“ณัฐวุฒิ” การันตีแก้ รธน. ชั้น กมธ.ปิดจ๊อบไม่เกิน 21 พ.ย. รอส่งซิก “ภราดร” แจ้งรัฐบาลเปิดสภาสมัยวิสามัญ เชื่อไม่มีเหตุใดที่รัฐบาลจะบิดพลิ้ว พท.ย้ำ 20 หยิบ 1 สกัดขั้วเสียงข้างมากกินรวบไม่ได้ ตื๊อปรับที่มา กมธ.ยกร่างฯให้ยึดโยงประชาชน “ชลน่าน” ชงปลดล็อกไม่ให้เอียงเข้าข้างสีใด “ประยุทธ์” ซัดกลุ่มทุนบล็อกโหวตซ้ำรอยฮั้ว สว. “จุลพันธ์” นำทีมถล่ม “อนุทิน” บริหารจัดการปัญหาไทย-กัมพูชาผิดพลาด ซัดผู้นำไม่รอบคอบ พ่นลมปากลากประเทศไทยเสียเปรียบ แบกความเสี่ยงทั้งการทูต-เศรษฐกิจ ตกที่นั่งถูกกดดันรอบด้าน “ศึกษิษฏ์” จวกนายกฯไร้วุฒิภาวะ ผลักมิตรเป็นศัตรู คำพูดพาสุ่มเสี่ยงเสียดินแดน เล็งลากขึ้นเขียงซักฟอก “โฆษก ภท.” โต้ พท.ติดหล่มฝ่ายแค้นหยันไม่มีอะไรร้ายแรงไปกว่าปมอังเคิลแล้วนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา คาดว่าการพิจารณาชั้น กมธ.จะแล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 21 พ.ย. ก่อนแจ้งรัฐบาลขอให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เชื่อว่าไม่มีเหตุอื่นใดที่จะไม่มีการเปิดประชุมวิสามัญ ถือเป็นโอกาสดีสุดที่จะปลดล็อกการแก้ไขและนำไปสู่การมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในอนาคต“ณัฐวุฒิ” ชี้ กมธ.แก้ รธน.จบไม่เกิน 21 พ.ย.เมื่อวันที่ 16 พ.ย. นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน (ปชน.) ประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญในชั้น กมธ. และการส่งสัญญาณถึงรัฐบาลให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญว่า เนื้อหาสาระทั้งหมดในเชิงรายมาตราน่าจะแล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 21 พ.ย. อาจมีขั้นตอนธุรการนิดหน่อย เช่น เชิญผู้แปรญัตติไว้ 6 คนมาชี้แจงและทำรายงานฉบับสมบูรณ์ส่งสภาฯ นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ตัวแทนรัฐบาลและกมธ.รับปากว่ากรณีมีความชัดเจนว่าร่างพิจารณาใกล้แล้วเสร็จเมื่อไหร่ให้แจ้งมา เขาจะได้แจ้งรัฐบาลเพื่อเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ตรงไปตรงมาไม่น่าจะมีประเด็นอะไรซับซ้อนเรื่องเปิดประชุมวิสามัญ อยู่ที่เนื้อหาเสร็จเมื่อใด เราส่งสัญญาณไปที่รัฐบาล รอดูว่าจะตอบรับอย่างไร ส่วนประเด็นนอกเหนือไม่ว่ากรณีพรรค ปชน.ส่งสัญญาณว่าถ้าไม่มีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ จะนำไปสู่การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือพรรคอื่นส่งสัญญาณอย่างไร เป็นเรื่องแต่ละพรรค กมธ.เราจะทำให้เสร็จให้รอบคอบโดยเร็วที่สุด เสร็จแล้วเปิดวันไหนอย่างไร เป็นเรื่องแต่ละฝ่ายมาคุยทีหลัง เกินไปกว่าสิ่งที่ กมธ.กำหนดได้ชี้ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่เปิดวิสามัญเมื่อถามถึงกรณีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน.นัดคุยกับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค พท.หารือเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ทราบมาจากทั้ง 2 ฝ่ายเคยให้ข่าวว่าจะพูดคุยกัน ไม่ทราบจะมีจริงหรือไม่ หรือหารือเรื่องใดเมื่อใด คาดว่าการร่วมมือทำงานร่วมกันในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ อาจมีเรื่องรัฐธรรมนูญหรืออื่นๆประกอบด้วย เมื่อถามว่า เชื่อว่ารัฐบาลจะกำหนดวันประชุมวิสามัญให้ก่อน 12 ธ.ค.หรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ไม่ใช่ว่าเราเชื่อหรือไม่ แต่ตัวแทนรัฐบาลส่งสัญญาณมาโดยตลอด ไม่ว่าการอภิปรายในการแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระที่ 1 หรือนายกฯพูดชัด ขณะที่ในฐานะพรรค การเมืองที่เคยเสนอ MOA มีถึง 2 ข้อด้วยกันเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตอนทางโน้นมาตกลง MOA เขายืนยันว่าจะปฏิบัติตามเงื่อนไขใน MOA เกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นไม่มีเหตุอื่นใดที่จะไม่มีการเปิดประชุมวิสามัญเชื่อโอกาสดีที่สุดปลดล็อกแก้ รธน.นายณัฐวุฒิกล่าวด้วยว่า แต่ด้วยความล่าช้าของ กมธ.ที่ต้องพิจารณารอบคอบ ขอเวลาอีกนิด ถ้า กมธ.ทำแล้วเสร็จอย่างไร จะเร่งส่งให้ประธานรัฐสภา เมื่อประธานฯส่งไป เชื่อว่าการเปิดประชุมวิสามัญเกิดขึ้นแน่ ต้นเดือน ธ.ค.แน่นอน ส่วนวันใดคงไม่อาจกำหนดได้ ยังไม่มีสัญญาณหรือประเด็นอื่นใด ทำให้การเดินหน้าครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จ เชื่อว่าทุกคนเห็นตรงกันว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 มีปัญหา ข้อจำกัดหลายประการต่อเสถียรภาพทางการเมือง และการแก้ไขปัญหาประเทศ ดังนั้นถ้าทุกคนเห็นตรงกัน นี่คือโอกาสดีสุดที่จะปลดล็อกการแก้ไข และนำไปสู่การมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในอนาคตพท.ห่วง 20 หยิบ 1 สกัดกินรวบเหลวนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงสูตรเลือกกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญในรูปแบบ 20 หยิบ 1 ว่า ผู้คิดสูตรนี้ต้องการป้องกันการกินรวบ จึงให้สมาชิกรัฐสภา 20 คนเสนอ 1 รายชื่อเป็น กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ทำให้มีเสียงข้างน้อยเข้าไปเป็น กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญได้ ส่วนตัวมองว่าแม้จะมีเสียงส่วนน้อยเข้าไปมีส่วนร่างรัฐธรรมนูญ แต่ไม่สามารถป้องกันไม่ให้มี กมธ.เสียงข้างมากได้ เช่น สว.เสียงข้างมากมี 160 คน ก็ได้กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 8 คน สส.เสียงข้างมาก 300 คน จะได้ กมธ.ยกร่าง 15 คน รวมเป็น 23 คน หาก 23 คนนี้ต้องการให้หน้าตารัฐธรรมนูญไปในทิศทางใดสามารถกำหนดได้ ขณะที่ กมธ.ยกร่างอีก 12 คนไม่สามารถคัดค้านได้เพราะ กมธ.ที่ตั้งขึ้นนี้จะทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญที่ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จก่อนส่งให้รัฐสภาลุยชงปลดล็อกห้ามเอียงเข้าข้างสีใดนพ.ชลน่านกล่าวว่า มองว่าวิธี 20 หยิบ 1 ป้องกันได้แค่การฮั้วเลือกคนไปยกร่าง แต่ไม่สามารถป้องกันเสียงข้างมาก แล้วมองข้ามความคิดเห็นเสียงข้างน้อยได้ พูดง่ายๆสีใดครองเสียงข้างมากในรัฐสภาได้ รัฐธรรมนูญย่อมเป็นไปเพื่อสีนั้น ดังนั้นจะเสนอและสงวนความเห็นวิธีที่จะทำให้การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่เป็นไปตามเสียงข้างมากของสีใดสีหนึ่งต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อให้ กมธ.ไม่เป็นเสียงข้างมากของสีใดสีหนึ่งกลัวกลุ่มทุนบล็อกโหวตซ้ำฮั้ว สว.นายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา กล่าวว่า สูตร 20 หยิบ 1 เลือกกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ไม่มีในร่างหลักที่ กมธ.พิจารณา เป็นการยกร่างเอากลางวง การพิจารณากฎหมายแบบนี้ย่อมมีปัญหา พวกตนงดออกเสียง หลายครั้งที่พิจารณากันองค์ประชุมไม่ครบ พอมาถึงเรื่องนี้องค์ประชุมครบ ทำให้ความหวังที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้บรรลุเป้าหมายที่คิดไว้น้อยลง แต่ยังยืนยันว่าอยากให้มีการแก้ แต่จะสงวนความเห็นไปเสนอต่อที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาต่อไป สิ่งที่กังวลเกี่ยวกับ 20 หยิบ 1 คือกลัวกลุ่มทุนจะเข้ามาบล็อกโหวต เหมือนตอนเลือก สว. เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นได้ เพราะการทำโครงร่างตรงนี้เป็นร่างสดๆ ไม่เห็นด้วย เพราะโอกาสพิจารณาอย่างรอบคอบก็ไม่มีเวลา ถ้าไปซักไซ้ไล่เรียงก็ถูกหาว่าเตะถ่วงไปอีกตื๊อปรับที่มา กมธ.ยึดโยง ปชช.น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ. พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้รัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้ กมธ.พิจารณาไปแล้ว 14 มาตรา จากกว่า 30 มาตรา ส่วนที่มติ กมธ.เสียงข้างมากตีตกข้อเสนอการจัดตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ของพรรคเพื่อไทย การมีส.ส.ร.เป็นรูปแบบการยกร่างรัฐธรรมนูญที่ผูกพันกับประชาชน สร้างการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางเป็นกลไกที่สาธารณชนคุ้นเคย สร้างความเชื่อมั่นความเป็นอิสระ ไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลสภาใด แต่ข้อเสนอนี้ไม่ผ่านความเห็นชอบชั้น กมธ. ที่เลือกใช้กลไก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญอย่างเดียว ใช้วิธี 20 หยิบ 1 มาจากการเสนอชื่อของสมาชิกรัฐสภา 20 คน เสนอชื่อ กมธ.ยกร่างฯได้1คน ไม่มีความยึดโยงกับประชาชนเหมือน ส.ส.ร. ดังนั้นในสัปดาห์หน้า พรรคเพื่อไทยจะผลักดันให้ปรับที่มาของ กมธ.ให้ยึดโยงประชาชนมากที่สุด ป้องกันความเสี่ยงกลุ่มการเมืองอาจจัดตั้ง เพื่อควบคุมกระบวนการเหมือนกรณีฮั้วเลือก สว.ตอกย้ำ พท.ไม่ได้เตะถ่วงแก้ รธน.น.ส.ขัตติยากล่าวว่า การกล่าวหาพรรค พท.ถ่วงเวลาแก้รัฐธรรมนูญบิดเบือนข้อเท็จจริง ไม่มีเหตุผล ความล่าช้าอาจมาจากบางพรรคจงใจใช้การแก้รัฐธรรมนูญเป็นตัวประกันแลกการไม่ให้ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ ขอเรียกร้องให้เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ให้กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญเดินหน้าได้ทันกำหนดก่อนยุบสภา สมาชิกรัฐสภาที่ระบุมุ่งมั่นแก้ไขรัฐธรรมนูญกว่าใคร ควรเรียกร้องความรับผิดชอบจากบางพรรค อย่าให้ข้อตกลงกลายเป็นความสูญเปล่า สร้างความผิดหวังให้ประชาชนมากกว่านี้คาดเปิดวิสามัญตั้งแต่ 8 ธ.ค.เมื่อเวลา 15.30 น. ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย โฆษกพรรค ภท. เปิดเผยภายหลังการประชุมพรรคร่วมรัฐบาลว่า ประเด็นหลักได้อัปเดตข้อมูลของ กมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฯ แจ้งวันที่คาดการณ์ว่าจะเปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัว เนื่องจากกำลังถูกจับตามอง คาดว่าน่าจะเป็นสัปดาห์ก่อนเปิดสมัยประชุมสมัยสามัญ ตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.เป็นต้นไป และพูดคุยการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังฝ่ายค้านได้ให้ข่าว โดยพูดคุยกันว่าให้ไปดูข้อมูลของรัฐมนตรีแต่ละคน ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบใด“หนิม” ซัดนายกฯ ขาดความรอบคอบวันเดียวกัน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค พท. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า การบริหารประเทศต้องตั้งอยู่บนหลักคิดและการประเมินสถานการณ์รอบด้าน ไม่ใช่ตอบสนองด้วยอารมณ์หรือคำพูดที่ขาดการชั่งน้ำหนัก ถ้อยคำของผู้นำไม่ได้สะท้อนแค่ความคิดเห็นส่วนตัว แต่สะท้อนท่าทีประเทศไทยต่อประชาคมโลก เหตุการณ์ล่าสุดทำให้เห็นการสื่อสารที่ขาดความรอบคอบ การใช้ถ้อยคำที่อาจตีความได้หลากหลาย ส่งผลกระทบในระดับการทูตและเศรษฐกิจทันที ทั้งที่ประเทศไทยควรอยู่ในจุดที่มีหลักฐานรองรับ ยืนยันต่อเวทีนานาชาติว่าเหตุการณ์ละเมิดเริ่มต้นจากฝ่ายกัมพูชา แต่การส่งสัญญาณที่คลาดเคลื่อนทำให้ประเทศต้องเผชิญความกดดันจากหลายทิศทาง เรามีพื้นฐานที่น่าจะใช้สร้างความได้เปรียบได้ดีกว่านี้ ประเทศไทยมีมูลค่าการค้ากับสหรัฐฯ 3 ล้านล้านบาทต่อปี สะท้อนถึงรายได้ความเป็นอยู่ของประชาชนหลายสิบล้านคน การสื่อสารทางการเมืองที่เชื่อมโยงประเด็นเศรษฐกิจ ความมั่นคง โดยไม่ประเมินผลกระทบให้รอบด้าน อาจทำให้ความร่วมมือสำคัญหลายด้านชะงัก รวมถึงมาตรการปราบเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ห่วงไทยตกที่นั่งถูกกดดันสองด้านนายจุลพันธ์ระบุว่า ในอดีตประเทศไทยเคยใช้ความร่วมมือทวิภาคี พหุภาคี การทูตเชิงรุก สร้างความเข้าใจกับนานาประเทศ บนพื้นฐานข้อมูลหลักฐาน ทำให้รักษาความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์อย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์ครั้งนี้กลับไม่ใช้กลไกเหล่านั้นอย่างเต็มประสิทธิภาพ ข้อมูลไทยถูกสื่อสารไม่ทันกับการตีความของนานาชาติ ทำให้ตกอยู่ในสถานะประนีประนอมได้ยากกว่าเดิม วันนี้ไทยอยู่ในจุดถูกกดดันทั้งสองด้าน จากประเทศคู่กรณี และประเทศที่เป็นคู่ความร่วมมือสำคัญ เราบริหารจัดการ ให้ดีกว่านี้ได้ หากการประสานงาน การสื่อสารและการดำเนินกลยุทธ์ทางการทูตถูกวางอย่างเป็นระบบ แม่นยำมากกว่านี้ อยากชวนสังคมไทยร่วมพิจารณาอย่างใจเย็นว่า เมื่อผลลัพธ์การบริหารครั้งนี้นำพาให้สูญเสียความได้เปรียบ ต้องเผชิญสถานการณ์ยากลำบาก ประเทศไทยควรเดินอย่างไรต่อไป เพื่อรักษาผลประโยชน์ชาติและประชาชนให้มากที่สุดเฉ่งยับทำ ปท.แบกความเสี่ยงนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.กล่าวว่า นายกฯต้องทบทวนการทำหน้าที่ตัวเองขนานใหญ่ว่าได้ทำสิ่งผิดพลาด กระทบต่อประเทศและประชาชน การประกาศไม่สนแล้วเจรจาภาษีทรัมป์ไม่เพียงเป็นถ้อยคำที่ขาดวุฒิภาวะเชิงการเมืองระหว่างประเทศ แต่ประกาศเชิงสัญลักษณ์ทำให้ประเทศไทยต้องแบกรับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงทันที รัฐบาลควรทำให้สหรัฐฯเป็นมหามิตรเชิงยุทธศาสตร์ แต่กลับแสดงท่าทีจนกลายเป็นคู่ขัดแย้ง หรือแม้กระทั่งผู้ไม่ไว้วางใจ คำพูดที่สะใจวันนั้นกลายเป็นราคาที่ต้องจ่ายในวันนี้ คำประกาศที่หวังจะเรียกคะแนนนิยมรัฐบาลส่งผลความเสียหายแล้ว เป็นอีกครั้งที่หัวหน้ารัฐบาลเสียงข้างน้อยต้องระมัดระวัง แทนที่จะให้โลกล้อมกัมพูชาผลักดันและเดินหน้าสันติภาพให้เกิดขึ้น กลับผลักสหรัฐฯ ที่ควรจะเป็นมหามิตรให้เป็นศัตรู ไปประกาศระงับปฏิญญาสันติภาพเป็นเหตุให้สหรัฐฯระงับเจรจาการค้ากับไทยเป็นการตอบโต้ทันที ทำภาคเศรษฐกิจประเทศไทยเสียโอกาส ไม่ควรทำให้ประเทศกลายเป็นเวทีทดลองความ ผิดพลาดบนเวทีการเมืองระหว่างประเทศเล็งลาก “เสี่ยหนู” ขึ้นเขียงซักฟอกนายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ โฆษกพรรค พท.แถลงว่า รัฐบาลมีหน้าที่ปกป้องอธิปไตยและมีสิทธิตอบโต้อย่างมีสัดส่วนเมื่อประเทศถูกรุกล้ำ แต่การ บริหารจัดการของรัฐบาลพรรค ภท.ที่ไร้ประสิทธิภาพ การไม่มีวุฒิภาวะของนายกฯ บางคำอาจเป็นเหตุสุ่มเสี่ยงให้เสียดินแดน ผลักพันธมิตรออกห่าง จนประเทศเสียเปรียบในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี ความผิดพลาดเพียงพอที่จะไว้วางใจให้บริหารประเทศต่อไปได้หรือไม่ การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลและรายชื่อในพรรค นายกฯ ต้องรับผิดชอบสูงสุด ส่วนรัฐมนตรีอื่นดูความเหมาะสม ข้อมูลเชิงประจักษ์รัฐบาลบริหารผิดพลาดจริงๆ ทั้งคอลเซ็นเตอร์ เงินสีเทา แต่รอดูความชัดเจนและจริงใจของพรรคร่วมฝ่ายค้านจะร่วมมือหรือไม่ เมื่อถึงเวลาโหวตรอดูพรรคนั้นเวลาพูดอย่าง เวลาทำในสภาฯ จะเป็นอย่างไรรอพิสูจน์ ปชน.พูดแล้วทำหรือไม่เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับพรรคประชาชนถึงการ ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วหรือยัง นายศึกษิษฏ์ตอบว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค พท. คุยนอกรอบไปแล้ว แนวทางน่าจะ เห็นตรงกัน ทุกพรรคร่วมฝ่ายค้านสื่อสารตรงกันหมด ว่ารัฐบาลบริหารจัดการผิดพลาดอย่างไร ทุกพรรคมีข้อมูลแน่นอยู่แล้ว แต่จะประสานงานอย่างไรให้งาน ในสภาฯมีประสิทธิภาพ เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่พรรค ปชน.แบ่งรับแบ่งสู้กับรัฐบาลพรรค ภท. นายศึกษิษฏ์ ตอบว่า เป็นการแสดงความจริงใจของพรรค ปชน. สส.พรรค ปชน.สื่อสารชัดเจนรัฐบาลทำงานผิดพลาดบุคลากรและรัฐมนตรีหลายคนเกี่ยวโยงกับทุนสีเทาอย่างไร ต้องรอดูเมื่อพูดออกมาแล้ว การกระทำจะทำ ตามสิ่งที่พูดหรือไม่ ส่วนโพลความนิยมพรรค พท. ตามพรรค ปชน. ในภาคอีสาน ภาคกลาง ที่ผ่านมา พรรค พท. แถลงยกเครื่องพรรค การสื่อสารของพรรค การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายใน ที่สำคัญตัวนโยบาย และแคนดิเดตนายกฯของพรรค ยืนยันว่าหากเปิดตัว ทั้งสองเรื่องนี้ ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อพรรคกลับคืนมาอีกครั้งแน่นอนภท.เหน็บ พท.อย่าทำหน้าที่ฝ่ายแค้นที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย โฆษกพรรค ภท. กล่าวถึงกรณีพรรค พท.รุมถล่ม นายกฯ บริหารสถานการณ์ผิดพลาดเรื่องภาษีสหรัฐฯ ว่า ช่วงนี้ใช้คำค่อนข้างแรงกับการทำงานนายกฯ อยากบอกฝ่ายแค้นว่าใจเย็นๆ ให้ทำหน้าที่ตรวจสอบแบบฝ่ายค้านไม่ใช่แบบฝ่ายแค้น ให้ดูดีๆ หัวใจหลัก ที่นายกฯต้องปกป้องให้มากที่สุด เห็นได้ชัดนายกฯ และทีม ครม.พยายามอย่างที่สุดในการเจรจาแก้ปัญหา ไทย-กัมพูชา ไม่ใช่เห็นข่าวอะไรแค่ 1 นาที ก็ออกมา ตอบโต้กล่าวหาเกินไปนิด อย่าให้ถึงขั้นเป็นฝ่ายแค้น เราเข้าใจบริบทว่าฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลต้องทำหน้าที่ของตน แต่ควรจะอยู่ในกรอบที่คำนึงถึงว่าบทบาทของนายกฯ ในการทำเพื่ออธิปไตยของชาติเมื่อถามว่าการที่พรรค พท.บอกว่านายกฯ พูดไม่สนใจสหรัฐฯ เหมือนไม่มีความรู้หรือความสามารถ ทางการทูต น.ส.แนนกล่าวว่า ถ้าให้ตอบแบบแรงๆ “ก็คงไม่มีอะไรร้ายแรงไปกว่าการมีอังเคิลในบริบทของ การเมืองไทยที่ผ่านมา” ล่าสุด ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ จากการเหยียบทุ่นระเบิด คนไทยควรมีใจเป็นหนึ่งเดียวกัน การยุติ Joint Declaration ไทย-กัมพูชา ไม่ได้กระทบกับเศรษฐกิจ มั่นใจเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ว่าการค้าในประเทศ หรือระหว่างประเทศ“โสภณ” บ่นไม่แฟร์ท้ายื่นอภิปราย ม.152นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกฯ แกนนำพรรค ภท.กล่าวถึงเสียงวิจารณ์นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย ระบุหากยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจจะยุบสภาว่า ไม่สบายใจที่นักการเมืองส่วนหนึ่งมองว่าอย่าสร้างประเพณีไม่ดี ยุบสภาหนีการอภิปราย เหมือนเอาแต่ได้ เพราะเราเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในประวัติศาสตร์ อยู่เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ มันไม่แฟร์ เราไม่กลัวการชี้แจง ถ้าจะให้แฟร์ให้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 จะเดือน ธ.ค. หรือ ม.ค. ก็ได้ ดีเบตใหญ่ ก่อนการเลือกตั้งเลย ฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลซักกัน ประชาชนจะได้เห็นใครมีผลงานหรือไม่มีผลงานเอามาอวดกันเลย แฟร์ดี มีคนพูดว่าถ้าชี้แจงได้จะยกมือให้ ธรรมเนียม มารยาท มันมีที่ไหน รัฐบาลที่แล้วมาเราก็รู้ ยกมือไม่ได้อยู่ที่ชี้แจงหรือไม่ชี้แจงได้ แต่ก็ยกมือตามนั้น รัฐบาลยุคนายอนุทินถ้าแพ้โหวตในสภาฯจะเป็นตราบาปของนายกฯและพรรค เพราะคะแนนเสียงฝั่งรัฐบาลไม่ถึง หากยื่นอภิปรายเรื่องอะไรจะให้นายกฯโดนด่าฟรี ความเห็นลูกพรรค จำเป็นต้องยุบปชป.ตั้งโรงครัวย้ำไม่ทิ้งชาวบ้านน.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ นายทะเบียนพรรคประชา ธิปัตย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย. คณะผู้บริหาร พรรค อาทิ นางรัดเกล้า สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรค และนายประชา ยอดวานิช รองเลขาธิการพรรค และ สมาชิกพรรค ปชป.ร่วมลงพื้นที่พร้อมเปิดโรงครัวจิตอาสาในพื้นที่ประสบอุทกภัย 3 จังหวัด คือ สิงห์บุรี, อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมต่อเนื่องยาวนานกว่า 4 เดือน โดยพรรค ปชป. และมูลนิธิเสนีย์ปราโมช ให้ความช่วยเหลือ เบื้องต้น ระหว่างวันที่ 13-16 พ.ย. ครอบคลุมพื้นที่รวม 8 จุด คือ ต.รางจรเข้ ต.บ้านแพน ต.บ้านโพธิ์ อ.เสนา ต.ทางข้าง อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี ต.โรงช้าง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี (บริเวณคันกั้นน้ำแตก) และ ต.โผงเผง จ.อ่างทอง สนับสนุนงบฯจุดละ 5,000 บาทต่อมื้อ/วัน และสมทบเพิ่มเติมจากชุมชนเพื่อผลิตและกระจายอาหารให้ประชาชนที่ยังยากลำบากหลายตำบล เพื่อทำอาหารปรุงสุกพร้อมน้ำดื่มเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว โรงครัวจิตอาสาเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของพรรคในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และพร้อมยืนเคียงข้างพี่น้องประชาชนในพื้นที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่องและจริงจัง“มาร์ค” ปลื้มคนสงขลาคิดถึงอย่างแรงเมื่อเวลา 08.00 น. ที่ตลาดนัดพ่อพรหม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เดินทางลงพื้นที่เพื่อพบปะ พี่น้องประชาชนและรับฟังปัญหาจากชาวบ้าน ตามคำเชิญของนายจูรี นุ่มแก้ว รองหัวหน้าพรรค ปชป. เป็นการลงพื้นที่ภาคใต้ครั้งแรกหลังได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค ปชป. อีกครั้ง มีชาวหาดใหญ่จำนวนมาก ที่มาจับจ่ายใช้สอยในตลาดร่วมรอต้อนรับและทักทายล้นหลาม ประชาชนบางส่วนมารอพบตั้งแต่เวลา 07.30 น. มีการมอบดอกไม้ ร่วมขอถ่ายรูปตลอดเส้นทางที่เดินในตลาด ชาวบ้านบางส่วนเขียนป้ายข้อความให้กำลังใจ อาทิ “ให้กำลังใจนายชวน นายอภิสิทธิ์ นายจูรี” “สีเทาเต็มเมือง ต้องให้อภิสิทธิ์มาเป็นนายกฯ ได้หม้าย” และ “คิดถึงอย่างแรง อภิสิทธิ์เห้อ” และ ยังสอบถามถึงนายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ เพื่อสื่อ ถึงความผูกพันของคนสงขลาที่มีต่อพรรค ปชป.ที่ยังคงเหนียวแน่นภท.ขีดเส้น 23 พ.ย. ส่ง สส.ใต้ครบเมื่อเวลา 12.00 น. ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ แกนนำพรรค ภท. ดูแลพื้นที่ภาคใต้ เปิดตัวนายบาฮารุดดีน ยูโซะ ว่าที่ผู้สมัคร สส.ปัตตานี เขต 1 และ พ.ต.อ.พิทักษ์ พุทธวิโร (ผกก.อ๊อด) ว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต 9 สงขลา โดยนายพิพัฒน์กล่าวว่า จ.ปัตตานีมีผู้สมัคร 3 เขตจาก 5 เขต จ.นราธิวาส มีผู้สมัครครบทั้ง 5 เขต คาดหวังได้ 2 เขต จ.ยะลาจะส่งครบทุกเขต เปิดตัวไปแล้ว 1 เขต ที่เหลือกำลังเฟ้นหา จ.สงขลามี 9 เขต และมีผู้สมัครแล้ว 7 เขต พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้สู้ได้ ภาคใต้ทั้ง 14 จังหวัดส่งรายชื่อผู้สมัครชัดเจนแล้ว 49 ชื่อ จาก 59 เขต อีก 10 เขตที่เหลือ อยู่ระหว่างพูดคุยสรรหาผู้สมัคร เชื่อว่าวันที่ 23 พ.ย. ประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคภท. จะมีครบเกือบ 100% ในพื้นที่ภาคใต้ทั้ง 59 เขตกธ.แจงไม่มีสัญญาให้ รมต.“ชนนพัฒฐ์”น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม (กธ.) กล่าวถึงกรณี น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ตั้งคำถามกรณีคลิปเสียงนายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา พรรค กธ. ระบุว่า “เคลียร์จบรอบนี้ รอบหน้าผมเป็นรัฐมนตรีแล้ว” ว่า ต้องขอขอบคุณคำถามและข้อกังวลที่สะท้อนความห่วงใยต่อมาตรฐานการเมืองไทย ขอชี้แจงพรรค กธ.ไม่มีนโยบายและไม่เคยให้สัญญาใดๆตำแหน่งรัฐมนตรีแก่นายชนนพัฒฐ์ หรือใคร เป็นความเห็นส่วนบุคคล เป็นดุลพินิจของนายกฯตามรัฐธรรมนูญ ส่วนคดีอยู่ในกระบวนการตรวจสอบตามกฎหมาย พรรค กธ.จุดยืนชัดเจนไม่ปกป้อง ไม่แทรกแซง ขณะเดียวกันต้องเคารพสิทธิการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหาตามหลักนิติรัฐ ทุกอย่างต้องถูกตัดสินด้วยข้อเท็จจริงในคดี ไม่ใช่ด้วยกระแสหรือแรงกดดันทางการเมือง ประเด็นที่สังคมควรมองร่วมกันคือมาตรฐานเดียวกันของทั้งสภาฯคนภาคกลางหาคนเหมาะนายกฯไม่ได้วันเดียวกัน นิด้าโพล เปิดเผยผลการสำรวจ ประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในภาคกลาง รวมทั้งสิ้น 2,000 หน่วยตัวอย่าง เรื่อง “กระแสการเมืองภาคกลาง” ระหว่างวันที่ 10-13 พ.ย. โดยเมื่อถามถึงบุคคลที่จะสนับสนุนให้เป็นนายกฯในวันนี้ ร้อยละ 35.65 ระบุยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ ร้อยละ 19.60 ระบุนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ร้อยละ 12.75 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 9.15 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และร้อยละ 4.55 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่จะสนับสนุนในวันนี้ ร้อยละ 28.95 ระบุว่ายังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ ร้อยละ 28.85 พรรคประชาชน ร้อยละ 9.70 พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 9.60 พรรคประชาธิปัตย์ และร้อยละ 8.45 พรรคเพื่อไทยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่