ไม่มีโอกาส “ร้องข้ามกำแพง” สะดุ้ง “สัญญาณลบ” ทะลุเรือนจำ ตามอารมณ์แบบที่ “เอม” พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ให้สัมภาษณ์นักข่าวน้ำตาคลอเบ้า ย้ำชัดๆ พ่อเสียใจและเจ็บช้ำ หลังรู้ข่าวอัยการสูงสุดจ่อยื่นอุทธรณ์คดีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในตำนาน โดนดำเนินคดีมาตรา 112 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ยังไม่พ้นวิบากกรรมส่อแววต้องสู้กันถึงศาลฎีกา แนวโน้มต้องมีการถอดความ ฟังซ้ำอีกหลายรอบ กับคำพูดกับสื่อเกาหลีที่คาบลูกคาบดอกหมิ่นเหม่เบื้องสูงแปลความตามแรงจูงใจ ได้เสียวพลิกคว่ำ พลิกหงายประกอบกับข่าวร้ายที่ตามมาติดๆแบบชั่วข้ามวัน ศาลภาษีอากรได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา “พิพากษากลับ” ให้นายทักษิณในฐานะโจทก์แพ้คดีฟ้องกรมสรรพากรเป็นจำเลยต้องจ่ายภาษีในการขายหุ้น “ชินคอร์ป” กว่า 1.76 หมื่นล้านบาทให้รัฐคำตัดสินสุดท้าย ศาลฎีกาถือเป็นที่สุด ถึงจุดที่หนีไม่พ้นต้องจ่ายค่าภาษีอานบานตะไท และต้องลุ้นคดีอาญาเพิ่มโทษขังในเรือนจำ ในแง่มุมคดีความทางกฎหมายถือว่า “ทักษิณ” โดนต้อนเข้ามุมใกล้ “จนกระดาน” แต่ที่อับเฉากว่านั้นก็คือในมุมเกมอำนาจการเมืองตามท้องเรื่องสัญญาณลบ ข่าวร้ายประเดประดังจนหายใจหายคอไม่ทันหันรีหันขวางไปไม่เป็นเหมือนกัน จับทางนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความคู่บุญของ “เถ้าแก่ใหญ่” รีบฉวยจังหวะโหนนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ที่ฟันธงการอุทธรณ์คดี 112 ของอัยการสูงสุดจุดมุ่งหมายสกัด “ทักษิณ” ไม่ให้ออกจากคุกก่อนเลือกตั้งนั่นหมายถึงการรับสภาพ จังหวะตัดตัวช่วยลูกพรรคเพื่อไทยหาเสียง ตามทรงลูกหาบของ “เถ้าแก่ใหญ่” ยิ่งตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากหนักไปกันใหญ่เหนื่อยหนักกับการลากกระแสความนิยมที่ดำดิ่งกู่ไม่กลับพรรคเพื่อไทยไม่อยู่ในสภาพคู่แข่งแย่งชิงหัวขั้วอำนาจ เมื่อเทียบฟอร์มกับคู่แข่งอย่างค่ายภูมิใจไทย ที่กำลังดีดเป็นม้าลำพอง ตามแรงดูดยี่ห้อ “เซราะกราว” ไล่เหมาสัมปทานบ้านใหญ่ ถนนทุกสายมุ่งสู่อาณาจักรเขากระโดง“นายกฯหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ถือ “โปรตั๋วช้าง”“ทั่นประธานเน” เนวิน ชิดชอบ ร่าย “มนต์ปะกำช้าง”ลมฟ้าอากาศเป็นใจ พลังเกรียน 2 น.ยึดธงนำขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยมโบราณแบบยาวๆขณะที่อีกฟากฝั่งบนถนน “สายเสรีนิยม” ก็แรงทะลุไมล์ สถานการณ์ “เต็งหนึ่ง” อย่างค่ายส้ม พรรคประชาชน ที่ยืนเด่น ยึดแท่นนำเดี่ยวตามฟอร์มคนการเมืองรุ่นใหม่แรงโดยธรรมชาติไม่แบ่งแต้มให้พวกเปลี่ยนเลน อุดมการณ์เพี้ยนไปเพี้ยนมาสถานะบอลตกชั้น เพื่อไทยจำต้องลดระดับเป็นพรรค “ตัวแปร” โอกาสลุ้นเสียบเป็นอะไหล่ในระนาบเดียวกับพรรคกล้าธรรมของ “ผู้กองนัสยอดรัก” ที่หักดิบเป็นคู่แค้นเบียดแย่งพื้นที่ร่วมรัฐบาลทีม “เถ้าแก่ใหญ่” ลดเพดานบิน ปะทะแก๊ง “ผู้กอง”ไม่ต้องพูดถึงแคนดิเดตนายกฯในบัญชี เอาแค่วิ่งเกาะขบวนรัฐบาลให้ทันในวันที่ยี่ห้อประชาธิปัตย์กลับดูมีน้ำมีนวลขึ้น ตามจังหวะทุ่มหมดหน้าตัก เฮือกสุดท้ายลากเข็น “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หวนกลับมากู้สถานการณ์ตกต่ำสุดในประวัติศาสตร์ โพลดีดขึ้นมาให้ใจชื้นแม้จะสวนทางกับ สส.เขตที่เป็นตัวยืน ชิ่งออกเลือดไหลไม่หยุดแต่จุดที่ยังอยู่ในโฟกัส สถานะมวยตกเกรด แต่เซียนละสายตาไม่ได้ก็คือค่ายพลังประชารัฐของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่พยายามดิ้นสู้เสียงเย้ยหยัน “สุสานลุงบ้านป่าฯ”ตามทรงเปรียบกับค่ายที่กระแสดีมีแค่ตัวเลขลอยๆ ทีมลุงป้อมยังมีตัวยืนอย่าง “มาดามเหน่ง” ตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน ที่แน่นปึ้กในสระแก้ว แถมแนวโน้มยังได้ “เสี่ยชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง วัวชนสงขลา มาเติมแต้มชัวร์ยังขาดก็แค่หัวที่หล่อๆ สลับมาเรียกแขก ลุ้นแต้มปาร์ตี้ลิสต์แว่วๆเสียงโทรศัพท์จากบ้านป่าฯเร้า “พี่ใหญ่ทีมสี่กุมาร” อย่าง “ดร.อุตตม สาวนายน” อดีตขุนคลัง หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนแรก ที่กำลังชั่งใจกับเทียบเชิญหลายใบ ดึงตัวเป็นทีมเศรษฐกิจค่ายเต็งๆ แต่ก็เสียดายอาณาจักรยิ่งใหญ่ที่ปั้นร่วมกันมากับทีม ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ต้องสูญสลายไปคาตา“ถ้าคลิก” ลงตัว พปชร.ก็ยังเป็นยี่ห้อที่ “ไม่กินไข่” ในกระดานเลือกตั้งแน่.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม