ตอนที่ 11
เมื่อแสงกล้าฟังสมิงเล่าว่าวิญญูเป็นคนฆ่าพ่อของเขา และเขาคนเดียวเท่านั้นที่เป็นสายเลือดโดยตรงของไสยเวทขาว ที่จะสร้างความถูกต้องได้ในยามที่พญามารกำลังจะได้ครอบครองเทวาศาสตราวุธทั้งสี่ก็คิดหนัก แต่สมิงก็พูดกำกวมว่า
“หมวดแสงกล้า...ถึงคุณจะเป็นความหวังเดียวที่เหลืออยู่ แต่คุณคงฆ่าไอ้วิญญูไม่ได้แน่นอน ชะตากรรมกำหนดมาอย่างนั้น”
แสงกล้ายิ่งคิดก็ยิ่งเครียด กลับห้องพักในตอนเช้าก็เจอน้ำใสฟุบหลับอยู่หน้าห้อง พอเห็นหน้าเขาเธอดีใจมากเล่าว่าได้ยินข่าวการถล่มกันที่คลังสินค้าย่านลาดกระบังคิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับวัตถุโบราณพวกนั้น แต่ติดต่อเขาไม่ได้ เลยคาดว่าต้องเป็นภารกิจของเขาแน่
พอถูกแสงกล้าถามหน้านิ่งๆว่า “แล้วไง” น้ำใสก็ทำหน้าไม่ถูก พูดกลบเกลื่อนว่ากลับมาเหนื่อยๆ เข้าห้องไปล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วค่อยคุยกัน พอแสงกล้าเปิดประตูเธอก็เดินนำเข้าห้องไปอย่างดีใจที่เขากลับมาอย่างปลอดภัย
แสงกล้ามองอากัปกิริยาของน้ำใสอย่างค้นหา เขาตัดสินใจจะบอกความรู้สึกที่มีต่อเธออย่างไม่ทำร้ายความรู้สึกของเธอเกินไป แต่พอจะบอก มองลงไปเห็นรถแพรไพลินขับมาจอดพอดี เลยเปลี่ยนใจ คิดหาทางที่จะไม่ให้สองสาวเจอกัน จึงออกอุบายให้น้ำใสไปซื้อโจ๊กที่ร้านหลังตึก ย้ำว่าให้ลงทางบันไดหลัง เพื่อจะได้ไม่เจอกับแพรไพลินที่จะขึ้นมาทางบันไดหน้า
พอน้ำใสออกไป แพรไพลินก็มาเคาะประตูเปิดเข้ามา พูดหน้าตาตึงเครียดว่า “เรามีเรื่องต้องคุยกัน” เธอต่อว่าเขาที่ทิ้งให้อยู่กับคมศรทั้งคืนแล้วตัวเองออกไปทำงานเสี่ยงชีวิตไม่สนใจกันเลย
ขณะกำลังตัดพ้อต่อว่ากันอยู่นั่นเอง น้ำใสกลับมาบอกว่าโจ๊กหมดแล้ว น่าจะบอกตนแต่เช้ามืดจะได้ลงไปซื้อให้ก่อน พลันก็ชะงักเมื่อเห็นแสงกล้าอยู่กับแพรไพลิน ส่วนแพรไพลินพอเห็นน้ำใสและรู้ว่าทั้งสองอยู่ด้วยกันแต่เช้ามืดก็ตัดพ้อ
“ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณถึงทิ้งให้ฉันอยู่กับคมศร ไม่สนใจว่าฉันจะเป็นยังไง จะเป็นห่วง...เป็นกังวลมากแค่ไหน” แสงกล้าพยายามจะอธิบาย ถูกตัดบทว่า “แสงกล้า...ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้ว” แล้วหันไปทางน้ำใส “ขอโทษที่มารบกวนเวลาพวกคุณแต่เช้า ฉันไปล่ะค่ะ”
แพรไพลินเดินออกไปแล้ว แสงกล้ายังยืนมึนอยู่ น้ำใสถามว่าเกิดอะไรขึ้น หมอแพรมานานแล้วหรือ แสงกล้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ยืนละล้าละลังมองแพรไพลินที่เดินออกไปไกลแล้ว
เมื่อลงมาขึ้นรถ แพรไพลินถึงกับน้ำตาร่วง เจ็บช้ำกับเรื่องที่รู้สิ่งที่เห็นกับตาเมื่อครู่นี้...
ooooooo
กระสุนในร่างเมฆายังเคลื่อนไหวไปมา ทำให้ หมอไม่กล้าเสี่ยงที่จะผ่าตัด ขณะคมศรเฝ้าดูเมฆาด้วยความเป็นห่วงอยู่นั้น จักรกับดาหลาเดินเข้ามาพร้อมลูกน้อง จักรบอกว่าจะย้ายเมฆาไปผ่าตัดเอากระสุนออกที่อื่น
“ไม่ได้นะ หมอบอกว่ามันอันตรายเกินไป” คมศรพยายามทัดทาน
“ไม่เสี่ยงแล้วจะรู้เหรอ เอาตัวไป” จักรสั่งดาหลาแล้วหันพูดกับคมศร “จัดแถลงข่าวสื่อมวลชนทุกสื่อ เราจะเอากระสุนออกจากร่างของท่านนายกฯให้ได้”
เมื่อนภารู้เหตุการณ์จากกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เธอบอกอินทนนท์ว่าวิญญูประกาศสงครามกับเราแล้ว อินทนนท์เชื่อว่าพวกนั้นล่อให้เราบุกชิงตัวเมฆาเพื่อกำจัดพวกเรา นภาพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ไม่มีทางเลือก ฉันปล่อยให้เมฆาตายไม่ได้ เพราะเขายังเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าเขาฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างจะดีขึ้นกว่านี้ เราปล่อยให้เขาตายไม่ได้!!”
ooooooo
หลังจากแพรไพลินกลับไปแล้ว แสงกล้าตัดสินใจบอกกับน้ำใสว่า นับแต่เราโตมาด้วยกันในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอสนใจและเข้าใจตนมากที่สุด ตนเองก็มี ความรู้สึกดีๆและผูกพันกับ “เพื่อนรัก” อย่างเธอมาก
“ความดีของเธอยังอยู่ในความทรงจำฉัน แต่ฉันไม่เคยมองเธอเป็นอื่นเลย สำหรับแสงกล้า...น้ำใสคือน้องสาวตัวเล็กๆน่ารัก น่าทะนุถนอมในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าคนเดิม คนที่ฉันพร้อมจะปกป้องดูแลให้พ้นจากอันตราย พร้อมที่จะรักน้องสาวคนนี้ยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง”
“น้องสาว...” น้ำใสครางออกมาเบาๆ
“ยิ่งเวลาผ่านไป ฉันยิ่งมั่นใจ...น้ำใสคือน้องสาวที่น่ารักของแสงกล้า ไม่มีวันจะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น”
น้ำตาของน้ำใสแทบจะทะลักออกมา แต่เธอพยายามสะกดอารมณ์ตัวเองไว้ให้เข้มแข็ง ฝืนยิ้มให้ร่าเริง ขอบคุณเขาที่เปิดใจ เมื่อแสงกล้าขอโทษ เธอบอกเขาอย่างร่าเริงสดใสว่า
“ไม่ต้องขอโทษ ไม่มีอะไรจริงจังขนาดนั้น ฉันเข้าใจ...คนเราเมื่อไม่ใช่มันก็คือไม่ใช่ ฉันก็พอจะรู้อยู่ว่านายมองฉันเป็นแค่น้องสาว ฉันทำใจได้” พูดแล้วเร่งเขาให้รีบไปทำความเข้าใจกับแพรไพลินก่อนที่จะสายเกินไป
เมื่อแสงกล้ามองเธออย่างเป็นห่วงแล้วผละไป น้ำใสก็น้ำตาไหลอาบแก้มพยายามยิ้ม พูดกับตัวเองอย่างเจ็บช้ำ...
“สำหรับนาย...น้ำใสคือน้องสาวที่น่ารักของพี่แสงกล้ามาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต แต่สำหรับน้ำใส...ตั้งแต่เล็กจนโต แสงกล้าไม่ใช่แค่พี่ชาย แต่เขาคือคนที่ฉันรักมาตลอดตั้งแต่แรกพบ ฉันไม่มีวันเปลี่ยนใจไปจากนายได้หรอกแสงกล้า...”
ฝ่ายแสงกล้ากับแพรไพลิน เมื่อหัวใจตรงกันจึงไม่ยากที่จะเปิดใจให้กัน แสงกล้าไปหาบอกเธอว่ากำลังเข้าใจผิดตนเรื่องน้ำใส และชี้แจงเหตุที่ไม่ยอมให้เธอไปทำงานด้วยเมื่อคืนว่า
“ที่ผมไม่ยอมให้คุณออกไปทำงานด้วย เพราะผมคงจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้เช่นกันถ้าผู้หญิงที่ผมรักที่สุดคนนี้เป็นอะไรไป”
“แล้วน้ำใสล่ะ...คุณเอาน้ำใสไปไว้ที่ไหน”
“น้ำใสคือ ‘น้อง’ แต่แพรไพลินคือ ‘ชีวิต’ ชั่วชีวิต... ผมอยู่คนเดียวมาตลอด ไม่เคยต้องห่วงใยใคร หรือมีใครห่วงใยตอบ ไม่เคยคิดว่าผูกพันรักใคร จนกระทั่งมาพบกับคุณ ด็อกเตอร์แพรไพลิน...คุณมีค่ามากที่สุดในชีวิตผม ผมไม่มีวันจะยอมสูญเสียคุณไป ผมรักคุณ แพรไพลิน...รักอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อน ขอบคุณมาก...ที่เรารักกัน”
ไม่มีสิ่งใดจะขวางกั้นความรู้สึกที่มีต่อกันได้อีกแล้ว...แสงกล้ากอดเธอไว้นิ่ง...นาน...ก้มจูบหน้าผากอย่างทะนุถนอมทั้งรักและผูกพันอย่างที่สุด...
ooooooo
ในห้องโถง ขมังเวทย์ที่นำศาสตราวุธทั้งสามชิ้นมาวางบนแท่นจัดเรียงห่างกันเป็นรูปสามเหลี่ยมเตรียมทำพิธี รวิถามวิญญูว่าแน่ใจหรือว่าจะได้ผล
“แน่นอน...แค่รอเวลา ทันทีที่พระอาทิตย์อยู่กลางฟ้า...เทวาศาสตราวุธทั้งสามจะนำเราไปยังจักรนารายณ์”
ประตูห้องเปิดออก จักรกับดาหลาเข้ามา จักรบอกวิญญูว่าเตรียมเรื่องขนย้ายเมฆาเรียบร้อยแล้วพร้อมผ่าตัดตามแผนที่วางไว้ รวิถามว่าคมศรว่าอย่างไร ดาหลาบอกว่าคมศรไม่ยอมแถลงข่าว ขู่จะแฉกับสื่อ แต่ไม่ต้องห่วง ตนกักบริเวณไว้แล้ว
“อีก 24 ชั่วโมง วันแรม 8 ค่ำ ฤกษ์โลกาวินาศจะเป็นวันพิพากษาไอ้เมฆา วิญญาณมันจะต้องดับสูญ” วิญญู จ้องไปที่ศาสตราวุธทั้งสาม จักรถามว่าแล้วจักรนารายณ์ล่ะ วิญญูชี้ให้ดูตรงที่แสงพระอาทิตย์ส่องผ่านหน้าต่างด้านข้างเข้ามา พูดอย่างกระหยิ่มว่า “เรากำลังจะรู้ว่าอยู่ที่ไหน”
ลำแสงทอดยาวมาจนกระทบกับตรีศูลวัชระ แสงหักเหตรงเข้าไปยังเพชรยอดสังข์ไชยมงคล เกิดประกายเจิดจ้า แสงกระทบไปที่ภาพอนันตคทา แล้วหมุนหักเหสวยงามทอดยาวไปยังแผนผังโมเดลประเทศไทย รวิกดปุ่มคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์รัว มีตัวเลขดิจิตอลหมุนติ้วเหมือนกำลังระบุพิกัดที่ตั้งที่ลำแสงนั้นส่องไปถึง
“ระบบคอมพิวเตอร์ของสำนักงานสืบสวนฯกำลังระบุที่ตั้งที่แน่ชัด” รวิเอ่ยขึ้น
“เมื่อมหาไสยเวทถูกรวมกับเทคโนโลยี...อะไรก็หยุดเราไม่ได้!” วิญญูพูดอย่างอหังการ
“เทวาศาสตราวุธทั้งสามระบุพิกัดชัดเจนแล้ว” รวิบอกอย่างตื่นเต้น
สายตาทุกคู่จ้องมาที่รวิ ซึ่งกำลังอ่านค่าพิกัดจากคอมพิวเตอร์เขม็ง...
“อุทยานประวัติศาสตร์นักรบ...จักรนารายณ์
ซ่อนอยู่ที่อนุสรณ์สถานสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ ภายในสวนอุทยานประวัติศาสตร์”
ทันใดนั้น ปรากฏภาพจักรนารายณ์ที่สวยงาม ทุกคนมองตะลึง!
“ทำงานได้ดีมากรวิ” วิญญูชมอย่างตื่นเต้นแล้วหันไปสั่งจักร “ฉันจะไปที่อุทยานประวัติศาสตร์ เราต้องได้จักรนารายณ์มาก่อนที่พวกมันจะไหวตัวทัน” จักรถามว่าแล้วนภากับพวกล่ะ “มันไม่มีเวลาคิดขัดขวางเราหรอก ตราบใดที่ยังมี ‘ห่วง’ ในจิตใจ พวกมันไม่มีวันทำอะไรสำเร็จ!! เพราะเรากำลังจะตีเข้าที่กลางหัวใจ!!” วิญญูยิ้มเหี้ยม
ooooooo
เพื่อให้การไปเอาจักรนารายณ์ไม่มีอุปสรรค วิญญูให้รวิหาทางขัดขวางพวกของนภา โดยแจ้งไปทางผู้การยุทธการว่า อินทนนท์และนภาวางแผนปล้นวัตถุโบราณที่พวกตนเอาไปซ่อนไว้ที่โกดังลาดกระบัง พร้อมกับเปิดไอแพดบันทึกการต่อสู้ที่คลังสินค้าเมื่อคืนให้ดู
นอกจากนี้ ยังมีผู้เกี่ยวข้องที่ขอให้ออกหมายจับอีกหลายคน มีแสงกล้า สมิง และเจ้าหน้าที่สำนักงานสืบฯส่วนหนึ่ง รวมทั้งคมศรด้วย
ผู้การถามรวิว่านภาตายไปแล้วไม่ใช่หรือ เธอเล่าว่าสำนักงานสืบฯไปตรวจสอบห้องเก็บศพที่โรงพยาบาลไม่พบศพ ผบ.นภา ทั้งยังมีหลักฐานว่า นภากับอินทนนท์ร่วมกันวางแผนฆ่าเมฆาด้วย
ส่วนวิญญูและดาหลาก็เคลื่อนกำลังออกเดินทางจะไปเอาจักรนารายณ์อย่างเร่งรีบ วิญญูกำชับจักรให้จัดการทางนี้ให้เรียบร้อย เชื่อว่าพวกนภาต้องเข้ามาชิงตัวเมฆาแน่ๆ
สมิงนอนอยู่บนแท่นชาร์จของตัวเอง ปรอทกรอที่ห้อยคอสั่นรัวเหมือนเตือนว่า กำลังจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น สมิงรู้โดยสัญชาติญาณทันทีว่าต้องเป็นขมังเวทย์คิดทำการร้ายแน่ๆ
นภารู้จากข่าวด่วนสกายนิวส์เน็ทเวิร์ครายงานว่า เมฆากำลังถูกนำไปผ่าตัดเอากระสุนออก โดยไม่ปรากฏคมศร เลขานายกฯร่วมแถลงข่าวนี้ด้วย เธอบอกอินทนนท์ว่า เราต้องบุกไปชิงตัวเมฆาให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ข่าวยังรายงานว่า เกิดความขัดแย้งรุนแรงระหว่างคมศรกับสำนักงานสืบฯที่กำลังสืบหาหลักฐานการลอบสังหารเมฆา
คมศรที่ถูกควบคุมตัวอยู่รับรู้ด้วยความตกใจเป็นห่วงว่าหมอที่จะผ่าตัดเมฆาครั้งนี้คือแพรไพลิน!
แสงกล้ากับแพรไพลินกำลังอยู่ในบรรยากาศแห่งความรักที่ทาวน์โฮม ทั้งสองถูกรวิบุกไปจับ แสงกล้าถูกตั้งข้อหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการระเบิดคลังสินค้าเมื่อคืนนี้ ส่วนแพรไพลินต้องไปผ่าตัดเอากระสุนออกจากร่างเมฆา
“เสี่ยงเกินไป อาจจะเป็นอันตรายกับท่านนายกฯ” แพรไพลินทักท้วง
“นั่นเป็นความรับผิดชอบของหมอ ไม่เกี่ยวกับฉัน” แต่พอแพรไพลินปฏิเสธ รวิขู่ “หรือจะเสี่ยงให้คนอื่นทำ! ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเถอะแพรไพลิน เพราะถ้านายกฯเป็นอะไรไป เธอโดนข้อหาฆ่าผู้นำโดยประมาทแน่นอน!!”
ระหว่างถูกนำตัวไปนิติเทคฯนั้น แสงกล้าบอกแพรไพลินว่าเราต้องรอด เธอถามว่าทำไมเชื่ออย่างนั้น
“เพราะผมมี ศรัทธา” พูดพลางจ้องไปที่กล้องวงจรปิดเหมือนรู้ว่า “ศรัทธา” กำลังดูอยู่
นภาดูอยู่จริงๆ! อินทนนท์เดินมาดูด้วย พึมพำ... “คมศร แสงกล้า แพรไพลิน ถูกจับหมดแล้ว”
“พวกมันต้องการให้เราถึงทางตัน...ไม่มีทางออก! ฉันจะพิสูจน์ให้เห็นว่า...พวกมันตัดสินใจผิด!!”
อีก 2 ชั่วโมงจะต้องผ่าตัดเมฆาแล้ว นภาโทร.หาแพรไพลินในนาม “ศรัทธา” ถามเธอว่า
“เมฆาอยู่กับเธอใช่ไหม เรามีเวลาไม่มาก ฉันต้องการ ความช่วยเหลือจากเธอ” แพรไพลินให้บอกมา นภารีบพูด “กำลังส่งไฟล์สำคัญไปให้ ด็อกเตอร์แพรไพลิน เธอต้องใช้ความสามารถทั้งหมดทำตามคำสั่งที่ฉันแนบไป”
เวลาเดียวกันน้ำใสได้รับโทรศัพท์แจ้งเรื่องแสงกล้าถูกจับและโดนตั้งกรรมการสอบ พอวางสายเธอรีบออกไปทันที
ooooooo
พอวิญญูนำกำลังไปถึงบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ ก็สั่งให้เริ่มงานทันที ถูกเจ้าหน้าที่ดูแลอุทยานออกมาห้าม วิญญูสะบัดมือครั้งเดียวเจ้าหน้าที่ทั้งสามก็ถูกคลื่นพลังงานซัดใส่ปลิวกระเด็นไปคนละทิศละทาง
“จักรนารายณ์อยู่ที่ฐานสถูปแห่งชัยชนะ!” วิญญูชี้ไปที่สถูปปูนปั้นชิ้นหนึ่งที่กลางลาน พวกลูกน้องกรูกันเข้าไปขุดเจาะทันที
สมิงบิดมอเตอร์ไซค์ถือปรอทกรอในมือนำทางมาถึง เห็นเหล่าร้ายกำลังขุดเจาะเพื่อเอาจักรนารายณ์จากฐานสถูป จึงเดินหลบไปอีกทางหนึ่ง เก็บเหล่าร้ายที่ยืนคุมเชิงดูต้นทางอยู่สองคนลากไปซ่อนไว้ในป่า
ทันใดนั้น วิญญูชี้ไปที่ฐานสถูปปูนปั้นร้องอย่างดีใจ “พบจักรนารายณ์แล้ว!!”
ooooooo
เวลาเดียวกันนั้น ที่ชั้นล่างนิติเทคฯ จ่าหวาน กับดาบแหบ กำลังพานภาที่ปลอมเป็นนักท่องเที่ยวเข้าไปข้างใน ผ่านด่านไปถึงหน้าลิฟต์ แต่พอลิฟต์เปิดออก ทั้งสามก็ถูกดาหลาจำได้
ทั้งสามถูกปืนจี้คุมตัวไปทันที จักรกับรวิดูวงจรปิดภายในลิฟต์อยู่ จักรพูดหัวเราะสะใจ...
“ผบ.นภา แผนชิงตัวแบบนี้ไม่พื้นๆไปหน่อยเหรอ”
แพรไพลินยังมีเวลาอีก 2 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด เมฆา เธอดูวงจรปิดในห้องตัวเอง เปิดไล่ไปจนเจอคมศรถูกคุมขังในห้องหนึ่ง และแสงกล้าอยู่อีกห้องหนึ่ง เธอพูดใส่ไมค์ข้างหู
“คมศร...คุณได้ยินฉันไหม ไม่ต้องตอบ แต่พยักหน้าก็พอ อย่าทำตัวเป็นที่ผิดสังเกต...ไม่มีใครรู้ว่าฉันกำลังติดต่อคุณอยู่ นี่เป็นระบบลับเฉพาะที่ ผอ.นิติเทคฯจะใช้ได้เท่านั้น”
เมื่อคมศรรับรู้ เธอรีบบอก “ฟังฉันให้ดีๆ อีกสักครู่ระบบไฟฟ้าของนิติเทคฯจะขัดข้อง คุณมีเวลาไม่เกิน
10 นาทีที่จะออกจากห้องนั้น” เธอบอกกลไลต่างๆ ทั้งห้องที่ขังเขาและห้องที่จะขังแสงกล้าอย่างละเอียด รวมทั้งวิธีการออกจากประตู ย้ำว่า “เมื่อออกไปจากห้องแล้วคุณคงรู้เองว่าควรทำอย่างไรต่อไป หมวดแสงกล้าถูกคุมตัวอยู่ในห้องถัดไป คุณมีเวลาไม่เกิน 10 นาที ก่อนไฟฟ้าจะกลับมาเป็นปกติ”
ขณะดาหลากำลังคุมนักท่องเที่ยวหญิง ซึ่งที่แท้คือนภาขึ้นไปชั้นบนนั่นเอง จู่ๆไฟก็ดับพรึ่บ นภาสลัดตัวออกโยนระเบิดควัน พร้อมกับกระชากอูซี่ออกมายิงกราดใส่ดาหลากับพวกจนแตกกระเจิง
จักรกับรวิอยู่ในห้องควบคุมคอมพิวเตอร์ สั่งดาหลาให้รีบไปที่ห้องผ่าตัด อย่าให้ใครชิงตัวเมฆาไปได้ พลางจักรก็วิ่งออกไป
แพรไพลินมองภาพเหตุการณ์ภายในนิติเทคฯ นภาต่อสู้กับดาหลาและจักรอย่างดุเดือดด้วยลีลาสวยงาม พยายามหาทางขึ้นไปช่วยเมฆา คมศรออกจากห้องได้ก็รีบไปช่วยแสงกล้า ทันใดนั้นมีเจ้าหน้าที่หญิงคนหนึ่งใส่หมวกแก๊ปวิ่งมาสมทบกับดาหลา ดาหลาสั่งให้ไปดักทางด้านหลัง ตนจะล่อให้พวกมันออกมาเอง เจ้าหน้าที่หญิงคนนั้นรีบวิ่งไปตามคำสั่ง
หลังจากคมศรช่วยแสงกล้าออกมาได้แล้ว ก็แบ่งสายกันไปจัดการพวกเจ้าหน้าที่ที่จักรกับรวิวางกำลังไว้เดินกันขวักไขว่
จักรถูกนภายิงบาดเจ็บที่ท่อนขา ดาหลาให้เจ้าหน้าที่พาเขาไปที่หน่วยพยาบาล บอกจักรไม่ต้องห่วงนภาหนีไม่รอดแน่ นภายังยิงต่อสู้อย่างดุเดือด เมื่อไปถึงบันไดหนีไฟ เจ้าหน้าที่หญิงคนหนึ่งยิงจนทรุดฮวบลง ดาหลาพุ่งเข้ามาเอาปืนจ่อหัวนภา หัวเราะเยาะ
“นึกว่าจะแน่...”
ooooooo
แพรไพลินยังอยู่ในห้องคอมพิวเตอร์ เธอกำลังอัพโหลดวีดิโอห้องควบคุมตัวคมศรและแสงกล้ากำลังถูกสอบสวนที่บันทึกไว้ ขึ้นไปยังคอมพิวเตอร์ส่วนกลาง เธอยิ้มเยาะพึมพำ “อยากเห็นภาพอะไร...ฉันจัดให้ค่ะพี่รวิ!”
ดังนั้น ภาพที่รวิเห็นคือ ทั้งคมศรและแสงกล้า
ยังอยู่ในห้องควบคุม และนภากับจ่าหวานและดาบแหบก็กำลังถูกดาหลาควบคุมตัว รวิสั่งให้คุมตัวมาที่ห้องสอบสวนตนจะสอบสวนเอง
ขณะนภาอยู่ในลิฟต์นั่นเอง เธอแหงนมองกล้องวงจรปิดในลิฟต์เหมือนส่งสัญญาณ ลิฟต์ค้างทันที ดาหลาตกใจพยายามกดแต่ลิฟต์ก็ไม่เคลื่อน
“ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ ลิฟต์ไม่เคลื่อนไปไหน จนกว่าเราจะทำเรื่องสำคัญสำเร็จ” เจ้าหน้าที่หญิงคนนั้นบอกพลางค่อยๆถอดหมวกแก๊ปออก ดาหลาคลับคล้ายคลับคลา เคยเห็นหน้า? ที่แท้เธอคือน้ำใสนั่นเอง!
ในที่สุดดาหลาถูกจับ และนภาก็ไม่ถูกยิงแม้แต่น้อย เพราะกระสุนที่เจ้าหน้าที่หญิงคนนี้ซึ่งที่แท้คือน้ำใสยิงนั้นไม่ใช่กระสุนจริง!
รวิคอยอยู่ในห้องสอบสวน เมื่อมีเสียงเปิดประตูเข้ามา เธอนึกว่าเป็นดาหลา แต่กลายเป็นนภาที่เอาปืน จ่อทันที
“ตำแหน่ง ผบ.สำนักงานสืบฯ ฉันไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ถ้าฉันคิดทำอะไรพวกแกไม่มีวันตามฉันทัน” นภาเอ่ย
“ยังไงแกก็ไม่มีทางหนีออกไปได้ เมฆาจะต้องตายพร้อมกับกระสุนนัดนั้น” รวิยังปากกล้า
“งั้นเรามาพิสูจน์กัน คนชั่วอย่างพวกแกไม่มีวันเอาชนะความถูกต้องไปได้ ศรัทธาของความดีจะยังคงอยู่ในสังคมไทยตลอดไป” พูดเสร็จนภาออกไปปิดประตูโครม กดรหัสปิดประตูล็อกสัญญาณจากด้านนอก
รวิพยายามทุบประตูจะออกไป นภาหันบอกว่า
“เหนื่อยเปล่า ห้องนี้ตัดสัญญาณสื่อสาร เธอไม่มีทางขอความช่วยเหลือจากใคร ยอมรับเถอะรวิ...เธอแพ้ฉันแล้ว!”
นภาเดินออกไปเจอคมศรกับแสงกล้า เธอบอกเขาว่ามาทันเวลาพอดี นภาเดินไปโดยมีแสงกล้ากับคมศร
เดินขนาบ นภาพูดวิทยุไปยังห้องผ่าตัดว่า
“ควบคุมสถานการณ์ชั้นบนได้แล้ว ดำเนินการตามแผนต่อไป”
แพรไพลินรับทราบ แจ้งว่ากำลังดำเนินการตามแผนสอง หันบอกกุ๊บกิ๊บว่าต้องการรู้ตำแหน่งกระสุนในร่างของเมฆา เราต้องเคลื่อนย้ายท่านออกไปเร็วที่สุด
กุ๊บกิ๊บบอกว่ากระสุนเคลื่อนไม่หยุด ตอนนี้อยู่ในตำแหน่งเสี่ยงเกินกว่าจะเคลื่อนย้าย
แพรไพลินคิดหนักว่าจะทำอย่างไรดี...
ooooooo
จักรอยู่ที่ห้องพยาบาล เขาพูดวิทยุอยู่กับห้องคอมพิวเตอร์ เข้าใจว่าคุยกับรวิอยู่ แต่ที่แท้นภาพูดผ่านโปรแกรมแปลงเสียงเป็นรวิจนจักรจับไม่ได้ คุยด้วยอย่างสนิทใจ
เสียงรวิบอกจักรว่าเราควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดไว้ได้แล้ว จักรบอกว่าตอนนี้ผู้สื่อข่าวรู้ข่าวการบุกนิติ-เทคฯแล้ว กองทัพนักข่าวกำลังจะเข้ามาที่นี่ รวิแนะนำให้เขาจัดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ด้านล่างสกาย-เน็ทเวิร์คเพิ่งติดต่อขอสัมภาษณ์เขา
“ฉันจะสอบสวน ผข.นภาด้วยตัวเอง และจะนำลงไปแถลงข่าวทันทีที่เราพร้อมค่ะ” นภาที่แปลงเสียงเป็นรวิบอก จักรเห็นด้วยให้นัดเวลาสัมภาษณ์ได้เลย
ระหว่างนั้น แสงกล้าดึงน้ำใสออกไปคุยเบาๆ เขาไม่อยากให้เธอมาเสี่ยงกับเรื่องนี้ เธอตอบอย่างเด็ดเดี่ยวว่า
“นอกเหนือจากเรื่องความรัก ฉันต้องทำแบบนี้เพื่อประเทศชาติ ด็อกเตอร์เมฆาจะออกไปจากที่นี่ได้... ต้องมีฉันอยู่ด้วย”
การเตรียมนำเมฆาออกไปเป็นไปอย่างเร่งรีบ นภาขอความร่วมมือจากทุกส่วน ให้ทำตามคำสั่งโดยไม่มีข้อแม้
แพรไพลินเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของกระสุนในร่างเมฆาจนกระสุนหยุดนิ่ง แม้จะหยุดในตำแหน่งสำคัญแต่เป็นเวลาเหมาะที่จะทำการผ่าตัดได้ เธอไม่รู้เลยว่า กระสุนที่หยุดนิ่งนี้เพราะวิญญูได้ครอบครองศาสตราวุธชิ้นสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว นั่นหมายถึงความตายของเมฆา!
วิญญูนำจักรนารายณ์ใส่กล่องไปไว้ในรถ
โดยหารู้ไม่ว่าสมิงเก็บคนของเขา และปลอมตัวมาเป็นคนขับรถแทนเพื่อรอจังหวะชิงจักรนารายณ์ไป สมิงอยู่รถคันที่ปิดท้ายขบวน
รถที่วิญญูนั่งนำขบวนไป เขาสังเกตเห็นรถคันสุดท้ายขับช้าผิดปกติก็แปลกใจ แต่ไม่ทันไรสมิงก็กดรีโมตคอนโทรล ทำให้รถข้างหน้าระเบิดไล่กันมาบึ้มๆๆๆ!! ไม่เว้นแม้แต่รถที่วิญญูนั่งอยู่ จากนั้นสมิงขับรถที่มีจักรนารายณ์เลี้ยวออกนอกเส้นทางอย่างสบายใจ
ปรอทกรอของสมิงสั่นรัวให้รู้ว่ามีเหตุผิดปกติเกิดขึ้น อึดใจเดียวสมิงที่กำลังขับรถก็เห็นวิญญูตามมานั่งประกบ เกิดการต่อสู้ยื้อยุดกัน จนเมื่อวิญญูยกมือขึ้นปรากฏจักรนารายณ์ลอยเหนือมือ ประกายแสงสะท้อนเข้าหน้าสมิง เขาเจ็บปวดจนร้องลั่น รถเสียหลักแหกโค้งตกสะพานไปทันที วิญญูออกมายืนมองภาพนั้นอย่างสะใจ
ooooooo
ที่นิติเทคฯ น้ำใสในฐานะนักข่าวกำลังจะสัม-ภาษณ์จักร แกล้งฉอเลาะเมื่อจักรแสดงความสนใจตน น้ำใสบอกช่างแต่งหน้าให้ซับหน้าให้จักร ครู่เดียวจักรก็ยืนโงนเงนและหมดสติไป เพราะในผ้าซับหน้านั้นมีสารเคมีบางอย่างอยู่
น้ำใสทำท่าตกใจร้องขอความช่วยเหลือ และสั่งให้เรียกรถพยาบาลด่วน เพราะรองจักรหมดสติไปแล้ว
ส่วนวินที่จะขึ้นไปข้างบน ขณะเดินลับมุมผนังด้านบันใดหนีไฟ ก็ถูกแสงกล้ากระชากหายไป จับทุ่มถีบตามแบบฉบับยูโดไม่กี่ทีวินก็หมดสติ แสงกล้าเดินออกมาพลางวิทยุแจ้ง “โถงด้านล่างเคลียร์...พร้อมนำตัวท่านนายกฯออกไปแล้ว”
อึดใจเดียวรถพยาบาลก็มานำร่างหมดสติที่คนไข้ใส่หน้ากากและผ้าคลุมออกไป โดยมีนภาปลอมเป็นพยาบาลตามติดกระชั้นชิด ความโกลาหลทำให้ไม่มีใครสังเกตอะไร มีแต่ลุ้นให้รถพยาบาลรีบนำคนป่วยออกไปเร็วที่สุด
ที่แท้ร่างที่นอนอยู่ในรถพยาบาลคือเมฆา ส่วนจักรกับวินยังนอนไม่ได้สติอยู่โดยไม่มีใครเหลียวแลเลย
เมื่อนำร่างเมฆามาถึงฐานลับของนภา อินทนนท์เอ่ยอย่างยินดีว่าเราทำสำเร็จแล้ว เหลือแต่รอให้เมฆาฟื้นขึ้นมาเท่านั้น
อินทนนท์เห็นสีหน้าแสงกล้าไม่ดี เรียกออกไปถามว่ามีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า แสงกล้าเล่าว่า
“ระหว่างการขนย้ายท่านนายกฯ ทุกอย่างมันง่ายเกินไป ไม่มีด่านตรวจ ไม่มีหน่วยไล่ล่าของสำนักงานสืบฯ ไอ้วิญญูไม่ติดตามมา ทุกอย่างราบรื่นผิดปกติ” อินทนนท์ถามว่าเขาตรวจสอบดีแล้วไม่ใช่หรือ แสงกล้าตอบอย่างกังวลว่า “ทุกจุดครับ ยกเว้นประเด็นเดียว...ตัวท่านนายกฯเอง!”
ooooooo
หลังจากเมฆาหายตัวไปแล้วไม่นาน จักรกับวินก็รู้สึกตัว รวิออกจากห้องควบคุมได้ ส่วนแพรไพลินกับคมศรถูกเรียกไปสอบอย่างเคร่งเครียด
รวิทั้งเค้นทั้งขู่แพรไพลิน ถามว่าเมฆาหายไปไหน เธอตอบอย่างไม่สะทกสะท้านว่า จะถามอีกกี่ครั้งก็ตอบได้คำเดียวคือ “ไม่ทราบ” ส่วนกุ๊บกิ๊บก็เล่าว่า ขณะทำการผ่าตัดนายกฯ ไม่รู้ใครมาจากไหน จู่ๆก็เข้ามาเล่นงานแพร–ไพลินกับตนจนสลบแล้วชิงตัวนายกฯไป
วินไปสอบคมศร เขาทำหน้าตายถามว่าเกิดอะไรขึ้น ตนได้ยินเสียงปืน วินดักคอว่า อย่าบอกนะว่าตลอดเวลาเขาอยู่ที่นี่
“แล้วจะให้ไปไหน ผู้กองขังผมไว้ในนี้เอง...ลืมไปแล้วเหรอ” คมศรถาม ยิ้มเนียนๆ
ดาหลารายงานจักรว่านักข่าวหญิงคนนั้นออกจากที่นี่หลังการชิงตัวเมฆาไปแล้ว ถามว่าจะไปลากตัวจากสถานีมาไหม
“ฉันทำแน่!! แต่ขอตรวจให้มั่นใจก่อนว่าพวกมันกำลังคิดทำอะไร...นังนภากำลังจะใช้สื่อเป็นเครื่องมือ เช็กกับสายข่าวของสกายนิวส์เน็ทเวิร์ค ฉันต้องการรู้ว่านังน้ำใสกำลังทำอะไร...เออ...แล้วติอต่อวิญญูได้ไหม”
“ไม่ได้ข่าวตั้งแต่หัวค่ำแล้วค่ะ”
ที่แท้วิญญูกำลังนอนอยู่บนแท่นที่รายรอบไปด้วยเทวาศาตราวุธทั้งสี่ที่บังเกิดแสงวิ่งวนไปรอบแท่นของเขา วิญญูนอนหลับตาคล้ายกำลังทำสมาธิเพื่อทำบางสิ่งบางอย่างอยู่
ooooooo
นภายังเฝ้าเมฆาอยู่ไม่ห่าง เธอรำพันความรักความห่วงใยต่อเขา บอกเขาว่า เรายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำอีกมาก ประเทศชาติกำลังรอคอยการฟื้นของเขา และถ้าสะสางความวุ่นวายเสร็จ ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนรุ่นใหม่ทำต่อไป แต่ถ้าเขายังไม่ยอมเลิก ตนนี่แหละจะบังคับให้เขาเลิกให้ได้
ไม่นาน นภาก็ดีใจสุดๆเมื่อเห็นหน้าเมฆาเหมือนกำลังจะรู้สึกตัว ไม่ถึงอึดใจ เมฆาก็ร้องขอน้ำดื่ม นภารีบไปเอาน้ำให้เขาดื่ม ระหว่างนั้นเธอก็พรรณนาถึงอนาคตเมื่อเขาวางมือจากการเมือง และมาช่วยกันเลี้ยงหลาน
เมฆาทำหน้างงๆ เธอบอกว่าพายุกับฟ้ากำลังจะมีหลานให้เราอุ้ม เมฆาจึงพึมพำงงๆว่า “ผมไม่ทันคิด”
“คนเรา...ยามเมื่ออยู่ด้วยกันนานๆ ทุกอย่างมักจะกลายเป็นความเคยชิน จนลืมความรู้สึกผูกพันที่เคยมีให้กัน เรามักจะให้ความสำคัญกับคนอื่น โดยละเลยคนที่อยู่ใกล้ตัว และรักเรามากที่สุด”
เมฆายังคงนิ่งๆ ในขณะที่นภาเปี่ยมไปด้วยความปีติดีใจที่ได้เขากลับคืนมา...พร่ำพรรณนาชีวิตในอนาคตที่จะอยู่ดูแลกันให้ดี จนไม่ได้สังเกตว่าเมฆายังคงนิ่ง แต่กวาดตามองไปรอบห้องเหมือนหาอะไรอยู่ สายตาเขาไปหยุดที่ปืนกระบอกหนึ่งของนภาที่วางอยู่บนโต๊ะ
เมื่อนภาจะลุกไปบอกข่าวดีแก่อินทนนท์ เมฆาดึงเธอไว้บอกว่าขอกอดหน่อย ขณะกอดนภานั้น เขายื่นมือออกไป พริบตานั้นปืนบนโต๊ะก็ลอยมาเข้ามือเขา เมฆาบิดปากกระบอกปืนจ่อกลางหลังนภา บอกเธอว่า
“ผบ.นภา...ผมรู้แล้วว่าคุณรัก ‘ด็อกเตอร์เมฆา’ มากแค่ไหน”
นภาสะดุดหูกับเสียงพูดที่เปลี่ยนไปของเมฆา แต่ช้าไปแล้ว เสียงปืนลั่นเปรี้ยง เธอทรุดลงทันที มองหน้าเมฆาอย่างตื่นตกใจร้อง “แก...แกไม่ใช่เมฆา!”
แสงกล้ากับอินทนนท์ได้ยินเสียงปืนวิ่งเข้ามาเห็นเมฆา กำลังกระหน่ำยิงนภาอีกสองนัดซ้อน นภาร้องบอกทั้งสอง
“หนีไป!! คนคนนี้ไม่ใช่เมฆา หนีไป!”
แสงกล้าจะยิงเมฆา อินทนนท์ร้องห้าม แสงกล้าบอกว่านั่นไม่ใช่ด็อกเตอร์เมฆา
“ยังไงเสีย นั่นก็ยังเป็นร่างของด็อกเตอร์เมฆา เราต่อสู้กับเขาไม่ได้ ไม่งั้นเมฆาอาจจะเป็นอันตราย”
ระหว่างนั้นเมฆาที่ถูกวิญญูใช้พลังจิตควบคุมอยู่ เอาระเบิดโยนใส่ทั้งสองแล้วเคลื่อนตัวออกไป อินทนนท์กับแสงกล้าโดดหนีออกไปทางหน้าต่าง พร้อมๆกับเสียงระเบิดสนั่น ห้องปฏิบัติการพังทลายในพริบตา แต่เมฆายังตามมาจะฆ่า
“แสงกล้า...น่าเสียดายที่หมวดเลือกเข้าข้างคนผิด ความดีไม่มีวันตาย แต่คนดีต้องตาย!” เมฆาคำรามเหนี่ยวไกทันที แต่มีเสียงปืนลั่นขึ้นก่อนเป็นชุด ร่างเมฆาถูกกระสุนร่วงลงน้ำค่อยๆจมหายไป
สมิงนั่นเอง! เขาเดินโผเผเข้ามาอย่างอ่อนล้า บอกทั้งสองว่า
“มันไม่ใช่ท่านนายกฯ แค่เป็นร่างที่ไร้วิญญาณ ด็อกเตอร์เมฆาตัวจริงตายไปแล้ว”
“แล้วร่างเมื่อกี้เป็นใคร” แสงกล้าถาม
“พญามารมันใช้อำนาจจิตอวตารบังคับร่างที่ไร้วิญญาณของด็อกเตอร์เมฆาให้ทำทุกอย่างตามต้องการ”
แสงกล้าถามว่าแล้วจ่าหายไปไหนทำไมเพิ่งโผล่มา สมิงบอกว่าตนก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด เพราะไปขัดขวางไม่ให้มันได้จักรนารายณ์ไป พอแสงกล้าถามว่าแล้ว สำเร็จไหม สมิงส่ายหน้าเซ็งๆ
“ไม่...วิญญูมันรู้ทัน...เล่นงานซะเกือบแย่” สมิงทำหน้าเหนื่อยเมื่อนึกถึงตอนที่รถตกน้ำแล้วตัวเองดีดออกจากรถ เห็นวิญญูยังยืนมองอยู่จึงว่ายน้ำหนีไปอีกทางหนึ่งอย่างยากลำบาก ว่ายหนีไปได้ไม่ไกลรถที่ตกน้ำก็ระเบิดตูม!
สมิงพูดอย่างโล่งใจว่า โชคดีที่ยังตามมาช่วยแสง-กล้ากับอินทนนท์ทัน บอกว่าร่างที่เราต่อสู้ด้วยนั้นเป็นแค่ซากศพของเมฆา เพราะนายกฯเมฆาตายไปแล้ว
แต่สมิงพูดไม่ทันขาดคำ เมฆาก็ทะยานขึ้นจากน้ำจะยิง แต่ถูกกระสุนปืนเจาะเข้าที่กลางหน้าผากก่อน ทุกคนหันมอง เห็นนภากำลังลดปืนลงบอกว่า “มันไม่ใช่ เมฆา...เมฆาตายไปแล้ว...” ส่วนตัวเธอเองใส่เสื้อเกราะอยู่ ที่ถูกเมฆายิงจากข้างหลังจึงทำอะไรเธอไม่ได้ ทันใดนั้นร่างเมฆาที่ถูกยิงเจาะกะโหลกลืมตาโพลงขึ้นอีกครั้ง สมิงบอกทุกคนว่า
“ฆ่ายังไงก็ไม่ตายเพราะมันไม่ใช่คน...นี่เป็นแค่ซากศพที่ไร้วิญญาณ” พูดจบก็มองสร้อยที่คอแสงกล้ากระชากล็อกเกตออกมาแล้วพุ่งเข้าหาร่างเมฆา ตะโกน “ทางเดียวที่จะต้องตัดอำนาจจิตวิญญาณ ต้องใช้สร้อยเส้นนี้!” แล้วเอาล็อกเกตผูกไว้ที่คอเมฆา ร่างเมฆาล้มคว่ำลงทันที
วิญญูรับรู้ในทันทีว่าสร้อยเส้นนั้นของแสงกล้ามีอำนาจบางอย่างอยู่ หันมองศาสตราวุธทั้งสี่อย่างครุ่นคิด
ooooooo
จักรสั่งปล่อยตัวคมศรกับแพรไพลิน หมายปล่อยสายยาว เพราะเชื่อว่าทั้งสองต้องติดต่อนภา แล้วเราก็จะได้รู้ว่าพวกนั้นอยู่ที่ไหน ย้ำว่าเราต้องชิงลงมือก่อน ในขณะที่เราอยู่เหนือกว่าในทุกด้าน
ทันทีที่คมศรได้รับการปล่อยตัว นักข่าวกรูกันเข้าสัมภาษณ์ถามว่า เขาถูกจับกุมเพราะอะไร ได้รับการปล่อยตัวแสดงว่าไม่ผิดใช่ไหม คมศรตอบนักข่าวด้วยมาดขรึมว่า
“ผมไม่ได้ถูกจับ ผมยังดำรงตำแหน่งเลขาท่านนายกฯเมฆาและรองจักร” ส่วนเรื่องที่เมฆาหายไปเขาตอบ ว่า “ตอนนี้ผมยืนยันได้เพียงว่า ด็อกเตอร์เมฆาปลอดภัยจากการผ่าตัดและยังมีชีวิตอยู่”
นักข่าวถามว่าแล้วเมฆาอยู่ไหน คมศรขอแถลงข่าวอีกครั้งเมื่อพร้อม แล้วขอตัวผละไปอย่างรวดเร็ว
เวลาเดียวกัน...ที่วัดร้างเก่าแก่มีซากปรักหักพังมากมาย นภา แสงกล้า อินทนนท์และจ่าหวานกับดาบแหบ กำลังร่วมกันนำร่างของเมฆามาเตรียมเผาด้วยฟืนที่ลานวัดร้างตามยถากรรม
ที่มุมหนึ่งในวัดร้าง จ่ากับดาบยืนเฝ้าระวังอยู่ไกลๆ แสงกล้าและอินทนนท์กำลังยืนดูสมิงแกะล็อกเกตของแสงกล้า พอแกะครอบออก อินทนนท์อุทาน
“วัชระ...อาวุธของพระศิวะ...” สมิงบอกว่านี่เป็นเครื่องรางเก่าที่แสงกล้าได้จากอาจารย์ไตรรัตน์ตั้งแต่ แรกเกิด “แล้ววัชระนี่เกี่ยวข้องอะไรกับเทวาศาสตราวุธ ตรีศูลวัชระ อนันตคทา จักรนารายณ์และสังข์ไชยมงคล ที่พวกมันกำลังตามอยู่หรือเปล่า”
สมิงบอกว่าเกี่ยวข้องโดยตรงเลยทีเดียว อินทนนท์ จึงคิดออกว่า “ตรีศูลวัชระ” แสงว่าพวกมันได้แค่ “ตรีศูล” แต่ยังขาด “วัชระ” ที่อยู่ติดตัวแสงกล้าตลอดเวลา สมิงจึงอธิบายอีก...
“อำนาจครองใจคนและบารมีอันยิ่งใหญ่จะไม่มีทางเกิดขึ้นเลย ถ้าการหลอมศาสตราวุธทั้งสี่ขาดวัชระชิ้นนี้ไป”
“วัชระนี่ใช่ไหม ที่เป็นสาเหตุทำให้ไอ้วิญญูฆ่าพ่อ เพราะมันต้องการวัชระนี้ใช่ไหม” แสงกล้าถาม สมิงชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนบอกว่า ไม่มีใครรู้ว่าวัชระอยู่ติดตัวเขา แม้แต่วิญญู ย้ำกับแสงกล้าว่า
“เราต้องรักษาวัชระเอาไว้ให้ดีที่สุด ตราบใดที่วัชระยังอยู่กับเรา แผนการชั่วของพวกมันจะไม่มีวันสัมฤทธิผล”
จริงอย่างที่สมิงพูด เพราะเมื่อวิญญูกับจักรทำพิธีที่โถงขมังเวท บังเกิดแสงเชื่อมโยงวัตถุทั้งสี่ชิ้นแต่แล้วจู่ๆแสงก็ขาดหายไป วิญญูนิ่วหน้าอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ปฏิเสธลนๆว่า
“ไม่...เป็นไปไม่ได้...” จักรถามว่าเกิดอะไรขึ้น “เกิดสัญญะบางอย่าง สัญญะที่บ่งบอกว่าเรายังได้ศาสตราวุธ มาไม่ครบ ถ้ามีของไม่ครบ การหลอมศาสตราวุธจะไม่บังเกิดผลใดๆทั้งสิ้น”
“ขาดอะไร?! ยังขาดอะไรอีก!!” จักรโวยวายไม่พอใจ วิญญูคิดทบทวน นึกถึงล็อกเกตของแสงกล้าที่ทำให้ตนทำอะไรเขาไม่ได้ พอคิดได้ก็หน้าขึงขังแววตามาดมั่นพูดเสียงเข้มว่า “วัชระ...คือล็อกเกตที่อยู่บนคอหมวดแสงกล้า!!”
เมื่อรับรู้และเชื่อมโยงความสัมพันธ์ได้แล้ว สมิงเสนอว่าเราต้องรีบเผาร่างเมฆาให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้วิญญูอวตารดวงจิตเข้ามาบังคับร่างได้อีก
นภาสิ้นหวังกับความดีที่เพียรทำเพราะความดีไม่ได้คุ้มครองคนทำดีเลย เธอเผาร่างเมฆานํ้าตานองหน้า แสงกล้าปรารภกับสมิงว่าเห็นอาการของนภาแล้วเหมือนกำลังสิ้นศรัทธากับการทำความดี สมิงเออออว่าความจริงก็น่าสงสัยว่าทำไมความดีต้องพ่ายแพ้ต่อความชั่ว เดาใจแสงกล้าว่า “ผมว่าหมวดก็สงสัยไม่น้อยกว่ากันหรอก”
แสงกล้าถามว่าเขามีคำตอบให้ตนไหม สมิงบอกว่าไม่มี แสงกล้าถามอีกว่า
“ถ้าจ่าไม่มีคำตอบว่าทำไมความดีต้องพ่ายแพ้ต่อความชั่ว จ่ามีชีวิตอยู่ต่อมาได้ยังไงจนถึงทุกวันนี้”
“เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ ของพรรค์นี้มันต้องรู้ได้ด้วยตัวเองหมวด แล้ววันนึงหมวดจะรู้”
หลังการเผาศพเมฆา อินทนนท์เข้ามาปลอบใจนภาว่า เมฆามีคุณค่าต่อประเทศชาติ เขาไม่ควรจากพวกเราไปรวดเร็วแบบนี้ เราทุกคนก็ได้แต่หวังว่า ผบ.นภาคนเดิมจะกลับมาให้เร็วที่สุด แนวคิด “ศรัทธา” ทำความดีของเมฆา ต้องการเธอเป็นผู้นำ มิเช่นนั้นแล้ว เราคงเอาชนะความชั่วร้ายไม่ได้
แต่นาทีนี้นภาสิ้นหวังเสียแล้ว เธอบอกว่า “ป่วยการจะสู้กับวิญญูค่ะ อำนาจความชั่วร้ายของมันยิ่งใหญ่เกินกว่าใครจะสู้ได้ จบจากวันนี้...เราต่างคนต่างไป ฉันขอล้มเลิกภารกิจ “ศรัทธา” พอกันทีกับการทำความดี ที่น้อยคนจะเข้าใจ”
“เธอจะปล่อยให้คนที่ฆ่าเมฆาลอยนวลอยู่อย่างนั้นน่ะเหรอ”
“ถ้าฉันหยุด...เมฆาคงสบายใจ ถ้ารับรู้ได้ด้วยวิญญาณ เขาน่าจะยินดีที่ต่อไปนี้ฉันจะทำอะไรเพื่อความสุขของตัวเองเสียที” นภาตาแดงก่ำเหมือนถอดใจ หมดอาลัยกับ “ศรัทธา” ที่จะทำความดีเอาชนะความชั่วแล้ว...
ooooooo










