ป้องกันการฮั้วเลือก กมธ.ร่าง รธน.ไม่ได้ 100%แต่กลไกตามโมเดลดังกล่าวสามารถถ่วงดุลได้ นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 60 รัฐสภา (กมธ.) พลิกมุมมองถึง “โมเดล 20 หยิบ 1” ที่ป้องกันข้อครหาถูกครอบงำจากเสียงข้างมากในรัฐสภาโดย กมธ.เสียงข้างมากวางหลักเกณฑ์กระบวนการสรรหาคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 35 คน (กมธ.ร่าง รธน.ฉบับใหม่) จากผู้ที่สมัครเป็นแคนดิเดตสมัครผ่านคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่ง กกต.ตรวจสอบประวัติเรียบร้อยกำหนดให้ สส.-สว. รวมกลุ่ม 20 คน เลือกคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม 1 คน เป็น กมธ. ร่าง กมธ.โมเดลนี้เชื่อมั่นว่าป้องกันการถูกครอบงำโดยสมาชิกส่วนใหญ่ของรัฐสภาได้แต่มีฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ทั้งในปีกการเมืองและนักวิชาการที่อดเป็นห่วงไม่ได้ ดาหน้าวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จนเนื้อหาร่าง รธน.ฉบับใหม่ที่จะออกมาไม่สะท้อนฉันทามติของประชาชนที่มาจากการรับฟังได้อย่างแท้จริงก็ต้องฉายหนังตัวอย่างให้เห็นภาพว่า โมเดล 20 หยิบ 1 เป็นการกระจายของเสียงในรัฐสภา เช่น ถ้ามีพรรคการเมืองหนึ่งได้ สส. 200 คน หลังการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็เลือก กมธ.ร่าง รธน.ได้แค่ 10 คนจาก 35 คน รับประกันการไม่ถูกครอบงำ และทำให้เสียง สส.ของพรรคเล็กอาจจับกลุ่มผลักดันตัวแทนที่เหมาะสมเข้าไปได้แต่ถ้าใช้วิธีเลือกเหมือนเดิม สมาชิกรัฐสภารวมกันได้มากเกินครึ่งก็สามารถเลือก กมธ.ร่าง รธน.เป็นแพ็ก 35 คนเข้าไปเลยฉะนั้น 20 หยิบ 1 เป็นโมเดลป้องกันเสียงข้างมากได้หากเลือกแล้วยังได้ไม่ครบตามจำนวนที่กำหนดเอาไว้ ก็ต้องกลับไปใช้เสียงข้างมากของที่ประชุมรัฐสภา โดยเสนอชื่อแคนดิเดตให้เป็น 2 เท่าของจำนวนที่เหลือ สมมติเหลือ 2 คน ต้องเสนอชื่ออย่างน้อย 4 คน คนที่ได้เป็นต้องมีเสียงเกินสัดส่วนเท่าไหร่ในรัฐสภาก็แล้วแต่ที่กำหนดเอาไว้ที่สำคัญเป็น สส.ชุดใหม่ ผ่านการเลือกตั้งครั้งที่กำลังจะมาถึงเป็นผู้เข้าไปเลือก ทำให้พรรคการเมืองต่างๆที่ลงสู่สมรภูมิเลือกตั้งครั้งนี้ คงต้องรณรงค์หาเสียงถึงแนวทางเลือกคนแบบไหนแคนดิเดตเข้าไปเป็น กมธ.ร่าง รธน. ถ้า สส.-สว.เลือกคนที่ขัดสายตาประชาชน มันเป็นต้นทุนของสมาชิกรัฐสภาและพรรคการเมืองนั้นๆด้วยแคนดิเดตเหล่านี้ รวมถึงแคนดิเดต กมธ.รับฟังความเห็นของประชาชน อีก 35 คน เรายังวางกลไกให้แสดงวิสัยทัศน์ถึงการออกแบบร่าง รธน.และ วิสัยทัศน์ในการเป็น กมธ.รับฟังความคิดเห็น อาจผ่านช่องทางเอกสารหรือเครื่องมืออื่นๆที่เหมาะสมมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า กมธ.พรรคภูมิใจไทย-พรรคประชาชน-สว.แท็กทีมกันจนออกมาเป็น “โมเดล 20 หยิบ 1” โดยไม่รับฟังเสียงทักท้วงจาก กมธ.พรรคเพื่อไทยนายนรเศรษฐ์ บอกว่า ในที่ประชุม กมธ.ไม่มีการโต้แย้งกันรุนแรงโดยทุกคนพยายามออกความเห็นว่าทำอย่างไร ที่สามารถป้องกันการครอบงำได้ ในกระบวนการที่รัฐสภาเลือก กมธ.ร่าง รธน. หรือเลือก กมธ.รับฟังความเห็นโมเดลนี้เสนอโดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ กมธ.ที่มาจากพรรคประชาชน ก็มี กมธ.พรรคเพื่อไทยตั้งข้อสังเกตกังวลว่าจะมีการเลือกกันไว้แล้วหรือไม่ว่าให้ใครเข้ามา แต่ในเมื่อสุดท้ายแล้วไม่มีใครใน กมธ.เสนอวิธีอื่นที่คิดว่าดีกว่านี้เข้ามาในที่สุด กมธ.ที่เป็นเสียงส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยว่าเป็นโมเดลที่เข้าใจง่าย ป้องกันถูกครอบงำได้ดีตามโจทย์ที่เผชิญอยู่ในตอนนี้160 สว.สายสีน้ำเงินเป็นสารตั้งต้น และหลังการเลือกตั้งรวมกับเสียง สส.ที่เข้ามา ถูกตั้งข้อสังเกตเป็นการเพิ่มจำนวน กมธ.ร่าง รธน.ได้ นายนรเศรษฐ์ บอกว่า เชื่อว่าคนนอกมองฉากทัศน์นี้อยู่“ขอย้ำโมเดล 20 หยิบ 1 ถูกออกแบบมาเพื่อป้องสิ่งเหล่านี้ สมมติ มี สว. 160 คน รวมกลุ่มเลือกได้เพียง 8 เสียงใน กมธ.ร่าง รธน.เท่านั้นถ้ามีอีกพรรคการเมืองได้ 120 สส. ก็ได้เพิ่มเป็น 6 คน รวมได้ กมธ.ร่าง รธน.ทั้งหมด 4 คน ก็ยังไม่ถึงครึ่งของ 35 กมธ.ร่าง รธน.โมเดลนี้จึงเป็นวิธีทำให้คนที่เข้ามาเป็น กมธ.ร่าง รธน. กมธ.รับฟังมีการกระจายออกไปตามสัดส่วนที่เหมาะสม ไม่สามารถทำให้เสียงก้อนใหญ่ในรัฐสภาครอบงำได้”กมธ.พูดถึงตุ๊กตาประเด็นแก้ รธน.หรือเปิดประตูให้ กมธ.ร่าง รธน.ออกแบบกติกาใหม่ได้ 100% ยกเว้นหมวด 1หมวด 2 นายนรเศรษฐ์ บอกว่า ไม่ใช่เป็นการตี “เช็คเปล่า” กมธ.ร่าง รธน.เข้าไปร่างอะไรก็ได้เรามีกรอบให้เดินตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงมี กมธ.รับฟังความเห็นจากประชาชน มีหน้าที่ไปจัดเวทีประชาพิจารณ์ จัดทำประชามติเรื่องต่างๆในพื้นที่ที่ไม่ได้ผูกมัดผล ควรมีทางออกร่วมกันอย่างไรก่อนร่าง รธน.ฉบับใหม่ทำฉันทามติในปมที่อาจเป็นข้อขัดแย้งในสังคมกมธ.ร่าง รธน.ต้องนำเนื้อหาสำคัญเหล่านี้ไปยกร่างกติกาให้ประชาชน ไม่ได้เข้ามาร่าง รธน.แทนประชาชนโครงสร้าง รธน.ที่สมดุล โดยหยิบปัญหาจาก รธน.40-รธน.60 นำมาหารือใน กมธ. มีประเด็นไหนบ้าง เช่น ระบบเลือกตั้ง สส. ที่มาองค์กรอิสระต่างๆ ศาลรัฐธรรมนูญ นายนรเศรษฐ์ บอกว่า หยิบยกขึ้นมาพูดบ้างแต่ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดว่าควรแก้ปัญหาแบบไหน อย่างไร เพราะ กมธ.ร่าง รธน.เป็นอิสระ แต่ไม่ได้หมายความว่าไปยกร่างอย่างไรมาก็ได้ตัวต้นเรื่องต้องมาจากการรับฟังความเห็นก่อน โดยเรากำหนดเพียงโครงที่เป็นกรอบกว้างๆเอาไว้เท่านั้น ยกตัวอย่างศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระ ไม่ได้ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะอยู่ที่การรับฟังความเห็นจากประชาชน สมมติถ้าประชาชนมีฉันทามติไม่จำเป็นต้องมีองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ กมธ.ร่าง รธน.ก็ควรนำไปประยุกต์ตามทั้งหมดยังขึ้นอยู่กับบทบาทของรัฐสภาที่มีอำนาจให้ผ่านหรือไม่ผ่าน หลังร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสมบูรณ์ แต่ถ้าโหวตไม่ผ่านควรทำอย่างไรต่อไป นายนรเศรษฐ์ บอกว่า บทบาทของรัฐสภากับ กมธ.ร่าง รธน. ทาง กมธ.พยายามให้เข้าไปเกี่ยวข้องน้อยที่สุด ไม่ให้เกิดภาพรัฐสภาเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือมีอิทธิพล จนไม่มีอิสระในการทำหน้าที่ในความเห็นส่วนตัวก็มองว่ารัฐสภาไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดทำเนื้อหามากเกินไป อาจถูกข้อครหาว่ากลายเป็นวาระของนักการเมือง ไม่ใช่วาระของประชาชน จึงมีการกำหนดให้ กมธ.รับฟังความคิดเห็นประชาชนรายงานผลต่อรัฐสภา อาจเป็นทุกๆ 2 เดือนส่วนร่างรัฐธรรมนูญฉบับเสร็จสมบูรณ์ที่รัฐสภาต้องโหวตก่อนไปทำประชามติ สัดส่วนเสียงที่โหวตผ่านจำนวนเท่าไหร่ คงต้องพูดคุยกันจนตกผลึกเป็นมติก่อน อาจไม่มีการพิจารณาในวาระ 2 เป็นรายมาตราก็ได้ โดยเหลือโหวตรับร่างหรือไม่รับร่างเท่านั้นเองถ้าโหวตไม่ผ่านก็อาจกลับไปเริ่มกระบวนการใหม่หรือไม่ กระบวนการที่เริ่มใหม่ไปเริ่มตรงไหน ประเด็นเหล่านี้บางมาตรายังสงวนความเห็นเอาไว้ ยังไม่เป็นมติ แต่ที่เป็นมติของ กมธ.แล้วคือ กมธ.มี 2 คณะ และโมเดล 20 หยิบ 1ในสัปดาห์นี้จะปรับแก้รายมาตราจนเสร็จเรียบร้อย เห็นภาพตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ช่วงต้นเดือน ธ.ค.คงเป็นประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาในวาระ 2 รายมาตรา เมื่อผ่านวาระ 3 ก็ส่งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไปที่ ครม. เพื่อตั้งคำถามทำประชามติพร้อมเลือกตั้ง สส.12 ธ.ค. 68 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ส่งสัญญาณจะยุบสภา นำไปหารือใน กมธ.อย่างไร นายนรเศรษฐ์ บอกว่า มีการพูดคุยนอกรอบโดยควรชี้ให้สังคมเห็นว่าเป็นเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุมของ กมธ. ไม่อยากให้พรรคการเมืองเอาประเด็นแก้ รธน.เป็นตัวประกัน มันเป็นต้นทุนทางการเมืองที่สูงลิบลิ่ว ประชาชนจะจดจำ ลงโทษพรรคนั้นที่ขัดขวางประชาธิปไตย และประชาชนต้องช่วยกันส่งเสียงว่าต้องการแก้ รธน.อย่าใช้เป็นเกมการเมืองเพื่อล้มการแก้ไข รธน.เสี่ยงถูกป้ายแขวนคอเป็นพรรคที่ขวางแก้ รธน.ทีมการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม