“อนุทิน” ลั่นยังไม่เปิดด่านไทย-กัมพูชา ขอฟังเสียงประชาชน ความปลอดภัยและผลประโยชน์ของประเทศต้องมาก่อน ย้ำชัดเป็นนายกฯของไทย จะไม่ยอมให้เสียเปรียบกัมพูชา ด้าน “สีหศักดิ์” ว่าที่ รมว.กต. ยันการเปิดด่านต้องรอดูท่าทีกัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงจากประชุม GBC ด้วยความจริงใจ ขณะที่กองทัพภาค 2 ตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชา ในบางพื้นที่ รวมถึงพบโดรนพื้นที่แนวชายแดน 4 ครั้ง รวม 12 ลำ สามารถตัดการควบคุมสัญญาณได้ 6 ลำยังเป็นประเด็นร้อนแรงกับกรณีไทยถูกประเทศที่สามกดดันให้เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังไม่คลี่คลาย ส่งผล ให้ประชาชนหลายภาคส่วนประสานเสียงคัดค้าน ยังไม่อยากให้เปิดด่านในตอนนี้ ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 13 ก.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่พรรคภูมิใจไทย ถึงกรณีดังกล่าวว่า เรายังไม่เปิด เรารอฟังเสียงประชาชนอยู่แล้ว คำว่าเปิดด่านต้องทำข้อตกลงต่างๆมากมาย ทั้งการเจรจา และการทหาร ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยก่อน จะต้องไม่มีการยิงกัน หรือมีอาวุธมาจ่อกัน กว่าเราจะไปถึงจุดนั้นยังอีกไกล แต่เราต้องไปถึงจุดนั้น จะให้ทะเลาะกับเพื่อนบ้านชั่วกัลปาวสานคงเป็นไปไม่ได้ ต้องใช้ทั้งศาสตร์ทั้งศิลป์ การพูด การทหาร การผ่อนคลาย และการกดดันต่างๆส่วนโอกาสที่จะได้พบปะกับนายฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชานั้น นายอนุทินกล่าวว่า การเจอกันไม่ได้หมายความว่าต้องยอมกันหรือไม่ เพราะการเจอกัน อาจทำให้บรรยากาศหลายอย่างหรือสิ่งที่พูดแล้วไม่เข้าใจกัน หาข้อสรุปบางอย่างได้ แต่สิ่งสำคัญคือ เราจะไม่ยอมให้ประเทศไทยเสียเปรียบในความเป็นนายกฯของไทย เรื่องเสียดินแดนไม่ต้องมาพูดกับตนอยู่แล้ว เรื่องที่จะทำให้คนไทยเป็นอันตราย ก็จะไม่ให้เกิดขึ้น เป็นนายกฯประเทศไทย ไม่ใช่นายกฯประเทศอื่น เพราะฉะนั้นต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทย ของคนไทยเป็นประเด็นหลักอยู่แล้ว และจะใช้อำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างเต็มที่ ตามขอบเขตอำนาจที่มี แต่จะใช้ได้ขนาดไหนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ขณะที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ว่าที่ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้ถึงเรื่องการเปิดด่านว่า ส่วนตัวคิดว่าต้องดูผลของการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ปฏิบัติหน้าที่ รมว.กลาโหม ไปร่วมประชุมมาก่อน แต่ทั่วไปผลการประชุมออกมาดี อยู่ที่การปฏิบัติ ต้องดูว่ากัมพูชาจะปฏิบัติตามหรือไม่ ที่สำคัญคือความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ การประชุมคราวนี้ดูทุกอย่างเขาโอเค ต้องดูในทางปฏิบัติอีกที และหวังว่ากัมพูชาจะตอบรับผลการประชุมด้วยดีเพราะความจริงใจเป็นเรื่องสำคัญส่วนบรรยากาศที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ตลอดทั้งวันที่ 13 ก.ย. มีฝนโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อประชาชนที่ต่างพากันเดินทางเข้ามา เพื่อร่วมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน บ้านหนองจาน สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือ “สัญลักษณ์ของธงชาติไทย” ที่ปรากฏอยู่ทั่วทุกมุมของพื้นที่ ทั้งในรูปแบบหมวก ริบบิ้น และของที่ระลึก หลากหลายชนิด ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ จนทำให้บ้านหนองจานเต็มไปด้วยสีแดง ขาว น้ำเงิน สร้างบรรยากาศที่สวยงาม และเต็มไปด้วยความหมายเชิงสัญลักษณ์ของความรักชาติ ในอีกมุมหนึ่งกลุ่มชาวบ้านบางส่วนยังได้แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการนำภาพของฮุน เซน อดีตผู้นำกัมพูชา มาแขวนไว้ที่เอว พร้อมกล่าวเชิงล้อเลียนว่า “อยากเปิดด่านไหม” เพื่อสื่อถึงการยืนยันว่า “จะไม่เปิดด่านอย่างแน่นอน” การกระทำดังกล่าวสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแก่ผู้พบเห็นขณะที่การสร้างบังเกอร์เพื่อใช้เป็นแนวป้องกันและเฝ้าระวังสถานการณ์ความมั่นคง ที่เกิดจากความร่วมแรงร่วมใจของหลายฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร และประชาชนในพื้นที่ คืบหน้ากว่า 99 เปอร์เซ็นต์ นอกจากบังเกอร์บ้านหนองจานแล้ว ปัจจุบันยังมีการสร้างบังเกอร์อีกหนึ่งจุดที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทหารสามารถยึดคืนได้เช่นกัน โดยทั้งสองจุดมีความแข็งแรง ปลอดภัย และพร้อมใช้งานเต็มรูปแบบนอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดตลอดแนวกว่า 200 เมตร สามารถซูมภาพได้ละเอียดแม้ในเวลากลางคืน โดยเป็นภาพสี เห็นใบหน้าและการเคลื่อนไหวของผู้บุกรุกได้อย่างชัดเจน และเพื่อเพิ่มศักยภาพในการเฝ้าตรวจ ในวันเดียวกันนี้ มีการนำโดรนติดกล้องตรวจการณ์กลางคืนเข้ามาเสริมกำลัง เพื่อช่วยสอดส่องจากมุมสูงในพื้นที่ที่กล้องวงจรปิดไม่สามารถครอบคลุมได้ เช่น แนวป่าอ้อยหรือพื้นที่รกทึบ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ผู้ลักลอบมักใช้แทรกซึมเข้ามา การใช้โดรนจึงช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนได้อย่างแม่นยำมากขึ้นวันเดียวกันที่ห้องประชุมเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี ต.บ้านพลวง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เวลา 11.00 น. พลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก/ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก เดินทางไปติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีพลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พลตรี วีรยุทธ รักศิลป์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 พลตรีสมภพ ภารเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี และพันเอกภาคภูมิ นภากาศ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 2 ให้การต้อนรับจากนั้นพลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ได้พบปะพูดคุยให้กำลังใจผู้บังคับหน่วยระดับกองพันของหน่วยที่ปฏิบัติราชการสนามในพื้นที่ชายแดน พร้อมกล่าวขอบคุณกำลังพลทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง เสียสละ และอดทนอย่างเต็มขีดความสามารถ ทั้งในช่วงที่ผ่านมาและปัจจุบัน การมาพบปะผู้บังคับหน่วยระดับกองพันในครั้งนี้ ถือเป็นการนำความห่วงใยของกำลังพลกองทัพบกจากส่วนกลาง และหน่วยขึ้นตรงมามอบให้กับกำลังพลแนวหน้า โดยขอให้ผู้บังคับหน่วยสำรวจและดำรงความพร้อมของหน่วยตามแผนปฏิบัติของกองทัพบก เพื่อให้สามารถรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปต่อมาศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 13 ก.ย. ณ เวลา 14.00 น. สถานการณ์โดยรวม ยังตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชาในบางพื้นที่ ตรวจพบโดรนบริเวณพื้นที่แนวชายแดน จำนวน 4 ครั้ง รวม 12 ลำ สามารถตัดการควบคุมสัญญาณได้ 6 ลำ ปัจจุบันกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง ฝ่ายไทยจัดกำลังพลประจำจุดเฝ้าตรวจตามเหตุการณ์ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม และเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตอบโต้ตามสถานการณ์อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่