ต้องที่ 1...ก็ชัดขึ้นเรื่อยๆกับการต่อสู้ในสนามเลือกตั้ง วันนี้ไม่ต้องอ้อมค้อมกันแล้วระหว่าง “ภูมิใจไทย” กับ “ประชาชน” ต่างฝ่ายต่างก็ต้องการชนะเลือกตั้งอันดับ 1 เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการตั้งรัฐบาล“ประชาชน” นั้นประกาศมานาน ขอ 250 เสียง ไม่ต้องรวมกับพรรคอื่น“ภูมิใจไทย” ล่าสุด “อนุทิน ชาญวีรกูล” ก็ประกาศชัดเจนแล้วขอเป็นที่ 1พูดง่ายๆว่าไม่ต้องสนใจพรรคอื่นอย่าง “เพื่อไทย” ที่มาอันดับ 2 เมื่อการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว แต่เนื่องจากความจริงทางการเมืองทำให้พรรคตกต่ำทั้งเจ้าของพรรคตัวจริงก็เกิดปัญหาวันนี้ขอแค่ได้ สส.สักก้อนหนึ่งก็พอแล้ว ดีกว่าต่ำต้อยไปกว่านี้“ประชาชน” ต้องเปลี่ยนคู่ต่อสู้มาเป็น “ภูมิใจไทย” จึงต้องปรับกระบวนการต่อสู้จากรูปแบบเดิมเพื่อให้สมน้ำสมเนื้อกับ “ภูมิใจไทย”ล่าสุดประกาศแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คน คือ 1.“ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” 2.“ศิริกัญญา ตันสกุล” 3.“วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร”แต่ละคนไม่ธรรมดามีดีกรีที่โดดเด่นและผ่านประสบการณ์จากการทำงานจนเชี่ยวชาญ อีกทั้งทำงานการเมืองมาตั้งแต่ “อนาคตใหม่”-“ก้าวไกล”-“ประชาชน”หากปะกบกับ “อนุทิน ชาญวีรกูล”-“เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ”-“ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ถือว่าสูสีกัน เพียงของค่ายสีน้ำเงินนั้นใหม่ สดกว่าที่สำคัญคือกำลังมีคะแนนนิยมติดชาร์ตอยู่!นอกจากนั้น “ประชาชน” ยังประกาศนโยบายใหม่ชัดเจนคือจะทุ่ม 6.3 แสนล้านบาท ใน 8 ปีเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศก็ขายฝันให้ประชาชนเคลิ้มไปอีกมุมหนึ่ง!ต่างฝ่ายต่างก็มีของมาขาย อยู่ที่ว่าใครจะขายได้มากน้อยกว่ากัน“ภูมิใจไทย” นั้นด้านนโยบายยังไม่มีความชัดเจนจึงใช้วิธีการ “ขายตรง” คือกลุ่ม “บ้านใหญ่” ทั่วประเทศที่มีอิทธิพลทางการเมืองอยู่เขาคิดว่านี่คือวิธีการที่จะเอาชนะได้การแห่แหนไปเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยของบรรดา “บ้านใหญ่” อย่างที่เห็นนั้นต้องถือว่าการเมืองรูปแบบเก่ายังขายได้ด้วยยุทธศาสตร์ “พรรคเล็ก” อิง “พรรคใหญ่” จึงเกิดขึ้นขนาดตระกูล “ศิลปอาชา” ยังต้องยอมสละพรรคชาติไทยพัฒนาเพื่อไปรวมกับภูมิใจไทย แม้จะรักษาพรรคเดิมเอาไว้ โดยให้ “พี่สาว” ไปเป็นหัวหน้าพรรคก็คือการยอมรับความเป็นจริงที่มิอาจปฏิเสธได้!ข้อสังเกตทางการเมืองที่ชัดเจนก็คือบรรดา “บ้านใหญ่” ในหลายจังหวัดต้องแพ้ “สีส้ม” อย่างราบคาบ กลายเป็น “หมูในอวย” ไม่เหลือฟอร์มเก่าพูดง่ายๆเสียหน้าที่ต้องพ่ายแพ้เด็กเมื่อวานซืนฉากต่อไปนี้จึงต้องแท็กทีมสู้หันมารวมกันโดยใช้ “ภูมิใจไทย” ที่กำลังโดดเด่นทางการเมืองเป็นฐานสำคัญที่เคยสู้กันมาก่อนก็ต้องยอมลดทิฐิเพื่อเอาตัวให้รอดสำคัญว่าจะอยู่กันได้นานแค่ไหนเท่านั้น“ภูมิใจไทย” จะบริหารจัดการอย่างไรเพื่อให้นักการเมืองเหล่านี้อยู่ร่วมกันให้ได้ ก็ต้องแบ่งตำแหน่งแห่งหนให้ลงตัวมิฉะนั้นพรรคแตกแน่การเมืองฉากต่อไปจะเป็นการต่อสู้ระหว่าง “บ้านใหญ่” กับ “คนรุ่นใหม่” ขายอุดมการณ์ด้วยองค์ประกอบที่ไม่ต่างกันประเด็นก็คือ “กระสุน” จะสู้กับ “กระแส” วัดกันไปเลย!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม