สภาล่มซ้ำซาก จากกรณีล่าสุด สส.ผู้ทรงเกียรติ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด ที่คณะ กมธ.วิสามัญฯ ซึ่งมีนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม อดีต สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน กมธ.พิจารณาเสร็จแล้ว มีเนื้อหาเกือบ 300 มาตรา ทว่าการทำคลอดกฎหมายแก้ฝุ่นพิษ ต้องค้างเติ่งจากความสันหลังยาวเรื่องสุขภาพประชาชน เป็นหมุด หมายสำคัญที่ผู้แทนฯต้องคำนึงถึง หลายสถิติบ่งชี้เรื่องฝุ่นต้องเร่งแก้ไข เช่น ข้อมูลจากเว็บไซต์หลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย เผยแพร่บทความ ที่รวบรวมข้อมูล จากกรมควบคุมมลพิษ และ TDRI รวบรวม จากนายวิษณุ อรรถวานิช และ ASEAN Specialised Meteorological Centreร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด แก้ไขวิกฤติฝุ่น PM2.5 ไทยได้จริงหรือ? คำถามตัวโตตั้งเป็นชื่อบทความนี้ เนื้อหาสรุปน่าสนใจหลายเรื่อง มีหลายเรื่องอ่านแล้วกังวลแทนคนไทย เช่น ปัญหามลพิษ ทำอายุไขคนไทยสั้นลง มีคนตายก่อนวัยอันควรกว่า 32,000 รายต่อปี ประเทศจึงต้องการกฎหมายเฉพาะแก้ปัญหาได้จริง และยั่งยืนไทยเผชิญฝุ่นมรณะกว่าทศวรรษ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคเหนือ ค่าฝุ่นทะลุมาตรฐาน ระยะยาวเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง ปอดอุดกั้น มะเร็งปอด และระดับมลพิษทางอากาศเกินมาตรฐานหลายจังหวัด จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพิ่มโรงงานอุตสาห กรรม การเผาในภาคเกษตรและพื้นที่ป่าบทความชี้ให้เห็นความหวัง จากร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาด ซึ่งถูกพัฒนาตั้งแต่ปี 2563 มีการกำหนดคณะกรรมการหลายชุด ขับเคลื่อนนโยบาย บริหารจัดการเชิงพื้นที่ มีการพัฒนาระบบการบริหารจัดการ เช่น มาตรฐานคุณภาพอากาศสะอาด ระบบฐานข้อมูลคุณภาพอากาศแห่งชาติ และระบบเฝ้าระวังคุณภาพอากาศ เป็นต้นแต่ความหวังต้องสะดุด น่าตำหนิอย่างยิ่งเมื่อเห็นข้อมูลที่นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ พรรค ปชน. เผยควันหลงเหตุสภาล่ม ว่า สส.พรรคเพื่อไทยในฐานะผู้เสนอกฎหมายเอง มาร่วมลงมติ แค่เพียง 27% ขณะที่ สส.พรรค ปชน.ร่วมลงมติถึง 90% ตามมาด้วย พรรคแกนนำรัฐบาล อย่างภูมิใจไทยมาร่วมลงมติ 80%เหมือนเอาชีวิตคนไทยเป็นตัวประกัน มีการโยนกลอง หาแพะเรื่องความรับผิดชอบการรักษาองค์ประชุมสภา พูดไปก็เสียเวลา ฟังไม่ขึ้น เพราะสถิติมันฟ้อง ดังนั้นควรหยุดเล่นเกมการเมืองบนสุขภาพของประชาชน ไม่เช่นนั้นบาปกรรมอาจจะตามติดพรรคการเมืองที่เป็นสารตั้งต้นความล่าช้า ระวังประชาชนจะลงโทษผ่านคูหาเลือกตั้ง.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม