นับตั้งแต่มีข่าวการตามหา หมุดคณะราษฎร หรือหลักหมุด การประกาศรัฐธรรมนูญฉบับแรกในการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2475 แล้ว ถ้าติดตามข่าวความเคลื่อนไหวในประเด็นนี้ ทางสังคมออนไลน์ หรือทางสื่อหลักทั่วไป จะเห็นได้ว่ามีแนวความคิดที่แตกแยกของคนไทยเป็นสองฝ่ายด้วยกันในสมัยก่อนที่ประเทศไทยยังไม่พัฒนา อาจจะเรียกว่า ฝ่ายขวาจัดหรือซ้ายจัด แต่ในปัจจุบันประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ความคิด ล้าหลังที่จะให้คนไทยฆ่าฟันกันเองเพราะระบบการปกครอง จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะหยิบยกเอามาเป็นชนวนการเมืองในปัจจุบันการที่มีความพยายามจะ ขุดเอาเรื่องราวในประวัติศาสตร์ทั้งตัวบุคคลหรือสถานที่ ก็ตาม แล้วมาตั้งวงวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นที่อึกทึกคึกโครม จริงบ้างเท็จบ้าง เนื่องจากไม่มีใครที่อยู่ในเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น ทั้งสองฝ่ายฟังเขาเล่ามาหรืออ่านเอาจากตำรา ทั้งสิ้นความขัดแย้งอาจจะยังอยู่ในสังคมใดสังคมหนึ่ง ยังไม่แพร่หลายไปสู่ทุกสังคมของประเทศไทยก็จริงอยู่ แต่ ปัญหาน้ำผึ้งหยดเดียว ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในอดีต ก็เพราะแรงยั่วยุเหล่านี้ในสมัยที่ประเทศยังต่อสู้กับลัทธิการปกครอง มีคำกล่าวที่จำกัน จนจิตใจ อย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าทำหินแตก อย่าแยกแผ่นดิน ซึ่งก็ใช้ได้ มาจนทุกวันนี้เพราะทุกครั้งที่มีวิกฤติการเมือง มีการปฏิวัติรัฐประหาร ก็มักจะมีข้ออ้างถึงกรณีละเมิด อย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าทำหินแตก อย่าแยกแผ่นดิน เสมอซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนอย่างมากความคิดของคนในแต่ละยุคแต่ละสมัยได้รับ การฟอกย้อมที่แตกต่างกันไปตามสถานการณ์ ความคิดของคนย่อมไม่เหมือนกัน ที่เรียกว่า นานาจิตตัง แต่หัวใจสำคัญของระบอบการปกครอง ประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นั้น เสียงส่วนใหญ่ คืออำนาจที่จะตัดสินใจว่า การปกครองประเทศควรจะเป็นไปในกฎระเบียบอย่างไรไม่ใช่การตัดสินใจของ นายกฯ หรือการตัดสินใจของ ผบ.ทบ. หรือการตัดสินใจของ ผบ.ตร. แต่อย่างใด ไม่เช่นนั้น การเลือกตั้ง โดยประชาชนก็ไม่เรียกว่าก้าวแรกของระบอบประชาธิปไตย ใช่หรือไม่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเกิดจาก อคติ ไร้สติ หรือผลประโยชน์ ความหลงเชื่อ ประการใด ก็แล้วแต่ วิบากกรรม จะตกอยู่กับประเทศและประชาชนไม่มีที่สิ้นสุดไม่ว่าจะเป็น รัฐธรรมนูญ กฎหมายลูก หรือองค์กรรัฐธรรมนูญใดก็แล้วแต่ ย่อมถูกฉีกหรือแก้ไขได้ตลอดเวลา ถ้าเกิดความขัดแย้งขึ้นในหมู่ประชาชน รัฏฐาธิปัตย์ และกองทัพเป็นการตอกย้ำว่า อำนาจอยู่ในมือประชาชน เพราะไม่ว่าจะเป็นการยึดอำนาจด้วยวิธีการใดก็ตาม ก็ต้องกลับคืนให้ประชาชนในตอนจบอยู่ดี ถ้าตราบใดที่ประเทศไทยยังปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th