การประชุมคณะกรรมการทั่วไปชายแดนที่เรียกกันว่า GBC : General Border Committee ระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเปลี่ยนสถานที่ประชุมไปยังกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ 4-7 ส.ค.นี้ หลังจากหยุดยิงกันยกแรกจากข้อพิพาทชายแดนตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.68น่ะมีเรื่องสำคัญที่คนไทยและต่างชาติโดยเฉพาะชาติเจ้ากี้เจ้าการให้ไทยหยุดวิวาทกับเขมร ทั้งมาเลเซีย สหรัฐฯ หรือจีน รวมถึงคนไทยต้องรู้ความจริง และต้องร่วมกันแก้ปัญหาให้ไทยไม่ถูกละเมิดอธิปไตยอีก ไม่ใช่แค่หวังดีแต่ปากพล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ อดีตแม่ทัพภาค 2 และ อดีต ผบ.กองกำลังสุรนารี ออกมาเปิดเผยเรื่องราวของขบวนการเชิญชวนศัตรูเข้าบ้านด้วยการปล่อยให้เขมรรุกล้ำดินแดนไทยเข้ามายึดพื้นที่ชายแดนไทย 11 จุดตั้งแต่จังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี และบุรีรัมย์ ซึ่งได้กลายเป็นต้นเหตุทำให้เกิดการสู้รบกันเพราะเขมรเหิมเกริมและย่ามใจถึงขั้นเข้ามาขุดสนามเพาะ และวางทุ่นระเบิดสังหารในฝั่งไทยทำให้มีพลเรือนไทย รวมถึงทหารเสียชีวิตและบาดเจ็บกันเป็นจำนวนมากอดีตแม่ทัพภาค 2 เผยว่า เขมรได้รุกคืบเข้ามาตั้งแต่ปี 2551 กระทั่งมีการสร้างอนุสรณ์สถานเป็นสัญลักษณ์ ชักธงเขมรในเขตแดนไทย และปล่อยให้คนเขมรเข้ามาสร้างบ้านแปงเมืองเสมือนแลกผลประโยชน์อะไรกันบางอย่าง“ทหารเราร้องเรียนเป็นร้อยครั้งแต่ก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ ซ้ำยังบังคับว่าอย่ายิง ให้เขายิงก่อน ถ้าเขาใช้ปืนเล็ก เราก็ใช้ปืนเล็ก ถ้าเขาใช้ปืนใหญ่ เราค่อยใช้ปืนใหญ่ แต่ปรากฏเขาเดินเข้ามาขยับมาเรื่อยๆ เราห้ามแล้วแต่เขายังเดินเข้ามา...มีข่าวมาตลอดว่าเขาเข้ามาที่ช่องอานม้า ภูมะเขือ และพื้นที่อื่นๆ ตอนผมอยู่มาขอเปิดบ่อน ผมไม่อนุญาตเพราะคนไทยไปเล่น แต่ตอนนี้เปิดบ่อนกันไปทั่ว แต่เวลานี้ทหารไทยก็เอาคืนมาได้แล้ว 11 จุด”พล.ท.กนกเล่าด้วยว่า ในวันที่ตัวแทนรัฐบาลเดินทางไปทำข้อตกลงหยุดยิงที่มาเลเซีย ปกติต้องหารือกับกองทัพก่อนว่า จะหยุดยิงกันกี่โมงและอันที่จริงฝ่ายไทยควรเป็นคนเสนอ ไม่ใช่ปล่อยให้ฮุน มาเนต เป็นฝ่ายเสนอต้องให้เวลาเราที่จะเอาพื้นที่ที่เขมรรุกล้ำเข้ามา กลับคืนมาให้หมด...น่าเสียดายที่เวลาหมดเสียก่อน จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้นในจุดที่ทหารไทยเรายังยึดคืนมาไม่ได้ทั้งหมดสำคัญคือไทยควรหอบบันทึกทั้งหมดไปให้ที่ประชุมวันนั้นทราบความจริง “ผมยังสงสัยว่า ทำไมผู้นำมาเลเซียและประเทศสังเกตการณ์ ไม่ประณามผู้นำเขมรที่รุกรานไทยก่อน”พล.ท.กนกตอกย้ำว่า การเจรจา GBC ระหว่างนี้รัฐบาลไทยจะต้องคุยเรื่องนี้ให้ชัดเจนและใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 หน่วย ไม่ใช่ 1 ต่อ 200,000 หน่วย เพราะมันเป็นแผนที่ปลอมที่เขมรและขบวนการฉกฉวยผลประโยชน์ในพื้นที่ชายแดนใช้เป็นข้ออ้างยังมีเรื่องของเสาไฟฟ้า เสาโทรคมนาคม เสาสัญญาณที่รับ/ส่งกันจากที่ใดที่หนึ่งซึ่งจะต้องให้ กสทช.พิสูจน์ให้ชัดในที่มาที่ไปด้วยการบริหารชาติบ้านเมือง ต้องมีจิตใจของความรักชาติรักแผ่นดิน และหน้าที่รักษาผืนแผ่นดินไทยก็เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ไม่เช่นนั้นสักวันหนึ่งไทยเราจะแพ้เขมรหยุดหาผลประโยชน์ส่วนตัวด้วยการขายผืนแผ่นดินไทยเสียที!มิสไฟน์คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม