มติ ครม.ยกเลิกได้เลย ไม่ต้องรอประชามติ นายนพดล อินนา ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 เพื่อแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา วุฒิสภา (กมธ.) พลิกมุมคิดที่ถูกตั้งคำถามถึงยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตั้งแท่นยกเลิก MOU 44แต่รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล กำลังปูทางทำประชามติยกเลิก MOU 2 ฉบับ หรือไม่ ประเด็นนี้นายกฯระบุทำนองว่าถ้าได้ข้อมูลครบถ้วน ทั้งข้อดี ข้อเสีย โดยรอผลการศึกษาของ กมธ.ก่อน กมธ.ก็คิดว่าสามารถทำตามที่บอกไว้ข้างต้นได้เลย เชื่อมั่น ครม.ทุกชุดต่างก็รักประเทศไทยในส่วน กมธ.ได้เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง โดยในวันที่ 28 ต.ค. เวลา 13.00 น. เชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯในขณะนั้น ที่มีแนวคิดเสนอเข้า ครม.จะยกเลิก MOU 44 แต่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเสียก่อน จึงอยากทราบเหตุผลและข้อมูลเชิงลึกที่ได้ศึกษาจากทุกฝ่ายมาแล้วระหว่างที่ นายนพดล ให้สัมภาษณ์ อยู่ระหว่างลงพื้นที่ดูเสาหลักที่ 73 เสาหลักสุดท้ายมีนัยสำคัญที่เชื่อมโยง MOU 43 และ MOU 44 ก่อนหน้านั้นกรมแผนที่ทหารก็มาให้ข้อมูลถึง MOU 43 เป็นข้อตกลงเดินสำรวจทางบกใหม่ เพื่อเทียบปักหมุดต่างๆให้ชัดเจนขึ้น เพราะในอดีตหมุดที่ปักสูญหายไปบ้างตามกาลเวลาร้อยกว่าปีการสำรวจต้องอิงประวัติศาสตร์ แบ่งเขตระหว่างสยามกับอินโดจีนในปี ค.ศ. 1904 ตอนนั้นคือฝรั่งเศสที่ปกครองอยู่แถบนั้นทั้งหมด พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ ยังเป็นของไทย จันทบุรี ตราด เป็นของอินโดจีนต่อมาไทยจะคืน 3 จังหวัดให้อินโดจีนแลกกับจันทบุรี ตราด โดยมีข้อตกลงบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจน “พื้นที่ตั้งแต่ใต้แหลมสิงห์ลงมาถึงเกาะกูดเป็นของสยาม” หลักฐานเป็นสนธิสัญญาเกาะกูดเป็นอาณาเขตสยามตั้งแต่ปี ค.ศ. 1907 และปักเขตแดนใหม่เป็นหลักหมุดปูนในปี ค.ศ.1919-1920ก่อน MOU 43 ยุครัฐบาลนายชวน หลีกภัย ในปี 2538 เจรจากับกัมพูชาตกลงตั้งคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ระดับ รมว.กลาโหม เป็นประธานร่วมกันมีปัญหาทั้งด้านทหาร เขตแดนก็คุยกัน และคณะกรรมการระดับแม่ทัพภาค (RBC) เป็นประธานร่วมกัน มีปัญหาปฏิบัติการในพื้นที่ก็คุยกัน“หลังจากนั้นถึงเกิด MOU 43 ในนั้นข้อที่ 5 สำคัญมาก ที่ห้าม 2 ฝ่ายไปเปลี่ยนสภาพพื้นที่ในบริเวณเหล่านั้น ถ้าเปลี่ยนถือว่าเป็นการละเมิดตรงนี้ที่มีปัญหากันว่าทางนู้นละเมิดหลายครั้ง บางคนถึงขั้นบอกว่าเป็นร้อยๆครั้ง ประเทศไทยประท้วงนับร้อยครั้ง กมธ.ดูข้อมูลทั้งหมด หากไทยจะยกเลิกแต่ไม่ได้หมายว่าไทยจะยกเลิก เราหาวิธีก่อนว่าถ้าจะยกเลิกตรงนี้ก็เป็นข้อหนึ่งที่เขาละเมิดใน MOU ที่พยายามเปลี่ยนแปลงสภาพเหล่านี้ นับเป็นข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจดำเนินการต่อไปทั้งหมดทั้งปวงตั้งแต่ปี 43 ถึงวันนี้ ปักหลักปูนทั้งหมด 74 หลัก มีหลักที่ 22 ซ้อนกัน จึงมี 73 หลัก สำเร็จไปแล้ว 45 หลักที่ตกลงกันได้ทั้ง 2 ฝ่าย ยังมีอีก 29 หลักที่ยังเห็นไม่ตรงกัน”ขณะที่ MOU 44 ลากจากจุดศูนย์กลางทางทะเลว่าใครเอาพื้นที่ทางทะเลเทาไหร่ หลักหมุดสุดท้ายที่ 73 เชื่อมโดย MOU 43 ทางบกกับ MOU 44 ทางทะเล จุดนี้เป็นพื้นที่ “โนแมนแลนด์” ไม่เป็นพื้นที่ของใครพอต่างฝ่ายต่างลากในเส้นอาณาเขตทางทะเล กัมพูชาไม่ได้ลากตามมาตรฐาน “ยูเอ็นคลอส” หรือ UNCLOS อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล โดย “ลากกินมาที่เกาะกูดไป 1 ใน 3”ทั้งที่ตามยูเอ็นคลอสกำหนดชัดว่า “ถ้าประเทศไหนมีเกาะและมีคนอยู่ ถือเป็นอาณาเขตของประเทศนั้น และมีสิทธิที่จะมีพื้นที่ครอบคลุมไปอีกอย่างน้อย 12 ไมล์ทะเลที่เป็นอาณาเขตของประเทศนั้น” เมื่อเป็นเช่นนี้ต้องนับจากเกาะกูดไปอีก 12 ไมล์ทะเล มันถึงจะเป็นเกาะของไทยMOU 44 ผ่านเกาะกูดมันผิดตั้งแต่แรกแม้คนที่ทำในปี 44 ให้เหตุผลว่า ใน MOU ระบุชัดเจนว่า “ไทยไม่รับเส้นของกัมพูชา-กัมพูชาก็ไม่รับเส้นของไทย” ก็ต้องนำไปสู่การเจรจา กมธ.จึงต้องศึกษารอบด้านทุกมิติ เพื่อสรุปข้อมูลทั้งหมดที่เป็นวิทยาศาสตร์ นิติวิทยาศาสตร์ โดยไม่ใช้อารมณ์มาตัดสิน ข้อมูลที่ได้มาทั้งที่เป็น “ชั้นลับ-ลับมากที่สุด” ได้มาเกือบหมดแล้วขอย้ำ กมธ.ศึกษาข้อดี ข้อเสียยกเลิก MOU 2 ฉบับ ไม่ได้หมายความว่าไปยกเลิก แต่ถ้าจะยกเลิกมีข้อดี ข้อเสียอะไร โดยตัดสินใจทางใดทางหนึ่งบนผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก กมธ.ศึกษาไปยังไม่ถึงขั้นฟันธงวันนี้สังคมมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยกับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย เป็นหน้าที่ของ กมธ.ที่ไม่ได้ฝักใฝ่การเมือง ทำหน้าที่เป็นกลาง ต้องรวบรวมข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบ บางคนถามว่าไม่กลัวเหรอว่า “กัมพูชาจะรู้ไต๋รู้ข้อมูลของประเทศไทยหมด” ขอยืนยัน กมธ.ก็ใช้วิจารณญาณ ไม่ต้องห่วงก่อนตั้ง กมธ.ศึกษาเรื่องนี้ของสภาผู้แทนราษฎร มีการประชุมลับเหมือนกับที่ประชุมวุฒิสภาประชุมลับก่อนตั้ง กมธ. เมื่อตั้ง กมธ.ในส่วนของสภา ต้องหารือกันในแต่ละประเด็นควรประชุมลับหรือไม่ กมธ.ของวุฒิสภามีการประชุมลับในประเด็นใดบ้าง นายนพดล บอกว่า ไม่มี“ยกเว้นเอกสารลับ–ลับมาก–ลับมากที่สุดที่ทางราชการส่งมา กมธ.ไม่ถ่ายสำเนา เก็บไว้ที่ห้องประชุม กมธ.อ่านได้ในที่ประชุม แต่ห้ามถ่ายภาพออกไป”บันทึกด้วยวาจาที่ฝรั่งเศสถืออยู่ รวมถึงความละเอียดของแผนที่ บางเรื่องเปิดเผยต่อสาธารณะไม่ได้ เป็นประเด็นที่อ่อนไหว หวั่นกระทบต่อยุทธศาสตร์ดำเนินการเจรจาเรื่องดินแดน ประเด็นเหล่านี้ กมธ.จะเปิดเผยรายงานต่อที่ประชุมวุฒิสภาได้อย่างไร ถ้าไม่มีการประชุมลับ นายนพดล บอกว่า ข้อมูลที่จะพูดต้องกลั่นกรองทั้งหมด บางเรื่องเป็นความลับ เป็นผลประโยชน์ของประเทศ ทางกัมพูชาไม่ควรทราบ กมธ.ก็จะไม่พูดแต่การทำประชามติ รัฐบาลและ กกต.ต้องให้ข้อมูลรอบด้าน ทุกมิติตามกฎหมายทำประชามติ เมื่อเปิดเผยข้อมูลลับไม่ได้ ประชาชนย่อมไม่ได้ข้อมูลที่รอบด้าน นายนพดล บอกว่า กมธ.ทำเป็น 2 ส่วนส่วนแรกเป็นกระบวนการได้มาของ MOU 2 ฉบับ ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ กฎหมาย กฎ ระเบียบหรือไม่ จะชอบหรือไม่ชอบก็ว่าไป ถ้าไม่ชอบก็จะมีหนทางแล้ว ส่วนสองเป็นเนื้อหาใน MOU 2 ฉบับ ปฏิบัติได้จริงหรือไม่ เมื่อปฏิบัติแล้วเกิดประโยชน์ต่อประเทศและประชาชนอย่างไร“กมธ.มีวิธีการสื่อสารไปถึงประชาชน ประชาชนแทบตัดสินใจได้เลยว่า MOU 2 ฉบับ ควรคงอยู่หรือยกเลิกอย่างไรเป็นหน้าที่ของ กมธ.ที่ต้องไปบอกและชี้ให้ดู เพื่อเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลหรือประชาชนที่ตัดสินใจ ครม.จะดำเนินการโดยมีมติออกมา หรือมีมติทำประชามติ ขึ้นอยู่กับรัฐบาล”ทำประชามติยกเลิก MOU พร้อมเลือกตั้งเข้าทาง “ลัทธิชาตินิยม” ถึงขั้นเริ่มมีวลี “ไม่ฉีก MOU เท่ากับไม่รักชาติ ถ้าฉีก MOU เท่ากับรักชาติ” กมธ.มองอย่างไร และเมื่อฟังข้อมูล กมธ.สรุปมีแนวโน้มยกเลิกสูง อาจเป็นการยกเลิกโดย ครม. ทั้ง 2 ประเด็น นายนพดล ไม่ตอบประ เด็นนี้โดยตรง แต่ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของ กมธ.เท่านั้นกรมสนธิสัญญาฯ กระทรวงการต่างประเทศ มาชี้แจงถึง 2 รอบถึงข้อดี ข้อเสียการยกเลิก MOU 2 ฉบับ อย่างไร โดยมีการตั้งข้อสังเกตถ้ายกเลิกมีโอกาสเข้าทางกัมพูชาจะลากไทยขึ้นศาลโลก นายนพดล บอกว่า การทำ MOU หรือสนธิสัญญา ถ้าทั้ง 2 ฝ่ายเคารพซึ่งกันและกัน ก็ไม่ยากที่ตกลงกัน แต่ถ้า 2 ฝ่ายไม่เห็นด้วยการเดินหน้าก็ลำบาก ส่วนกรณีขึ้นศาลโลก กมธ.ไม่ค่อยกังวล เนื่องจากไทยไม่ยอมรับขอบเขตอำนาจศาลโลกหรือถอนตัวจากภาคีศาลโลกแต่กระทรวงการต่างประเทศหวั่นใจไม่ใช่แค่กัมพูชานำไปสู่ศาลโลก อาจไปที่ยูเอ็น ที่จะดึง “มือที่สาม บุคคลที่สาม เป็นพหุภาคี” เข้ามาช่วยตัดสินปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชา แต่ประเด็นนี้ในขณะที่มี MOU แม้นมีประเทศอื่นอยากเข้ามายุ่ง ก็เคยยุ่งมาแล้วแต่ยังประเด็นอยู่ที่ MOU 2 ฉบับ เป็นสนธิสัญญา จะยกเลิกต้องมีกติกา “ยกเลิกฝ่ายเดียวอาจมีปัญหานิดหนึ่ง ยกเว้นมีการละเมิดข้อตกลงอย่างรุนแรง” จึงมีสิทธิบอกเลิกได้ ต้องไปดูว่ากัมพูชาละเมิดไทยกี่ครั้ง อย่างไร ไทยประท้วงไปกี่ครั้ง กัมพูชาแก้ไขหรือไม่ต้องไปรวบรวมมา ถ้าไทยจำเป็นก็ต้องยกเลิก MOU.ทีมการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม