ครม.เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในวงเงิน 3,780,600 ล้านบาท เป็นงบประมาณแบบขาดดุลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องพึ่งเงินรายได้จากการกู้ยืม เนื่องจากรายรับกับรายจ่ายไม่สมดุลกันและมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นดินพอกหางหมูทุกปี ส่วนใหญ่เป็นการนำมาใช้จ่ายเป็นรายจ่ายประจำในภาครัฐ วินัยทางการเงินการคลัง งบประมาณรายจ่ายประจำปี เสี่ยงอยู่ในเกณฑ์อันตรายทั้งการชำระหนี้สาธารณะ เพดานการกู้ยืมเงินและสภาพหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จากภาคครัวเรือน ที่ผ่านมารัฐบาลมีการโยกงบประมาณในการชำระหนี้ที่กำหนดเอาไว้ชัดเจนไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตและอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช.ว่าเข้าข่ายมีการกระทำที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ ม.144 หรือไม่ถ้าใช่จะเป็นสึนามิทางการเมืองที่จะกวาดกระดานการเมืองไทยให้ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทันทีส่วนการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระ 2-3 ในสภาที่จะเสร็จสิ้นในวันที่ 15 ส.ค.นี้ คงไม่มีปัญหาอะไรยกเว้นการเมืองจะล้มกระดานกันแบบไม่ให้ตั้งตัว ด้วยเสียงปริ่มน้ำของรัฐบาลในขณะนี้ ถ้าจะคว่ำกระดานกันจริงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับการเมืองไทย เพียงแต่ฝ่ายค้านก็ต้องชั่งน้ำหนักว่า ล้มรัฐบาลชุดนี้ อะไรจะได้หรือเสียมากกว่ากัน เพราะใครขึ้นมาเป็นรัฐบาลตอนนี้ ไม่ต่างจากการเข็นครกขึ้นภูเขาอันที่จริงจะว่าไปแล้ว งบประมาณที่จะต้องจัดสรรให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศในยามภาวะสงคราม กับการใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงของสงครามการค้าโลกเป็นอะไรที่ยากเย็นสำหรับการวางแผนการใช้จ่ายในอนาคต ที่ต้องใช้วิสัยทัศน์ที่แม่นยำ ไม่ใช่แค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ใช่แค่การเยียวยาแล้วจบ แต่ต้องมองกันยาวเป็นปีๆ เช่นงบประมาณการซื้ออาวุธ เครื่องบินรบ ถามว่าจำเป็นไหม มีความจำเป็นแน่นอน แต่ต้องตีโจทย์ให้แตกว่า เราจะพัฒนาศักยภาพของกำลังรบและยุทโธปกรณ์ไปในทิศทางไหน ทั่วโลกเขาพัฒนากันไปแค่ไหน ไม่ใช่กลายเป็นการ เปิดช่องให้มีการสวมรอย ในการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์กันแบบไม่ลืมหูลืมตา เช่น การขยายเวลาในการจัดซื้อเครื่องดำน้ำจีน เครื่องยนต์จีน ที่คาราคาซังกันมาหลายรัฐบาล มาสบช่องเอาตอนนี้แหละเรามีความจำเป็นต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สร้างถนน สร้างอาคาร สร้างรถไฟฟ้ามากน้อยแค่ไหน ถ้าสร้างไปแล้ว มีการใช้ประโยชน์ไม่คุ้มค่าจะต้องรีบสร้างในยามหน้าสิ่วหน้าขวานหรือไม่ อย่าลืมว่า โครงการเหล่านี้ หรือการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ก็ดี เป็นงบผูกพัน ที่ก่อหนี้อนาคตเอาไว้บานตะไท เราไม่ได้เป็นประเทศที่ร่ำรวย แต่ประเทศไทยกำลังติดกับดักเศรษฐกิจและความมั่นคง ที่มีแต่ทางตันทุกช่องทางยามนี้รัฐบาลกลับลืมเลือนพระราชดำรัสความพอเพียง ในอนาคตอะไรก็เกิดขึ้นได้ ใครจะรู้ว่าจะไม่เกิดสงคราม ใครจะรู้ว่าไม่มีภัยธรรมชาติ ที่อาจจะทำให้ตึกถล่มเช่นเดียวกับตึก สตง.ที่ทำให้งบ 2 พันกว่าล้านเป็นซากอิฐซากปูนในพริบตาและที่รัฐลืมเลือนคือความสุขของประชาชนและการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของประเทศถึงจะไม่มีเงินทอนแต่จะสร้างความมั่นคงของประเทศให้ยั่งยืนตลอดไป.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม