“บวรศักดิ์” ตั้งวงถกแนวทาง ยกเลิกเอ็มโอยู 43-44 “ไชยชนก” เผยแจกการบ้านทุกหน่วยงานทำแผนรับผลประชามติทุกสถานการณ์ โฆษก รบ.แจงยกแรกรับฟังข้อดีข้อเสีย คาด 2 เดือนเห็นแนวทางชัดเจน “นายกฯ” นัด กกต. 24 ต.ค. ยกทีมหารือแนวทางทำประชามติรัฐธรรมนูญและเอ็มโอยูไทย-กัมพูชา พท.เปิดตัว 22 ว่าที่ผู้สมัคร สส.ลอตสองใน 12 จังหวัด สานฝันดันเป้ากวาด สส. 200 ที่นั่ง “สุริยะ” ปูดคน พท.ถูกดูดค่าตัวมหาศาล จะเข้ามา ถอนทุนขนาดไหน ย้อนอดีตคนย้ายออกสอบตกไปหลายราย “สมพงษ์” ไขก๊อกทิ้งพรรค สุดทนถูกเมิน ไม่เห็นหัว ซัดผู้มากบารมีล้วงลูกจัดตัวผู้สมัคร สส. “ไอติม” โต้ค่ายส้มกระแสตก คะแนนเสียงอยู่ที่ ปชช. ตัดสิน ส่ง “ณัฐวุฒิ” ชิงประธาน กมธ. แก้ รธน. “อภิสิทธิ์” คัมแบ็ก หน.ปชป. ดึงคู่ซี้ “ชัยวุฒิ” นั่งเลขาฯพรรคนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือแนวทางการยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก (MOU43) และบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน (MOU44) ที่ต้องนำไปจัดทำประชามติสอบถามประชาชนพร้อมการลงคะแนนเสียงวันเลือกตั้งวันที่ 29 มี.ค.2569“บวรศักดิ์” ถกแนวทางเลิก MOU43–44เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯ ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมแนวทางการยกเลิก MOU 43-44 มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาบันทึกความเข้าใจ (MOU) 2543 และ 2544 ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม นายศุภชัย ใจสมุทร เลขานุการ รมว.ยุติธรรมและโฆษกกระทรวงยุติธรรม รวมทั้งตัวแทนหน่วยงานความมั่นคงเข้าร่วมหารือข้อดีข้อเสียแนวทางการดำเนินการ ให้หน่วยงานทำข้อมูลเสนอกลับมา ภายหลังการประชุมนายบวรศักดิ์กล่าวเพียงสั้นๆว่า “ถึงเวลาจะพูด”เตรียมแผนรับผลประชามติทุกมิติด้านนายไชยชนก เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้เห็นความร่วมมือทุกภาคส่วน ทั้งความมั่นคงและรัฐบาล มั่นใจได้ว่ารัฐบาลและประเทศไทยจะมีความพร้อมมาก ไม่ว่าผลการทำประชามติจะออกมารูปแบบใด เมื่อถามถึงข้อสรุปการยกเลิก MOU 43-44 จะใช้มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือการทำประชามติ นายไชยชนก กล่าวว่า ปัจจุบันยังเป็นไปตามนโยบายรัฐบาล คือทำประชามติ หากเกิดการยกเลิก MOU หรือนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างอื่น เราพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ มั่นใจสถานการณ์จะดีขึ้นแน่ ทุกคนกำลังร่วมมือกัน ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่าที่ผ่านมาพยายามทำตามนโยบายทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้ไปศาลโลก แต่ขณะนี้ไม่ใช่ว่านโยบายของรัฐบาลจะไปสู้ในศาลโลก แต่นายบวรศักดิ์ได้ให้นโยบายว่าเราต้องพร้อม ไม่ว่าเรื่องจะไปสู่ศาลโลกหรือไม่ เพื่อให้ไทยไม่เสียเปรียบ เมื่อถามว่าแนวทางการทำประชามติ เดิมมีแค่ยกเลิกหรือไม่ยกเลิก จะเพิ่มปรับปรุง MOU ด้วยใช่หรือไม่ นายไชยชนกกล่าวว่า ยังมีอีกหลายแนวทาง ให้แต่ละฝ่ายไปทำการบ้านเพิ่มเติม MOU 2543 และ 2544 แยกศึกษาไม่ใช่เหมารวม ตรงไหนได้เปรียบหรือมีข้อกังวล ทุกอย่างจะถูกนำมาพิจารณาทั้งหมดโอ่ทุกฝ่ายสามัคคีกันดีขึ้นเมื่อถามว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงมีความกังวลอะไรหรือไม่ นายไชยชนกกล่าวว่า ทุกฝ่ายมีความเป็นห่วงและตั้งใจที่จะทำให้สถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น ยืนยันรัฐบาล กระทรวงกลาโหม หน่วยงานความมั่นคง และกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) มีความสัมพันธ์สามัคคีที่ดีขึ้นที่จะร่วมการแก้ปัญหา เมื่อถามอีกว่าแนวทางหากยกเลิก MOU จะเป็นอย่างไร นายไชยชนกกล่าวว่า ที่ประชุมหารือว่าต้องมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อเสนอข้อมูลเชิงลึก และหากมีการยกเลิกมีหลายรูปแบบ ไม่ใช่เพียงการฉีก MOU แต่ต้องกำหนดระยะเวลาการยกเลิกด้วยรับฟังข้อดีข้อเสียคาด 2 เดือนชัดนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นข้อดีและข้อเสียการคงไว้หรือยกเลิก MOU กองทัพเสนอถึงประโยชน์และผลในทางปฏิบัติของ MOU กระทรวงการต่างประเทศจะใช้การเจรจาพูดคุยกับกัมพูชา แต่ยังมีบางประเด็นอาจต้องปรับปรุงทางปฏิบัติ นัดแรกยังไม่มีการประเมินสถานการณ์ หรือข้อกังวลจากฝ่ายความมั่นคง นายกฯยังไม่ได้หยิบยกประเด็นใดมาหารือ คาดว่าภายใน 1-2 เดือนน่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไรกับ MOU 43 และ44 ในที่ประชุมสอบถามถึงท่าทีของสหรัฐฯ แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันใดๆ กต.รายงานขั้นตอนการดำเนินงานเพิ่มเติม นายกฯจะไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน วันที่ 25-28 ต.ค. ที่มาเลเซีย และจะเดินทางต่อไปยังเกาหลีใต้เข้าร่วมประชุม APEC วันที่ 29 ต.ค.นายกฯนัด กกต.ถกทำประชามติผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกฯ ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ นร 0403 (กน)/10969 วันที่ 17 ต.ค. เรื่อง ขอเข้าพบหารือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรียนเลขาธิการ กกต. ด้วยนายกฯประสงค์จะนำคณะเพื่อขอเข้าพบหารือแนวทางการจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และการยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก (MOU43) และบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน (MOU44) ในวันลงคะแนนเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไป วันที่ 24 ต.ค.เวลา 09.00-11.00 น. ที่สำนักงาน กกต.พท.เปิดตัวลอต 2 มั่นใจเป้า 200 สส.เมื่อเวลา 10.20 น.ที่พรรคเพื่อไทย (พท.)นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผอ.การเลือกตั้งพรรค พท. พร้อมนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรค เปิดตัวผู้เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.เพิ่มเติม 22 ราย แกนนำพรรคสวมแจ็กเกตพรรคให้ผู้เสนอตัวทุกคน โดยนายสุริยะกล่าวว่า พรรค พท.ตั้งเป้าหมายเลือกตั้งครั้งหน้า 200 คน เราเปิดตัวไปแล้ว 183 คน เปิดตัวเพิ่มอีก 22 คนใน 12 จังหวัด หน้าตาแต่ละคนผ่องใสราศีจับ เชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบสนองจากประชาชน ที่สุดคือผู้สมัครทุกท่านต้องลงพื้นที่ทำงานหนัก เอานโยบายไปถึงประชาชน อยู่การเมืองมานาน การมีหัวหน้าพรรคพรรคหนึ่งบอกว่าก่อนเลือกตั้งจะย้ายพรรคกันมากเป็นปกติ มันไม่ปกติเพราะการย้ายพรรคต้องเกิดจากกระแสพรรคไม่ดี แต่ครั้งนี้มีการเสนอตัวเลขให้ สส.พรรคเรา บางท่านหวั่นไหวย้ายพรรคไป ที่เหลืออยู่เพราะเชื่อมั่นว่ากระแสเราดี บางท่านลงไปในพื้นที่ได้รับเสียงสะท้อนจากประชาชนว่าถ้าย้ายพรรคเขาไม่เลือกแน่ การเมืองที่ต้องใช้เงินใช้ทองซื้อตัว สส.น่าเสียใจอย่างยิ่ง หวังว่า สส.ที่อยู่กับเราจะชนะ ในอดีตพิสูจน์ให้เห็นแล้วย้ายออกไปแล้วสอบตกหลายท่าน“สุริยะ” อุบตัวเลขทุ่มซื้อ สส.มหาศาลต่อมานายสุริยะให้สัมภาษณ์ถึงตัวเลขการซื้อ สส.พรรค พท.เปิดเผยตัวเลขได้หรือไม่ว่า สส.พรรคให้ข่าวตนว่าเป็นตัวเลขค่อนข้างมหาศาล แต่อย่าให้ลงตัวเลขชัดเจน เพราะตัวเลขน่าตกใจ หากเขาจ่ายขนาดนี้เลือกตั้งเข้ามาเขาจะถอนทุนคืนขนาดไหน แต่เชื่อว่าหากพรรค พท.เสนอนโยบายที่จะช่วยประชาชนได้จริง จะได้ สส.ตามที่เคยตั้งเป้าเอาไว้ 200 คนบวกลบ 10% จากที่ติดตามโซเชียลมีเดียมาความนิยมของพรรคประชาชนคู่แข่งของเราลดลง เมื่อถามว่ามีผลสำรวจพรรค พท.จะกลายเป็นพรรคอันดับกลาง นายสุริยะกล่าวว่า กระแสที่เรามีปัญหาเรื่องการสู้รบกับประเทศกัมพูชา ยังไม่เห็นว่ามีอะไรทำให้กระแสตกต่ำได้เช่นนี้ เชื่อมั่นว่าช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ประชาชนจะเริ่มเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าถ้าทำประชามติยกเลิก MOU จะเรียกกระแสนิยมให้พรรครัฐบาล นายสุริยะกล่าวว่า เรื่องนั้นจะเป็นเรื่องที่สาธารณชนใช้วิจารณญาณได้ว่าสิ่งที่ทำไปแล้วเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติหรือไม่ หากเป็นประโยชน์ต่อประเทศ เชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไรมั่นใจกระแสยังดีชนะคนทิ้งพรรคเมื่อถามถึงคนออกจากพรรคไปวิจารณ์ว่าแม้พรรค พท.จะยกเครื่อง แต่เป็นเครื่องที่พังแล้ว ยังมั่นใจยุทธศาสตร์เลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายสุริยะกล่าวว่า ยังเชื่อมั่น เพราะกรณีนายโกศล ปัทมะ สส.นครราชสีมา ไปเปิดตัวกับพรรค ภท.ได้คุยกับน.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล แกนนำพรรค พท. มั่นใจคนใหม่ของเราจะชนะ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯจะเป็นช่วงพรรคกำลังพูดคุยกันอยู่ เมื่อถามถึงกระแสไปพูดคุยกับนายวราวุธ ศิลปอาชา สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.)ให้มาเป็นแคนดิเดตของพรรค พท. นายสุริยะกล่าวว่า ไม่ได้ยินตรงนั้น เมื่อถามว่าบางกระแสมีชื่อนายสุริยะด้วย นายสุริยะหัวเราะตอบว่า ไม่มีคุยกันถึงตรงนั้น ส่วนการเลือกตั้งซ่อม จ.กาญจนบุรี นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ อดีต รมช.คมนาคม ดูแลพื้นที่ผู้สมัครศรีสะเกษฟิตปราบงูเห่าผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นผู้สมัคร สส.ออกมาแนะนำตัวและให้คำมั่นสัญญาจะดูแลรับใช้ประชาชน เช่น นายมานพ จรัสดำรงค์นิตย์ ผู้เสนอตัวลงสมัคร สส.ศรีสะเกษ พรรค พท.กล่าวช่วงหนึ่งว่า ในนามตัวแทนชาวศรีสะเกษ เป็นศิษย์เก่าพรรคไทยรักไทย ขออาสาเป็นคนตัวเล็กคนหนึ่งที่จะไปปราบงูเห่า ทั้งนี้ ว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรค พท. ประกอบด้วยนายธนรัช จงสุทธานามณี เสนอตัวลงสมัคร สส.เชียงราย นายชัยณรงค์ ภู่พิศิษฐ์ ลงสมัคร สส.ลำพูน นายวราทิต ไชยนันทน์ ลงสมัคร สส.ตาก น.ส.ปิยธิดา บุตรกาล ลงสมัคร สส.มุกดาหาร นายวีระศักดิ์ โคตรสมบัติ ลงสมัคร สส.ยโสธร นายวรฉัตร พงศ์ธีระดุลย์ ลงสมัคร สส.ชัยภูมิ น.ส.วิเมลือง แก้วศิริ ลงสมัคร สส.ชัยภูมิ นางพัชราวรรณ ภิญโญ ลงสมัคร สส.นครราชสีมา นางนารดา อึ้งสวัสดิ์ ลงสมัคร สส.นครราชสีมา นายมานพ จรัสดำรงนิตย์ ลงสมัคร สส.ศรีสะเกษส่ง “ภูผา–นพวิชญ์” ลงชิง สส.กทม.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมเกียรติ คำดำ ลงสมัคร สส.ปราจีนบุรี นายคงกฤช หงษ์วิไล ลงสมัคร สส.ปราจีนบุรี นายสุทิน นพขำ ลงสมัครสส.ปทุมธานี นายธนากร ปราณีนิตย์ ลงสมัคร สส.นครพนม นายชาญชัย คำจำปา ลงสมัคร สส.นครพนม สำหรับผู้เสนอตัวลงสมัครเลือกตั้ง กทม.มีทั้งสิ้น 7 คน คือนายนพวิชญ์ ไทยแท้ หรือภูผา อดีตดารานักแสดงสังกัดช่อง 3 นายแมน เจริญวัลย์ นายขจรศักดิ์ ประดิษฐาน นายธกร เลาหพงศ์ชนะ นายกวีวงศ์ อยู่วิจิตร น.ส.เสาวนีย์ คงวุฒิปัญญา และนายสายัณห์ จันทร์เหมือนเผือก“สมพงษ์” สุดทนไขก๊อกทิ้ง พท.วันเดียวกัน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. อดีตหัวหน้าพรรค พท.เปิดเผยว่า ตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรค พ้นสส.บัญชีรายชื่อ ให้ทีมงานไปยื่นต่อ กกต.แล้ว ไม่เกี่ยวว่าพรรคเป็นฝ่ายค้านหรือกระแสตก เหตุผลมาจากการบริหารจัดการภายในที่สะสมมานาน ภาคเหนือตอนบนตนมีส่วนจัดการมาตลอดก่อนถูกลดบทบาท จนไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้เลย จ.เชียงใหม่ ล่าสุดได้ สส.เพียง 2 เขต จุดเปลี่ยนพรรคส่งนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร เป็นนายก อบจ.ถึง 2 สมัย แต่กลับทำงานไม่เห็นหัวใคร ไม่เคยประสาน สส.ที่ไม่ใช่พวก มันเลยพังอย่างที่เห็นจุดแตกหักสุดท้ายพรรคมอบหมายให้เฟ้นหาผู้มีศักยภาพเสนอตัวเป็นผู้สมัคร สส.เขต 1 จ.ลำพูน แต่สุดท้ายเลือกคนอื่น ไม่แม้แต่จะนำชื่อคนที่ตนไปชักชวนมาพิจารณา เพราะผู้มากบารมีในพรรคบางคนมาล้วงลูก ไม่ทำโพล กระแสพรรคเป็นแบบนี้การวางตัวผู้สมัคร สส.ต้องละเอียดมากที่สุด เชื่อว่า สส.ส่วนใหญ่อึดอัด แต่ผู้บริหารพรรคมองไม่เห็น ทั้งที่การเลือกตั้งทั้ง สส.หรือท้องถิ่นฟ้องอยู่ว่าพรรคอยู่ในสถานการณ์ลำบากรับใจหาย–ปัดไม่ได้ถูกดูดนายสมพงษ์กล่าวว่า ไม่ได้หารือนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรค เขามีแนวทางของตัวเอง ไม่อยากให้มองว่าตนทิ้งพรรคในวันที่พรรคตกต่ำ ทุ่มเทเต็มที่ให้พรรคและครอบครัวชินวัตรมาตลอด ยอมรับใจหายเเละเสียใจอย่างยิ่ง เพราะร่วมบุกเบิกมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ต้องขอกราบขอบพระคุณนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้ร่วมอุดมการณ์ของพรรค ตนอายุ 84 ปี ความจริงคิดจะพักผ่อน ให้การเมืองเป็นเรื่องคนรุ่นใหม่ แต่มีหลายเรื่องยังคั่งค้างอยากผลักดันก่อนวางมือ หากมีใครเห็นความสำคัญ ความรู้ประสบการณ์อาจไปช่วยเสริมบางมิติให้นักการเมืองรุ่นลูกรุ่นหลานที่ปรึกษาก็พร้อมยินดี แต่ยืนยันไม่ได้ถูกพรรคไหนดูด แม้มีคนรู้จักสนิทสนมคุ้นเคยหลายพรรค แต่คงไม่มีพรรคไหนกล้ามาดูด“สรวงศ์” เสียดายคนเก่า แต่ห้ามไม่ได้นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว เลขาธิการพรรค พท. กล่าวว่า พรรค พท.มีความแตกต่างจากพรรคอื่น เรื่องช่องว่างระหว่างวัย นายสมพงษ์เป็นผู้ใหญ่ในพรรค ค่อนข้างเสียใจที่ตัดสินใจแบบนี้ ได้คุยกับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ลูกชายนายสมพงษ์ พูดมาหลายรอบแล้วว่านายสมพงษ์อยากพัก ด้วยวัย 80 กว่าปี นายจุลพันธ์รับทราบแจ้งพรรคแล้ว พยายามพูดคุยแต่ทุกอย่างเข้ากระบวนการแล้วต้องเลื่อนลำดับขึ้นมา จ.เชียงใหม่เป็นฐานที่มั่นพรรคมาตลอด แต่ถูกพรรคก้าวไกลชิงพื้นที่ไปพอสมควร พรรคได้แค่ 2 เขต นายสมพงษ์เป็นผู้ใหญ่ใน จ.เชียงใหม่ อาจน้อยใจ ส่วนเลือด พท.จะไหลออกอีก คงห้ามไม่ได้ เป็นวัฏจักรทางการเมือง มีคนเข้าออกตลอดเวลาเป็นปกติ วันนี้มีเลือดใหม่ๆเข้ามา แต่คนที่พิจารณาตัวเองแล้วว่าไม่มีความสามารถช่วยพรรคแล้วก็ออกไปยกเครื่องเพื่อพัฒนาไม่ใช่เครื่องพังนายสรวงศ์กล่าวว่า ทุกบ้านมีปัญหาหมด อาจมองพรรครัฐบาลชื่นมื่น แต่ทุกองค์กรที่มีบุคลากรเยอะๆมีปัญหาหมด แม้วันนี้มีบุคลากรไหลออก แต่ยืนยันจะทำงานเต็มที่ การยกเครื่องต้องใช้เวลา ไม่ใช่เครื่องพังแล้วยกเครื่อง เครื่องอาจเดินปกติแต่อยากพัฒนาให้ดีขึ้น ทุกสิ่งมีการเปลี่ยนแปลง เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ หัวหน้าพรรค พท.ไม่มางานเปิดตัวผู้สมัคร สส.พรรค นายสรวงศ์ตอบว่า หัวหน้าพักผ่อนบ้าง หนักหนาสาหัสสากรรจ์มาพอสมควร ไปชาร์จแบต พร้อมกลับมาทำหน้าที่ผู้นำพรรค พท.สู้ศึกต่อไป“โกศล” หยันไหลออกอีกหลายคนนายโกศล ปัทมะ สส.นครราชสีมา พรรค พท.กล่าวถึงการย้ายพรรคไปเปิดตัวอยู่พรรค ภท. ว่าการที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผอ.การเลือกตั้งพรรค พท. ระบุมีการใช้เงินดูด สส.ออกไป ส่วนตัวไม่ได้ไปต่อกับพรรค พท. ไม่มีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้อง เป็นความรู้สึกเหมือนนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ สส.อึดอัดการบริหารจัดการพรรค ได้คุยกับนายสุริยะตอนโทร.มาหาให้ไปร่วมเปิดตัวเป็นผู้สมัครพรรค พท.แต่ไม่ได้ไป เพราะไม่ต้องการรับทรัพยากรจากพรรค พท. พรรคจะได้มีเวลาคัดเลือกตัวผู้สมัคร จะแพ้หรือชนะอยู่ที่ประชาชนตัดสินใจ ฝากผู้บริหารพรรคดูแล สส.ให้ดี ให้รับฟัง ยังมี สส.รู้สึกไม่อบอุ่น อนาคตอาจไม่ไปต่อกับพรรค พท.อีกหลายคน“ไอติม” โต้ “สุริยะ” คะแนนเสียง ปชช.ตัดสินเมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรค ปชน. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผอ.การเลือกตั้งพรรค พท. บอกคะแนนนิยมพรรค ปชน.ลดลง ไปเพิ่มคะแนนให้พรรค พท.ว่า เป็นความเห็นนายสุริยะ คะแนนพรรคไหนขึ้นอยู่กับประชาชน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับนายสุริยะ ส่วนพี่ชายนายก อบจ.ลำพูน ไปเป็นผู้สมัครพรรค พท. ครอบครัวเดียวกันอาจสังกัดคนละพรรค ลงสมัคร สส.คนละพรรคเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องเข้าใจได้ว่าบุคคลในครอบครัว อาจชุดความคิดทางการเมืองไม่เหมือนกัน เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรค ปชป. นายพริษฐ์กล่าวว่า ไม่รู้เลย ยังไม่ได้พูดคุยกับนายอภิสิทธิ์เลยส่ง “ณัฐวุฒิ” นั่ง ปธ.กมธ. แก้ รธน.นายพริษฐ์กล่าวว่า การประชุมคณะ กมธ.วิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญนัดแรก จะมีขึ้นวันที่ 20 ต.ค.จะพิจารณากรอบเวลาเป็นหลัก ต้องทำงานให้เสร็จสิ้นใน 2 เดือน เพื่อส่งกลับรัฐสภา พิจารณาต่อวาระ 2-3 ให้ทันกรอบเวลาและทำประชามติพร้อมการเลือกตั้งได้ทัน การเสนอชื่อประธาน กมธ.เมื่อใช้ร่างพรรค ปชน.เป็นร่างหลัก ประธานควรมาจากพรรค ปชน. จะเสนอชื่อนายณัฐวุฒิ บัวปทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. แต่ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุม ตัวแปรสำคัญตอนนี้คือ พ.ร.บ.ประชามติฉบับใหม่จะโปรดเกล้าฯหรือไม่ จะรู้อย่างชัดเจนวันที่ 3 พ.ย. ถ้ามีการโปรดเกล้าฯลงมา จะทำให้เป็นไปตามไทม์ไลน์ ผ่านวาระ 3 ช้าสุดกลางเดือน ม.ค.69 ส่วนคำถามประชามติ ไม่มีอะไรซับซ้อน หากร่างที่กำลังพิจารณากันอยู่ผ่านวาระ 3 ประชามติรอบแรกจะมี 2 คำถาม เมื่อถามถึงข้อกังวลการได้มาซึ่ง ส.ส.ร.อาจขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อาจมีคนไปยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้กระบวนการล่าช้า นายพริษฐ์กล่าวว่า ยืนยันถ้าทั้ง 3 พรรคหนักแน่นว่าไม่ร้อง ก็ไม่มีใครร้องได้โวยอย่ายกหมวด 1–2 มาโจมตีเมื่อถามถึงข้อกังวลเรื่องหมวด 1 หมวด 2 อาจทำให้ถูกคว่ำในวาระ 3 ได้ นายพริษฐ์กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของสมาชิกรัฐสภาและ กมธ.ต้องหารือว่าจะระบุไว้เหมือนรัฐธรรมนูญปี 60 หรือไม่ เป็นคนละเรื่องกับข้อกล่าวหาที่ว่าการเปิดให้พิจารณาหมวด 1 หมวด 2 ได้ เท่ากับล้มล้างการปกครอง รัฐธรรมนูญปี 60 เปิดให้แก้ไขถ้อยคำในหมวด 1 หมวด 2 ได้ แต่ต้องไปทำประชามติก่อน มีความเห็นต่างกันได้ แต่ไม่มีส่วนไหนที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง หากในอนาคตรัฐธรรมนูญหมวดอื่นๆ มีการปรับปรุงเนื้อหาอาจต้องปรับปรุงบางถ้อยคำในหมวด 1 หมวด 2 เพื่อให้สอดคล้องกับหมวดอื่น จะไม่กระทบสาระสำคัญระบอบการปกครองในรูปแบบรัฐ ซึ่งถูกล็อกไว้อยู่แล้วเพียงแต่ทำให้เนื้อหาแต่ละหมวดสอดรับกันเท่านั้น จึงไม่ควรหยิบยกเรื่องนี้มาเป็นประเด็นมาโจมตี แน่นอนว่าวาระ 3 ต้องอาศัยเสียง สว. แต่เชื่อว่า กมธ.จะทำด้วยเหตุและผล เป็นโอกาสดีที่จะได้ทำความเข้าใจกับ สว.โดยตรง“มาร์ค” นั่ง หน.ปชป.ชง “ชัยวุฒิ” เลขาฯผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่จัดประชุมใหญ่วิสามัญวันที่ 18 ต.ค.เพื่อเลือกตั้งหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ชัดเจนว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคคนที่ 7 จะสมัครลงเป็นหัวหน้าพรรค ปชป.คนที่ 10 พร้อมจัดวางทีมผู้บริหารพรรคชุดใหม่ โดยเฉพาะตำแหน่งเลขาธิการพรรคที่ให้สิทธิหัวหน้าพรรคเสนอชื่อ คาดว่านายอภิสิทธิ์จะเสนอชื่อนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ อดีตรองหัวหน้าพรรคภาคเหนือและอดีต รมว.อุตสาหกรรม มารับเก้าอี้แม่บ้านพรรคคนใหม่ เพราะนายอภิสิทธิ์สนิทสนมไว้วางใจมานาน ส่วนคณะ กก.บห.พรรคตำแหน่งหลัก นายอภิสิทธิ์คัดกรองทีมด้วยตัวเอง ผสมผสานทั้งคนเก่าคนใหม่ จะเปิดตัวพร้อมกันทั้งคณะหลังนายอภิสิทธิ์ได้รับเลือกจากที่ประชุมให้เป็นหัวหน้าพรรคแล้วดึง “จุรี นุ่มแก้ว” ดาวติ๊กต่อกร่วมทีมผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายชื่อผู้บริหารพรรคบางส่วนมีชื่อนายสกลธี ภัทธิยกุล อดีตรองผู้ว่าฯ กทม.เป็นรองหัวหน้าพรรค ดูแล กทม. นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร อดีต สส.นครสวรรค์ เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ นายสาธิต ปิตุเตชะ อดีตรองหัวหน้าพรรคภาคกลาง จะมาเป็นรองหัวหน้าพรรคภาคกลาง ส่วนรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ นายชัยชนะ เดชเดโช รักษาการรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ และนางการดี เลียวไพโรจน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอนาคตศาสตร์และสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นรองหัวหน้าพรรคตามภารกิจ และนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า มาเป็นรองหัวหน้าพรรคตามภารกิจ ทั้งนี้ นายจุรี นุ่มแก้ว ดาวติ๊กต่อกชื่อดังในสื่อโซเชียลจะมานั่งรองหัวหน้าพรรคตามภารกิจ และมีชื่อนายพงศกร ขวัญเมือง หรือเอิร์ธ บุญชาย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ คาดว่าจะมาเป็นโฆษกพรรคประชาธิปัตย์สว.สำรองร้อง MOA ปชน.–ภท.ขัด รธน.เมื่อเวลา 09.30 น.ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล สว.สำรอง พร้อมคณะ สว.สำรองและทีมทนายความ เข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งให้หยุดกระทำการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคสอง นายอัครวัฒน์กล่าวว่า การทำเอ็มโอเอของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคปชน.และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท.เซาะกร่อน บ่อนทำลาย กระทำขัดต่อระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำให้ระบบรัฐสภาถูกบิดเบือนจากกลุ่มบุคคลสองกลุ่มนี้ที่ใช้ช่องทางนี้แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการเมือง หากศาลได้รับคำร้อง เชื่อว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอและมีน้ำหนักให้ศาลมีคำสั่งให้หยุดกระทำได้ พยานหลักฐานยึดโยงสำนวนคดีฮั้ว สว.ด้วย ขอเตือน “มือที่มองไม่เห็น” สายสีน้ำเงิน หรือ “รัฐบาลนายอนุทิน” ห้ามไปแทรกแซงยุ่งเหยิงพยานหลักฐานในสำนวนของ กกต.คดีฮั้ว สว. เพราะจะใช้อำนาจศาลเรียกสำนวนมาศาล ตรวจสอบได้ว่าสำนวนคดีมีพิรุธขั้นตอนใด อาจมีคนติดคุกเพิ่ม สงสัยว่าตั้งคณะอนุกรรมการวินิจฉัย คณะที่ 36 มาเพื่ออะไร เมื่อ กกต.ตั้งคณะอนุกรรมการวินิจฉัย 35 คณะก่อนหน้านี้ดีเอสไอรอประชุมร่วมอัยการคดีฮั้ว สว.เมื่อเวลา 14.30 น. ที่กระทรวงยุติธรรม พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงความคืบหน้าคดีพิเศษที่ 24/2568 กรณีการสมคบกันความผิดฐานฟอกเงินของบุคคล หรือคณะบุคคลที่กระทำความผิดฐานอั้งยี่ฯ ตามมาตรา 209 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องหรือคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว.ว่า ระหว่างนี้ยังคงอยู่ระหว่างไล่ตรวจสอบเส้นทางการเงินและจะประชุมร่วมกับพนักงานอัยการเร็วๆนี้ อยู่ระหว่างนัดหมาย ถ้ามีหลักฐานว่าเป็นการโอนเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด จะดำเนินคดี เมื่อถามถึงการสอบพยาน 1,200 ราย ที่ดีเอสไอสอบสวนขบวนการฮั้ว สว.คืบหน้าอย่างไร อธิบดีดีเอสไอกล่าวว่า มีสอบพยานไปบางส่วน แต่เมื่อมาพิจารณาคำให้การของพยานแล้วไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากนัก ต้องนำไปประชุมร่วมกับพนักงานอัยการ ส่วนต้องพิจารณาดำเนินคดีขัดหมายเรียกพยานกลุ่ม จ.บุรีรัมย์ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ให้ความร่วมมือเข้าให้ปากคำหรือไม่ ต้องประชุมร่วมกับพนักงานอัยการอ้อมแอ้มเขากระโดงอยู่ในขั้นสืบสวนเมื่อถามถึงเรื่องสืบสวนที่ 97/2568 กรณีบุกรุกที่ดินเขากระโดง ต.เสม็ด และ ต.อิสาณ จ.บุรีรัมย์ ที่ดีเอสไอยังคงไม่รับเป็นคดีพิเศษ ติดอุปสรรคอะไรหรือไม่ พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวว่า เขากระโดงยังคงเป็นเรื่องสืบสวน ยังไม่ได้รับเป็นคดีพิเศษ แต่มีการแสวงหาพยานหลักฐาน มีการสอบถามข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยเฉพาะมีการร้องเรื่องบุกรุกและเอกสารสิทธิ การออกเอกสารสิทธิเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ดูเบื้องต้นพบว่ามีการออกมานานหลายสิบปีแล้ว จะไปพิจารณาดูว่าเป็นการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่หรือไม่ ถ้าเกิน 20 ปีจะขาดอายุความ แต่จะเป็นความผิดหรือไม่ ต้องรวบรวมพยานหลักฐานอีกส่วนหนึ่ง“วรรณพงษ์” พร้อมสางปัญหาแรงงานที่กระทรวงแรงงาน พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เข้ารับตำแหน่งปลัดกระทรวงแรงงานวันแรก มีผู้บริหารกระทรวงนำข้าราชการต้อนรับ โดย พ.ต.ท.วรรณพงษ์กล่าวว่า พร้อมทำหน้าที่ขับเคลื่อนนโยบายด้านแรงงานและพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้ทันสมัย ปัญหามากมายที่ต้องแก้ไขทั้งการขาดแคลนแรงงานข้ามชาติ การเลิกจ้าง การทุจริตในสำนักงานประกันสังคม ทุกองค์กรมีประเด็นปัญหาต้องแก้ไขอยู่แล้ว จึงต้องแก้ไปตามกระบวนการและสื่อสารให้สังคมเข้าใจ ต้องทำอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้แรงงานอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่