นายกรัฐมนตรีลงนามเซ็น MOU 15 หน่วย งานภาครัฐประกาศสงครามสแกมเมอร์ ใช้ปฏิบัติการเชิงรุก 5 ด้าน สยบข้อครหาไทยไม่ใส่ใจ ลั่นใครติดขัดอะไรให้บอกจะจัดทุกอย่างให้ไปปราบปรามอย่างเฉียบขาดไม่ต้องสนหน้าอินทร์หน้าพรหม ส่วนใครกล่าวหาคนในรัฐบาลเกี่ยวพัน ไม่เอาชื่อย่อขอชื่อจริงเลยเพื่อส่งหน่วยงานตรวจสอบ ขณะที่ “ผบ.ต่าย” บอกตำรวจทั้งประเทศรับไม่ได้กับคำกล่าวหา “บิ๊กโจ๊ก” ลั่นเป็นสิทธิตามกฎหมายแต่ต้องรับผิดชอบคำพูดด้วย ส่วน “บิ๊กโจ๊ก” โร่พบ “โรม” มอบเส้นเงินเว็บพนันโยงบิ๊ก ต. ล่อ “ผบ.ต่าย” อีกกระทอกเลือกปฏิบัติกรณีรัฐบาลโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ยกระดับประกาศสงครามปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์เป็นวาระแห่งชาติ โดยจะเป็นประธานเซ็น MOU กับ 15 หน่วยงานภาครัฐที่ทำเนียบรัฐบาล ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังระส่ำเพราะ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.ออกมาขย่มระบุว่าเป็นองค์กรอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตามด้วยนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นเรื่องต่อนายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะ กมธ.ความมั่นคงให้ตรวจสอบเส้นเงินนายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา พรรคกล้าธรรม กับพวกที่เกี่ยวข้องเว็บพนันออนไลน์ เส้นเงินยาเสพติด การรับสินบนตำรวจและอื่นๆมูลค่า 2,500 ล้านบาทรวมทั้งการล้มคดีเว็บพนันออนไลน์ ขณะที่ 4 องค์กรตำรวจจี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เอาผิด “บิ๊กโจ๊ก-อัจฉริยะ” ตามที่เสนอข่าวไป“นายกฯ” เซ็น MOU15 หน่วยงานความคืบหน้าล่าสุดในการปราบปรามสแกมเมอร์ของรัฐบาล เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นการลงนามบันทึกความเข้าใจ 15 หน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สมาคมธนาคารไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐลั่นต้องชนะเท่านั้นนายอนุทินกล่าวว่า วันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ประเทศไทยที่ได้รวมตัวประกาศสงครามกับอาชญา กรรมออนไลน์ที่เราจะต้องชนะเท่านั้นเพื่อป้องกันภัยสแกมเมอร์ที่กำลังบ่อนทำลายประเทศอยู่ทุกวัน ชื่อเสียงและความเชื่อมั่นของประเทศถูกบ่อนทำลายจากการกระทำของมิจฉาชีพ กระทบการลงทุนและการท่องเที่ยว เอ็มโอยูวันนี้ไม่ใช่เป็นแต่เพียงเอกสารแต่คืออาวุธที่จะใช้ในการต่อสู้กับอาชญากรอย่างเป็นระบบเพราะนี่คือวาระแห่งชาติ รัฐบาลพร้อมสนับสนุนในทุกด้านทั้งงบประมาณ เทคโนโลยีและนโยบายทรัพยากรทุกสิ่ง เพื่อให้ปฏิบัติภารกิจปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเห็นผลจริงทั้งในระยะสั้นและยั่งยืนในระยะยาวใช้ปฏิบัติการเชิงรุก 5 ด้านนายอนุทินกล่าวอีกว่า เอ็มโอยูฉบับนี้มีจุดประสงค์เพื่อเดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุกใน 5 ด้าน คือ 1.บังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาด 2.สร้างระบบประสานงานแบบบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวกรองและการสืบสวน 3.ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องทันที ตัดเส้นทางการเงินอาชญากรไม่ให้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานฟอกเงินได้อีกต่อไป 4.ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและเอไอในการตรวจจับเส้นทางเงินและพฤติกรรมของมิจฉาชีพ และ 5.การสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนได้มีความรู้เท่าทันภาพวันนี้ชัดเจน–ไทยเอาจริงนายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ภาพที่ปรากฏวันนี้แสดงถึงความชัดเจนว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก ที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าเราไม่ได้ให้ความสำคัญ เราเป็น ส่วนหนึ่งของกระบวนการอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นเจ้าของสแกมเมอร์ เป็นผู้ที่มีส่วนร่วม คิดว่าภาพในวันนี้คงปรากฏและชัดเจนเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าไม่มีใครที่จะมีความอดทนต่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ทำร้ายประเทศไทย สิ่งที่ทุกท่านรวมถึงตัวของตนด้วยมีเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ที่จะปฏิบัติคือต้องร่วมกันปราบปรามปกป้องประชาชนชาวไทยให้ปลอดภัยจากภัยสแกมเมอร์เหล่านี้ให้ได้บัญชีม้าลดไปกว่า 25%ต่อมานายอนุทินให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่าการปราบปรามสแกมเมอร์หน่วยงานที่ไปปฏิบัติหน้าที่ เมื่อทำสำเร็จเขาไม่สามารถออกมาบอกว่าทำเมื่อไหร่ ทำกับใคร เพราะเรื่องเหล่านี้ต้องใช้งานด้านการข่าว แต่ที่ผ่านมา ยึดทรัพย์สินหลักหลายหมื่นล้านบาท ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด เพิกถอนวีซ่า เพิกถอนสัญชาติ ทำหมดทุกอย่าง ขณะนี้มีกระทรวงการคลังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเอ็มโอยู ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยแจ้งชัดเจนว่าจำนวนบัญชีม้าที่ปิดไปในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ลดลงไป 25% ชัดเจนว่างานที่เราทำอยู่ก่อให้เกิดประสิทธิผลติดขัดอะไรบอก “สมอลหนู”เมื่อถามว่าในฐานะกำกับดูแล ตร. ตอนนี้มีการเปิดเผยว่ามีบิ๊กตำรวจหลายท่านรับเงินสแกมเมอร์ จะตรวจสอบอย่างไร นายอนุทินย้อนถามว่า “มีใครใหญ่กว่าบิ๊กต่ายไหม ณ วันนี้ ถ้าไม่มีก็ไม่กังวลอะไรเพราะผมคุยกับบิ๊กต่าย และวันนี้เรามีหลายบิ๊กมารวมตัวกัน ถ้าได้รับการสนับสนุนไฟเขียว แรงยุจาก สมอลหนู ให้ท่านทำงานเพื่อประชาชน ถือเป็นหน้าที่ต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาด แจ้งไปยังทุกหน่วยงานว่าอะไรที่เราต้องการจากรัฐบาล ตนมีหน้าที่บันดาลทุกอย่างให้หน่วยงานที่ท่านกำกับดูแลไปป้องกันและปราบปรามอย่างเฉียบขาดเด็ดขาด ไม่มีหน้าอินทร์ หน้าพรหมที่ไหนทั้งสิ้นจะกล่าวหาคนใน รบ.ขอชื่อจริงเมื่อถามอีกว่ายังมีคนกล่าวหาว่าคนในรัฐบาลเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ต่อเนื่อง นายอนุทินย้อนถามว่า “ไหนละครับเอ่ยชื่อมาสิครับ” ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า วันนี้นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำข้อมูลชื่อย่อ ช. ไปให้นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาฯ นายอนุทินตอบว่า “คนที่พูดขอให้เอ่ยชื่อเลย ไหนๆจะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติแล้ว ผบ.ตร.รับรองความปลอดภัยให้ รวมถึงตนจะไปขอ ผบ.ทบ.ให้ด้วย พอพูดชื่อย่อออกมามันไม่พอ ขอชื่อจริง นามสกุลจริง เรามีหน้าที่รักษาความลับและรักษาความปลอดภัยให้ท่านอยู่แล้ว ใครที่มีหลักฐานขอให้เอ่ยชื่อดังๆแล้วเราจะไปดำเนินการ ผิดว่าไปตามผิดไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่คนเดียว”คนให้ข้อมูลอย่าไปผิดซอยเมื่อถามว่าประเมินหรือไม่ว่าทำไมผู้ที่ให้ข้อมูลถึงนำข้อมูลไปให้คณะกรรมาธิการ ไม่เอามาให้ที่รัฐบาล นายอนุทินตอบว่าเอามามอบให้ ผบ.ตร. มามอบให้ ปปง. ดีเอสไอ รมว.ยุติธรรม อย่าไปผิดซอย เมื่อถามย้ำว่าแล้วทำไมเขาถึงเอาข้อมูลไปให้กรรมาธิการ นายอนุทินกล่าวว่า สื่อก็ไปถามคนที่ให้ข้อมูลซิอย่ามาถามตน ถามอย่างนี้เพื่อประโยชน์อะไร ที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็รับซองให้ตนได้ อย่าไปยื่นประธาน กมธ.เพราะต้องไปสอบสวนไต่สวนเสียเวลา“ผบ.ต่าย” ยันมีข้อมูลเชือดทันทีด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กล่าวในพิธีลงนามเอ็มโอยูตอนหนึ่งว่า สื่อมวลชนคงจับจ้องว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะพูดอะไร เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ถูกพุ่งเป้า ในทุกองค์กรมีทั้งคนดี และคนไม่ดี ตำรวจที่ไม่ดี ยืนยันต่อสื่อมวลชนและทุกคนว่า ถ้าปรากฏข้อมูลไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือผู้ใดจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ไม่มีช่วยเหลือแน่นอน ถือเป็นไปตามข้อสั่งการของนายกฯ เพราะเป็นเรื่องที่บั่นทอนความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างยิ่งตร.ทั้ง ปท.รับไม่ได้กับคำกล่าวหาผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถูกโจมตีเรื่องภาพลักษณ์ที่ถูกกล่าวหาจากบุคคลภายนอก ขอย้ำว่าจากบุคคลภายนอกที่กล่าวหาว่าตำรวจเป็นองค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่ในประเทศไทย ขีดเส้นใต้องค์กร นั่นหมายความว่าเป็นการกล่าวหาตำรวจทั้งประเทศ เป็นการกล่าวหาที่รุนแรงมาก รู้สึกเจ็บปวด ตนอดทน ตั้งสติ และทำงานมาจากการถูกโจมตีมาโดยตลอด แต่การกล่าวหาอย่างรุนแรงเช่นนี้ เชื่อว่าตำรวจทั้งประเทศรับไม่ได้ จะกล่าวหากันอย่างไรก็ว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมาย แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้คำมั่นสัญญากับท่านนายกฯ จะมุ่งมั่นทำงาน ก้มหน้าก้มตาและจะปฏิบัติตามบันทึกความเข้าใจนี้ให้บังเกิดผลตามนโยบายของรัฐบาล และความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอนพูดได้แต่ต้องรับผิดชอบหลังเสร็จสิ้นพิธีลงนาม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ตอบคำถามสื่อถึงกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ออกมาแฉรายวันเหมือนแค้นส่วนตัวองค์กรตำรวจว่า ไม่ขอเอ่ยชื่อใคร ส่วนจะแค้นหรือไม่แค้น จะพูดรายวันก็พูดไป เราเป็นตำรวจมีหน้าที่ก้มหน้าก้มตาทำงานดีกว่า เป็นสิทธิแต่ละคนแสดงความคิดเห็น หรือแสดงสิทธิตามกฎหมาย แต่อย่างที่บอกบางประโยคหรือคำพูดที่ออกมา ต้องรับผิดชอบ เพราะอาจกระทบความรู้สึกในจิตใจของตำรวจทั้งที่รับราชการ หรือนอกราชการอย่างรุนแรง เราต้องอดทนก้มหน้าก้มตาทำงาน ส่วนมีการฟ้องร้องดำเนินคดีหรือไม่ ขอไปพิจารณาก่อน จริงๆอยากให้แต่ละคนมีหิริโอตัปปะ มีธรรมะของตัวเอง พวกเราเป็นตำรวจ คนที่ทำงานดีก็มี เรามีหน้าที่ทำงานเพื่อประชาชน อยากให้ตำรวจทุกนายทำงาน มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ ใครที่แอบแฝงอยู่ในวงการขอให้ออกมา จะเอาเรื่องทั้งหมด ใครไม่ดีให้เอาหลักฐานมาพล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวอีกว่า ตอนนี้คนที่ทำงานจะรู้สึกอย่างไร เขาทำงานเสียสละเป็นสโตรกจนล้ม นอนติดเตียง บางคนไปทำงานรบต่อสู้พิการขาขาด มองว่าไม่เป็นธรรมกับคนที่เป็นตำรวจดี คนไม่ดีก็ขอหลักฐานมา จะได้ดำเนินการตามกฎหมาย คนทำผิดมีความชัดเจนแล้วในหลายกรณี ทั้งให้ออกจากราชการ เอาผิดอาญา และเอาผิดทางวินัย เรื่องนี้ขอถือความสงบในใจเป็นหลัก เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรถึงคนที่เคยอยู่กรมปทุมวัน พล.ต.อ. กิตติ์รัฐกล่าวว่า นี่คือบ้านเรา เคยให้ที่พำนัก ให้ที่อยู่ที่กิน ให้เงินเดือน ให้อาชีพ เราต้องสำนึกบุญคุณ การกล่าวหาองค์กรเป็นเรื่องร้ายแรงและรุนแรง กระทบต่อความรู้สึกและจิตใจของตำรวจทั้งประเทศตร.อาเซียนร่วมปราบภัยออนไลน์ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพมหานคร พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กล่าวหลังเป็นประธานปิดการประชุมหัวหน้าตำรวจอาเซียน ครั้งที่ 43 ภายใต้หัวข้อ “ปฏิบัติการร่วมกันทลายแก๊งหลอกลวง ขัดขวางการฉ้อโกง และปกป้องประชาชน” (Collaboration in Action Crushing Scams, Disrupting Fraud and Protecting People) ว่า จากการที่ได้ประชุม ASEANAPOL ครั้งที่ 43 ในประเด็นเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการหลอกลวงพี่น้องประชาชน หรือคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และเกี่ยวโยงเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ปัญหาเหล่านี้คือภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ ความสงบสุข และทำลายชีวิตของพี่น้องประชาชนในทุกประเทศอย่างรุนแรง ในฐานะตำรวจต้องเร่งรัดปราบปรามให้หมดสิ้น หวังว่าผลลัพธ์ที่ได้จากการประชุมครั้งนี้จะทำให้เกิดความร่วมมือกันในการประสานงาน แลกเปลี่ยนข้อมูล และร่วมปฏิบัติการทำลายเครือข่าย/ที่ตั้งศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มขบวนการที่กระทำผิดในเรื่องของสแกมเมอร์และการค้ามนุษย์ ภายใต้บทบาทการเป็นตำรวจอาเซียน ที่มีหน้าที่ปฏิบัติการอย่างเด็ดขาดต่อกลุ่มผู้กระทำผิด และสร้างความสงบสุขให้เกิดกับพี่น้องประชาชนในประเทศเราต่อไป“โจ๊ก” มอบเส้นเงินเว็บพนันโยงบิ๊ก ต.อีกด้านหนึ่งเมื่อเวลา 13.20 น. ที่รัฐสภา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. กล่าวหลังยื่นหนังสือร้องเรียนพร้อมรายชื่อผู้เกี่ยวข้องขบวนการสแกมเมอร์ต่อนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ว่า ได้ยื่นเอกสารหลักฐานเส้นเงิน การรับผลประโยชน์จากเว็บพนันของตำรวจ 30 กว่าคนเพิ่มเติม จากก่อนหน้านี้ที่คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (กพค.ตร.) เคยชี้มูลไปแล้ว เอกสารชิ้นนี้เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ถูก พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นายกสมาคมตำรวจตำหนิ ขอฝาก พล.ต.อ.วินัยว่า ข้อมูลเรื่องนี้เคยมีหนังสือถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.67 แต่นิ่งเฉย แม้จะอ้างมีการตั้งคณะกรรมการแล้ว นอกจากนี้ ยังนำเอกสารเส้นเงินเว็บพนันที่จ่ายไปยังชุด PTC ที่ปราบปรามเว็บพนัน เกี่ยวพันกับ สส. ช. มีเส้นเงินเชื่อมโยงกัน สอดคล้องข้อมูลนายอัจฉริยะ เส้นเงินที่ยื่นต่อ กมธ.พบการโอนเงินไปยังตำรวจ 100 กว่าครั้ง ในจำนวนนี้มีการโอนเงินไปยังภริยา พี่ชาย พี่สาว และนายเวรบิ๊ก ต. แสดงให้เห็นบิ๊ก ต.เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายซัด “ผบ.ต่าย” เมินจับบิ๊ก ต.เมื่อถามว่า ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์ตำหนิที่พูดว่า ตำรวจเป็นองค์กรอาชญากรรมใหญ่สุดในประเทศ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ตอบว่า ตอนนี้สังคมมองตำรวจไม่ดำเนินการใดๆ ปราบแก๊งสแกมเมอร์ เว็บพนัน สิ่งที่พูดว่าตำรวจเป็นองค์กรอาชญากรรม ไม่ได้เหมารวมถึงตำรวจทั้งแผ่นดิน พูดถึงตำรวจบางกลุ่ม โดยเฉพาะตำรวจไซเบอร์มีหน้าที่ปราบเว็บพนัน แต่ตำรวจบางรายรับเงิน มีผลประโยชน์เว็บพนัน สิ่งที่ ผบ.ตร. ควรทำคือ รีบแก้ไขจัดการปัญหา ไม่ใช่มาโต้แย้งกับตน พอตอบคำถามไม่ได้ ก็เอาตำรวจทั้งประเทศมาพูดให้เกลียดตน โดยเฉพาะบิ๊ก ต. มีเส้นเงินโอนเข้าคนใกล้ชิดร้อยกว่าครั้ง แต่ไม่ถูกดำเนินการใดๆ มองว่า ผบ.ตร.เลือกปฏิบัติ เมื่อถามว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐระบุถึงวลี “คนบ้านปทุมวัน ไม่ควรทำร้ายบ้านตัวเอง” หมายถึงใคร พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ตอบว่า หมายถึงตนแน่นอน เพราะเป็นคนบ้านปทุมวัน จะเกลียดตนไม่เป็นไร หากรักองค์กรจริงจะต้องปกป้ององค์กร ช่วยปราบผู้ทำให้องค์กรเสื่อมเสียอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่