินไป
“เดี๋ยวก่อน ยังไม่ครบ ตามผมมา” แสงกล้าทำเนียนคว้ามือเธอจูงไป เธอดึงมือออกบอกว่าเดินเองได้ เขาทำไก๋ปล่อยเหมือนเมื่อครู่นี้ไม่ได้ตั้งใจ แล้วเอ่ย “งั้นเชิญทางนี้ครับ”
แพรไพลินมอง อดยิ้มขำๆในความน่ารักแกมกะล่อนของชายหนุ่มไม่ได้
แสงกล้าพาแพรไพลินไปปล่อยนก ปล่อยปลายิ้มแย้มอย่างมีความสุข แพรไพลินมีความสุขที่ได้ปล่อยชีวิตเล็กๆเหล่านั้นสู่อิสรภาพ แสงกล้านอกจากมีความสุขนั้นแล้วยังแอบอิ่มอกอิ่มใจกับความสุขที่ได้ใกล้ชิดเธอมาเกือบทั้งวัน...
ooooooo










