คนรุ่นผมคุ้นเสียงเพลง ทูล ทองใจ ร้อง น้ำเหนือหลากมา ไหลบ่าพัดวนเจิ่งพ้นตลิ่ง “จำคำร้องเก่า” เดือน 11 น้ำนอง เดือน 12 น้ำทรง เดือนอ้าย เดือนยี่ น้ำก็รี่ไหลลง กันได้ทั้งนั้นกังวานแว่วหวานของคำร้องทำนอง ไม่ได้บอกนัย ความทุกข์โศกหมองเศร้าของน้ำท่วมเอาไว้ หน้าน้ำเหนือ เรียกกันว่า “หน้าน้ำ” เป็นฤดูกาลความสุขสนุกสนาน เอาด้วยซ้ำเอนก นาวิกมูล เขียนเรื่องเพลงพื้นบ้านกรุงเก่าไว้ในอสท.ตั้งแต่ พ.ศ.2527 สำนักพิมพ์คำ เอามารวมเล่ม “เกร็ดจากวงเพลง” พ.ศ.2555 ผมขอคัดย่อมาเล่าต่อคนที่ถ่ายทอดเรื่องเพลงพื้นบ้าน ยายทองหล่อ ทำเลทอง อายุ 85 ปี แม่เพลงฉ่อย ชาวบางขุนทิพย์อำเภออุทัย คำ “สมัยก่อน” ที่ยายทองหล่อใช้ เห็นจะต้องย้อนหลังไปถึง 70 ปี 100 ปีถึงหน้าน้ำ เดือน 11 เดือน 12 ชาวบ้านต่างลงเรือไปไหว้พระกัน ด้วยเป็นเวลาทอดกฐิน ผ้าป่า น้ำเจิ่งนองท่วมทุ่ง ไปไหนมาไหนก็อาศัยเรือกันแทบทั้งนั้นงานวัดแต่ละงานต่างคนต่างสนุกกันเต็มที่ บ้างก็นุ่งแดงบ้างก็หุ่มเขียว เป็นลำๆ พายไปจอดกันแออัดที่หน้าวัด แลดูครึกครื้นยิ่งนักพวกพ่อเพลงแม่เพลงมีฉิ่งและกรับ พร้อมขนมขนูกลงเรือพายมา เรือมาดลำละ 9 คน 10 คน ลำพ่อเพลงก็มักมีแต่ผู้ชาย ลำแม่เพลงก็มักมีแต่ผู้หญิง ออกจากบ้านบ่ายหรือเย็นไปถึงวัดค่ำ จุดตะเกียงเจ้าพายุตะเกียงลานสว่าง จะทอดทุ่นว่าเพลงกันหน้าวัด หรือจะพายไปว่าเพลงไปก็ได้เพลงที่ร้องในยามนั้น เพราะร้องกันในเรือ เขาเรียกกันว่า เพลงเรือพ่อเพลงสวมหมวกสานแม่เพลงสวมงอบ นั่งร้องกลางลำคนอื่นที่เป็นลูกคู่ช่วยพาย และร้องรับธรรมเนียมเพลงเรือ ลำผู้ชายไปพบลำผู้หญิงเมื่อไร หากอยากจะเล่น ก็ต้องร้องเกี้ยวเชิญชวนกันเสียก่อน ศัพท์เพลงเรือเรียกว่า ร้องเพลงปลอบร้องออกไปแล้ว ถ้าหญิงยอมเล่นด้วย ก็ตอบรับกลับมา ถ้าไม่เล่นด้วยก็เฉยเสีย ฝ่ายชายต้องพายไปหาลำอื่นธรรมเนียมเพลงเรือยังมีอีก เมื่อเพลงคู่ใดชอบใจถ้อยคำน้ำเสียง และกิริยาวาจาต่อกัน มักแลกผ้าเช็ดหน้า ผ้าสไบ และมักกระทั่งแลกแหวน เป็นของมัดจำนี่คือเครื่องหมายพบกันวันหน้า จะเล่นด้วยกันอีกแม้ลำใดไปก่อน เป็นคู่เล่นกับลำอื่นอยู่ หากลำเจ้ามัดจำมาถึง ก็ต้องละมาหาคู่มัดจำเดิมเพลงเรือสมัยนั้น มีเล่นกันดาษดื่น บ้างก็ว่าเพลงพอฟังสนุกๆ บ้างก็ว่าชนิดถึงอกถึงใจถ้าเป็นระดับชั้นครู ก็มีคนมาลอยลำเกาะเรือฟังกันแน่นขนัด ทั้งฟังได้เป็นคืนๆคู่เรือที่เล่นดึกแล้วเลิก ธรรมเนียมเขาให้ฝ่ายชายพายเรือไปส่งฝ่ายหญิงถึงบ้าน ในคืนฟ้าโปร่งเดือนหงาย เป็นบรรยากาศที่หวานชื่นไม่น้อย ภายหลังออกพรรษาไปไม่นาน หนุ่มสาวก็ได้ออกเรือนไปหลายคู่ความสนุกในหน้าน้ำนอกจากเรื่องรัก ยังมีกระทั่งเรื่องเรือเพลงผี เล่าไปขนลุกไปวันเวลาผ่านมายาวนาน ลุ่มเจ้าพระยาเปลี่ยนแปลงไป นาข้าวเขียวไสว ทุ่งรวงทองสุดสายตา เป็นโรงงานอุตสาหกรรม ท้องทุ่งที่เคยเป็นแก้มลิงที่พักน้ำที่ระบายน้ำ ถนนมากมาย ล้วนเป็นสิ่งกีดขวางทางน้ำบ้านเรือนแบบชนบท ใต้ถุนสูงโล่ง สร้างแบบสมัยใหม่...ลานบ้านเคยจอดเรือ เป็นที่จอดรถความเปลี่ยนแปลงมากมาย ฟังเพลงน้ำเหนือบ่าตอนนี้ คงไม่ไพเราะเหมือนเดิมอีกแล้ว.กิเลน ประลองเชิง