แม้ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรัฐมนตรีมหาดไทย จะออกมาขอโทษและยอมรับความผิดพลาดทั้งหมด กรณีนํ้าท่วมหาดใหญ่และ 9 จังหวัดนานหนึ่งสัปดาห์ มีผู้ได้รับผลกระทบกว่า 1.22 ล้านครัวเรือน กว่า 3.54 ล้านคน มีประชาชนเสียชีวิตจากนํ้าท่วม 145 ราย (ข้อมูล 28 พ.ย.) มากที่สุดคือ สงขลา หาดใหญ่ 110 ราย ความเสียทางเศรษฐกิจทรัพย์สินยังไม่สามารถประเมินได้ น่าจะหลายหมื่นล้านบาทก่อนหน้านี้ นายกฯอนุทิน ยืนยันนั่งยันว่า ไม่ได้ล่าช้าในการช่วยเหลือ คุณภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีมือใหม่ แต่ได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) ถึงกับปิดไมค์ลุกหนีนักข่าว ไม่ยอมตอบคำถามว่ารัฐบาลประเมินสถานการณ์ผิดพลาดจนทำให้ประชาชนเสียชีวิตหรือไม่รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์นิด้า โพสต์วิจารณ์ กรณีนี้ไว้อย่างน่าสนใจ นั่นไม่ใช่การเดินออกจากคำถาม แต่เป็นการเดินออกจาก “ความรับผิดชอบทางสาธารณะ (public accountability)” เป็นการเดินออกจาก “บทบาทของรัฐในสถานการณ์ฉุกเฉิน” การที่รัฐมนตรีไม่สามารถตอบคำถามง่ายๆได้ สะท้อนว่าโครงสร้างรัฐกำลังเผชิญกับ Tripple Crisis คือ (1) วิกฤติความรู้ (Crisis of Knowledge) รัฐบาลสื่อว่าควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ข้อเท็จจริงคือ คนเดือดร้อนนับแสน อพยพได้แค่ไม่กี่พัน ระบบ ICS (Incident Command System) ไม่ทำงาน การประสานงานล้มเหลว ข้อมูลไม่ตรงกันระหว่างส่วนกลางกับพื้นที่(2) วิกฤติความไว้เนื้อเชื่อใจ (Crisis of Public Trust) ผู้คนเห็นภาพชัดเจนว่า รัฐให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์การสื่อสารมากกว่าการช่วยชีวิตจริง (3) วิกฤติความชอบธรรม (Crisis of Legitimacy) ในยามเกิดภัยพิบัติ รัฐบาลต้องเป็นเสาหลักของความมั่นคงทางสังคม แต่เมื่อรัฐมนตรีปิดไมค์หนี เท่ากับประกาศว่า “รัฐไม่สามารถยอมรับความผิดพลาดต่อสาธารณะได้” นี่คือการทำลายความชอบธรรมด้วยมือตัวเองในโพสต์ของ อาจารย์พิชาย ได้พูดถึง “ระบบ ICS” ผมเลยขออธิบายเพิ่มเติมสักนิดเพื่อความเข้าใจว่า ICS เป็น “ระบบบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน” สามารถใช้ควบคุมสถานการณ์ได้ทุกเหตุการณ์ทุกขนาด ทั้งภัยพิบัติและกิจกรรมขนาดใหญ่ เป็นการสร้างระบบทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานแบบไร้รอยต่อ ลดความซ้ำซ้อน เพิ่มความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการทำงาน วางแผนตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินอย่างเป็นระบบ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ก็เพิ่งลงเรื่องนี้ในเว็บไซต์ของกรม แต่ นายกฯอนุทิน รัฐมนตรีมหาดไทย กลับไม่นำ “ระบบ ICS” มาใช้ ทำให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยนํ้าท่วมหาดใหญ่เละเทะไร้ระบบผมเห็นมีคลิปหนึ่งที่อธิบายเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจนว่ามาตรฐาน ICS ยํ้าชัดว่า การแบ่งโซนคือหัวใจของการช่วยชีวิต ภาพถ่ายจากดาวเทียมจิสด้าชี้ชัดเจนว่า นํ้าท่วมครั้งนี้แต่ละพื้นที่ลึกไม่เท่ากัน การแบ่งโซนจะทำให้รู้ว่าควรไปช่วยที่ไหนก่อน แบ่งเรือแบ่งกำลังพลได้ รู้ว่าตรงไหนต้องใช้เรือ ตรงไหนต้องใช้รถสูง ตรงไหนเจ้าหน้าที่ทั่วไปเข้าได้ ตรงไหนต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ และมีผู้บัญชาการศูนย์ประสานงานที่ชัดเจน เมื่อแบ่งโซนแล้วต้องขึ้นทะเบียนทรัพยากรทั้งหมดที่มี เรือท้องแบน เรือเครื่องแรงสูง รถยกสูง รถทหาร รถพยาบาล รถกู้ชีพ ทีมดำนํ้า รวมทั้งมูลนิธิและอาสากลุ่มต่างๆที่มีบริจาคอาหาร ทุกคนต้องรู้ว่าโซนไหนมีอุปกรณ์อะไร มีการลงทะเบียนผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือออกมาแล้ว จะได้รู้ว่ายังเหลือใครติดอยู่ในชุมชนไหนบ้าง จะได้ไม่มีผู้ตกค้าง ฯลฯแต่ รัฐบาลกลับทำตรงกันข้ามหมด ตั้งรัฐมนตรีขึ้นมารับผิดชอบ เห็นท่าไม่ไหวก็ประกาศภาวะฉุกเฉิน ให้กองทัพมาช่วยอีกแรงแล้วรัฐมนตรีกับกองทัพก็ขัดแย้งกัน จนมีข่าวว่าทหารต้องดำเนินการเอง โดยไม่มีการประสานงานกับรัฐมนตรีสถานการณ์สร้างวีรบุรุษ แต่วิกฤตินํ้าท่วมหาดใหญ่ครั้งนี้ไม่มีวีรบุรุษ มีแต่ผู้ร้าย มีแต่เสียงด่ารัฐบาล ด่าผู้นำรัฐบาล ด่าความล้มเหลวของรัฐบาล ก็ถือเป็น “บทเรียนคนไทย” ในการเลือกตั้งรัฐบาลครั้งต่อไป เราจะเลือกรัฐบาลแบบไหนมาปกครองเรา?“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม