พรรคการเมืองส่วนใหญ่มุ่งหน้าประกาศนโยบายประชานิยม ลดแลกแจกแถม เพื่อเป้าหมายสูงสุดคือการชนะเลือกตั้ง จนอาจลืมปัญหาสำคัญอีกอย่างหนึ่ง จนนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ต้องออกมากระตุ้นเตือนพรรคทั้งหลาย อย่าเน้นแต่เรื่องปากท้อง ประชาธิปไตย เผด็จการ ขอให้ต่อต้านคอร์รัปชันด้วย

ในระยะแรกที่เข้าสู่อำนาจ รัฐบาล คสช.ให้ความสำคัญต่อปัญหาการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ ผลการสำรวจความเห็นประชาชนในระยะแรกๆก็พบว่าคนส่วนใหญ่ชื่นชมความจริงจังในปัญหาการทุจริตของ คสช. แต่ซาๆไปในระยะหลังๆ และเกิดเรื่องราวการทุจริตมากมาย เช่น การโกงเงินช่วยเหลือผู้ไร้ที่พึ่ง และอื่นๆ

ผลการสำรวจขององค์กรความโปร่งใสนานาชาติ คะแนนความโปร่งใสของไทยลดลงจาก 37 เป็น 36 อันดับประเทศคอร์รัปชันพุ่งขึ้นจาก 96 เป็น 99 จากทั้งหมด 180 ประเทศ ย้อนกลับไปดูเมื่อปี 2557 ไทยได้ 38 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 ส่วน อันดับอยู่ที่ 85 แต่ร่วงลงไปถึง 14 อันดับเป็นอันดับที่ 99 จากผลการสำรวจล่าสุดปี 2561

เป็นข้อมูลที่แสดงว่านับแต่รัฐบาล คสช.เข้าสู่อำนาจ เมื่อปี 2557 การแก้ปัญหาคอร์รัปชันนอกจากไม่ดีขึ้น ตามที่คาดหวัง ยังทรุดหนักลงไปใน 5 ปีที่ผ่านมา ความเป็นหรือไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง ประเทศที่โปร่งใสมากที่สุดได้แก่กลุ่มประเทศประชาธิปไตยแท้ เช่น เดนมาร์กและนอร์เวย์ แย่สุดได้แก่โซมาเลียและซีเรีย เผด็จการเต็มใบ

แต่การที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันหวังพึ่งพรรคการเมืองให้เป็นผู้นำในการแก้ปัญหาโกงกิน อาจจะต้องผิดหวัง ถ้าย้อนกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองไทย จะพบว่าคอร์รัปชันรุ่งเรืองเฟื่องฟูทุกยุคทุกสมัย ทั้งในรัฐบาลเลือกตั้งและรัฐประหาร หลายปีที่ผ่านมามีนักการเมืองระดับนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีถูกศาลพิพากษาจำคุกหลายคน โพลระบุว่านักการเมืองคือทุจริตตัวพ่อ

...

เช่นเดียวกับผู้นำรัฐบาลจากรัฐประหารหลายคน ก็ถูกศาลสั่งยึดทรัพย์ฐานร่ำรวยผิดปกติ การทุจริตของนักการเมืองมักเริ่มต้นที่การโกงเลือกตั้ง การซื้อเสียงหรือใช้อำนาจรัฐ ตามด้วยการใช้ตำแหน่งหน้าที่ ถอนทุนด้วยการแสวงประโยชน์โดยมิชอบ นักการเมืองเคยถูกกล่าวหาแทรกแซงครอบงำองค์กรอิสระ ผู้ตรวจสอบการทุจริต วันนี้ก็มีเสียงวิพากษ์ทำนองเดียวกัน

แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องท้อแท้สิ้นหวัง อาจมีบางพรรคหรือหลายพรรค ที่พร้อมจะเป็นหัวหอกในเรื่องนี้ แต่ที่สำคัญที่สุด ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันทำให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง มีภูมิคุ้มกันรัฐประหาร มีองค์กรตรวจสอบที่เป็นอิสระ การเมืองภาคประชาชนที่เข้มแข็ง สื่อมวลชนที่มีเสรีภาพและรับผิดชอบต่อสังคม จึงจะต่อสู้กับการฉ้อราษฎร์บังหลวงได้.