สาวไส้ประจานกันมันหยดกลางวงกรรมาธิการ บรรยากาศดุเดือด ศึกตำรวจหักตำรวจระหว่างประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. นำพยานปากสำคัญ ลากไส้เปิดชื่อตำรวจตั้งแต่ระดับหัวแถวยันหางแถว เกี่ยวข้องรับผลประโยชน์เว็บพนันรายเดือนคิวดับเครื่องชนคู่แค้นของคู่กัดบิ๊กสีกากี ลากไส้ส่วยเว็บพนัน พังภาพลักษณ์ตำรวจไทยเละเป็นโจ๊กซีนเปิดโปงส่วยสีกากีที่มีลูกติดพันโยงไปถึงฝ่ายการเมือง สส.ชื่อย่อ “ช.” ถูกขุดคุ้ยเส้นทางการเงิน เชื่อมโยงเว็บพนัน จนถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทางการเงิน (ปปง.) อายัดทรัพย์ 159 ล้านบาทเกมล่าแต้มของ รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ หัวขบวนในการขุดรากถอนโคน ทั้งนักการเมือง และตำรวจที่มีพฤติกรรมสีเทา เชื่อมโยงขบวนการสแกมเมอร์และเว็บพนัน ลากคู่แข่งการเมืองเปรอะโคลนไปหลายพรรคที่บอบช้ำต่อเนื่องคือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ถูกตรวจสอบหนักหน่วง เพราะถูกกล่าวหามีความสัมพันธ์ผูกโยงบิ๊กบอสแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติค่ายส้มราวีผู้กองนัสชนิดหายใจรดต้นคอกดดัน “นายกฯหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ปลด ร.อ.ธรรมนัสจากเก้าอี้รัฐมนตรี ไม่ต้องให้ลากไปลงดาบประหารด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตามเงื่อนไขสำคัญที่พรรคประชาชนก็ยังตัดสินใจไม่ได้ ลังเลใจจะยื่นซักฟอกหรือไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง เพราะเส้นทางแก้รัฐธรรมนูญยังมาได้แค่ครึ่งๆกลางๆ ขืนบุ่มบ่ามไป อาจถูกชิงยุบสภา การแก้กติกาประเทศเสี่ยงวนลูปเจอทางตันปลายทางอาจได้ไม่คุ้มเสีย ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ถูกยกเครื่องใหม่ อำนาจองค์กรอิสระยังคงอยู่เป็นหนามหยอกอกค่ายส้ม แทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจได้ตลอดเวลาสถานการณ์ที่ “ภูมิใจไทย—ประชาชน” ต้องรอมชอมทั้งการแก้รัฐธรรมนูญ และการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า ประคองภารกิจของทั้งสองฝ่ายให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยกันอย่างที่ “นายกฯหนู” ต้องออกโรงยืนกรานสนับสนุนแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามเอ็มโอยู ผลักดันให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เร่งเครื่องการแก้กติกาประเทศให้เสร็จทันภายในปี 2568ส่งสัญญาณยื่นหมู ยื่นแมว แก้รัฐธรรมนูญ แลกถอยยื่นซักฟอกรัฐบาลเกมแก้รัฐธรรมนูญส่อเค้าได้ขยับไปต่อ ไม่มีฝ่ายใดโดนเบี้ยว แต่ยังต้องเบียดช่วงชิงความได้เปรียบในการคุมเกมแก้กติกาประเทศต่อไปล่าสุดคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา ลงมติให้มี กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน มีที่มาจากการสมัครของประชาชน ผ่านคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งรายชื่อให้รัฐสภาคัดเลือกโดยให้สมาชิกรัฐสภารวมกลุ่ม 20 คน เสนอชื่อบุคคลเป็น กมธ.ได้ 1 คน หมายถึงพรรคใดมี สส.มากสุด ก็มีความได้เปรียบ ยึดโควตา กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญได้มากขึ้นโมเดล 20 หยิบ 1 แนวโน้มเป็นใจให้พรรคประชาชนได้เป็นผู้คุมเกมแก้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ภายหลังการเลือกตั้งรอบหน้าในฐานะเต็ง 1 ชนะเลือกตั้งตามผลสำรวจโพลต่างๆหากค่ายส้มยืนระยะถึงการเลือกตั้งได้ โดยไม่มีอุบัติเหตุพลิกคว่ำพลิกหงาย ก็มีแต้มต่อสูงได้คอนโทรลการยกเครื่องกติกาประเทศฉบับใหม่ หากได้ สส. 250 คน ตามเป้าที่วางไว้ ก็มีโควตา กมธ.ยกร่างในมือขั้นต่ำ 12 คนยิ่งถ้ามารวมกับเสียง สส.เพื่อไทย ที่มีเป้าหมายตรงกันคือ ล็อกเป้าหั่นอำนาจองค์กรอิสระ และแก้ไขนิยามมาตรฐานจริยธรรมนักการเมือง บวกกับเสียง สว.ฝ่ายข้างน้อย ก็มีแนวโน้มสูงที่พรรคประชาชนและเครือข่ายพันธมิตรจะได้เป็นเสียงข้างมากคุมเกมแก้รัฐธรรมนูญรวมกำลังกันแล้วมี กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ อยู่ในมือเกิน 17 เสียง จากจำนวน กมธ.ทั้งหมด 35 คน เป็นเสียงข้างมากโดยปริยายรูปการณ์ในปัจจุบัน สร้างลู่ทางสดใสให้พรรคประชาชนมีแต้มต่อสูง คุมเกมกติกาประเทศฉบับใหม่ภายใต้เงื่อนไขสำคัญ ห้ามจับมือพรรคเพื่อไทยยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ต้องเล่นบทฝ่ายค้ำช่วยรัฐบาลเสียงข้างน้อยไปได้ตลอดรอดฝั่ง แลกกับการไม่ถูก “นายกฯหนู” กดปุ่มยุบสภา หนีเกมซักฟอกเดิมพันสูงคุมเกมแก้รัฐธรรมนูญ วัดใจค่ายส้มจะออกลูกพะอืด พะอม ไม่พบความผิดร้ายแรงรัฐบาลหรือไม่!!!ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม