ผมเป็นคนชอบดูดอกไม้สวยๆงามๆ เวลามีข่าวว่า ห้างโน้นห้างนี้จัดงานดอกไม้ประเภทไม้ดอกไม้ประดับ ตกแต่งด้วยดอกไม้ทั้งห้าง ผมจะแวะไปดูอยู่เสมอ...ดูไปถ่ายรูปเซลฟี่ไปตามประสาคนมีดอกไม้อยู่ในหัวใจว่างั้นเถอะเมื่ออ่านข่าวพบว่าห้าง เซ็นทรัล จะจัดงานฉลองครบ 72 ปี ด้วยการตกแต่งห้างเซ็นทรัลชิดลมด้วยดอกไม้อีกครั้งหนึ่ง ผมจึงตั้งใจว่าจะต้องหาโอกาสไปถ่ายรูปกับดอกไม้ที่ว่านี้ให้จงได้เอาเข้าจริงๆงานเขาเลิกเร็วกว่าที่ผมคิด คือมีแค่วันที่ 7 พ.ย. ถึง 12 พ.ย.เท่านั้น ซึ่งตรงกับช่วงที่ผมมีภารกิจอะไรหลายๆอย่าง ก็เลยชวดไปเชยชมดอกไม้ฉลอง 72 ปี เซ็นทรัลอย่างน่าเสียดายถึงแม้จะไม่มีโอกาสไปชื่นชมดอกไม้ฉลอง 72 ปี แต่ผมก็ยังมีความประสงค์ที่จะเขียนถึงห้าง เซ็นทรัล อยู่ดีแหละครับ เพราะการที่บริษัทใดบริษัทหนึ่งสามารถประกอบธุรกิจยืนยงมาได้ถึง 72 ปี และก็เป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงด้วยนั้น เป็นเหตุผลสำคัญที่ควรจะเขียนถึงอยู่แล้วถ้าจำไม่ผิดเมื่อตอนเซ็นทรัลครบ 50 ปี หรือ 60 ปีอะไรสักอย่างหนึ่ง ผมก็เคยเขียนแสดงความยินดีเอาไว้เช่นกันในฐานะเป็นคนรุ่นเดียวกัน ได้เห็นความเจริญเติบโตของเซ็นทรัล ถ้านับจากปี 2501 ที่ผมเข้ากรุงเทพฯครั้งแรกและไปเดินห้างเซ็นทรัลที่สร้างใหม่ ที่ วังบูรพา มาจนถึงบัดนี้ก็ 61 ปีเข้าไปแล้วใครจะไปคิดว่าห้างเซ็นทรัลแม้จะถือว่าใหญ่พอสมควรใน พ.ศ.นั้น แต่ก็ไม่ถึงกับมโหฬารอะไรมากนัก จะสามารถพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดอย่างทุกวันนี้ส่งผลให้ในการประกาศรายชื่อมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด 50 คนในประเทศไทยของ นิตยสารฟอร์บส์ เมื่อเดือนเมษายน 2562 ที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่า ตระกูลหรือครอบครัว “จิราธิวัฒน์” ซึ่งเป็นเจ้าของเซ็นทรัล มีทรัพย์สินสูงถึง 21,200 ล้านเหรียญ หรือกว่า 6 แสนล้านบาท เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทยแพ้ตระกูล “เจียรวนนท์” ที่มีทรัพย์สินรวมกัน 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 9 แสนกว่าล้านบาท เพียงตระกูลเดียวเท่านั้นในปูมประวัติของเซ็นทรัลระบุไว้ว่า คุณนี่เตียง แซ่เจ็ง หรือ เตียง จิราธิวัฒน์ โยกย้ายร้านชำจากย่านบางขุนเทียนมาอยู่ที่อาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 ชั้น ขนาด 1 คูหาที่ปากตรอกกัปตันบุช (ปัจจุบันซอยเจริญกรุง 30) ย่านสี่พระยา เมื่อปี 2490หันมาขายเสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้า เครื่องสำอาง ฯลฯ รวมทั้งหนังสือต่างประเทศด้วย ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการค้ายุคใหม่ของเซ็นทรัล ในส่วนของหนังสือหรือนิตยสารต่างประเทศนั้น เล่ากันว่า แรกๆจะเป็นหนังสือเก่าที่นักท่องเที่ยวที่มาพักโรงแรมโอเรียนเต็ล หอบมาอ่านในเมืองไทยแล้วขี้เกียจขนกลับ ทิ้งเป็นเศษกระดาษอยู่ที่โรงแรมคุณเตียงก็ไปขอซื้อหนังสือและนิตยสารต่างประเทศที่ว่านี้ในราคาถูกๆมาขายต่อ ปรากฏว่าขายดีเพราะช่วงนั้นเริ่มมีคนไทยไปเรียนต่างประเทศกันมากขึ้น อยากอ่านนิตยสารดังๆของเมืองนอก แต่ไม่มีขายก็ไปหาซื้อของเก่าอ่านที่ร้านคุณเตียงคุณเตียงเห็นว่ามีตลาดรองรับก็เลยสั่งของใหม่ๆมาขายเสียด้วยเลยในตอนหลัง และกลายเป็นประเพณีของเซ็นทรัลที่จะต้องมีการขายหนังสือต่างประเทศในห้างควบคู่ไปด้วยมาโดยตลอดจากปี 2490 อีก 10 ปีให้หลัง หรือ พ.ศ.2500 คุณเตียงและลูกชาย สัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ ก็ขยายกิจการไปเปิดห้างเซ็นทรัลที่วังบูรพาดังกล่าว จากนั้นก็เกิด เซ็นทรัล ราชประสงค์ เมื่อปี 2507 เซ็นทรัล สีลม 2511 และ เซ็นทรัล ชิดลม 2516 จนมาถึงปี 2526 ก็ไปเปิด เซ็นทรัลลาดพร้าว ถือเป็นห้างที่ดังที่สุด และใหญ่ที่สุดของประเทศไทยมีโรงแรมชั้นหนึ่งอยู่ข้างๆ และมีห้องประชุมขนาดใหญ่ที่สามารถจัดการประชุมระดับนานาชาติ และใช้แสดงคอนเสิร์ตได้เป็นอย่างดี...ได้แก่ บางกอกคอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ นั่นเองซึ่งเป็นทั้ง “โชคลาภ” และ “ทุกขลาภ” ของเซ็นทรัลอยู่พักใหญ่ๆเลยทีเดียว สำหรับห้องประชุมยักษ์แห่งนี้แล้วกัน ว่าจะเขียนวันเดียวจบ แต่คงไม่จบเสียแล้ว เพราะเผลอไปใช้คำว่า “ตำนาน” เข้า...ก็คงต้องตำกันนานๆ ขอต่อพรุ่งนี้อีกวันนะครับ.“ซูม”