เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะ “อนุทิน” ในโอกาสเข้ารับหน้าที่นายกรัฐมนตรีและ รมว. มหาดไทย ย้ำร่วมมือไทยปราบสแกมเมอร์และสนับสนุน ให้ทั้งสองประเทศใช้กลไกที่มีอยู่เจรจาแก้ไขปัญหาไทย- กัมพูชา ให้ยุติลุล่วงด้วยดี ด้านชาวเกาหลีใต้ 2 คนเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์และถูกกัมพูชาควบคุมตัวถูกส่งกลับประเทศแล้ว อีก 60 คนถูกควบคุมตัวถูกส่งกลับวันต่อมา ขณะที่ 80 คนสูญหายในกัมพูชายังไม่ทราบชะตากรรม ด้านประธานาธิบดีเกาหลีใต้มีคำสั่งฉุกเฉินให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติไล่ลบโฆษณาออนไลน์ในโลกโซเชียล ลวงชาวเกาหลีใต้ ไปทำงานในกัมพูชา มูลนิธิอิมมานูเอลนำ 6 คนไทย เหยื่อแก๊งคอลถูกลวงให้สมัครงานออนไลน์ผ่าน Face book และ TikTok ร้องทุกข์กับกรมสอบสวนคดีพิเศษแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชาต้องกลายเป็นนกกระจอกแตกรังเผ่นหนีกระเจิง เมื่อมีการกวาดล้างปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ในเมืองสีหนุวิลล์กลางดึก ทำให้แก๊งเหล่านี้ต้องเร่งอพยพคนจำนวนมากเผ่นหนีการจับกุม ภายหลังทีมเฉพาะกิจของทางการเกาหลีใต้ นำโดย น.ส.คิม จินา รมช.ต่างประเทศเกาหลีใต้ บินด่วนมาหารือกับรัฐบาลกัมพูชาให้ดำเนินการกวาดล้างจับกุมขบวนการค้ามนุษย์ และลงพื้นที่ตรวจสอบคอมเพล็กซ์ สแกมเมอร์ ใหญ่ที่สุดของกัมพูชา ที่ จ.ตาแก้ว กัมพูชา แต่แก๊งสแกมเมอร์เผ่นหนีไปก่อนที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 17 ต.ค.นายจาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในโอกาสเข้ารับหน้าที่นายกฯ โดยนาย อนุทินแสดงความยินดีที่ได้ต้อนรับ ย้ำมิตรภาพไทย-จีน แนบแน่นยาวนาน 50 ปี รัฐบาลมุ่งมั่นผลักดันความร่วมมือให้เติบโตในทุกมิติ เอกอัครราชทูตจีนได้นำความปรารถนาดีและคำอวยพรจากนายหลี่ เฉียง นายกฯสาธารณรัฐประชาชนจีนถึงนายกฯมิตรแท้ที่ประชาชนทั้งสองฝ่ายตระหนักดี “ไทย-จีน ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” จะยังคงสานต่อความสัมพันธ์ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมชื่นชมการทำงานนายกฯที่มุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจ พร้อมทั้งอวยพรให้นายกฯและรัฐบาลชุดใหม่ประสบความสำเร็จในการบริหารประเทศ สร้างความมั่นคงและความผาสุกให้ประชาชน โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทั้งด้านการส่งออกสินค้าเกษตรไทย โดยเฉพาะการพิจารณานำเข้าข้าวจากไทยมีรายงานว่า เอกอัครราชทูตจีนให้ความสำคัญต่อการนำเข้าสินค้าเกษตรคุณภาพสูงจากไทย โดยเฉพาะข้าวและผลไม้ ด้านโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า การเชื่อมโยงระบบคมนาคมระหว่างไทย-จีน-ลาว เชื่อมั่นว่าจะเป็นเส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจของภูมิภาค จีนพร้อมสนับสนุนไทยพัฒนาอุตสาหกรรมสมัยใหม่ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว พลังงานใหม่ ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้านความมั่นคงและอาชญากรรมข้ามชาติ ด้านนายกฯยืนยันไทยพร้อมให้ความร่วมมือจริงจัง การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและกลุ่มสแกมเมอร์ในภูมิภาค ที่สร้างความเสียหายต่อประชาชน นายกฯยังได้เน้นย้ำด้วยว่า ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 5 ในเดือน ธ.ค.68นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายกฯกล่าวย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญสูงสุดต่อการรักษาอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดน พร้อมร่วมมือในกรอบอาเซียนเพื่อสร้างความเข้าใจและรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ไทยยึดมั่นในหลักสันติวิธีและจะดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ ด้านเอกอัครราชทูตจีนกล่าวว่า จีนมีท่าทีที่เป็นกลางต่อสถานการณ์ดังกล่าว และสนับสนุนให้ทั้งสองประเทศใช้กลไกที่มีอยู่เจรจาแก้ไขปัญหาอย่างสันติ เพื่อรักษาเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาควันเดียวกันที่หน้าห้องประชุม 10-09 (Audi torium) ชั้น 10 อาคารกระทรวงยุติธรรม มูลนิธิอิมมานูเอล นำตัวแทนผู้เสียหาย จำนวน 6 ราย ซึ่ง 1 ในนี้มีเยาวชนรวมอยู่ด้วย เข้าร้องเรียนกับ พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ดำเนินการช่วยเหลือผู้เสียหาย 128 ราย ที่ถูกขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงให้สมัครงานออนไลน์ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook และ TikTok ที่โพสต์ข้อความรับสมัครงานทั่วไป ในลักษณะงานที่คนไทยคุ้นเคย เช่น งานแม่บ้าน พ่อครัว งานขนส่ง งานแอดมิน ฯลฯ เสนอค่าจ้างระหว่าง 12,000-30,000 บาทต่อเดือน เมื่อมีผู้สนใจสมัคร ขบวนการจะเชิญเข้ากลุ่มไลน์ หรือเทเลเเกรม สร้างสมาชิกปลอมโพสต์ข้อความหลอกให้เชื่อว่ามีผู้สมัครงานจริง เช่น ภาพการเดินทาง ภาพสำนักงาน หรือภาพบัตรประชาชนพร้อมเงินสดของผู้สมัครคนอื่นๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือจากนั้นจะมีนายหน้าติดต่อมาให้ผู้เสียหายเปิดบัญชีธนาคารหลายบัญชี อ้างว่าเป็นบัญชีรับเงินเดือน หรือบัญชีค่าใช้จ่ายในการทำงาน แต่แท้จริงแล้วถูกนำไปใช้ฟอกเงินและกระทำผิดทางเทคโนโลยี (บัญชีม้า) เมื่อดำเนินการเปิดบัญชีแล้ว ขบวนการจะอ้างว่าสำนักงานในกรุงเทพฯเต็ม จึงให้ผู้เสียหายเดินทางไปฝึกงาน ที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ติดชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนพาข้ามแดนทางช่องทางธรรมชาติไปยังประเทศกัมพูชา เมื่อถึงปลายทางในประเทศกัมพูชาผู้เสียหายจะถูกยึดบัตรประชาชนและโทรศัพท์มือถือ บังคับให้เปิดเผยรหัสผ่านบัญชีธนาคาร ถูกกักขัง และบังคับให้ทำงานในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงคนไทยรายอื่นให้โอนเงิน ผู้ที่ไม่ยอมทำตามจะถูกข่มขู่ ทำร้ายร่างกายหรือทรมานทางจิตใจ ภายหลังกลับประเทศไทยยังถูกดำเนินคดีฐานสนับสนุนการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีและฟอกเงิน ทั้งที่เป็นผู้ถูกหลอกและตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม ได้รับเรื่องด้วยตัวเองและสั่งการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวและจะมอบหมายให้กองคดีการค้ามนุษย์ ดำเนินการสืบสวนสอบสวนว่า การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายคดีค้ามนุษย์และอาชญากรรมข้ามชาติ จะได้รับเป็นคดีพิเศษเพื่อสืบสวนขยายผลถึงเครือข่ายที่อยู่เบื้องหลังต่อไปด้านนายเอ (นามสมมติ) หนึ่งในผู้เสียหาย ที่ถูกหลอกไปทำงานในกลุ่มคอลเซ็นเตอร์และถูกทำร้ายร่างกายอย่างทารุณก่อนหนีออกมาได้ กล่าวว่า มีคนชักชวนผ่านเฟซบุ๊กอ้างว่ามีงานตำแหน่งบัญชี เห็นว่าน่าสนใจจึงติดต่อไปและถูกนัดให้ไปเจอที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน จ.สระแก้ว ก่อนมีรถมารับพาข้ามฝั่งไปปอยเปต กัมพูชา เมื่อไปถึงเริ่มสงสัยพอสอบถามรายละเอียดงานว่าต้องทำอะไรบ้าง กลับถูกผู้ดูแลชาวกัมพูชาใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตตามตัว ใช้กระบองตี เพราะรำคาญที่ถูกถามมากเกินไปและบอกว่าไม่อยากให้ถามเยอะหรือรู้มาก เพราะจะทำให้เกิดความวุ่นวาย ควบคุมคนยาก เหตุการณ์นั้นเหมือนเชือดไก่ให้ลิงดู หลังโดนทำร้ายก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก เพื่อนคนอื่นที่เห็นเหตุการณ์ก็ไม่มีใครกล้าถามอะไรขณะที่สำนักข่าวยอนฮัพของเกาหลีใต้ รายงานเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ว่า หลังจากที่ทีมเฉพาะกิจของรัฐบาลเกาหลีใต้ นำโดย น.ส.คิม จินา รมช.ต่างประเทศเกาหลีใต้ เดินทางมากัมพูชาเมื่อวันที่ 15 ต.ค. ตรงเข้าหารือกับรัฐบาลกัมพูชาเรื่องสถานการณ์แก๊งอาชญากรรมและสแกมเมอร์ออนไลน์ที่หลอกลวงชาวเกาหลีใต้มาทำงานในกัมพูชาและมีนักศึกษาเกาหลีใต้วัย 22 ปีที่ถูกลวงมาเป็นแก๊งคอลฯ กลายเป็นศพเมื่อเดือน ส.ค.ในสภาพถูกทรมานอย่างรุนแรง ต่อมาชาวเกาหลีใต้ 2 คนที่เกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์และถูกกัมพูชาควบคุมตัวเดินทางกลับประเทศแล้ว ขณะที่ชาวเกาหลีใต้อีก 60 คน ที่ถูกควบคุมตัวถูกส่งกลับในวันต่อมา ส่วนชาวเกาหลีใต้ 80 คน ที่สูญหายในกัมพูชาขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรมด้านนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อกรณีพลเมืองเกาหลีใต้ถูกแก๊งสแกมเมอร์ทรมานจนเสียชีวิตและให้คำมั่นกับทางการเกาหลีใต้ว่า จะร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อปกป้องพลเมืองเกาหลีใต้ในกัมพูชาต่อไป ส่วนนายอี แจ-มยอง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มีคำสั่งฉุกเฉินให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติไล่ลบโฆษณาออนไลน์ทั้งหมดที่หลอกลวงชาวเกาหลีใต้ให้ไปทำงานที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะในกัมพูชาเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อนด้านสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาวันเดียวกัน กองทัพภาคที่ 1 โดยกองกำลังบูรพาร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจที่ 12 และกองพันทหารช่างที่ 2 (ช.พัน.2) จัดกำลังร่วมกับหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม 1 (นปท.1) เข้าสำรวจเตรียมเก็บกู้ทุ่นระเบิด ในพื้นที่บ้านหนองจานอ.โคกสูง จ.สระแก้ว ตั้งแต่ตอนสายวันที่ 17 ต.ค. การปฏิบัติการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังหน่วยข่าวกรองและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ตรวจพบว่า บริเวณดังกล่าวเคยเป็นพื้นที่ต้องสงสัยว่ามีการฝังทุ่นระเบิดดักรถถัง (Anti-Tank Mine) ชนิด Type 59 เป็นวัตถุระเบิดที่มีอานุภาพทำลายสูง อาจเป็นอันตรายต่อประชาชนในพื้นที่หากเกิดสัมผัสหรือกระทบโดยไม่ตั้งใจ เจ้าหน้าที่จึงกำหนดขอบเขตพื้นที่อันตรายต้องสงสัยเพื่อความปลอดภัย พร้อมวางแผนการเก็บกู้และเคลียร์พื้นที่ในขั้นต่อไป โดยใช้ขั้นตอนตามมาตรฐานสากลของการปฏิบัติการด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม การดำเนินงานครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของกองทัพภาคที่ 1 และกองกำลังบูรพาในการสร้างความมั่นคงปลอดภัยบริเวณชายแดนไทยนอกจากนี้ หลังจากทหารไทยได้รื้อบ้าน 3 หลังของฝ่ายกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองรีต.ชำราก อ.เมืองตราด พร้อมผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่อธิปไตยไทยและมีข้อตกลงกันว่าจะไม่มีใครมาอยู่อีก ปรากฏว่าจากการตรวจสอบโดยใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) บินสำรวจในพื้นที่ดังกล่าว พบทหารกัมพูชากลับเข้ามาในพื้นที่บ้าน 3 หลังอีกครั้ง หน่วย ฉก.นย.ตราด จึงตัดสินใจเปิดเส้นทางขึ้นไปยังบ้าน 3 หลังระยะทางกว่า 4 กม. ระหว่างทางต้องฝ่าทุ่นระเบิดจำนวนมาก (ทุ่นระเบิดเก่าสมัยสงครามเขมรแดง) และเมื่อเจอทุ่นระเบิดได้ทำลายทิ้งทันที เพื่อความปลอดภัยของกำลังพลและตั้งฐานทหาร เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เมื่อทหารไทยเปิดเส้นทางใกล้ถึงบ้าน 3 หลัง ปรากฏว่า ทหารกัมพูชาทำหนังสือประท้วงไทยอ้างว่าละเมิดข้อตกลงหยุดยิงจึงยังไม่สามารถเข้ายึดพื้นที่บ้าน 3 หลังได้ การประท้วงของกัมพูชาเป็นการประท้วงครั้งแรกที่อ้างว่าไทยละเมิดข้อตกลง ขณะที่ฝ่ายไทยประท้วงหลายร้อยครั้งกลับไม่ได้รับความร่วมมือจากฝ่ายกัมพูชาแต่อย่างใดช่วงเย็นวันที่ 17 ต.ค.กลุ่มคณะรถเครื่องเสียงกลางแจ้งจากหลายจังหวัด เดินทางเข้ามาที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว รวม 4 คัน ร่วมกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในชื่อ “รถแห่ลำโพงไทย” นายศักดิ์สิทธิ์ เสงี่ยมศรี อายุ 70 ปี หนึ่งในเจ้าของเครื่องเสียงกลางแจ้ง เผยว่า ตนและเพื่อนเจ้าของรถเครื่องเสียงเดินทางมาร่วมกับ “กำนันยุ่ง” จัดกิจกรรมประชันเครื่องเสียงลักษณะเดียวกับเทศกาลที่เคยจัดในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ การมารวมตัวกันครั้งนี้เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในการทวงคืนแผ่นดินไทยที่ถูกกัมพูชารุกล้ำ เครื่องเสียงกลางแจ้งแต่ละคันเป็นระบบ “ลำโพงฮอล” มีจำนวนลำโพง 70-96 ปาก มีกำลังขับกระจายเสียงแบบทิศทางเดียวคล้ายไฟฉาย สามารถส่งเสียงได้ไกลถึง 30 กม. หากรวมตัวเปิดพร้อมกัน 10 คัน จะรวมลำโพงกว่า 400 ปาก เสียงจะดังพุ่งไกลอย่างมหาศาล กิจกรรมนี้ทำในพื้นที่ฝั่งไทยไม่มีเจตนาสร้างความวุ่นวายแค่อยากสร้างสีสันให้พื้นที่ชายแดนคึกคักขึ้นและเพื่อทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่แนวหน้าได้ผ่อนคลายอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่