มาตามนัด...บรรดาบ้านใหญ่ไม่ว่าจะเป็น “ศิลปอาชา”-สุพรรณบุรี “สะสมทรัพย์”-นครปฐม-“คุณปลื้ม”-ชลบุรี “ปิตุเตชะ”-ระยอง ตบเท้าไปเปิดตัวที่พรรคภูมิใจไทยอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาถือว่าเป็น “บ้านใหญ่” เก่าแก่ที่มีความแน่นอนระดับหนึ่งบรรดามีเหล่านี้ต่างก็ถูกพรรคประชาชนหวดมาแล้วทั้งนั้นจึงต้องปรับทิศปรับทางกันใหม่เพื่อสู้อย่างเต็มที่ที่ยิ้มแก้มแทบปริก็ไม่ใช่ใคร “อนุทิน ชาญวีรกูล” กับความหวังที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีก 4 ปีอยู่แค่เอื้อมหลังจากก่อนหน้านี้บรรดา “บ้านใหญ่” จังหวัดอื่นๆก็แห่มาแล้ว โดยเฉพาะจากภาคใต้ที่น้ำกำลังท่วมใหญ่จึงต้องลงไปดูแลประชาชน 2 วันซ้อนๆเพื่อเก็บโกยคะแนนให้ได้ตามเป้าภาคใต้นั้นคือเป้าหมายหนึ่งของพรรคสีน้ำเงินที่ฟูมฟักมานานแล้วจนกระทั่งได้ สส.มาหลายจังหวัด จนล่าสุดได้ “บ้านใหญ่” เด่นดังมาด้วยภาคใต้นั้นวันนี้สถานการณ์เปลี่ยน “ประชาธิปัตย์” ที่เคยยึดครองได้สูญเสียการยอมรับไป “เพื่อไทย” ไม่ต้องพูดถึงเพราะคนใต้ไม่รับอยู่แล้วมี “กล้าธรรม” เท่านั้นที่พอมีหวัง!ถ้า “ภูมิใจไทย” ได้ภาคใต้ไปเต็มๆ อีสานอีกส่วนหนึ่งบวกกับเหนือ กลาง ออก ตก ก็ดูไม่จืดแต่จุดสำคัญอีกจุดหนึ่งคือกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงที่ “ประชาชน” กวาดมาเกือบทุกเขต เหลือให้ “เพื่อไทย” โผล่มาได้ 1 คนหากสถานการณ์เปลี่ยนไปก็น่าดูว่าพรรคไหนจะเข้ามาแทนคือไม่ได้ สส.เขต ปาร์ตี้ลิสต์ก็โอเคในท่ามกลางความเร่าร้อนทางการเมือง ณ เวลานี้ต่างก็ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะมีการ “ยุบสภา” เลือกตั้งใหม่เมื่อใดทุกพรรคจึงต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลาอย่าง “ประชาชน” ที่ผ่านมาไม่ค่อยจะตื่นเต้นอะไรมากนัก เนื่องจากมั่นใจในความมี “อุดมการณ์” ของพรรคพูดง่ายๆไม่ต้องโชว์อะไรมาก ไม่ต้องสนใจ “บ้านใหญ่”แต่ในสถานการณ์ใหม่ที่คู่แข่งเริ่มจับทางออกจึงต้องหันมาเล่นด้วย มิฉะนั้นที่เคยคิดว่าต้องเป็นแบบนั้น อาจจะเปลี่ยนไปได้จึงเริ่มด้วยการประกาศชื่อ 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ประกาศชื่อบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงสำคัญ เช่น ต่างประเทศและความมั่นคงอันสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ประชาชนให้ความสนใจอีกทั้งยังประกาศนโยบายสำคัญๆอีกด้วยพูดง่ายๆคือพร้อมขายทุกอย่างเพื่อแลกกับคะแนนนิยมความเป็นไปต่างๆเหล่านี้ ถือว่าเป็นพัฒนาการทางการเมืองที่ดีขึ้น คือทุกพรรคต้องเปิดเผยทั้งนโยบาย ตัวบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่บริหารทำให้ประชาชนได้เลือกง่ายขึ้นที่สำคัญคือผูกมัดพรรคการเมืองจะต้องปฏิบัติตามที่ประกาศไว้บิดพลิ้วไม่ได้อยู่ที่ว่าประชาชนจะเชื่อถือและมั่นใจในพรรคไหนเท่านั้นตัวบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่ก็จะได้รู้ก่อนว่าใครเป็นใคร มีความสามารถแค่ไหน มีประวัติด่างพร้อยหรือไม่ที่สำคัญจะได้รู้ เข้ามาแล้วจะทำอะไรให้บ้าง!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม