ไม่รอดคุก 1 ปี... ฉ้อฉล ไม่สุจริต ก็ลงเอยแบบนี้แหละ ศาลมีคำพิพากษาให้ “ทักษิณ ชินวัตร” ต้องกลับไปติดคุก 1 ปี เนื่องจากกระบวนการดำเนินคดีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์คือการไม่ยอมติดคุก แต่ใช้วิธีการซิกแซ็กให้หมอวินิจฉัยว่า “ป่วยขั้นวิกฤติ” เพื่อนำตัวไปรักษาที่ รพ.ตำรวจ โดยไม่ได้ให้แพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ตรวจแม้แต่น้อยพูดง่ายๆจะไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียวเพราะเมื่อนำตัวไปเรือนจำยังไม่ทันได้นอนก็ถูกนำตัวออกมารักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ และอยู่ที่นั่นยาวจนได้รับการพักโทษคือไม่ได้อยู่ในคุกตามคำสั่งของศาลโดยมีเจ้าหน้าที่เรือนจำ หมอ และตัวเขาเองที่วางแผนอย่างแยบยลแต่เนื่องจากได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้หลายอย่างระหว่างอยู่ที่ รพ.ตำรวจจนถูกจับได้คาหนังคาเขาและมีการสอบสวนทวนความที่สุดก็พบความจริงแพทยสภาได้สอบพบว่า หมอที่ทำการวินิจฉัยได้ช่วยเหลือและมีมติให้ลงโทษจำนวน 3 คน จนเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ดิ้นไม่หลุด!เรื่องนี้ต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะจบได้ ก็เพราะหน่วยงานไม่ให้ความร่วมมือ โยนกันไปโยนกันมากระทรวงยุติธรรมที่รับผิดชอบนั้นตัวแสบที่สุดสุดท้ายก็ไม่รอดจะได้รู้รสชาติการอยู่ในเรือนจำนั้นเป็นอย่างไร หลังจากที่รอดบ่วงมาหลายครั้ง แม้กระทั่งการหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศถึง 17 ปีก็ยอมวันดีคืนดีอยากจะกลับก็หาช่องทางเปิดดีลกับบุคคลสำคัญจนได้กลับมาอย่างสบายๆ แต่ก็ยังไม่วายที่จะใช้วิชา “มาร”แต่ก็ไม่รอด...ก่อนจะถึงวันศาลจะตัดสินได้เดินทางไปต่างประเทศแบบมีลับลมคมใน เบื้องต้นบอกว่าจะไปสิงคโปร์แล้วก็เลยเบนเข็มไปดูไบใครก็คิดว่าไม่กลับแล้วหนีแน่ๆแต่ไม่หนีมาตามนัดไปฟังคำพิพากษาด้วยตนเองคงคิดว่ารอดแน่ เพราะท่าทางดูไม่วิตกกังวลแม้แต่น้อยแต่คนใกล้ชิดเผยว่า “เจ้าตัว” บอกว่าติดคุกก็ยอมก็ฟังๆเอาไว้เพราะคนเจ้าเล่ห์นั้นพูดอะไรก็ได้แต่เหตุผลหลักน่าจะอยู่ที่ลูกสาวซึ่งเพิ่งต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสดๆร้อนๆยังมีคดีติดตัวอีกหลายคดีจึงจำเป็นต้องอยู่ในเมืองไทยเพื่อดูแลช่วยเหลือแม้จะ “ติดคุก” ก็ตามอีกทั้งพรรค “เพื่อไทย” กำลังเกิดปัญหามีความระส่ำระสายเพราะเกิดภาวะตกต่ำสุดขีดเลือดไหลออกเป็นชุดหากทิ้งไปอยู่ต่างประเทศอาจถึงขั้นสูญพันธุ์ได้และมั่นใจว่าถ้าอยู่เมืองไทยฐานะแบบไหนก็ตามจะทำให้ลูกพรรคเกิดความมั่นใจและไม่หนีไปไหน สามารถที่จะสู้ทางการเมืองต่อไปได้นั่นเป็นเรื่องที่เขาคิดและยอมติดคุกแต่ก็ต้องดูต่อไปว่าการเข้าคุกครั้งนี้จะมีกลเม็ดเด็ดพรายอะไรอีกหรือเปล่า?ทว่าถ้ายังไม่เข็ดก็ลองดูก็แล้วกัน!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม