พูด 100 คำก็ไม่เท่า 1 เดียวทำ...เป็นแง่คิดที่นักการเมืองจะต้องจำเอาไว้หากต้องการมีอนาคตที่ดี เพราะแม้จะพูดดีพูดเก่ง แต่ผลงานไม่ปรากฏก็ป่วยการเปล่าๆ นี่เป็นสูตรมาตรฐานที่พิสูจน์ให้เห็นมาแล้ว“อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี 4 เดือนที่หวังไปยาวอีก 4 ปี กำลังรอการพิสูจน์ว่าประชาชนจะให้การสนับสนุนเขาเป็นผู้นำต่อไปหรือไม่เราผ่านผู้นำมา 2 คน ที่ต้องพ้นจากตำแหน่งมาสดๆร้อนๆ ที่เห็นชัดก็คือต่างพูดเก่งพูดดี แต่ไม่ปรากฏผลงานอย่างเป็นรูปธรรมหากไม่ถูกศาลให้พ้นจากตำแหน่งก็คงไปไม่รอด เพราะไร้ผลงาน!การเดินทางไปร่วมประชุมเอเปกที่เกาหลีใต้ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือว่าเป็นงานใหญ่ที่จะพิสูจน์ว่ามีความสามารถแค่ไหนก็วัดกันที่ผลงาน!การประชุมครั้งนี้ไทยในฐานะประเทศสมาชิกดูเหมือนจะได้รับเกียรติค่อนข้างดีทำให้มีโอกาสได้แสดงออกและการได้ร่วมพบปะกับผู้นำหลายประเทศในวงดินเนอร์พิเศษที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ร่วมอยู่ด้วยนายกรัฐมนตรีไทยได้ถือโอกาสปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติด้วยการพูดคุยแบบไม่เป็นทางการกับผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งผู้นำไทย ได้กล่าวขอบคุณสหรัฐฯที่ทำให้ไทย-กัมพูชาตกลงสันติภาพกันได้จากนั้นก็ขอให้สหรัฐฯช่วยเหลือไทยในการลดกำแพงภาษีให้น้อยลง เพราะได้รับผลกระทบมาก ซึ่ง “ทรัมป์” ก็มีไมตรีบอกว่าจะพิจารณาให้ถือว่าเป็นดีลพิเศษที่ไม่เป็นทางการ แต่ได้เนื้อได้หนังกว่าบรรดาแวดวงการทูตได้ชื่นชม “อนุทิน” ว่าได้แสดงบทบาทได้ดี คือกล้าที่จะพูดคุยกับผู้นำสหรัฐฯแบบไม่หวั่นเกรงศักดิ์ศรีแต่เพื่อประโยชน์ของประเทศจึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมและน่าพอใจยังมีอีกผู้นำคนสำคัญ “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีจีน ที่มาร่วมประชุมด้วยและมีนัดหมายจะพูดคุยกับผู้นำไทยด้วยฝ่ายไทยได้เตรียมทำการบ้านมาคือการขอให้จีนรับซื้อข้าวไทย 5 แสนตัน ซึ่งก็คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะจำนวนไม่มากนักเมื่อเทียบกับพลเมืองจีนที่มีเป็นพันล้านคนแต่ประเด็นสำคัญก็คือนอกจากเรื่องนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีไทยจะมีเรื่องอะไรที่จะให้จีนช่วยเหลืออีกก็ต้องดูกันต่อไปเพราะการแสดงออกกับ “ทรัมป์” ย่อมทำให้จีนต้องคิดเหมือนกัน เพราะบ่งบอกว่าไทยนั้นกล้าที่จะพูดกับผู้นำสหรัฐฯได้อย่างมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกันย่อมทำให้จีนต้องยอมรับ ไม่ใช่คิดว่าไทยมันก็ของตายอะไรก็ได้ พูดง่ายๆก็คือต้องให้ความสำคัญกับไทยมากกว่าที่ผ่านมาเป็นการใช้เวทีนี้ให้เป็นประโยชน์กับไทยมากที่สุด!อันบ่งบอกว่าผู้นำไทยคนนี้มีศักยภาพพอที่จะให้ทำหน้าที่ต่อไปได้หรือไม่คือพูดแล้วทำตามสโลแกนของพรรคที่สังกัดก็เป็นอย่างนี้แหละเพียงแค่ฉลาดคิดฉลาดทำก็ประสบความสำเร็จได้บนความเป็นผู้นำประเทศนั้นไม่ใช่ว่าใครก็เป็นได้ อย่างบางคนที่เป็นก็เพราะมีคนชงให้ทั้งๆที่ไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพออย่างว่าแต่เรื่องในประเทศก็เห็นๆกันอยู่แล้วเรื่องต่างประเทศมันจะได้สับปะรดอะไร!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม