ขันนอตองค์กรปราบปรามสแกมเมอร์ ตอกย้ำรัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หลังตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีนายกฯเป็นประธาน เพื่อให้การล้างบางขบวนการนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทันต่อสถานการณ์โดย นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สะท้อนให้เห็นบทบาทบอร์ดปราบปรามทางไซเบอร์ระดับชาติ พร้อมเสริมเขี้ยวเล็บตั้ง 4 คณะอนุกรรมการภายใต้บอร์ดปราบปรามทางไซเบอร์ระดับชาติ มีหน้าที่และอำนาจครบทุกมิติ พร้อมประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติแม้กระบวนการเดิมมีองค์กรรัฐที่เกี่ยวข้องตามกลไกรัฐอยู่แล้ว ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจไซเบอร์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แต่การทำงานร่วมกันยังมีจุดอ่อน และขบวนการสีเทาปรับเปลี่ยนยุทธวิธีตลอดเวลา พอหน่วยงานรัฐนั้นกำลังบู๊กับขบวนการเทาอยู่ เมื่อยุทธวิธีขบวนการนี้เปลี่ยน หน่วยงานรัฐอีกองค์กรหนึ่งก็ต้องเข้ามาร่วมบู๊เพิ่มยกตัวอย่างบางองค์กรรัฐมีหน้าที่โดยตรง แต่มีหลายกอง ฝ่ายนโยบายรับรู้ แต่ฝ่ายปฏิบัติยังไม่ทราบ หรือแม้แต่การทำงานข้ามหน่วยงานรัฐก็เช่นกัน มักมีปัญหาในความไม่รู้และไม่ชัดเจนในการปฏิบัตินายกฯต้องขันนอตดำเนินการแบบเข้มข้นบูรณาการหน่วยงานรัฐปูพรมไปพร้อมกันทันทีที่ขันนอตลองเทียบผลงานกับรัฐบาลเดิมที่เคยระบุว่าปราบปรามสแกมเมอร์ไปแล้ว โดยมีมูลค่าความเสียหายต่อปี 1.4 หมื่นล้านบาทแต่รัฐบาลนายอนุทิน 17 ต.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม นำจับเครือข่ายพนันออนไลน์มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท ล่าสุดสดๆร้อนๆ 6 พ.ย. จับอีกเว็บพนันมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ถ้าวัดเชิง ตัวเลขเงินหมุนเวียนพวกเครือข่าย เชื่อว่า 37 วันของรัฐบาลชุดนี้ไม่ขี้เหร่แม้มีหลายฝ่ายพยายามตั้งข้อสังเกตเป็นระยะถึงสแกมเมอร์เป็นเครือข่ายของการเมืองหรือไม่ โดยอ้างนายอี แจ มยอง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ระบุชื่อ 7 นักการเมืองไทย สังคมเชื่อไปแล้วว่ามี 7 นักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องจริงทั้งที่ต้นทางแห่งข้อมูลออกมาปฏิเสธไม่ได้เป็นฝ่ายระบุ วันนี้ก็ยังตั้งข้อสังเกตอาจโยงใยเครือข่ายสแกมเมอร์กับคนในรัฐบาลระดับรัฐมนตรี เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่ปรากฏพยานหลักฐาน จนถึงหยิบยกไปเป็นประเด็นทางการเมืองนายกฯย้ำตลอดมีข้อมูลขอให้ส่งมา พร้อมดำเนินการหมด แต่คนที่เปิดประเด็นข่าว คนที่มาให้ข้อมูลกลับนำไปให้คนที่ไม่มีอำนาจดำเนินการโดยตรง อย่างเช่นฝ่ายค้าน แต่ไม่นำมาให้รัฐบาล ทั้งที่เราอยากได้พยานหลักฐานที่มีน้ำหนักเพียงพอ เพื่อดำเนินการต่อไปทีมการเมือง ถามว่ารัฐบาลเข้ามาใหม่ๆมีเสียงขานรับ กระแสของนายกฯและพรรคภูมิใจไทยดีขึ้น แต่บริหารราชการแผ่นดินเพียงเดือนกว่า สังคมจับจ้องและตั้งคำถามอย่างหนักหน่วงถึงการปราบปรามสแกมเมอร์ จนกลายเป็นเผือกร้อนบนมือรัฐบาล แม้นายกฯประกาศต้องชนะสงครามทางไซเบอร์ หลังภาครัฐ รัฐวิสาหกิจและเอกชนลงนามผนึกกำลังร่วมกันจัดการภัยของประเทศไทยนายสิริพงศ์ บอกว่า ตัวเลขจับมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท ภายใน 37 วันที่รัฐบาลบริหารประเทศ เป็นดัชนีบ่งชี้ว่ารัฐบาลทำหรือไม่ นอกจากนี้ยังเดินหน้าดำเนินการที่เป็นรูปธรรมชัดเจนเช่น ออกหมายจับนักการเมืองบางคนของกัมพูชา ที่ผ่านมาหลายรัฐบาลไม่เคยจับได้ รวมถึงถอนสัญชาติผู้ที่อยู่ในเครือข่ายผู้มีอิทธิพลของกัมพูชา แสดงให้เห็นถึงความเข้มข้นในการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมถึงได้ย้ำตลอดว่าถ้าฟังจากอดีตนายตำรวจใหญ่ที่ระบุว่ามีเครือข่ายเหล่านี้อยู่ในหน่วยงานปราบปรามและจับกุม เบาะแสแบบนี้ไม่ส่งให้รัฐบาลก็ดำเนินการต่อไม่ได้ถ้าหวังดีต่อประเทศ รัฐบาลขอร้องกรุณาส่งข้อมูลมาถึงจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศและบ้านเมือง แต่ถ้าไม่ส่งข้อมูลมาให้ ขอด่ารัฐบาลไปเรื่อยๆ แบบนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน นอกจากสร้างความเกลียดชังต่อรัฐบาลมากขึ้นแม้มีบางฝ่ายความพยายาม นำไปเทียบเคียงกับต่างประเทศที่อายัดและยึดทรัพย์ของขบวนการ เหล่านี้ แต่ต่างกรรมต่างวาระกัน อยู่ที่ประเทศนั้นๆโฟกัสตรงไหน เช่น คดีที่สหรัฐอเมริกาจับได้ อาจไม่มีการกระทำความผิดในราชอาณาจักรไทยขอยืนยันหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบตลอดทั้งเอกซเรย์พฤติกรรมผู้ที่มาซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เป็นอย่างไร มีการจับกรณีเอาเงินนอกมาปั่นหุ้นอยู่เป็นประจำ แต่ความผิดนั้นสาวไปถึงคนที่อยากให้สาวถึงหรือไม่ เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการต่อทำไมรัฐบาลมั่นใจชนะสงครามทางไซเบอร์ นายสิริพงศ์ บอกว่า รัฐบาลขันนอตกลไกรัฐและดำเนินการแบบเข้มขัน ไม่เกี้ยเซียะสมยอมใครเด็ดขาด ขอเพียงส่งข้อมูลให้รัฐบาล เพื่อดำเนินการต่อ หากส่งข้อมูลมาแล้วรัฐบาลไม่ดำเนินการ แบบนี้มาต่อว่ารัฐบาลได้อย่าหยิบมาเป็นประเด็นทางการเมืองดิสเครดิตรัฐบาลปัญหาสแกมเมอร์ร้อนแรงไม่หยุดจี้คอหอยรัฐบาล ฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติซักฟอกรัฐบาล นายสิริพงศ์ บอกก่อนที่นายกฯออกแถลงการณ์ระหว่างเดินทางเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ ถึงประเด็นการชิงยุบสภา หากฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่นายกฯย้ำถึง MOA กับพรรคประชาชน (ปชน.) ว่าจะยุบสภาภายใน 120 วัน ครบกำหนดวันที่ 31 ม.ค. 69 แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยจัดทำประชามติในวันเลือกตั้ง เปิดให้พรรค ปชน.ทำหน้าที่ตรวจสอบ ให้คำแนะนำการทำงานของรัฐบาล ยอมรับการตรวจสอบของพรรค ปชน.พร้อมให้ฝ่ายค้านยื่นญัตติเปิดอภิปราย เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาของประเทศ แต่หากยื่นญัตติซักฟอกก็พร้อมชี้แจง โดยไม่เคยคิดจับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นตัวประกัน ย้ำเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จโดยเร็วที่สุดตามกรอบเวลาที่กำหนด จากนั้นยุบสภาโดย นายสิริพงศ์ ระบุว่า ขอย้ำใครมีข้อมูลขอให้ส่งหลักฐานให้หน่อย อย่าเป็นแค่ข้อกล่าวหา แต่ถ้าฝ่ายค้านขออภิปรายก็ไม่เป็นอะไร จะได้นำข้อมูลมาเปิดเผย เป็นข้อมูลข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรก็ว่ากันไป ไม่มีปัญหาประเด็นสแกมเมอร์ที่กล่าวหารัฐบาลบั่นทอนความนิยมของรัฐบาลลงเรื่อยๆ ไม่เหมือนตอนที่เป็นรัฐบาลใหม่ๆมีกระแสชาตินิยมช่วยอุ้มเต็มที่เลย นายสิริพงศ์ บอกว่า เป็นแบบนี้ฝ่ายค้านยิ่งชอบให้คลุมเครือ ด่ารัฐบาลฟรีทุกวัน แต่ข้อเท็จจริงมันสำคัญที่สุด ฉะนั้นคำถามคือมีหลักฐานเพียงพอหรือไม่ในประเด็นที่กล่าวหารัฐบาลพรรค ปชน.เตรียมยื่น ญัตติซักฟอก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และรมว.เกษตรฯ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พรรคเพื่อไทย (พท.) เล็งเป้าไปที่นายกรัฐมนตรี เมื่อฝ่ายค้านยังไม่สามัคคีกัน รัฐบาลเตรียมรับมือซักฟอกรัฐบาลอย่างไร นายสิริพงศ์ บอกว่า สมมติฝ่ายค้านอภิปรายการทำงานของนายกฯนายกฯอาจจะตอบว่าถามมา พร้อมตอบ เพราะบริหารประเทศมาไม่มีอะไรบกพร่อง รัฐบาลไม่ได้กลัวการซักฟอกกรณีสแกมเมอร์ ประเด็นการเมืองอย่างไรก็การเมือง รัฐบาลทำงานด้วยอารมณ์ไม่ได้ ต้องทำงานด้วยข้อเท็จจริง แต่หากฝ่ายค้านอภิปราย ร.อ.ธรรมนัส และนายสุชาติ นายกฯอาจถามว่ามีหลักฐานอะไรหรือไม่วันนี้แต่ละพรรคมีเป้าประสงค์ต่างกัน หน้าที่ของรัฐบาลหลายเรื่องที่เร่งดำเนินการ คำถามคือสแกมเมอร์ถูกตั้งข้อสังเกตว่าทำไมจับคนที่ถูกกล่าวหาไม่ได้ เพราะเป็นคำกล่าวหาที่จับโยงกันไปมา โดยไม่ส่งข้อมูลมาให้รัฐบาลเลยฉะนั้นพรรค ปชน.อยากอภิปรายเป็นรายบุคคล ที่อาจยังคลางแคลงใจคุณสมบัติของ ร.อ.ธรรมนัส เรื่องนี้ความจริงนายกฯส่งข้อมูลไปให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบคุณสมบัติก่อนตั้งเป็นรัฐมนตรีแล้ว ไม่พบคุณสมบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญแต่พรรค พท.รู้ว่าพรรค ปชน.อยากแก้รัฐธรรมนูญ นายกฯไม่รอด รัฐธรรมนูญก็ไม่รอด พรรค ปชน.ถึงไม่เลือกอภิปรายนายกฯกลายเป็นประเด็นให้พรรค พท.ด่าพรรค ปชน.ฟรีว่าเป็นนั่งร้าน.ทีมการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม