“เร่งแก้ปัญหา ไม่ล่าช้า ไม่ซ้ำซ้อน กระจายกันทำงาน” “ไร้ประสิทธิภาพ รัฐล้มเหลวแก้วิกฤติ ยังสอบไม่ผ่าน” ถ้าเป็นสื่อโซเชียลก็ต้องเชิญชวน ถ้าชอบกด “ไลก์” ไม่ใช่ กด “โกรธ” เอาเป็นว่าก็ไปวัด “โพลความรู้สึก” ในใจกันเอาเอง กับวาระการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลในมหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะที่หนักสุด จ.สงขลาวารีวิปโยค เหตุเกิดที่ “หาดใหญ่” แต่ระส่ำกันไปทั้งทำเนียบฯ ทำผู้นำ “เสียทรง” อย่างแรง เพราะปล่อยเวลาจนเหตุการณ์ผ่านมา 3 วัน “นายกฯหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ถึงได้สำรวจผลงานรู้ ดูฝีมือตัวเองเป็น กลับมาตั้งหลัก ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯใน จ.สงขลาตั้ง พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผบ.ทสส. เป็น ผอ.สถานการณ์ คุมวิกฤติน้ำส่วนหน้า พ่วงด้วยการ “รวบอำนาจ” ตามกฎหมาย 38 ฉบับมาไว้ในมือ นายกฯขึงขังบทผู้นำในสถานการณ์ฉุกเฉิน สู้ “มหันตภัยน้ำ”ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ตั้งทีมงาน “ทัพน้ำ” ซ้ำซ้อนเพราะเพิ่งมอบหมายให้คณะ “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯและ รมว.เกษตรฯ เป็น ผอ.ศูนย์บริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ศนภ.) มาหมาดๆบวกด้วยทีมรวมข้อมูลภัยน้ำ ที่มีภราดร ปริศนานันทกุล เป็น ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศปกฉ.) และยังไม่รวมทีมกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)เอาแค่ชื่อย่อคณะกรรมการแต่ละชุดก็จำกันไม่หวาดไม่ไหว และแน่นอนหลายคนเป็นห่วงเรื่องประสานงาน เสี่ยง “ประสานงา” คำว่าบูรณาการ ก็ไม่แคล้ว “บูรณากู”พร้อมคำถาม “ซิงเกิลคอมมานด์” มีอยู่จริงหรือไม่ทั้งหมดทั้งปวง ก็ต้องเชื่อตามผู้นำ เรียกสูตรนี้ว่า “ช่วยกันทำงาน” เพราะกับสถานการณ์จริง ก็มีเหตุผลเข้าใจได้ เพราะน้ำท่วมที่หาดใหญ่ยังหนัก หลายจังหวัดใกล้เคียงยังเสี่ยงท่วมหนักไม่แพ้กัน นอกจากนี้ หลังน้ำลดก็ยังต้องเร่งมือทั้งเรื่องการเยียวยาผู้ประสบภัย ฟื้นฟูบ้านเมืองที่สำคัญคือผลกระทบต่อสถานการณ์เศรษฐกิจประเทศ ปัญหาปากท้องคนไทยระดับตัวเลขรั้งบ๊วยอาเซียน ติดโซนโหล่ของเศรษฐกิจโลก ที่ว่าเศรษฐกิจทรุดฟื้นยากอยู่แล้วเจอภัยน้ำยิ่งทรุดซ้ำไปใหญ่ไม่ต้องบอก ทั่นผู้นำก็คงประเมินตัวเองออกว่าเป็น “โจทย์ท้าทาย” และ “เดิมพันอำนาจ” ของรัฐบาลสีน้ำเงิน พรรคภูมิใจไทย ที่กำลังปีนบันไดไต่ระดับไปคว้าดาว เก้าอี้นายกฯรอบหน้าค่อนข้างชัวร์ที่ว่าแบเบอร์มาเจอ “ภัยน้ำ” ซัดหนัก ได้แต่ร้องแบะๆโดยเฉพาะที่เริ่มมีเสียงเชียร์กระหึ่มเมือง จะเป็นผู้นำในภาวะวิกฤติ บ้านเมืองเจอภัยรอบทิศ ทั้งภัยความมั่นคงรอบแดน ลากสู่ภัยในประเทศ แก๊งสแกมเมอร์ ทุนเทารุกเข้ายึดครองทุกภาคส่วนธุรกิจเศรษฐกิจไทย จนตลาดเงิน ตลาดหุ้นตลาดทุน จ่อเป็น “ตลาดเทา” อยู่รอมร่อยังไม่รวมวิกฤติเศรษฐกิจ ที่เจอวิกฤติพิบัติภัยธรรมชาติถาโถมเป็นระลอกจากเหตุอุทกภัยปักษ์ใต้รอบนี้ “อนุทิน” ทรงเป๋ โดนหั่นแต้ม “ผู้นำในภาวะแก้วิกฤติ” ไปบานชนิด “อำนาจต่อรอง” เกิดภาวะ “พร่องฉับพลัน”ปล่อยไหลเกมแก้รัฐธรรมนูญ มติ ครม.ไฟเขียวพระราชกฤษฎีกา เปิดสมัยประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญพิจารณาวาระ 2เพื่อทิ้งเวลาตามเงื่อนไข 15 วัน ไปโหวตวาระ 3 วันที่ 26 ธ.ค.นี้ไพ่เด็ด “ยุบสภา” ขู่เช้า-เย็น ตอนนี้สุ้มเสียงเริ่มแผ่วแถมเริ่มร้องหา “ตัวช่วย” ทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพไฟเขียวแม่ทัพนายกองคุมหน้างานแก้น้ำ ในห้วงที่สูตรกุนซือช่วยคิด แนะตากฝน ลุยน้ำ ผัดข้าวใช้กระแสนำ “งาน” ไม่ใช่บทผู้นำ แค่สไตล์ “อินฟลูฯ”สูตรหาแสงเริ่มมีคำถาม หาพระแสงอันใด เพราะไม่เวิร์กกับการบริหารบ้านเมืองที่ว่าเข้าวินแบเบอร์ต่อตั๋วผู้นำรอบหน้า แบบข้ามากับพระกับของขลังพลังปึ้กสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็อาจกระอักกระอ่วนอำนวยพร ถ้า “งาน” หลุดเป้า.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม