กลุ่มประเทศจี 20 หมายถึง กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 8 ประเทศ ที่เราเรียกว่า จี 8 มีสหรัฐฯ รัสเซีย เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี แคนาดา อังกฤษ และญี่ปุ่น + ประเทศกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่ 11 ประเทศ มีอินเดีย จีน บราซิล แอฟริกาใต้ ออสเตรเลีย อาร์เจนตินา อินโดนีเซีย เม็กซิโก เกาหลีใต้ ซาอุดีอาระเบีย และตุรกี รวมทั้งสหภาพยุโรปขนาดเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศจี 20 รวมกันเท่ากับร้อยละ 90 ของเศรษฐกิจโลก และมีประชากรรวมกันเท่ากับ 2 ใน 3 ของประชากรโลก การประชุมของกลุ่มจี 20 จึงมีความสำคัญต่อโลกมาก จะรู้ว่าใครคนไหนหรือประเทศใดยังอยู่ในสายตาของโลก ก็ดูว่าได้รับเชิญไปประชุมร่วมกับกลุ่มประเทศจี 20 หรือไม่ผู้นำประเทศอื่นที่ไม่ได้เป็นสมาชิกจี 20 ที่ได้รับเชิญไปในครั้งนี้ มีประธานาธิบดีกินี ประธานาธิบดีเซเนกัล นายกฯเวียดนาม นายกฯ สิงคโปร์ นายกฯนอร์เวย์ นายกฯสเปน และ รมว.คลังสวิตเซอร์แลนด์นอกจากนั้น ยังมีผู้นำองค์กรระหว่างประเทศอย่างเลขาธิการสหประชาชาติ ประธานธนาคารโลก ประธาน FSB ผอ.IMF ผอ.FAO ผอ.ILO ผอ.WTO เลขาธิการ OECD และ ผอ.WHOการประชุมครั้งนี้ สปอตไลต์ถูกส่องไปที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ และนายวลาดิเมียร์ ปูติน สมัยก่อน ผู้คนสนใจบทบาทและอิทธิพลของประเทศที่มีต่อเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมโลก ผมดูข่าวการประชุมครั้งนี้ รู้สึกเหมือนว่าโลกให้ความสนใจตัวผู้นำมากกว่าเนื้อหาการประชุม ที่รายงานกันตามหน้าสื่อ กลับเป็นเรื่องทรัมป์มีพฤติกรรมและคำพูดอย่างโน้นอย่างนี้ ปูตินมีอาการเกร็งประหม่าเมื่อเจอทรัมป์ ฯลฯคนที่ทำตัวสบายๆ ไม่น่าจะมีการเตรียมตัวอะไรมามากมายก็คือทรัมป์ โดยปกติจะไปประชุมที่ไหน บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาต้องบรรยายสรุปให้ผู้นำทราบ ต้องนำภาพคนสำคัญที่จะพบเจอมาให้ดูเพื่อจะได้ไม่ทักผิดทักถูก ผมเข้าใจว่าทรัมป์คงไม่มีกระบวนการอย่างนี้ หรืออาจจะมีแต่ไม่ได้สนใจไยดี ทำให้ตอนเจอนายกฯ ลี เซียน ลุง ของสิงคโปร์ แกคิดว่านี่คือประธานาธิบดีวิโดโดของอินโดนีเซีย เลยเขียนในแคปชั่นบรรยายภาพของอินสตาแกรมว่า แกสนทนากับวิโดโด ทั้งที่ภาพนั้นคือ นายกฯ ลี เซียน ลุงเรื่องนี้ทำให้มีการวิจารณ์กันว่า ทรัมป์ไม่เคยสนใจเอเชีย แม้แต่ผู้นำประเทศเอเชียก็ยังจำไม่ได้ หลายคนพาลลากเรื่องนี้ไปผูกกับการยกเลิกกลุ่มทีพีพี ที่มีประเทศเอเชียรวมอยู่หลายประเทศ ว่าอาจจะเป็นเพราะความไม่สนใจไยดีทวีปเอเชียของทรัมป์ก็ได้เคยมีการสำรวจว่าคนประเทศไหนรู้เรื่องบนโลกใบนี้น้อยที่สุด ปรากฏว่าเป็นคนอเมริกันครับ ในการประชุมจี 20 ครั้งนี้ก็เหมือนกัน นอกจากประธานาธิบดีทรัมป์จะเขียนชื่อผู้นำเอเชียผิดแล้ว สำนักโฆษกทำเนียบขาวยังเขียนตำแหน่งในแถลงการณ์หลังการประชุมจี 20 อย่างเฟอะฟะ เช่นเขียนว่า นายสี จิ้น ผิง เป็นประธานาธิบดีของสาธารณรัฐจีน ซึ่งหมายถึงไต้หวัน คนของสำนักโฆษกทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่มีความรู้อย่างแท้แน่ชัดว่าสาธารณรัฐประชาชนจีนกับสาธารณรัฐจีนเป็นคนละประเทศกันข้ารัฐการของสหรัฐฯ ทำความผิดพลาดในลักษณะนี้บ่อย สมัยนางฮิลลารี คลินตัน เป็น รมว.ต่างประเทศ เธอต้องมอบของที่ระลึกให้กับนายลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย ฝ่ายสหรัฐฯ ซึ่งระหองระแหงกับรัสเซียมาหลายครั้ง ต้องการให้มีการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดีใหม่ จึงมอบของที่ระลึกที่สลักข้อความที่มีความหมายว่า “มากเกินไป” แทนที่จะสลักคำว่า “เริ่มต้นใหม่” จน รมว.ลาฟรอฟต้องเตือนว่าข้อความนี้เขียนผิด ถ้าเป็นประเทศอื่นก็คงต้องเช็กกันแล้วเช็กกันอีก แต่สหรัฐฯก็ไม่สนใจไยดีเรื่องแบบนี้เรื่องการติดธงชาติรัสเซียผิดนี่ก็เคยมี อย่างเมื่อต้นปีที่แล้วที่ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ต้องเจอกับ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย นัดคุยประเด็นการยุติสงครามในซีเรีย ในครั้งนั้น ฝ่ายสหรัฐฯ ติดธงรัสเซียกลับหัวกลับหางธงรัสเซียมีสีขาวอยู่ด้านบน สีน้ำเงินตรงกลาง และด้านล่างเป็นสีแดง แต่พวกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กลับติดธงรัสเซียด้วยการเอาสีแดงขึ้นบน พอติดไปแล้วก็ไปเหมือนกับธงชาติเซอร์เบีย บางคนคิดว่าพวกอเมริกันไม่ได้ติดธงชาติรัสเซียกลับหัวกลับหางดอกครับ แต่อาจจะเผอเรอไปเอาธงชาติเซอร์เบียมาใช้แทนซะด้วยซ้ำไป.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com