ประเด็น การปิด–เปิดด่านชายแดนที่กำลังเป็นประเด็นร้อนระหว่างกองทัพกับกลาโหม ละเอียดอ่อนมากถึงมากที่สุด กองทัพที่ต้องสูญเสียกำลังพลในการปะทะกับทหารกัมพูชา ภายใต้ความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 ย่อมไม่เห็นด้วยที่จะยอมเปิดง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่ความรับผิดชอบของภาค 1 หรือภาค 2 เพราะถือว่าเป็นภาพรวมในการแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา และเป็นเรื่องอธิปไตยของประเทศยิ่งมีข่าวว่า มีแรงกดดันจาก ประเทศที่สาม ที่ต้องการให้เปิดด่านเพื่อการค้ากับกัมพูชา เท่ากับว่าเราต้องเอาอธิปไตยของประเทศไปต่อรองกับผลประโยชน์ของชาติอื่น แม้ฝ่ายที่เห็นว่าควรผ่อนปรนให้มีการเปิดด่านเพื่อระบายสินค้าไม่ให้มีการตกค้าง และเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจก็ตาม แต่เราควรให้ความสำคัญกับความมั่นคงและอธิปไตยของประเทศต้องมาก่อนหรือไม่รัฐบาล นายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล ยืนยันเบื้องต้นไปแล้วว่าไม่เห็นด้วยกับการเปิดด่าน ความคลุมเครือจึงอยู่ที่คณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ที่มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เป็น ประธานได้ทำข้อตกลงเอาไว้อย่างไรบ้างการเมืองภายในที่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่ คือ การทำประชามติ แก้ไขรัฐธรรมนูญ โดย 3 พรรคใหญ่ ได้แก่ พรรคประชาชน พรรค ภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย เห็นตรงกันว่า ควรเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวดที่ 15 ว่าด้วยการตั้ง ส.ส.ร.ในการยกร่างรัฐธรรมนูญก่อน การทำประชามติ 2 ครั้ง โดยรวมเอาครั้งที่ 1-2 ทำพร้อมกัน และหลังจากแก้ไขเสร็จไปทำครั้งที่ 3 อีกครั้งจะเอาให้ทันสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า ที่คาดว่าจะทำประชามติไปพร้อมกับการลงคะแนนเลือกตั้ง สส.พอดี จะพูดว่าง่ายก็ง่ายจะพูดว่ายากก็ยากเพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่เคยสำเร็จมาก่อนมักจะมีอันเป็นไปก่อนทุกครั้ง นอกจากจะฉีกรัฐธรรมนูญแล้ว ยกร่างกันใหม่กรณีของ อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร เมื่อเจ้าตัวยอมรับ โทษตามคำพิพากษาของศาลถูกคุมขังในเรือนจำแล้ว เรื่องก็น่าจะยุติลงเพียงแค่นี้ ขั้นตอนต่อไปเป็นเรื่องของระเบียบกรมราชทัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นการลดโทษหรือขอพระราชทานอภัยโทษที่กำหนดเอาไว้ชัดเจน มาตรฐานเป็นอย่างไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น ทั้งฝ่ายร้องและฝ่ายถูกร้องต้องยอมรับกติกา ถ้าจะจองเวรจองกรรมกันไม่เลิก บ้านเมืองจะไม่สงบสุขแต่ละพรรคการเมือง ถึงเวลาที่ต้องเตรียมตัวสู่สนามเลือกตั้ง ในไม่ช้านี้ พรรคประชาธิปัตย์ เริ่มจะเห็นแสงสว่างหลังจาก เฉลิมชัย ศรีอ่อน ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เฉลิมชัยเองก็คงตาสว่าง จะพี่มาร์ค พี่โย่ง หรือพี่ชวน ประชาธิปัตย์ก็ยังพอจะมีตัวเลือกหลากหลาย ส่วน พรรคเพื่อไทย มีบ้าน หลังใหญ่โตแต่กลับไม่ค่อยมีตัวเลือก แม้แต่พรรคส้ม เองตัวเลือกก็มีขีดจำกัด จะสร้างผู้นำคนรุ่นใหม่ก็โตไม่ทันประเทศไทยกำลังขาดแคลนผู้นำที่เกิดจากความพ่ายแพ้ในนิติสงคราม.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th คลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม