“เสรีพิศุทธ์”เดินเครื่องยื่น ป.ป.ช.สอบจริยธรรม “ธรรมนัส” เตรียมฟื้นคดีขนยาเสพติด พ่วงเอาผิด “บิ๊กตู่” ไม่สกรีนก่อนตั้งเป็น รมต. ขู่“บิ๊กป้อม” ยังสวมบทจ่าเฉยหนุนให้เติบโต เจอยื่นยุบพรรคแน่ ฟาดใส่ ปชป.กอดอำนาจยึดติดผลประโยชน์ “พิชัย” เตือน “ผู้กองนัส” อยู่ต่อรัฐบาลมีแต่ติดลบ “สมคิด” แซะ “จุรินทร์” อ้างสารพัดลืมคำมั่นตอนหาเสียง ให้รอรับผลเมินข้อเสนอถอนตัว ไทยสร้างไทยสะท้อนคนท้อแท้สิ้นหวังหมดความเชื่อมั่น เพื่อไทยแนะเร่งสร้างศรัทธาเปลี่ยนแผนฉีดวัคซีน ตั้งท่าสกัดงบฯซื้ออาวุธเต็มที่ ขณะที่ศาลให้ประกันปล่อยตัว “พลอย รีเดม” อีกรายยังเป็นปมร้อน หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยคุณสมบัติ ส.ส. และรัฐมนตรีของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เคยต้องคดียาเสพติดถูกศาลสั่งจำคุกในออสเตรเลีย โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เดินเครื่องใช้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเป็นหลักฐานยื่นร้องตรวจสอบผิดจริยธรรมร้ายแรง และเปิดฉากเตรียมฟ้องดำเนินคดีขนยาเสพติดเอาผิด ร.อ.ธรรมนัส “เสรีพิศุทธ์” ฟื้นคดี “ธรรมนัส” ขนยาเมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเสรีรวมไทย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงการส่งเรื่องดำเนินคดี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ไต่สวนพฤติกรรมผิดจริยธรรมร้ายแรงว่า ร.อ.ธรรมนัสชี้แจง กมธ.ว่าเหตุที่ถูกจำคุก 4 ปี เพราะปกปิด ไม่ใช่การนำเข้ายาเสพติดตามข้อกล่าวหาของศาลออสเตรเลีย สิ่งที่ ร.อ.ธรรมนัสควรทำ คือพูดความจริงกับประชาชน มีพฤติกรรมจงใจไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง นอกจากนี้ จะดำเนินคดี ร.อ.ธรรมนัส ข้อหาส่งออกและนำเข้ายาเสพติดอีกคดีหนึ่ง เพราะยังไม่หมดอายุความที่กำหนดไว้ 30 ปี คดีเกิดขึ้นปี 2536 อายุความจะครบในปี 2566 เหลือเวลาไม่มาก ดังนั้นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องรีบ ไม่เตะถ่วง การรวบรวมพยานหลักฐานคดีนี้ไม่ยากเพราะมีคำตัดสินของศาลออสเตรเลียอยู่แล้วพ่วงฟัน “บิ๊กตู่” การันตีตั้งเป็น รมต.พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้บังคับบัญชา ร.อ.ธรรมนัสไม่ตรวจสอบข้อมูลก่อนรับรองคุณสมบัติแต่งตั้งเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ ทั้งที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องกลั่นกรองคุณสมบัติก่อน ถือเป็นพฤติกรรมทำให้รัฐและประชาชนเสียหาย ผิด ป.อาญามาตรา 157 รวมถึงใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญ และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ต้องส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ไต่สวนและส่งให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีขู่ “บิ๊กป้อม” เป็นจ่าเฉยยื่นยุบพรรคพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวอีกว่า ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตั้งกรรมการสอบวินัยหรือจริยธรรม ร.อ.ธรรมนัส ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญระบุไว้ในคำวินิจฉัยว่า ร.อ.ธรรมนัส เคยรับโทษคดียาเสพติดศาลออสเตรเลีย แม้ พล.อ.ประวิตรจะระบุเป็นเรื่องของศาล นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ระบุเป็นเรื่องของกฎหมาย แต่ความเป็นพรรคการเมืองต้องซื่อสัตย์สุจริต มีจริยธรรม เมื่อสมาชิกพรรคมีพฤติกรรมค้ายาเสพติดอย่างชัดเจน ควรตรวจสอบแทนการสนับสนุนให้เติบโตในพรรค เช่น ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค หรือให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี หาก พล.อ.ประวิตรและนายไพบูลย์ ไม่ตรวจสอบถือว่าทำสิ่งที่ขัดจริยธรรมต้องเสนอยุบพรรค และองค์กรอิสระที่คิดจะช่วยคิดให้ดี ปัจจุบันประชาชนมองออกว่าใครถูก ใครผิดใครทำหน้าที่เพื่อบ้านเมืองจวก ปชป.กอดอำนาจผลประโยชน์พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวด้วยว่า ตั้งแต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนเรียกร้องให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกจากการร่วมรัฐบาลแต่ไม่มีใครยอม ล่าสุดนายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ ทำหนังสือให้ถอนตัว แต่พรรคประชาธิปัตย์ยังเกาะแน่น 8 ตำแหน่ง แม้ขณะนี้ ร.อ.ธรรมนัสถูกแต่งตั้งให้คุมเลือกตั้งซ่อม จ.ชุมพร กับ จ.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ทำได้แค่ต่อว่าแต่ไม่กล้าออก เพราะยึดติดผลประโยชน์ตนเอง ไม่คำนึงประโยชน์ประเทศและประชาชนเบรกลงพื้นที่สอบบ้านพัก “บิ๊กตู่”พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณี พล.อ.ประยุทธ์พักบ้านหลวงด้วยว่า อยู่ระหว่างตรวจหาเอกสารพยานหลักฐานเพิ่มเติม เช่น ใบเสร็จค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ว่า พล.อ.ประยุทธ์จ่ายเอง หรือหากกองทัพบกจ่ายให้ถือว่ากองทัพมีความผิด และ พล.อ.ประยุทธ์ผิดรัฐธรรมนูญปี 2560 ด้วย ส่วนการลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์นั้นต้องระงับไว้ก่อน เพราะกรณีนี้ไม่เหมือนลงพื้นที่ทั่วไป เช่น สร้างถนนผิดแบบ ขุดลอกคูคลองที่เป็นที่สาธารณะ นัดคนเกี่ยวข้องตรวจสอบได้ แต่เป็นสถานที่ราชการต้องขออนุญาตผู้ครอบครองคือ สำนักพระราชวังเจ้าของพื้นที่ หากไม่อนุญาตจะขอหมายศาลต่อไป เชื่อว่าการจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ตคงไม่ยอมให้ข้อมูลมา คงต้องเรียก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ.และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตแก้วแท้ ผบ.ทบ.มาชี้แจงใน กมธ. “พิชัย” ห่วง “ธรรมนัส” อยู่ รบ.พังนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัญหาหลักของรัฐบาลคือขาดวิสัยทัศน์ไม่เคยคิดล่วงหน้า ต้องถูกตำหนิอย่างรุนแรงเสียก่อนถึงจะคิดแก้ไข ประชาชนจำนวนมากแสดงความไม่พอใจเข้าไปคอมเมนต์ต่อว่าในเพจ พล.อ.ประยุทธ์จนต้องปิดช่องคอมเมนต์ เท่ากับปิดหูปิดตาไม่ยอมรับรู้ความไม่พอใจของประชาชนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนั้นคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญคดีคุณสมบัติของ ร.อ.ธรรมนัสยิ่งสร้างกระแสความไม่พอใจเป็นวงกว้าง ประชาชนอยากเห็นการปฏิรูปทางการเมืองแต่กลับได้รัฐมนตรีเคยมีคดียาเสพติดเคยถูกจำคุกในต่างประเทศ สื่อหลักต่างประเทศเสนอข่าวไทยอนุญาตให้คนเคยติดคุกเรื่องยาเสพติดดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี อับอายไปทั่วโลก ขอเตือน พล.อ.ประยุทธ์หากยังคงให้ ร.อ.ธรรมนัสดำรงตำแหน่งอยู่ ความน่าเชื่อถือและความมั่นใจของประเทศไทยยิ่งตกต่ำลงไปอีกจนเป็นติดลบได้ ความหวังฟื้นเศรษฐกิจเป็นไปไม่ได้เลย“สมคิด” เตือน ปชป.รอรับผลกรรมนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี ให้สัมภาษณ์กรณีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันต้องทำหน้าที่ร่วมรัฐบาลต่อแม้มีสมาชิกพรรคเรียกร้องให้ถอนตัวเพราะไม่อยากให้พรรคเสียหายร่วมงานกับรัฐมนตรีที่มีคดีความว่า นายจุรินทร์อ้างสารพัดอย่าง ลืมสิ่งที่พูดไว้ตอนหาเสียงเลือกตั้ง เป็นประเภทได้หน้าแล้วลืมหลัง ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ต้องรับผลการตัดสินใจเกาะอยู่กับอำนาจเมื่อมีการเลือกตั้งประชาชนจะตัดสินเอง และลักษณะแบบนี้เป็นรอยร้าวในรัฐบาลอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าต่างฝ่ายจะหาจังหวะช่วงชิงโอกาสทางผลประโยชน์ และถอนตัวเมื่อถึงทางตันจริงๆ แต่กรณีที่เกิดขึ้นคนเสียโอกาสจริงๆคือประชาชนอยากเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณาให้ดี“ชลน่าน” อัดใจแคบหวงอำนาจขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลวิ่งตามแก้ปัญหาโควิดมากกว่าป้องกัน เห็นได้จากวัคซีนทุกฝ่ายต่างออกมาเรียกร้องให้เร่งจัดหาฉีดให้ประชาชนกว่าจะทำตามข้อเรียกร้องใช้เวลานานมากล่าช้า ถึงวันนี้ฉีดเข็มแรกได้เพียง 1.7 ล้านคน ขณะที่มีผู้ติดเชื้อใกล้ 1 แสนคน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มทุกวัน ต้องตำหนิการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อทราบอยู่แล้วว่าผู้ผลิตวัคซีนทั่วโลกให้รัฐเป็นผู้นำเข้าเท่านั้น แต่เมื่อเอกชนมีความพร้อมทั้งงบฯและบุคลากร ต้องทำหน้าที่เป็นตัวกลางประสานให้ได้วัคซีนมา รัฐไม่ควรใจแคบหวงอำนาจ ผูกขาดจัดซื้อวัคซีนเพียงผู้เดียว ไม่ควรเอาชีวิตประชาชนมาเสี่ยงทสท.สะท้อนคนท้อแท้สิ้นหวังผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคไทยสร้างไทยออกแถลงการณ์ว่า การระบาดของโควิดระลอก 3 ก่อให้เกิดวิกฤติด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจและศรัทธา คนไทยไม่น้อยท้อแท้สิ้นหวัง ขาดความเชื่อมั่น และขาดความไว้วางใจต่อตัวนายกฯและรัฐบาล เห็นว่าต้องมีนโยบายมาตรการกระบวนการ และทิศทางที่ชัดเจนต่อไปนี้ ระยะที่ 1 เร่งตรวจเชื้อ เร่งฉีดวัคซีน ดูแลบุคลากรด้านสาธารณสุขอย่างดีที่สุดเสมือนนักรบในสงคราม ระยะที่ 2 เสริมสร้างความเข้มแข็งและความพร้อมของประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ ด้วยการช่วยเหลือต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 1 ปี และระยะที่ 3 กำหนดทิศทางอนาคตประเทศให้แข็งแกร่ง 3 ด้านทั้งอาหาร สุขภาพ และการท่องเที่ยวเพื่อไทยแนะรัฐบาลเร่งกู้ศรัทธาที่พรรคเพื่อไทย น.ส.อรุณี กาศยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังรัฐบาลเปิดให้ประชาชนอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง 7 โรคลงทะเบียนฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. ถึงปัจจุบันพบว่ามีผู้ลงทะเบียนเพียง 1.55 ล้านคน ถือว่าน้อยมากสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลสอบตกในการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนควรเร่งดำเนินการปรับเปลี่ยนแผนการลงทะเบียนฉีดให้บุคคลทั่วไปที่สมัครใจและมีความพร้อม เปิดลงทะเบียนให้กลุ่มอาชีพบริการ ซึ่งต้องสัมพันธ์กับการพบปะผู้คนในเมืองฉีดวัคซีนก่อน เร่งสืบสวนหาสาเหตุอาการข้างเคียงของวัคซีนประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่ชัดเจน หากเสียชีวิตหลังฉีดรัฐบาลควรจ่ายเงินชดเชยที่สูงกว่านี้ เช่น มาเลเซียจ่ายชดเชย 3.7 ล้านบาท สิงคโปร์ 5.25 ล้านบาท แต่ไทยจ่ายไม่เกิน 4 แสนบาทจ้องสกัดงบฯซื้ออาวุธสู้โควิดนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เปิดสภาฯ วันที่ 22 พ.ค. พรรคเพื่อไทยเตรียมการอภิปรายพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 65 ชี้ให้ประชาชนเห็นถึงปัญหาแพร่ระบาดโควิด ที่รัฐบาลต้องเตรียมงบฯเยียวยา ทั้งดูแลผู้ติดเชื้อผู้ประกอบการ และแรงงานที่ได้รับผลกระทบ ดังนั้น รัฐบาลต้องลำดับความสำคัญตัดงบที่ไม่จำเป็นออก เช่น งบจัดซื้ออาวุธ แล้วมาเพิ่มในงบกอบกู้สถานการณ์โควิด ทั้งการจัดหาวัคซีน และเยียวยา ถ้ารัฐบาลยังไม่ฟังแล้วยังจัดงบจัดซื้ออาวุธเข้ามาพรรคร่วมฝ่ายค้านจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้งบเป็นไปตามที่ถูกที่ควรเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน “ชูวิทย์” ฟาด “ธนกร” เด็กเมื่อวานซืนนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส.พรรครักประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่แนะให้ทำตัวเป็นองคุลีมาลอย่าทำตัวเป็นโจรป่าว่า เด็กเมื่อวานซืนอย่างนายธนกร เสมือนเด็กชงกาแฟให้นายใช้ซื้อข้าวมันไก่ อยากเกิดคอยตอบโต้ไปตามเรื่องตามราวให้นายเห็น ตนวิพากษ์วิจารณ์คนไทยเห็นด้วย วัคซีนมาช้า ไม่วางแผนล่วงหน้า รวบอำนาจ แถลงสะเปะสะปะ เชื่องช้าไม่ทันโลก พูดปากเปียกปากแฉะมาตั้งนาน เพิ่งมาขึงขังเอาตอนวายป่วง หากทันโลกป่านนี้คนไทยคงยิ้มแย้มแจ่มใสค้าขายครึกครื้น มันผิดที่ตนหรือ สงสัยต้องคอยเอาใจนายกฯเหมือนเด็กฟันน้ำนมการเมืองยังไม่ขึ้นอย่างนายธนกร นี่กำลังจะเงียบเพราะนายกฯปรับกระบวนทัศน์ถูกทาง ดันมาร่ำร้องไม่ดูฤกษ์ดูยาม อยากดังผิดเวลา สงสัยต้องพูดต่อเพราะวัคซีนเป็นเรื่องของชาติ ตนยอมเป็น “โจรโรบินฮูด” ปล้น คนโง่ที่อยากเสวยอำนาจนานๆเอามาเสริมสมองให้ชาวบ้าน“แด๊ก” โพสต์โต้ยิบโจรก็คือโจรด้านนายธนกรโพสต์เฟซบุ๊กว่า “ชูวิทย์ก็คือชูวิทย์ ทำตัวเหมือนเทวดา แตะไม่ได้ ดูถูกดูแคลนเลขานุการรัฐมนตรี ใช้แต่สมองส่วนหลังคิด คนส่วนใหญ่เขาใช้สมองส่วนหน้าคิดดี ทำดี อย่างน้อยไม่เคยทำอาชีพอาบอบนวด ไม่เคยติดคุกข้อหารื้อบาร์เบียร์ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ไม่เคยจัดฉากหลอกประชาชนให้คนมาทำร้ายตัวเอง ไม่เคยถูกจำคุกคดีจงใจไม่แสดงรายการบัญชีทรัพย์สิน ไม่ได้หิวแสงหิวตำแหน่ง ไม่อย่างนั้นคงทำแบบนายชูวิทย์ที่นิยมงานผิดศีลธรรมอันดีไปแล้ว นายชูวิทย์ควรทบทวนตัวเองทำความดีให้กับประเทศชาติและประชาชนไว้บ้าง กล้าบอกว่าจะเป็นโรบินฮูด ขนาดแค่คิดยังคิดเรื่องดีๆไม่ได้ ขึ้นชื่อว่าโจรก็คือโจร” “เรืองไกร” ร้องนายกฯสอบ “ศรีฯ”นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. เปิดเผยว่า ได้ส่งหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ผ่านทางไปรษณีย์อีเอ็มเอส ให้ตรวจสอบการทำงานของนายศรีสุวรรณ จรรยา ในนามสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กับสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เพราะมีข้อสงสัยคาใจ จากการตรวจสอบทั้ง 2 สมาคมในเว็บไซต์ราชกิจจา-นุเบกษาพบว่า จัดตั้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีฐานะเป็นนิติบุคคล ต้องมีหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น ทำบัญชีปิดงบดุล ยื่นแบบภาษี ประชุมใหญ่สามัญ เป็นต้น แต่ไม่พบข้อมูลที่ควรปรากฏต่อสาธารณชน ดังนั้นนายกฯต้องสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ ตรวจสอบ และขอให้นายศรีสุวรรณ มีสปิริตมีจริยธรรมออกมาตอบข้อสงสัย เปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสก้าวไกลชง 3 ทางรอดการบินไทยน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงผ่านสื่อออนไลน์ถึงแผนฟื้นฟูบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่จะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุม ครม.ว่า เสนอให้รัฐบาลดำเนินการ 3 ข้อคือ 1.ลดทุนล้างการขาดทุนสะสมที่ปัจจุบันขาดทุนสะสม 161,898 ล้านบาท โดยลดทั้งทุนที่ชำระแล้ว และทุนอื่นๆ 2.เจ้าหนี้ต้องยอมเจ็บลดหนี้ แปลงหนี้เป็นทุนเพื่อให้ธนาคารพาณิชย์หรือผู้ถือหุ้นกู้ร่วมรับผิดชอบอีกส่วน คิดเป็นตัวเลขกลมๆหนี้จะลดได้อยู่ที่ประมาณ 300,000 ล้านบาท ถ้าขอลดหนี้ได้ 40% จะทำกำไรลดขาดทุนสะสมได้ถึง 120,000 ล้านบาท และ 3.เพิ่มทุนใหม่อาจไม่จำเป็นต้องเป็นรัฐบาล ถ้ารัฐบาลต้องแทรกแซงเสนอให้กำหนดแผนการขายหุ้นออกที่ชัดเจนใน 3-5 ปี เพื่อไม่ให้เกิด moral hazard และขอให้พิจารณาเปิดประมูลผู้ร่วมทุนใหม่หรือหาสายการบินอื่นควบรวมปล่อยตัวชั่วคราว “พลอย รีเดม”ที่ศาลอาญา ศาลอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ กรณีทนายความยื่นคำร้องอุทธรณ์ขอปล่อยชั่วคราว น.ส.หทัยรัตน์ หรือพลอย แก้วสีคราม ผู้ต้องหาที่ 2 คดีชุมนุมหน้าศาลอาญาร่วมกับกลุ่มรีเดม วันที่ 2 พ.ค. ข้อหาร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีหรือใช้อาวุธร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปฯ ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 7 พ.ค. ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าผู้ต้องหาอยู่ระหว่างการศึกษาและมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างสอบสวนตีราคาประกัน 100,000 บาท กำหนดเงื่อนไขห้ามมิให้กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง หรือมีลักษณะที่ละเมิดต่อกฎหมาย กับให้มารายงานตัวต่อศาลชั้นต้นทุก 2 สัปดาห์ต่อครั้ง ห้ามเดินทางออกนอกราช-อาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากศาลชั้นต้น หากผิดเงื่อนไข หรือหลบหนี หรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น ให้ศาลชั้นต้นสั่งเพิกถอนประกันทันที จากนั้นศาลส่งหมายปล่อยตัวไปที่เรือนจำทัณฑสถานหญิงกลางเพื่อดำเนินการตามสั่งม็อบ “ยืนหยุดขัง” ค้านติดอีเอ็มด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนที่ชุมนุมกดดันศาลเพื่อเรียกร้องสิทธิการประกันตัวให้แกนนำ และแนวร่วมกลุ่มราษฎร ที่ถูกคุมขังในเรือนจำ เมื่อเวลา 17.30 น. ที่หน้าอาคารคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ กลุ่มศิษย์เก่า และปัจจุบัน มธ. นำโดยนายอุเชนทร์ เชียงแสน นักวิชาการ ม.วลัยลักษณ์ รวมตัว “ยืน-หยุด-ขัง” 1.12 ชม. และเปิดไฟส่องสว่างเป็นเชิงสัญลักษณ์ต่อกระบวนการยุติธรรม มีนางสุรีรัตน์ ชิวารักษ์ แม่ของนายพริษฐ์ หรือเพกวิน เข้าร่วมด้วย ทั้งนี้ผู้ร่วมชุมนุมได้นำโบสีขาวมาผูกที่ข้อเท้าแสดงออกถึงการคัดค้านการประกันตัวโดยใส่กําไล EM ที่ข้อเท้า“มายด์” นำ “เปิดไฟให้ดวงดาว”ส่วนที่ลานสกายวอล์กสี่แยกปทุมวัน เครือข่าย people go Network และภาคี อาทิ กลุ่มศิลปะปลดแอก ราษดรัม ฯลฯ นัดหมายชุมนุม “เปิดไฟให้ดวงดาว” โดยมี น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล ผศ.ดร.ชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ ม.เกษตรฯ รศ.ดร.ยุกติ มุกดาวิจิตร อาจารย์คณะสังคมวิทยา มธ. นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ แกนนำกลุ่มไอลอว์ และ น.ส.พริม มณีโชติ ฯลฯ เข้าร่วมปราศรัยเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร โจมตีกระบวนการยุติธรรมและมาตรา 112 ก่อนแจกดาวห้าแฉกทำจากกระดาษสี และไม้ให้ผู้ชุมนุมทุกคนใช้แสงแฟลชมือถือส่องเป็นแสงสะท้อนบนลานสกายวอล์กละลานตา เปรียบได้กับผู้ถูกคุมขังที่เป็นดาวยังส่องแสงอยู่