วันนี้ 1 ตุลาคม 2561 เป็นวันขึ้นปีใหม่ของระบบราชการไทยครับ เพราะจะเป็นวันแรกของการใช้เงินตามงบประมาณใหม่ปี 2562 ที่เริ่มมีผลตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันที่ 30 กันยายนเป็นต้นมา

เป็นธรรมเนียมของวันขึ้นปีใหม่ ไม่ว่าจะเป็นปีใหม่สากล 1 มกราคม หรือปีใหม่จีนประมาณเดือนกุมภาพันธ์ หรือปีใหม่ไทยวันที่ 13 เมษายน เราก็มักจะอวยชัยให้พรแก่กันและกัน

ขอให้โชคดี ขอให้มีความสุขมีความเจริญ ส่ง ส.ค.ส.ส่งของขวัญ แจกแต๊ะเอีย หรือรดน้ำดำหัวหรือปะพรมน้ำให้แก่กันและกัน จนกลายเป็นประเพณีที่เราคุ้นเคยกันทั้งประเทศ

ดังนั้น เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ของระบบราชการไทยวันนี้ ผมก็ขออวยชัยให้พรแก่บรรดาข้าราชการทั้งหลาย จงถึงพร้อมด้วย จตุรพิธ พรชัย อายุ วรรณะ สุขะ พละ เพื่อที่จะได้มีแรง มีพลัง มีขวัญ มีกำลังใจที่จะปฏิบัติราชการด้วยความขยันขันแข็งและซื่อสัตย์สุจริต เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศไทยอันเป็นที่รักของพวกเราทุกคน

จำนวนกำลังคนในภาครัฐทั้งหมดนับทั้งพลเรือนและทหาร จากข้อมูล ที่มีการอ้างอิงล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 2.8 ล้านคน โดยมีสถานะเป็นข้าราชการ ถึงกว่าร้อยละ 63 และที่เหลือประมาณร้อยละ 37 อยู่ในฐานะพนักงาน ราชการ, ลูกจ้างประจำ และลูกจ้างชั่วคราว ฯลฯ

หากทุกคนเจริญด้วยพรชัยทั้ง 4 ประการ และอุทิศตนทำงานเพื่อประเทศชาติตามหน้าที่ของแต่ละคนที่กฎหมายหรือ ก.พ.กำหนดไว้ ก็จะเป็นพลังอันมหาศาลในการผลักดันประเทศไทยให้ก้าวหน้าได้รวดเร็วขึ้น

ในความคิดเห็นของผม จะไปถึง 4.0 ได้หรือไม่ ก็อยู่ที่ประสิทธิภาพของข้าราชการไทยเรานี่แหละครับ

สำหรับยอดเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณใหม่ 2562 ที่จะเริ่มใช้ในวันนี้ รวมกันทั้งสิ้นสูงถึง 3 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17 ของจีดีพี หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศไทย

...

ทั้งนี้จะเป็นการจัดเก็บภาษีหรือหารายได้อื่นๆของรัฐมาเพื่อใช้จ่ายประมาณ 2.55 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 14.5 ของจีดีพี

ที่เหลืออีก 4 แสน 5 หมื่นล้านบาทเศษ หรือร้อยละ 2.6 ของจีดีพีจะเป็นเงินกู้

ทำให้งบประมาณแผ่นดินปีนี้เป็น “งบประมาณขาดดุล” อีกปีหนึ่ง คือต้องใช้เงินกู้มาโปะในส่วนที่ขาด แต่ก็เป็นยอดเงินกู้ที่คำนวณไว้แล้วว่า จะไม่มีผลกระทบต่อวินัยการคลังในอนาคต

ที่ผมจำเป็นจะต้องหมายเหตุเอาไว้ในวันนี้ ก็คงจะเป็นประเด็นที่ว่า จากยอดเงินทั้งหมด 3 ล้านล้านบาทนั้น จะนำมาจ่ายให้แก่ข้าราชการไทยถึง 1 ล้านล้านบาทเศษ หรือประมาณ 1 ใน 3 เลยทีเดียว

ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง ค่าตอบแทนและค่าสวัสดิการต่างๆ รวมถึงบำเหน็จบำนาญข้าราชการที่เกษียณอายุไปแล้วด้วย

เห็นตัวเลขแล้วก็อดมิได้ที่จะต้องฝากย้ำไปถึงบรรดาข้าราชการไทยอีกคำรบหนึ่งขอให้ทุกท่านปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง เพื่อตอบแทนพระคุณพี่น้องประชาชนไทยที่จะต้องจ่ายภาษีทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อให้รัฐบาลแบ่งปันมาเป็นเงินเดือนหรือค่าตอบแทนต่างๆ สำหรับท่านทั้งหลายถึง 1 ล้านล้านบาทดังที่กล่าวไว้ข้างต้น

ในส่วนของข้าราชการระดับสูงๆที่จะเข้ารับตำแหน่งใหม่แทนคนเก่าที่เกษียณหรือโดนโยกออกไปนั้น ผมคงต้องขออนุญาต ส.ค.ส. ถึงท่านเป็นกรณีพิเศษ ในทุกตำแหน่ง ทุกกระทรวง ทบวง กรม

โดยเฉพาะท่าน ผบ.ทบ.คนใหม่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ หรือ “บิ๊กแดง” ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับบ้านเมืองในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อก่อนเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบในกุมภาพันธ์ปีหน้าตามโรดแม็ป

ข้าราชการอื่นแค่ “จตุรพิธพรชัย” “อายุ วรรณะ สุขะ พละ” น่าจะ พอแล้ว แต่สำหรับ “บิ๊กแดง” คงต้องเพิ่มอีกหลายๆพร

เนื่องเพราะนอกจากท่านจะดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.คนใหม่แล้ว ยังดำรงตำแหน่ง เลขาธิการ คสช. อีกด้วย

รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันระบุไว้ว่า คสช.จะหมดวาระไปก็ต่อเมื่อมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง เข้าถวายสัตย์แล้วเท่านั้น

แปลว่าแม้ในช่วงเวลาที่กำลังเลือกตั้ง คสช.ก็ยังมีอำนาจอยู่ จึงต้องอวยชัยให้พร “ท่านเลขาธิการ คสช.” ด้วยพร ต่างๆที่เพิ่มมากขึ้น

นอกจากพร 4 ประการที่ว่านี้แล้ว อาจต้องเพิ่ม “ความมีสติ” “ความอดทนอดกลั้น” และที่สำคัญจะต้อง “วางตัวเป็นกลาง” อย่างเคร่งครัด

ไม่ทราบเหมือนกันครับว่าควรจะเป็นกี่พร และเรียกเป็นภาษาบาลีว่าอย่างไร?.

“ซูม”