วันนี้อาชีพปลูกไม้โตเร็ว ป้อนโรงงานผลิตผงไม้อัดเม็ด หรือ Wood Pellet ดูเหมือนเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ไม่ต้องดูแลรักษาอะไรมาก ปลูกทิ้งไว้ทำเงินได้ เพราะนักธุรกิจญี่ปุ่นจับมือภาคเอกชนไทยร่วมทุนก่อสร้างโรงงานผลิต Wood Pellet เพื่อส่งป้อนไปยังโรงไฟฟ้าชีวมวลในญี่ปุ่น กำลังดำเนินงานอย่างเป็นล่ำเป็นสัน

ไม่ใช่สร้างกันแค่ 1-2 โรง ตอนนี้ผุดขึ้นมาแล้ว 1 โรง ได้ใบอนุญาตแล้ว 3 โรง และจะตามมาอีก จนครบ 20 โรง เพื่อให้มีกำลังผลิตรวมปีละ 5 ล้านตัน และไม่ใช่หนุนแค่ให้ปลูกไม้โตเร็วอย่างกระถินณรงค์ กระถินยักษ์ หรือยูคาลิปตัส ไปผลิตเป็นเชื้อเพลิงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงต้นยางพารา ทั้งปลดระวางและไม่ปลดระวาง

เพิ่มโอกาสให้ไม้ยางพาราถูกโค่นเพื่อปลูกทดแทนปีละ 4-5 แสนไร่ ผลผลิตเนื้อไม้ปีละ 43 ล้านตัน มีทางเพิ่มราคาได้มากขึ้น เพราะไม้ยางเดิมนั้น จะใช้แต่ส่วนกลางลำต้นไปทำเฟอร์นิเจอร์ ส่วนอื่นทิ้งหมด แต่โรงงานผลิต Wood Pellet สามารถนำทุกส่วนมาใช้ได้หมด ตั้งแต่รากไปถึงใบ ไม่ต้องเหลือทิ้งอีกต่อไป

ขณะนี้เริ่มมีการรณรงค์ปลูกไม้โตเร็วคั่นสวนยางตามพื้นที่ว่าง นั่นหมายความว่า พื้นที่สีเขียวในบ้านเราจะเพิ่มมากขึ้น และเกษตรกรผู้ปลูกจะมีรายได้เสริมไร่ละ 3–5 พันบาทต่อปี รวมถึงเพิ่มมูลค่าไม้ยางได้อีกอย่างน้อย 30%...เพิ่มทางรอดให้ชาวสวนยางในภาวะน้ำยางราคาตกต่ำ

ขณะเดียวกัน คณะวนศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ กำลังวิจัยนวัตกรรมการจัดการวัตถุดิบเชื้อเพลิงจากไม้โตเร็ว โดยเฉพาะอาเคเชีย ไม้ทรงพุ่ม ตระกูลถั่ว ปลูกง่าย โตไวกว่าไม้โตเร็วที่เรารู้จักกัน

หลายคนคงงง ญี่ปุ่นหนุนโรงไฟฟ้าชีวมวลทดแทนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ กันอย่างออกหน้าออกตาขนาดนี้ จนไม้มีไม่พอใช้ ต้องมาร่วมทุนกับบริษัทไทยทำเชื้อเพลิง แล้วไฉนไทยเรายังพายเรือวนในอ่าง โรงไฟฟ้าชีวมวลขาดการสนับสนุนอย่างจริงจังจากภาครัฐ แถมบางแห่งได้รับการต่อต้านจากคนหลากหลายกลุ่ม

...

นั่นเป็นเพราะเขาวิจัยแล้ววิจัยอีก จนพบว่า โรงไฟฟ้าชีวมวลตอบโจทย์สร้างพลังงานไฟฟ้าได้ใกล้เคียงนิวเคลียร์มากที่สุด แถมสะอาด ปลอดภัยกว่า...อีกประการ เขามองประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก แถมเอ็นจีโอเขามีคุณธรรม ไม่ได้ค้านไปเสียทุกเรื่อง เหมือนอย่างคุณพี่ คุณพ่อเอ็นจีโอในบ้านเรา.

สะ-เล-เต